การยืนหยัดของดาเนียล 3/08

การยืนหยัดของดาเนียล

สวัสดีครับน้องๆ และท่านผู้อ่านทุกท่าน ก่อนอื่นผมอยากบอกว่า ผมรู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสเขียนแบ่งปันกับน้อง ๆ และได้ทำความรู้จักกับน้อง ๆ บางคนที่เขียน e-mail

และ MSN มาถึงผม ผมรู้สึกว่าบางครั้งหากเรามีปัญหาข้อข้องใจฝ่ายจิตวิญญาณ เราควรจะต้องมีคนบางคนที่เราสามารถคุยด้วยได้ มีหลายเรื่องที่เราไม่สามารถคุยกับคุณพ่อ คุณแม่ของเราได้ อย่างเช่นเรื่องเพศ หรือเรื่องแฟน หรือแม้แต่กับเพื่อนเราสามารถคุยเข้าใจได้เพียงบางเรื่องเท่านั้น  บางครั้งจึงต้องคุยกับคนที่เราไม่รู้จักแต่ก็มั่นใจในตัวคนนั้น เช่น คนเครียดต้องคุยกับหมอ…เราจะเห็นได้ว่า สมัยนี้  Hot line วัยรุ่นจึงมาแรง นั่นเป็นสิ่งที่พิสูจน์และยืนยันได้ว่า เด็กวัยรุ่นต้องการคนที่คุยด้วยได้ ต้องการระบายปัญหา และต้องการรับการแนะแนว

เอาละครับ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ตอนนี้ในชั้นรวีที่คริสตจักรเมืองไทย เรากำลังเรียนเรื่องของ ดาเนียล กำลังเรียนกันด้วยความเข้มข้น เพราะฉะนั้นผมจึงอยากแบ่งปันในสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการสอนรวีในครั้งนี้
ดาเนียล บทที่ 1 พูดถึงสถานการณ์บ้านเมืองของเยรูซาเล็มที่กำลังย่ำแย่ เพราะกษัตริย์เมืองบาบิโลน ได้ยกทัพมาตีและตีได้สำเร็จด้วย เมื่อตีเสร็จแล้วจึงคัดเอาบุคลากรที่ฉลาด แข็งแรง มีฝีมือในการทำงานไปเป็นนักโทษ ไปเป็นคนงาน ไปใช้งานในเมืองบาบิโลน ทหารบาบิโลนได้ยกเอาข้าวของต่าง ๆ ในพระวิหารกลับไปยังบาบิโลนด้วย ลองคิดดูนะครับ ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับประเทศไทยของเรา ตัวผมและท่านผู้อ่านต้องถูกต้อนไปใช้แรงงานเหมือนทาส ต้องทำงานในต่างแดน ต้องเห็นคนอื่นมาทำลายสถานที่ มาฉกฉวยเอาสิ่งของที่เรารักมาก ๆ ไปจากเราโดยที่เราต้องได้แต่นั่งมอง คงจะรู้สึกแย่ไม่น้อยเลยทีเดียวใช่ไหมครับ ดาเนียลและเพื่อนๆ ก็คงรู้สึกทั้งโกรธ เกลียด และเสียใจ เช่นเดียวกัน
ในดาเนียลบทที่  1 นี้ ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนประโยคหนึ่งว่า God Delivered” หมายถึง พระองค์ทรงยกให้หรือทรงปลดปล่อย (ไม่ใช่ delivery ส่งพิซซ่าถึงบ้านนะครับ) พระคัมภีร์เขียนชัดเจนว่า พระองค์ทรงมอบเยรูซาเล็มให้กับบาบิโลน เมื่อผมอ่านครั้งแรก ผมแทบไม่อยากเชื่อว่า พระเจ้าที่เปี่ยมไปด้วยความรักนิรันดร์จะทำอย่างนี้กับคนที่รักพระองค์ พระองค์เป็นสาเหตุให้สงครามนี้เกิดขึ้นหรือ? แล้วในชีวิตของเรา เมื่อเราสูญเสียคนที่เรารัก เอ็นทรานส์ไม่ติด เลิกกับแฟน เกิดอุบัติเหตุและมีสิ่งไม่ดีเข้ามาในชีวิต ฯลฯ พระเจ้าเป็นผู้ Deliver ให้เราหรือ??

