ข้อหาย ข้อความหายและข้อความเปลี่ยน…แจ้งสมาคมฯ 1/15

 

ข้อหายข้อความหายและข้อความเปลี่ยน…แจ้งสมาคมฯ 

ในคอลัมน์ประจำฉบับนี้ ฝ่ายแปลขอเก็บรวบรวมคำถามของผู้อ่านพระคัมภีร์ใหม่ฉบับมาตรฐานแล้วสงสัยได้ถามมา โดยจัดแบ่งเป็นสามหมวดดังนี้คือ 1.) เกี่ยวกับข้อพระคัมภีร์ที่หายไป ยกตัวอย่างมาระโก 9:44, 46และ 2โครินธ์ 13:14  2.) เกี่ยวกับข้อความที่หายไป ยกตัวอย่าง มาระโก 9:24,29; มัทธิว 24:7และ 1ยอห์น 5:7  3.) เกี่ยวกับคำแปลเก่าที่หายไป และถูกแทนที่ด้วย คำแปลใหม่ ยกตัวอย่าง คำแปลเก่าว่า  “น้ำองุ่น” หายไปโดยถูกแทนที่ด้วยคำแปลใหม่ว่า  “เหล้า  องุ่น” ในยอห์น 2:3และที่อื่นๆ อีก 33 ที่ในพระคัมภีร์ใหม่คำถามเหล่านี้คือ ทำไมสมาคมพระคริสตธรรมไทยทำข้อพระคัมภีร์หายไป ? ทำไมแปลตกข้อความสำคัญไป? ทำไมไม่รักษา คำแปลเก่า ที่ดีและเหมาะกว่า คำแปลใหม่ในวัฒนธรรมไทย? คำถามข้างต้นเกิดจากการที่ผู้อ่าน ได้อ่านพระคัมภีร์ไทยฉบับมาตรฐาน เปรียบเทียบกับฉบับอื่นๆ  เช่น พระคัมภีร์ไทยฉบับ 1940 (หรือที่เรียกว่า ฉบับแปลเก่า ที่เริ่มต้นชื่อพระธรรมว่า เยเนซิศเอ็กโซโด ฯลฯ) หรือ ฉบับคิงเจมส์ (ไทย) ที่มีคำแปลใกล้เคียงมากกับฉบับ 1971ยกเว้นบางจุดก็จะแปลตามฉบับอังกฤษคือฉบับ King James Version (ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งว่า Authorized Version) เมื่อเปรียบเทียบคำแปลแล้วพบความแตกต่างระหว่างฉบับ จึงได้เขียนมาถามฝ่ายแปลของสมาคมฯเพื่อช่วยให้การตอบคำถามเป็นไปด้วยดี ก็จำเป็นต้องวางพื้นฐานบางอย่างเกี่ยวกับการวิพากษ์สำเนาต้นฉบับพระคัมภีร์ (Textual Criticism)1 และพื้นฐานเกี่ยวกับสำเนาต้นฉบับที่พระคัมภีร์ King James Version 2 และพระคัมภีร์ไทยฉบับมาตรฐานใช้ในการแปลพระคัมภีร์ใหม่แก่ผู้อ่านก่อนดังนี้


ก. ต้นฉบับพระคัมภีร์ (original texts หรือautographs) หมายถงึ พระวจนะของพระเจ้าที่บันทึก ด้วยลายมือของผู้เขียนพระคัมภีร์เป็นภาษาเดิม3 อาทิจดหมายฝากของท่านเปโตรที่เขียนด้วยลายมือของท่าน เองเป็นต้นดังนั้นในการวิพากษ์สำเนา ต้นฉบับนั้นเราจึงให้ความเชื่อถือกับต้นฉบับเป็นอันดับแรก แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีต้นฉบับเหลืออยู่ให้อ่านและศึกษาแล้ว

