คนบาป… กลับใจเป็นคนดีได้… โดยพระคุณ 2/12

คนบาป… กลับใจเป็นคนดีได้… โดยพระคุณ

สมาคมพระคริสตธรรมไทย ขอนำเสนอเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่ในอดีตเคยถูกความโลภเข้าครอบงำ ให้ทำผิด จนต้องถูกพิพากษาจำคุก ก่อนจะมาพบกับพระคุณความรักและการช่วยกู้จากพระเจ้า พระคุณของพระเจ้าและฤทธ์ิอำนาจแห่งพระวจนะของพระองค์สามารถเปลี่ยนแปลงให้ อดีตผู้ต้องขังคนหนึ่งพบกับอนาคตที่สดใส เริ่มต้นใหม่อย่างสง่างามในสังคม และยังช่วยคนมากมายที่มีอดีตแบบเดียวกับเธอให้พบกับความรอดจากองค์พระเยซู คริสต์… คุณปานนภา ปานเพ็ชร์

ดิฉันเคยทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนนทบุรี ตำแหน่งหัวหน้าแผนกการเงินและบัญชีมีหน้าที่รับผิดชอบในการจ่ายเช็คและเจ้า ของก็ไว้ใจมาก บ่อยครั้งที่เขาจะเซ็นเช็คโดยไม่ได้ตรวจสอบ เราก็ด้วยความโลภเห็นเป็นโอกาส ก็คงไม่เป็นไรหรอก คนทั่วไปเขาก็ทำกันจึงเขียนเช็คให้ตัวเอง ผลก็คือถูกจับได้ แม้ว่าเจ้าของจะไม่เอาโทษแต่ความผิดฉ้อโกงเกี่ยวกับตั๋วเงินเป็นคดีอาญายอม ความไม่ได้ ดิฉันจึงถูกตัดสินโทษจำคุก 20 ปีเมื่ออุทธรณ์รวมกับพระราชทานอภัยโทษก็เหลือ5 ปี (หลังจากเชื่อพระเจ้าเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมได้ลดไปอีก 2 ปี)

ชีวิตด้านมืด
ใน ขณะที่ชีวิตพบกับความมืด ได้พบกับเพื่อนที่อยู่ในเรือนจำคนหนึ่ง มานั่งคุยเรื่องของพระเจ้าให้ฟังทุกวันเพราะเขาเห็นเราเครียดมาก ชีวิตของดิฉัน ดิฉันไม่เคยรู้จักเรื่องราวของพระเจ้า ช่วงแรกดิฉันไม่ค่อยเชื่อหรอกค่ะ แล้วอยู่ในเรือนจำก็คิดว่าแล้วพระเจ้าจะช่วยได้หรือ ตอนนั้นดิฉันเป็นคนที่ท่องบทสวดมนต์ได้เก่งมาก เพื่อนคนนี้ก็มานั่งพูดอยู่ที่ที่นอนว่าพระเจ้าดีนะ เราก็ไม่เชื่อ เราก็เถียงไปว่า ไม่จริงหรอก ที่เราท่องอยู่นี้จะทำให้อายุยืน ได้รับอะไรหลายอย่าง เขาบอกว่าไม่ต้อง ถ้าไปหาพระเจ้าเธอจะมีความสุข ตอนนั้นบอกจริงๆ ว่าไม่มีความสุขหรอก ท่องไปอย่างนั้นแหละ เพราะเราต้องการสิ่งช่วยเหลือในจิตใจ ตอนนั้นมีมิชชันนารีชาวฟิลิปปินส์เข้ามาสอนภาษาอังกฤษก็ตามๆ เขาไปเรียน และมีกลุ่มของมูลนิธิพันธกิจเรือนจำคริสเตียน โดย ศจ.สุนทร สุนทรธาราวงศ์ และทีมงานเข้าไปอบรมจริยธรรม เขาถามเราว่าเป็นอย่างไรบ้างอยู่ข้างใน เขาไม่รู้จักเราหรอก แต่เขาก็ทักทายทุกคนรักทุกคนเท่ากัน เราก็ตอบว่า อยู่ในเรือนจำก็รู้อยู่ว่าไม่มีใครอยากอยู่หรอก มันไม่มีความสุข เขาบอกว่าลองอธิษฐานสิ พระเจ้าจะช่วยได้ ช่วยในทุกๆ สิ่ง ดิฉันเป็นคนที่รักเพื่อน ในตอนนั้นก็ทำสิ่งผิดคือให้ที่อยู่เพื่อน ไปออกจดหมายหาแฟนเขา เอาชื่อเราไปออก แล้วพอเพื่อนเขาตอบกลับมาก็เป็นชื่อเรา พวกเจ้าหน้าที่ก็เรียกเราจะทำโทษ เราก็ได้ยินเรื่องของพระเจ้ามาบ้างแล้ว ถ้าพระเจ้ามีจริงก็ขอพระเจ้าสักสิ่งหนึ่งเถอะขอพระเจ้าปกป้องเราด้วยให้รอด พ้นจากการถูกทำโทษ ตอนที่อธิษฐานก็ยังไม่เชื่อมาก เหมือนการทดลองพระเจ้า แต่พระเจ้าช่วยจริงๆ นะ ไม่รู้เพราะอะไร ความจริงมันเป็นโทษหนัก เรากลับไม่ถูกทำโทษ เมื่อมีการเรียกรับเชื่อจากมิชชันนารีชาวฟิลิปปินส์ ดิฉันจึงรับเชื่อในพระเจ้า