ผมอยากจะอธิบายว่า จริงอยู่ที่พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่ง และพระองค์ทรงครอบครอง ควบคุมทุกสถานการณ์ ไม่มีอะไรที่พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้เกิดแล้วจะเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พระองค์จะไม่บังคับคือ การตัดสินใจของเรา พระองค์ทรงอนุญาตให้เราตัดสินใจเอง…มีน้องในกลุ่มอนุชนคนหนึ่งอธิบายได้ดีมากคือ เหมือนกับคุณพ่อที่อนุญาตให้ลูก ๆ ออกไปเล่นในสนามโดยรู้ว่าอาจมีอันตรายหรือโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ แต่คุณพ่อก็ได้กำชับและให้กฎเกณฑ์ในการออกไปเล่นกับลูก ๆ ไว้ ถ้าลูก ๆ เชื่อฟังคำแนะนำก็คงไม่มีปัญหา หรือการทะเลาะเบาะแว้งกัน…พระเจ้าอนุญาตให้ลูก ๆ ของพระองค์ใช้ชีวิตตามการตัดสินใจของตนเอง โดยทรงมีแนวทางวางไว้ให้แล้ว
เมื่อดาเนียลและเพื่อน ๆ ออกจากกรุงเยรูซาเล็มและเดินทางไปยังบาบิโลน พวกเขาหลายคนคงจะสงสัยพระเจ้า โกรธพระเจ้า ไม่เข้าใจพระองค์ และคงมีคริสเตียนหลายคนที่เมื่อเหตุการณ์ในชีวิตมาถึงขั้นวิกฤติ คงจะบ่นและต่อว่าพระเจ้า งอนพระองค์ ไม่ยอมคุยด้วย โดยคิดว่าทุกสิ่งเป็นแผนการของพระเจ้า แต่ในพระคำดาเนียลตอนนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้น เพราะในข้อต่อ ๆ มาพระคำได้บอกไว้ว่า พวกบาบิโลนได้ยกเอาสิ่งของในพระวิหารไปเก็บไว้ในห้องเก็บสมบัติร่วมกับเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ขณะที่คริสเตียนชาวเยรูซาเล็มจะต้องไปอยู่ในสถานที่แปลก ๆ อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก…พระธรรม เยเรมีย์ 1:8 ได้กล่าวว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า”..นั่นหมายความว่า เพื่อจะอยู่ร่วมกับคนของพระองค์ พระเจ้าทรงยอมเอาตัวของพระองค์ตามติดคริสเตียนชาวเยรูซาเล็มไปยังบาบิโลนด้วย โดยทรงยอมไปอยู่ในห้องเก็บสมบัติมืด ๆ..อย่าลืมนะครับ ไม่ว่าสถานการณ์จะลำบากหรือมืดมิดสักกี่ด้าน ขอให้ระลึกว่าพระองค์ทรงอยู่ใกล้ ๆ เรา คอยฟังเราและพระองค์ทรงเข้าใจในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา
เมื่อพวกของดาเนียลมาถึงกรุงบาบิโลน พระคัมภีร์บอกว่าพวกบาบิโลนพยายามจะเปลี่ยนทุกอย่างที่เป็นตัวของดาเนียล อย่างแรกที่พวกบาบิโลนพยายามจะเปลี่ยนคือ ความคิดของดาเนียล พยายามสอนภาษาใหม่ ๆ การศึกษาใหม่ มุมมองใหม่..อย่างที่สองคือ เขาเปลี่ยนชื่อของดาเนียลใหม่ จริง ๆ แล้ว ดาเนียล แปลว่า พระเยโฮวา (คือผู้ตัดสิน)  แต่ชื่อดาเนียลได้ถูกเปลี่ยนไปเป็น เบลเทชัสซาร์  แปลว่า พระเจ้าเบลผู้ทรงพิทักษ์…จ๊าก!! กลับจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะครับ ถ้ายังจำกันได้ ผมเคยเขียนเล่าถึงความหมายเรื่องชื่อเมื่อฉบับก่อนหน้าไว้แล้วว่า ชื่อในพระคัมภีร์เดิมนั้น จะมีความหมายถึง ความเป็นตัวของคุณเองอย่างแท้จริง เรียกว่าเป็น Identity คือไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร มีความหมายเป็นส่วนตัว..ถามว่าคุณจะรู้สึกยังไงถ้ามีเพื่อน ๆ มาเปลี่ยนเรียกชื่อคุณทุกวัน ๆ ว่า ซาตาน!!!