ข. สำเนาต้นฉบับ (manuscripts) หมายถึง พระวจนะของพระเจ้าที่คัดลอกจากต้นฉบับโดยพวกธรรมาจารย์ หรือ พวกอาลักษณ์ (scribes) พวกเขาจะพิถีพิถันในการคัดลอกเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพระคัมภีร์เดิม หลังจากคัดลอกเสร็จ ก็จะมีการตรวจนับตัวอักษรในฉบับคัดลอกว่าถูกต้องกับต้นฉบับหรือไม่?4 เมื่อต้นฉบับผุพังไปก็เหลือแต่สำเนาคัดลอกหลายๆ สำเนา ซึ่งย่อมต้องผุพังไปตามกาลด้วย ดังนั้น จึงมีการคัดลอกสำเนาก่อนมันจะเสื่อมสลาย การคัดลอกนั้นก็ทำต่อๆ กันมา จากความจริงนี้ทำให้เราเห็นว่า สำเนาแต่ละฉบับก็มีอายุต่างๆ กันและแน่นอนที่สุดสำเนาที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดก็มีความ  ก็มีความน่าเชื่อถือว่าใกล้เคียงกับต้นฉบับมากกว่าสำเนาคัดลอกที่มีอายุน้อยกว่า

ค. ฉบับแปล (translations) หมายถึง พระวจนะของพระเจ้าที่แปลจากสำเนาที่ เขียนด้วยภาษาเดิม  ของพระคัมภีร์ออกมาเป็นภาษาต่างๆ เช่น ภาษาซีเรียโบราณภาษาคอปติก ภาษาอาราบิค ภาษาลาติน ภาษาอังกฤษภาษาไทย เปน็ ตน้ ในการพจิ ารณาความน่าเชื่อถือนั้นเขาจัด ให้ความสำคัญกับฉบับแปลโบราณก่อนฉบับแปลในเวลาต่อมา

ง. บรรทัดฐานหรือหลักเกณฑ์ในการพิจารณาสำเนาต้นฉบับเพื่อจะหาสำเนาที่ดีที่สุดของพระคัมภีร์5 ได้แก่การพิจารณาหลักฐานภายนอกและหลักฐานภายใน หากกล่าวโดยสรุปกว้างๆ ก็จะได้ว่า

     1) สำเนาที่อายุเก่าแก่ก็น่าเชื่อถือว่าจะใกล้เคียงกับต้นฉบับและไม่มีข้อผิดจากการคัดลอก หลายครั้งหลายครา

      2) ข้อความในสำเนาที่เข้าใจยากน่าเชื่อถือกว่าสำเนาที่เข้าใจง่ายกว่า

     3) ข้อความที่สั้นน่าเชื่อถือกว่าข้อความยาว

     4) ข้อความที่แตกต่างกันในเนื้อหาที่พ้องกัน6 น่าเชื่อถือกว่าข้อความที่สอดคล้องกันโดยตลอด

     5) ข้อความดิบๆ หรือ หยาบๆ หรือ ห้วนๆ หรือไม่ไปตามหลักไวยากรณ์ น่าเชื่อถือกว่าข้อความที่ราบรื่น

จ. เนื้อหาพระคัมภีร์ในฉบับแปลแต่ละฉบับอาจแปลแตกต่างกัน ทั้งนี้เนื่องจาก

     1) แต่ละฉบับอาจใช้หลักการแปลต่างกันเช่นบางฉบับแปลตามตัวอักษร (formal equivalence translation)7 บางฉบับแปลเอาความหมาย (dynamic equivalencetranslation)8 หรือ
     2) การเลือกใช้สำเนาพระคัมภีร์ต่างกัน9 ในการแปล

ฉ. สำเนาที่พระคัมภีร์ King James Version10 ใช้ในการแปลพระคัมภีร์ใหม่คือ Textus Receptus (TR หรือReceived Text) ซึ่งรวบรวมและพิมพ์ขึ้นในปี ค.ศ. 1516โดยนักศาสนศาสตร์ชาวดัทช์ชื่อ Desiderius Erasmus  อนึ่ง TR มีพื้นฐานอยู่บนสำเนาคัดลอก 6 ฉบับซึ่งฉบับ ที่เก่าแก่ที่สุดอยู่ในราวศตวรรษที่ 10 ท่าน Erasmus ได้รีบรวบรวมเข้าด้วยกัน และใน TR ยังมีข้อคิดเห็นของผู้คัดลอกแทรกอยู่ที่ไม่มีอยู่ในต้นฉบับกรีกดั้งเดิมส่วนสำเนาที่พระคัมภีร์ไทยฉบับมาตรฐาน 2011 ใช้ในการแปลพระคัมภีร์ไหม่คือ The Greek New Testament.  Fourth Revised Edition. United Bible Societies(หรือ UBS Greek New Testament) ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนสำเนาคัดลอกโบราณทีมีอายุอยู่ในราวศตวรรษที่ 4 คือ Sinaiticus และ Vaticanusดังนั้น เราจึงเห็นว่าสำเนาของ UBS มีอายุเก่าแก่กว่า TR ถึงกระนั้นทั้งสองสำเนาก็มีความคล้ายคลึงกันมาก อย่างไรก็ดี ส่วนที่แตกต่างก็มีด้วย แต่ไม่มีผลกระทบต่อหลักความจริงสำคัญของพระคัมภีร์เมื่อเข้าใจพื้นฐาน ข้างต้นแล้วต่อไปก็จะไปสู่การตอบคำถาม หลักสามคำถามดังนี้คือ

