คำสอนเท็จ จักพ่ายแพ้ความจริง
อนุสนธิจากการที่ผู้เขียนไปร่วมรายการ “ถามตรงกับจอมขวัญ” สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐ ช่อง 32 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา เพื่อตอบคำถามที่สังคมสงสัยเกี่ยวกับคำสอนของนายเล่าย่าง แซ่จาง หรือที่กลุ่มผู้ติดตามของเขาเรียกว่า “ว่างฝือ” ผู้อ้างว่าสามารถติดต่อกับพระเจ้าและทูตสวรรค์ได้ และชักชวนผู้ติดตามให้เข้าไปในป่าเพื่อทดสอบความเชื่อ มีการชำระบาปที่ผิดไปจากคำสอนของพระคัมภีร์ โดยกลุ่มนี้อ้างว่า พวกตนเป็นสมาชิกของคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีส ทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดต่อคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์ฯ และคริสตศาสนาโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของผู้รับใช้ในในคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสโดยตรง
ผลจากการเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่ม ทำให้ผู้ปกครองหญิงสาวและสามีของสตรีที่เข้าร่วมกลุ่ม นำเรื่องไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวหาว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ ต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งเรื่องนี้ผู้เขียนจะไม่ขอพาดพิงถึง ทุกอย่างจะพิสูจน์จากหลักฐานและให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ข่าวนี้กระจายออกไป กลุ่มผู้ติดตามนายเล่าย่างบางคน ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน กล่าวถึงพิธีกรรมทางศาสนาที่พวกตนปฏิบัติ ซึ่งไม่ถูกต้องตามคำสอนของพระคัมภีร์และหลักข้อเชื่อคริสเตียน และคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสไม่เคยมีคำสอนนี้
ข่าวที่กระจายออกไปตามสื่อต่างๆ ได้สร้างความเข้าใจผิด และทำให้คริสเตียนและคริสตจักรในประเทศไทยโดยรวมได้รับผลกระทบ ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นสมาชิกคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีส ใคร่ขอโอกาสอธิบายความเป็นมาของปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความกระจ่างและเพื่อให้พี่น้องคริสเตียนทุกคณะนิกายใช้เป็นข้อมูลตอบคำถามแก่ผู้สงสัยต่อไป
ความเป็นมาของกลุ่ม
ก่อนที่นายเล่าย่างเข้ามารับเชื่อเป็นคริสเตียน เขานับถือผี ตามความเชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง เมื่อถูกผีรบกวนจึงหันมารับเชื่อพระเยซูเมื่อปี 2003 ต่อมาเขาเริ่มอ้างว่าเขาได้รับนิมิตจากพระเจ้า และเขียนสิ่งที่ได้รับมาแจกแก่ผู้สนใจ อัดสำเนาแจกแก่สมาชิกตามโบสถ์ต่างๆ โดยเฉพาะในคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์ฯ กลุ่มชาติพันธุ์ม้งในภาคเหนือ เมื่อมูลนิธิคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสแห่งประเทศไทยทราบเรื่องนี้ จึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคำสอน และพบว่าคำสอนที่เขียนแจกจ่ายไม่สอดคล้องกับพระคัมภีร์ และวิถีปฏิบัติของสมาชิกในคริสตจักรทั่วโลก จึงได้เจรจาและแจ้งเตือนเพื่อให้ยุติการสอนและใช้ชื่อของคริสตจักร โดยปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีการแก้ไขปัญหาตามคำแนะนำในพระคัมภีร์ทุกประการ เป็นระยะเวลาหลายปีถึงสามครั้ง แต่ฝ่ายนายเล่าย่างไม่ยอมปฏิบัติตาม