เมื่อพระเจ้าเข้ามาอะไรๆ ก็ไม่เหมือนเดิม
ดิฉัน อยู่ในเรือนจำ.มาแล้ว 2 ปีอย่างคนที่สิ้นหวัง แต่เมื่อมีพระเจ้าในชีวิตช่วงเวลา 1 ปีที่เหลืออยู่จึงแตกต่างอย่างยากจะบรรยาย เป็นความรู้สึกเหมือนฟ้ากับเหว สถานที่ก็เดิมๆ ผู้คนก็คนเดิมๆ แต่สันติสุขที่มีในใจนั้นราวกับแผ่นดินสวรรค์มาอยู่ตรงหน้า สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของดิฉันตลอดเวลาคือ พระธรรมสดุดีบทที่ 23 ที่ว่า “พระยาห์เวห์ทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสนพระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปริมนำ้แดนสงบ” ดิฉันยอมรับว่ากลัวความขัดสน ไม่ใช่เรื่องเงินเพราะความเป็นอยู่ในเรือนจำถึงมีเงินก็ทำอะไรไม่ได้ หลังจากเชื่อพระเจ้าดิฉันเฝ้าอธิษฐานต้องการอิสรภาพ ขอความรักของพระเจ้าช่วยปล่อยให้ดิฉันพ้นโทษได้ไหม แล้วพระเจ้าก็ทำการอัศจรรย์ในชีวิตจริงๆ อยู่ต่อมาได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็ให้คนมาตามให้ไปช่วยงานทำบัญชีในเรือนจำ (ตอนนั้นยังไม่เข้าใจว่านี่คือสิ่งที่พระเจ้ากระทำ เพราะตัวเองยังไม่เข้าใจเรื่องของพระเจ้าดีพอ) และเจ้าหน้าที่ที่เรียกเป็นถึงผู้อำนวยการ ที่มีอำนาจสั่งการได้ทุกอย่าง เมื่อพระเจ้าให้เราไปอยู่ในการปกครองของผู้อำนวยการ เรามีอิสระที่ไม่ต้องเป็นเหมือนนักโทษอื่นๆ และการได้ช่วยงานทำให้ดิฉันเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ได้ลดโทษไปอีก 2 ปี นี่คือสิ่งแรกที่พระเจ้าทรงกระทำในชีวิตของดิฉัน นอกจากนั้นดิฉันยังได้อธิษฐานเผื่อลูกสาวที่ไม่มีโอกาสได้ดูแล เมื่อวันหนึ่งลูกสาวมาเยี่ยม เขาบอกว่าเขาได้ทุนการเรียนแล้วและได้โควต้าของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพราะ พระคุณพระเจ้าจริงๆ