ข้อหายทำไมสมาคมพระคริสตธรรมไทยจึงทำข้อพระคัมภีร์ตกหล่นใน มาระโก 9:44, 46 และ 2 โครินธ์ 13:14?

     เมื่ออ่านพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน เราไม่พบมาระโก 9:44, 46 อยู่ในเนื้อหาพระคัมภีร์ แตไปพบสองข้อนี้ที่เชิงอรรถว่า “สำเนาโบราณบางฉบับมีข้อ 44 และข้อ 46 ซึ่งมีเนื้อความอย่างเดียวกันกับข้อ 48” ในข้อ 48 มีเนื้อความว่า  “ซึ่งเป็นที่ตัวหนอนไม่เคยตาย และไฟไม่เคยดับเลย” ในพระคัมภีร์ฉบับอื่นที่แปลจาก TR ก็จะมีข้อ 44 และ 46 ครบถ้วนดังนั้น ขอตอบว่า ในสำเนาต้นฉบับโบราณกว่า TRที่ฉบับมาตรฐานใช้เป็นพื้นฐานนั้นไม่มีข้อ 44 และ ข้อ 46อาจเป็นได้ว่า ผู้คัดลอกเพิ่มเข้าไปเพื่ออธิบายลักษณะของนรกที่อยู่ในข้อ 43 และ ข้อ 45 และนั่นก็จะทำให้เนื้อความที่อ่าน ราบรื่น ขึ้นเพราะตอนนี้ กำลังกล่าวถึงการจัดการอย่างเด็ดขาดกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการล่อลวงให้หลงผิด แม้ว่าสิ่งนั้นๆ  จะมีค่ามีความหมายเพียงไรก็จำเป็นต้องตัดออกจากชีวิต ในบริบทกล่าวถึงมือเท้า และตา แล้วจบลงแต่ละตอนว่าการที่ขาดสิ่งนั้นก็ดีกว่าการมีครบแล้วต้องลงนรก พร้อมกับคำอธิบายนรกเพิ่มเติมในข้อ 44, 46 และ 48 สำหรบั 2 โครินธ์ 13:14 นั้นเราไม่พบในฉบับมาตรฐานก็จริง แต่เนื้อความไม่ได้ขาดหายไปแต่อย่างใดเพียงแต่เรานำเนื้อความในข้อ 13 เดิมไปรวมกับข้อ 12ส่วนข้อ 14 เดิมก็เลื่อนขึ้นมาเป็นข้อ 13 ดังนั้น ในฉบับมาตรฐานจึงมี 13 ข้อ แต่เนื้อความเท่าเดิม เหตุที่สมาคมฯ ทำเช่นนี้ ก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการยกร่างคำแปลได้ตกลงกันว่า จะแปลพระคัมภีร์ใหม่ตาม UBS Greek New Testament. Fourth Revised Edition.ซึ่งใช้สำเนาพระคัมภีร์ใหม่ที่เก่าแก่ที่สุดที่หาได้ในเวลานั้น

ข้อความหาย

มาระโก9:24, 29เมื่ออ่านเปรียบเทียบฉบับมาตรฐาน (ThSV) กับฉบับคิงเจมส์ไทย (ThKJV) เราพบว่าในฉบับมาตรฐานมีข้อความหายไป ทำไมสมาคมฯ จึงแปลตกหล่น ? โปรดสังเกตการเปรียบเทียบคำแปลข้างล่างนี้