หลังจากการเจรจา และด้วยความหวังว่ากลุ่มนี้จะหยุดพฤติกรรมอวดอ้าง และการสอนที่ไม่ถูกต้องเสีย โดยให้เวลาพิจารณาแก้ไข เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผล ในปี 2006 คริสตจักรจึงมีมติให้โบสถ์ท้องถิ่นคัดรายชื่อของนายเล่าย่างและผู้ติดตามอีกสามคนออกจากการเป็นสมาชิกภาพ ต่อมาในปี 2009 เมื่อเห็นว่ากลุ่มผู้ติดตามของนายเล่าย่างไม่ยอมปฏิบัติตามหลักความเชื่อของพระคัมภีร์และคริสตจักร โบสถ์ท้องถิ่นจึงมีมติให้คัดชื่อคนเหล่านั้นออกจากการเป็นสมาชิกอีกนับร้อยคน การปฏิบัติของคริสตจักรทุกครั้งได้แจ้งให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องรับทราบเสมอ และแจ้งให้สมาชิกคริสตจักรทั่วประเทศทราบถึงปัญหาและวิธีแก้ไข
ต่อมา มีสมาชิกโบสถ์ที่ติดตามกลุ่มนี้ เห็นว่าเป็นคำสอนไม่ถูกต้อง จึงถอนตัวออกมา โบสถ์ท้องถิ่นแต่ละแห่งยินดีต้อนรับคนเหล่านั้นกลับไปเป็นสมาชิกเหมือนเดิม
คำสอนไม่ถูกต้องตามพระคัมภีร์และหลักข้อเชื่อ
หลังจากที่คริสตจักรเซเว่นธ์เดย์ฯ ดำเนินการอย่างชัดเจนและไม่นับว่ากลุ่มของนายเล่าย่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรของคริสตจักร ไม่ว่ากรณีใดๆ กลุ่มนี้ได้เรียกชื่อกลุ่มของตนเองว่า “เซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสไม่กินเนื้อสัตว์” โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อ “เซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีส” ซึ่งได้รับการรับรองจากกรมการศาสนา คริสตจักรจึงปฏิเสธไม่ยอมรับผลเสียใดๆ จากการกระทำของกลุ่มนี้ และแจ้งให้หน่วยงานของรัฐและคริสเตียนทุกองค์กรทราบ
ตัวอย่างคำสอนที่ไม่ถูกต้อง
1. การไม่กินเนื้อสัตว์ ซึ่งพระคัมภีร์ไม่ได้ห้าม พระเจ้าทรงให้เลือกรับประทานสัตว์ที่สะอาด (ลนต. 11) ไม่รับประทานเลือดสัตว์ (ปฐก. 9:4 ลนต. 17:13-14) กลุ่มของนายเล่าย่างยกข้ออ้างหนังสือของนางเอลเลน จี. ไวท์ บางตอน บางเล่ม มาอ้างโดยไม่เข้าใจบริบทและจุดมุ่งหมายของผู้เขียน ห้ามไม่ให้ผู้ติดตามของเขารับประทานเนื้อสัตว์และอาหารบางชนิด ซึ่งไม่ใช่คำสอนของคริสตจักร เซเว่นธ์เดย์ฯ แต่อย่างใด
คริสตจักรเซเว่นธ์เดย์ฯ ส่งเสริมให้สมาชิกถวายชีวิตและร่างกายแก่พระเจ้า การเลือกปฏิบัตินี้ด้วยเหตุผลเพื่อการมีสุขภาพดี ในหลักข้อเชื่อข้อ 16 กล่าวว่า ร่างกายเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสตชนตระหนักว่าร่างกายของเขาเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และควรถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ด้วยการเอาใจใส่ดูแลร่างกายของเขา ละเว้นจากการกิน ดื่ม สิ่งที่ให้โทษแก่ร่างกาย เช่น สุรา บุหรี่ และ อาหารที่ไม่สะอาดทุกอย่าง (1 คร. 3:16, 17, 6:9, 20, 9:25, 10:31, 2 คร. 7:1, 1 ปต. 2:9-12, 1 คร. 10:12 ลนต. 11:1-8)
2. การอ้างหนังสือของเอลเลน จี. ไวท์ เหมือนคำสอนของพระคัมภีร์ ทำให้คริสเตียนคณะอื่นอาจมองว่าคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์ฯ ยกหนังสือเหล่านั้นเทียบเท่ากับพระคัมภีร์ ซึ่งไม่ถูกต้อง ในหลักข้อเชื่อข้อที่ 1 กล่าวว่า เซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสเชื่อว่า….พระคัมภีร์ พระวจนะของพระเจ้า คือหนังสือที่เขียนขึ้นจากการดลใจของพระเจ้า เป็นหลักของความเชื่อ และแนวปฎิบัติของคริสเตียนทุกคน (2 ทธ. 3:15-17 2 ปต. 1:19-21 สดด. 119:9, 11,105,130, 1 ธก. 2:13 อสย. 8:20 ยรม. 15:16 ฮบ. 4:12)