สู่อิสรภาพ… ไม่ง่ายอย่างที่คิด
เรา เชื่อพระเจ้า เห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้าก็อธิษฐานอยู่เสมอ มาพบกลุ่มของ อ.สุนทร ท่านบอกว่าถ้าพ้นโทษแล้ว ไปหานะ มีอะไรให้ช่วยเหลือก็ไปหา เมื่อพ้นโทษออกมา สิ่งที่ดิฉันกังวลคือการดำเนินชีวิตในสังคมว่าจะมีใครยอมรับไหม? บ้านเราก็ไม่ใช่คนจน บ้านเรามีฐานะพอปานกลาง ก็กลับไปบ้านเรา ถึงอย่างไรอยู่บ้านเราก็มีความสุข ตอนนั้นเชื่อในพระเจ้าแล้ว แต่ก็พึ่งพาตัวเองก่อนยังไม่พึ่งพาพระเจ้า ก็กลับไปบ้าน อย่างที่บอกสังคมไม่ยอมรับ ขนาดบ้านเรายังไม่ยอมรับเลยเมื่อไปถึงบ้านจากความรักที่เคยได้รับ มันไม่เหลือแล้ว จึงโทรมาที่พันธกิจเรือนจำ บอกอาจารย์ หนูจะไปอยู่ด้วยนะ พันธกิจเรือนจำก็บอกแผนที่ บอกที่อยู่ให้มา มาอยู่กับพันธกิจ ตอนแรกก็ยังไม่มีงานทำ เขาก็หนุนใจเราด้วยพระคำของพระเจ้า อย่ากระวนกระวาย พระเจ้าเลี้ยงดูเรา พระเจ้าดูแลเราเสมอ
ไม่ นานดิฉันได้งานทำเป็นพนักงานเสริฟดิฉันร้องไห้ทุกครั้งที่ทำงาน เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะตกตำ่ถึงเพียงนี้ (แม้ขณะที่ดิฉันเล่าเรื่องนี้ก็ยังอยากจะร้องไห้) แต่ในขณะเดียวกันดิฉันก็เชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าในพระธรรมเยเรมีย์ 29:11 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับพวกเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพไม่ใช่เพื่อทำร้ายเจ้า เพื่อจะให้อนาคตและความหวังแก่เจ้า” ดิฉันท่องข้อพระคำนี้ตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน เป็นเวลาหกเดือน และงานที่นี่ก็หยุดไม่ตรงวันอาทิตย์ ดิฉันก็ขอพระเจ้าว่า ดิฉันอยากหยุดให้ตรงกับวันนมัสการพระเจ้า แล้วพระคุณของพระเจ้าก็มาถึงอีกครั้งหลังจากที่ทำงานหนักก็มีเจ้าของบริษัท ทัวร์ที่เป็นคริสเตียนเดินเข้ามาในคริสตจักร มาบอกกับ อ.สุนทร ว่าต้องการพนักงานบัญชี 1 คน อาจารย์ก็แนะนำดิฉันให้เจ้าของบริษัทรู้จัก และบอกประวัติให้เขาทราบ เจ้าของบริษัทก็ตอบรับดิฉันเข้าทำงาน นี่คือพระคุณซ้อนพระคุณ
ดิฉัน เห็นพระคุณพระเจ้าในชีวิตมากมายถามว่าตอนนี้มีความสุขไหม มีความสุขมาก ขนาดห้องที่อยู่ไม่ได้กว้าง เงินทองก็ไม่ได้มีมากมาย แต่มีความสุขทุกอย่าง ถึงแม้ดิฉันมีปัญหาก็อธิษฐานกับพระเจ้า พระเจ้าช่วยลูกด้วยนะ เพราะว่าพระเจ้าไม่มีทางตันสำหรับชีวิตลูก ทุกอย่างบรรลุหมด ทุกอย่างดีหมด พระเจ้าสร้างการอัศจรรย์ การอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น บางคนบอกไม่เชื่อหรอก ไม่จริงหรอก แต่นี่การอัศจรรย์ของพระเจ้าเกิดขึ้นจริงๆ ในชีวิตดิฉัน