มาระโก9:24บิดาของเด็กจึงร้องทูลทันทีว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ และ ขอโปรดช่วยในส่วนที่ขาดอยู่ด้วยเถิด” (ThSV)ทันใดนั้น บิดาของเด็กก็ร้องทูลด้วยน้ำตาไหลว่า “ข้าพระองค์เชื่อพระองค์เจ้าที่ข้าพระองค์ ยัง ขาดความเชื่อ นั้นขอพระองค์ทรงโปรดช่วยให้เชื่อเถิด ”(ThKJV)

มาระโก9:29พระองค์ตรัสตอบพวกเขาว่า “ผีแบบนี้จะขับออก ได้ด้วยการอธิษฐาน” (ThSV)พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ผีแบบนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร”(ThKJV)

คำตอบก็คือ สมาคมฯ แปลตามUBS Greek NewTestament ซึ่งยึดสำเนาต้นฉบับภาษากรีกที่เก่าแก่ที่สุดเป็นเกณฑ์ หากพิเคราะห์ดูในส่วน Apparatus11 ของ UBS Greek New Testament เราก็จะพบความจริงว่าพระธรรมมาระโกทั้งสองข้อนั้นนักวิชาการ ได้ให้ความ มั่นใจในระดับA กับข้อความที่สั้นกว่า12

มัทธิว24:7
เพราะว่าประชาชาติกับประชาชาติ และอาณาจักรกับอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดกันดารอาหารและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ(ThSV)เพราะประชาชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อสู้ราชอาณาจักรทั้งจะเกิดกันดารอาหาร  และโรคระบาดอย่างร้ายแรงและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ (ThKJV)

หากเราอ่านพระกิตติคุณพ้องกัน13 ในฉบับมาตรฐานและเปรียบเทียบกัน เราก็จะพบว่า มัทธิว 24:7 และ มาระโก 13:8 ไม่มีข้อความ “โรคระบาด” แต่ใน ลูกา 21:11 เราพบข้อความดังกล่าวเหตผุ ลทฉี่ บบั มาตรฐานไมม่ ขี อ้ ความที่ขีดเส้นใต้นั้น ก็เพราะแปลตาม UBS Greek New Testament ซึ่ง น่าเชื่อถือกว่า TR

1 ยอห์น 5:7-8
มีพยานอยู่สามอย่างด้วยกัน คือพระวิญญาณ น้ำ และพระโลหติ และพยานทั้งสามอย่างนี้สอดคล้องกัน (ThSV) เพราะมีพยานอยู่สามพยานในสวรรค์ คือพระบิดา พระวาทะ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพยานทั้งสามนี้เป็นองค์เดียวกัน มีพยานอยู่สามพยานในแผ่นดินโลก คือพระวิญญาณ น้ำ และพระโลหิต และพยานทั้งสามนี้สอดคล้องกัน (ThKJV) เราสังเกตเห็นว่า ฉบับมาตรฐานจะสั้นกว่าฉบับคิงเจมส์ไทยโดยไม่มีข้อความที่ขีดเส้นใต้ ท่านผู้ถามเห็นว่าเป็นข้อความสำคัญที่บ่งบอกตรีเอกภาพ14 ของพระเจ้าจึงถามสมาคมฯว่าทำไมไม่แปลข้อความดังกล่าว?เหตุผลที่เราไม่ได้แปลก็เพราะ

     ก.เรายึดถือสำเนาโบราณ ที่เก่าแก่กว่าสำเนาที่คิงเจมส์ใช้   (Textus Receptus ซึ่งมีอายุอยู่ในราวศตวรรษที่ 10)
     ข. นักวิชาการลงความเห็นว่า ข้อความที่ดีขีดเส้นใต้เป็นข้อความที่เพิ่มเติมขึ้นในภายหลัง15  ทั้งนี้เพราะข้อความนี้ไม่ปรากฏ ในสำเนาฉบบั ภาษากรีกที่รู้จักกันดี16
     
 ค. ข้อความนั้นไม่ปรากฏในสำเนาฉบับภาษากรีกทุกฉบับ ไม่ปรากฏในฉบับแปลโบราณเลยเว้นแต่ฉบับภาษาลาติน อีกทั้งบรรดาศาสนปิตาจารย์กรีก17 ก็ไม่มีสักคนที่อ้างอิงข้อความดังกล่าว18