พระเจ้าตรัสแก่เราจากการศึกษาพระคัมภีร์ ให้ความสว่าง และเสริมกำลังแก่เราและโดยการอธิษฐาน จิตวิญญาณจะเข้าสนิทกับพระเจ้า นี่คือสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดให้เพื่อเอาชนะในการต่อสู้กับความบาป และเพื่อพัฒนาอุปนิสัยของคริสตชน (สดด 19:7, 8, 119:130 ยน. 6:63, 17:17, 1 ปต. 2:2, 1 ธก. 5:17 ลก. 18:1 สดด. 55:17 อสย. 50:4)
หลักข้อเชื่อ (Doctrine) ของเซเว่นธ์เดย์ฯ เหมือนคริสตจักรโปรเตสแตนท์อื่นๆ ประมวลมาจากพระคัมภีร์ ส่วนคำแนะนำของคริสตจักรและนางไวท์ เป็นการแนะนำให้ปฏิบัติ (Practice) เพื่อหนุนใจให้สมาชิกในคริสตจักรยึดมั่นในหลักข้อเชื่อ เสริมสร้างชีวิตให้เจริญขึ้น ในด้านร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ ดำเนินชีวิตเพื่อเป็นแสงสว่างแก่คนทั้งหลาย
เซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสยึดมั่นในพระคัมภีร์ พระวจนะของพระเจ้าที่เป็นมาตรฐานสูงสุดในการสอนและปฏิบัติ เราสนับสนุนหลักการของนักปฏิรูปศาสนาที่ยืนหยัดใน “Sola Scriptura” พระคัมภีร์อธิบายความ (ตีความหมาย) ด้วยตัวของพระคัมภีร์ และพระคัมภีร์เท่านั้นคือที่มาของพื้นฐานหลักความเชื่อทุกอย่าง ผู้ก่อตั้งคริสตจักรพัฒนาหลักข้อเชื่อพื้นฐานมาจากพระคัมภีร์ คนเหล่านั้นไม่ได้รับหลักข้อเชื่อใดจากนางเอเลน จี. ไวท์ แต่อย่างใด บทบาทหลักของนางไวท์ ในช่วงการพัฒนาหลักข้อเชื่อนั้นคือการให้ความเข้าใจพระคัมภีร์ และด้วยการศึกษาเพื่อยืนยันการสรุปผลเท่านั้น
ในสถาบันการศึกษาของคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์ฯ ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมหาวิทยาลัย เรายึดพระคัมภีร์เป็นหนังสือคู่มือในการสอนทุกวิชา โดยบูรณาการพระวจนะเข้าในเนื้อหาทุกวิชาเรียน โรงพยาบาลของคริสตจักรยึดเอาคำสอนด้านสุขภาพและการรักษาตามแบบอย่างของพระคัมภีร์และพระคริสต์ในการดูแลผู้ป่วย เพื่อการรักษาทั้งด้านร่างกายและจิตวิญญาณ
คริสตจักรเซเว่นธ์เดย์ฯ ใช้หนังสือของนางไวท์เป็น “คำแนะนำ” ในการดำเนินงานของคริสตจักรด้านต่างๆ เช่น สุขภาพ การศึกษา และกิจการ อื่นๆ ไม่ถือว่าเป็นคำสั่ง ใช้เป็นทางเลือกในการปฏิบัติงานเท่านั้น เช่น การดูแลสุขภาพ แนะนำให้บริโภคอาหารธรรมชาติ ตามที่พระคัมภีร์สอน (ปฐก. 1:29) การที่กลุ่มนายเล่าย่างสอนว่า เซเว่นธ์เดย์ฯ ต้องเป็นมังสวิรัติจึงไม่ถูกต้อง มีสมาชิกโบสถ์จำนวนมากทั่วโลกที่ไม่ได้เป็นมังสวิรัติ การไม่กินเนื้อสัตว์เป็นการเลือกส่วนบุคคล ไม่ใช่กฎที่ต้องปฏิบัติแต่อย่างใด คริสตจักรสอนให้เห็นถึงผลเสียของการบริโภคเนื้อสัตว์ และส่งเสริมให้เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพ การเน้นสอนแบบสุดโต่ง เป็นความคิดของบางคน ซึ่งถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่หลักการของคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์ฯ
นางไวท์กล่าวว่า “ดิฉันถือว่าพระคัมภีร์เป็นหนังสือที่มีคุณค่าอันสูงส่ง…. หากท่านศึกษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างจริงจัง ด้วยความปรารถนาจะก้าวไปถึงมาตรฐานของพระคัมภีร์และบรรลุถึงความไพบูลย์ของชีวิตคริสเตียนแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีหนังสือคำพยาน (ของนางไวท์) เหล่านี้” White, Testimonies, vol. 5, pp. 664, 665.