ทุกอย่างคือการทรงเรียก
ดิฉัน คิดว่านั่นคือแผนงานและพระสัญญาของพระเจ้าที่ทรงมีในชีวิตของดิฉัน เมื่อดิฉันได้ทำงานที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ ดิฉันมีเวลารับใช้มากขึ้น เริ่มจากการรับใช้เล็กๆน้อยๆ ในคริสตจักรวันอาทิตย์ เช่น จัดดอกไม้ ดูแลความสะอาดเรียบร้อยและที่พันธกิจเรือนจำ.มีเด็กๆ มากมายที่ต้องดูแลเพราะนอกจากช่วยเหลือผู้ต้องขังที่พ้นโทษแล้วบางคนก็มีลูก เข้ามาอยู่ด้วย ดิฉันเริ่มรับใช้พระเจ้าจากจุดนั้น สอนการบ้านให้เด็กบ้าง ติวหนังสือเวลาใกล้สอบ ฯลฯ ส่วนตัวเองก็เรียนพระคัมภีร์เพิ่มเติม เรียนชีวิตการรับใช้กับ อ.มาร์ค เบ็นฟอร์ดจนในปัจจุบันดิฉันถวายตัวรับใช้ด้วยเวลาทั้งหมดที่มีนอกเหนือจาก การทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปรับใช้ในเรือนจำ, การประกาศกับผู้พ้นโทษ, การให้ความรู้โดยเป็นครูอาสาสอนหนังสือ กศน., สอนรวีเด็ก, ดูแลเด็กในคริสตจักร, เป็นกรรมการของคริสตจักรฝ่ายประกาศ, เป็นอาสาสมัครของคริสตจักรในการจัดค่ายอบรมจริยธรรมให้ผู้พ้นโทษ “ค่ายคืนคนดีสู่สังคม” ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม ซึ่งจัดปีละ 3-4 ครั้ง ทุกสิ่งที่ดิฉันทำ ดิฉันทำอย่างสุดหัวใจเพื่อถวายแด่พระเจ้า แม้มันจะเทียบไม่ได้กับพระคุณและพระพรที่พระเจ้าประทานให้ และสิ่งที่ทำก็ไม่ต้องการผลตอบแทนใดๆ ถึงกระนั้นก็ยังขอบคุณพระเจ้าที่ผู้ใหญ่ในสังคมมองเห็นคุณค่า เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2012 ดิฉันได้รับพระราชทานประกาศนียบัตร “ผู้กระทำคุณความดีให้กับสังคม” ร่วมกับพี่น้องอีกหลายคนในทีมงานพันธกิจเรือนจำคริสเตียน จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ซึ่งจัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ฝากถึงพี่น้องคริสตชน ข้อคิด “จากบทเรียนของชีวิต”
ถ้า เราเรียนรู้ที่จะยอมรับบทเรียนในอดีตของเรา ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จหรือความล้มเหลวในชีวิต เราจะต้องยอมรับที่จะเรียนรู้ ไม่ติดค้างอยู่กับอดีต แล้วจมไม่ลง เพราะชีวิตที่เคยมี เคยได้ เคยเก่ง เคยสวย หรือเคยรวย ถ้าเรายังคงยึดติดเมื่อวันหนึ่งชีวิตเราเปลี่ยนไปจะทำให้ชีวิตจมอยู่กับที่ ไม่มีความสุข เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเราในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ความล้มเหลวในอดีตอาจจะนำเราไปสู่ความสำเร็จที่ดีกว่าในวันข้างหน้าได้ ถ้าเรารู้จักที่จะเข้าหาและยอมรับ เชื่อวางใจพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดแล้วเริ่มต้นใหม่กับพระองค์เชื่อในสิ่ง ที่พระองค์บอก ทำตาม วางใจ แล้วคุณจะพบเหมือนที่ดิฉันพบ ในพระธรรมอิสยาห์ 43:18-19 พระองค์ตรัสดังนี้ว่า “อย่าจดจำสิ่งที่ล่วงเลยมาแล้วนั้น อย่าพิเคราะห์เรื่องในอดีต นี่แน่ะ เรากำลังทำสิ่งใหม่ๆ บัดนี้ มันงอกขึ้นมา เจ้าไม่เห็นหรือ? และเราจะทำทางในถิ่นทุรกันดาร และแม่นำ้.ในที่แห้งแล้ง”

คุณปานนภา ปานเพ็ชร์ อายุ 46 ปี เป็นคนจังหวัดสิงห์บุรี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ ปัจจุบันแยกทางกับสามี มีบุตรชาย 1 คน หญิง 1 คน ทำงานที่บริษัททัวร์ย่านรามคำแหง เป็นสมาชิก คริสตจักรพระพร 600/199-200 ชุมชนบึงพระราม 9 พัฒนา ถนนริมคลองลาดพร้าว แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ และร่วมรับใช้กับมูลนิธิพันธกิจเรือนจำคริสเตียน สมาคมพระคริสตธรรมไทย ขอขอบคุณสำหรับคำพยานชีวิต มา ณ โอกาสนี้

ฤทธิ์อำนาจ แห่งพระวจนะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคน ขอพี่น้องคริสตชนอธิษฐานเผื่อการอบรมและการส่งเสริมพัฒนาชีวิตผู้ต้องขังใน เรือนจำและอธิษฐานเผื่องบประมาณ การจัดซื้อพระคัมภีร์มอบให้ผู้ต้องขัง โดยมูลนิธิพันธกิจเรือนจำคริสเตียน

  • คุณปานนภา ปานเพ็ชร์