ข้อความเปลี่ยน

ข้อความเดิม  “น้ำองุ่น” ที่พบในพระคัมภีร์ไทยฉบับ 1940 และฉบับคิงเจมส์ ถูกเปลี่ยนเป็น “เหล้าองุ่น” ใน พระคัมภีร์ฉบับ1971 และฉบับมาตรฐาน 2011 

คำกรีกคือ   โดยปกติหมายถึง  น้ำองุ่น ที่หมักแล้วตรงกับคำอังกฤษว่า  wine  ซึ่งแปลทับศัพท์ ว่าไวน์หรือ เหล้าไวน์ ซึ่งก็คือ เหล้าองุ่นนั่นเอง คำกรีกนี้ปรากฏ ในพระคัมภีร์ใหม่ 34 ครั้ง ด้วยกันเพื่อตอบคำถามก็เลยจะหยิบยกพระคัมภีร์ที่มีคำกรีกนี้อยู่มา อ้างอิงสักสองสามที่

ยอห์น2:3

ครั้นน้ำองุ่นหมดแล้ว, มารดาของพระเยซูพูดกับพระองค์ว่า “เขาไม่มีน้ำองุ่น” (ฉบับ 1940)
เมื่อน้ำองุ่นหมดแล้ว มารดาของพระเยซูทูลพระองค์ว่า“เขาไม่มีน้ำองุ่น” (ThKJV)
เมื่อเหล้าองุ่นหมดแล้ว มารดาของพระเยซูพูดกับพระองค์ว่า“เขาไม่มีเหล้าองุ่น” (ThSV)

     คนไทยเราถือว่าการดื่มเหล้า เป็นการผิดศีลหรือข้อห้ามทางศาสนา ดังนั้นศาสนิกชนที่ดีพึงงดเว้นการดื่มเหล้าอย่างเด็ดขาด แต่มีสิ่งน่าคิดอยู่ว่า สำหรับการแปลพระคัมภีร์ เรากำลังแปลเพื่อให้เข้า  กับกรอบวัฒธรรมไทย  หรือ เราแปลให้เข้ากับบริบทของพระคัมภีร์เองคำถาม ก็คือ ที่บ้านคานา พระเยซูทรงทำการอัศจรรย์อะไร? พระองค์ทรงเปลี่ยน น้ำล้างเท้า ให้เป็นน้ำองุ่นหรือทรงเปลี่ยนให้เป็นเหล้าองุ่น? เราต้องการความจริงอย่างที่เป็น หรือ เราต้องการความเชื่อตามที่สอนกันมา?  เรารับไม่ได้ที่พระเยซูทรงทำเหล้าองุ่นนี้เลี้ยงแขกที่มา ในงานสมรส นั่นเป็นการสนับสนุนให้คนดื่มเหล้า ขาดสติ และทำร้ายกัน อย่างนั้นหรือ? หรือ เราจะยอมรับความจริงว่า ในแวดวงของคนยิว การดื่มเหล้าองุ่นมิใช่บาป หากดื่มพอเหมาะและไม่เมามายจนเกิดความเสียหายแก่ตนเองและผู้อื่น.

     ประมาณสี่ปีก่อน ผมมีโอกาสไปเยี่ยมบ้านคานาในอิสราเอล ที่นั่นเขาขายเหล้าองุ่นแก่นักท่องเที่ยวเพื่อเอากลับไปเป็นที่ระลึกว่า ที่นี่ครั้งหนึ่ง พระเยซูได้ทำอัศจรรย์เปลี่ยนน้ำธรรมดาให้กลายเป็นเหล้าองุ่น ชั้นเลิศ  โดยส่วนตัว ผมไม่ชอบดื่มเหล้าหรือไวน์   แต่ผมจะเอาความไม่ชอบ เป็นศูนย์กลาง แล้วบอกว่าทุกคนต้องไม่ชอบไวน์เหมือนผมย่อมเป็นไปไม่ได้ เราทุกคนควรดำเนินตามหลักคำสอนในพระคริสตธรรมคัมภีร์ เราควรสมดุลในดำเนิน เหล้าองุ่นไม่บาปในตัวมันเอง คนต่างหาก เป็นตัวกำหนดว่าจะบาปหรือไม่? หากไม่จำเป็น แล้ว
จะแตะต้องเพื่ออะไร? หากจำเป็น อาจเพื่อสุขภาพ แต่ปริมาณพอดี จะบาปหรืออย่างไร? เรื่องอย่างนี้ แต่ละคนก็คิดไปคนละอย่าง แล้วแต่คณะแล้วแต่นิกายแล้วแต่เบื้องหลังของแต่ละคน. เราต้องหยุดลงตรงหลักการใน โรม14:17 ว่า “เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้นไม่ใช่การกินและการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรม สันติสุข และความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์” และ 1 โครินธ์ 10:31ว่า “เพราะฉะนั้นเมื่อพวกท่านจะรับประทาน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า”เพื่อตอบคำถาม เราคิดถึงสิ่งเหล่านี้คือ