หลายครั้งโลกพยายามจะเปลี่ยน  Identity  ของเรา ความเป็นตัวเรา ซึ่งแท้ที่จริงควรจะวางอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่กลับนำไปวางอยู่บนสิ่งของที่เรามี ยี่ห้อที่เราใช้ และบนของภายนอกที่ไร้ค่า แต่เราต้องอย่ายอมตกอยู่ภายใต้อำนาจของโลกนะครับ ถ้าเราดูจากพระธรรมดาเนียลก็จะเห็นว่าพระคำยังคงเรียกดาเนียลว่า ดาเนียล ตั้งแต่ต้นจนจบ แสดงให้เห็นว่า ดาเนียลไม่ได้เปลี่ยนชื่อ ไม่ได้ยอมจำนนต่อแรงกดดันใด ๆ ที่เข้ามาในชีวิต
อย่างที่สามที่พวกบาบิโลนพยายามจะเปลี่ยนให้ดาเนียลก็คือ อาหารการกิน…ทำไมการเปลี่ยนอาหารการกินจึงเป็นเรื่องใหญ่ คุณและผมก็กินอาหารหน้าตาต่างกันไปแต่ละมื้ออยู่เสมอ??….คำตอบคือ ถ้าเป็นการกินอาหารที่เปลี่ยนเมนูแต่ละมื้อมันก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเราพูดถึงเรื่องของการเปลี่ยนการกินอาหารที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อนี่ซิ เรื่องใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น คนอิสลามไม่ทานหมู  คนฮินดูไม่กินเนื้อ นั่นแหละครับ เราจะไปเปลี่ยนการกินของพวกเขาไม่ได้ มันเป็นเรื่องของความเชื่อ…ดาเนียลจะไม่กินอาหารจากรูปเคารพหรือจากพระอื่น ๆ อย่างเด็ดขาด ที่จริงไม่ใช่ว่าเขากินไม่ได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่กินเพราะ…มีคำที่สำคัญมาก ๆ ที่พระคัมภีร์กล่าวไว้คือ ดาเนียล ได้ ตัดสินใจ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Resolve”  คือ การยืนหยัดบนหลักการณ์ของความเชื่อ..เป็นการตัดสินใจยืนหยัดบนหลักการณ์ของความเชื่ออย่างแน่วแน่ตลอดชีวิตของเขา..ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง

คุณและผมน่าจะมาลอง “Resolve” ตัวเองต่อพระเจ้าว่า เราจะยืนหยัด (ในขณะที่คนอื่น ๆ อาจยอมคุกเข่า) และตัดสินใจอย่างแน่วแน่กับพระองค์ เพราะเรารู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ใกล้และทรงครอบครอง ควบคุม
ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่างโดยแท้จริง.

  • อ.วาระ มีชูธน
  • ภาพ https://seedsoffaith.cph.org