     1. คำกรีก   แปลว่า เหล้าองุ่นหรือน้ำองุ่นหมัก (ซึ่งแน่นอนย่อมมีแอลกอฮอล์อยู่ด้วย) หากอัครทูตยอห์นต้องการจะสื่อความหมายถึง น้ำองุ่นท่านย่อมต้องใช้คำกรีกอีกคำหนึ่งคือ 
     2. ดังนั้นในการแปลคำกรีกข้างต้น จึงควรเสมอต้นเสมอปลายในการแปล มิใช่แปลให้เข้ากับหลักความเชื่อที่ตนเองยึดถือ
แต่แปลให้ถูกกับความหมายและบริบทในพระคัมภีร์นั้นๆ ยกตัวอย่าง คำกรีก ใน เอเฟซัส 5:18 ควรแปลว่า และอย่าเมาเหล้าองุ่น… ใน 1ทิโมธี 5:23 ควรแปลว่า อย่าดื่มแต่เพียงน้ำอีกต่อไปแต่จงใช้เหล้าองุ่นบ้างเล็กน้อย…. ใน ลูกา 5:37 ควรแปลว่า ไม่มีใครเอาเหล้าองุ่นหมักใหม่ไปใส่ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้น เหล้าองุ่นหมักใหม่จะทำให้ถุงหนังขาดและเหล้าองุ่นจะรั่ว ถุงหนังก็จะเสียไปด้วย19
     3. สำหรับคนยิวแล้ว เหล้าองุ่นเป็นเครื่องดื่มและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานเลี้ยงฉลองหรือเทศกาล20
     4. เหล้าอง่นุมีโทษ แม้ไม่มีคำสั่งห้ามดื่มในพระคัมภีร์21 แต่ก็มีคำเตือนมิให้ดื่มจนเมามายขาดสติ (เอเฟซัส 5:18) ดูตัวอย่าง โนอาห์ทำสวนองุ่น และดื่มเหล้าองุ่นจนเมามายแล้วเปลือยกาย ดู ปฐมกาล 9:20หรือตัวอย่างของโลทหลานชายของอับราฮัม เมื่อดื่มเหล้าองุ่น ที่ลูกสาวเอามาปรนเปรอ จนเมาและหลับไปท่านก็มีเพศสัมพันธ์กับลูกสาวตนเอง ดู ปฐมกาล 19:33-36 อนึ่งคุณสมบัติหนึ่งของผู้ปกครองและมัคนายกก็คือไม่ดื่มสุรามึนเมา (1 ทิโมธี 3:3, 8)
     5. เหล้าองุ่นมีประโยชน์ ใช้เป็นเครื่องดื่มบูชาถวายพระเจ้า (เลวีนิติ 23:13) ใช้ผสมกับของขมเป็นเครื่องดื่มบรรเทาความเจ็บปวด (มัทธิว 27:34) ใช้ทาแผลเพื่อฆ่า เชื้อ (ลูกา10:34) ใช้ในปริมาณน้อยเป็นยารักษาระบบการย่อยอาหารและโรคอื่นๆ (1 ทิโมธี 5:23)ดังนั้น ขอสรุปว่า พระคัมภีร์ไทยฉบับ 1971 และฉบับมาตรฐาน 2011 แปลคำกรีก ว่าเหล้าองุ่นนั้นถูกต้องแล้ว

อ.ปัญญา โชชัยชาญ