ตัวอย่างคำแนะนำของนางไวท์ จากหนังสือ “มหัศจรรย์แห่งการรักษา” (The Ministry of Healing) แนะนำให้ละเว้นสิ่งเสพติดเช่น บุหรี่ สุรา ยาเสพติดอื่นๆ เป็นต้น นอกจากนี้นางไวท์ได้ให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพโดยวิธีธรรมชาติที่พระเจ้าประทาน เช่น แสงแดด น้ำ อากาศ การพักผ่อน การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารพืชผักเป็นหลัก และมีความไว้วางใจพระเจ้า รู้จักดีทั่วโลกในชื่อ “นิวสตาร์ท” (NEW START) เพื่อการดูแลและถวายร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ เป็น “เครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต” (รม.12:1) เป็นต้น เป็นที่มาของการสร้างสถานพยาบาลและโรงพยาบาลทั่วโลก เช่น ในประเทศไทย โรงพยาบาลมิชชั่นกรุงเทพฯ และโรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต บริการอาหารสุขภาพ อาหารมังสวิรัติ แก่ผู้รับการบริการและประชาชนทั่วไป
โดยการทรงนำของพระเจ้าและจากคำแนะนำด้านต่างๆ ของนางไวท์ คริสตจักรเซเว่นธ์เดย์ฯ ใช้เป็นแนวทางในการประกาศข่าวประเสริฐทั่วโลก หลังจากคริสตจักรจัดตั้งองค์กรเมื่อ ค.ศ. 1846 ในสหรัฐอเมริกา สถิติในปี ค.ศ. 2014 เป็นดังนี้
- คริสตจักรประกาศข่าวประเสริฐใน 215 ประเทศ
- สมาชิกทั่วโลก 20 ล้านคน (สถิติปี 2016) (ไทย 14,000 คน)
- คริสตจักรที่สถาปนาแล้ว 80,000 แห่ง
- ศาสนาจารย์ สถาปนาแล้ว 19,020 คน
- อนุศาสนาจารย์และผู้รับใช้อื่นๆ 279,604 คน
- โรงเรียนระดับประถมและมัธยม 7,760 แห่ง (ไทย 10 แห่ง)
- วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย 115 แห่ง (ไทย 1 แห่ง) นักเรียนและนักศึกษาทั่วโลกรวมกว่า 1.8 ล้านคน
- สำนักพิมพ์และโรงพิมพ์ 62 แห่ง (สำนักพิมพ์ไทย 1 แห่ง)
- โรงพยาบาล 175 แห่ง คลีนิค 385 แห่ง (ไทย 2 แห่ง) แต่ละปีมีผู้ใช้บริการกว่า18 ล้านคน
- บ้านพักคนชรา 140 แห่ง
- สถานสงเคราะห์เด็กไร้ที่พึ่ง 29 แห่ง (ไทย 1 แห่ง)
- โรงงานผลิตอาหารสุขภาพ 22 แห่ง (ไทย 1 แห่ง)
- หน่วยงานบรรเทาทุกข์แอ้ดดร้า (Adventist Relief and Agency) ทำงานใน 130 ประเทศรวมทั้งประเทศไทย ให้ความช่วยเหลือสาธารณภัยและพัฒนาชุมชนปีละกว่า 612 ล้านบาท
3. การสารภาพบาป คำสอนของคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์ฯ เรื่องการสารภาพบาปเชื่อตามคำสอนของพระคัมภีร์ทุกประการ ความรอดเป็นของประทานจากพระเจ้า มนุษย์รอดพ้นจากบาปโดยพระคุณ การสละพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ด้วยการประพฤติ เราเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นมหาปุโรหิต ทรงประทับในสวรรค์ ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า (ฮบ. 8:1) ในหลักข้อเชื่อข้อที่ 10 กล่าวว่า
“โดยความรักและพระเมตตา พระเจ้าทรงให้พระคริสต์ ผู้ไม่มีบาป ต้องมีบาป เพื่อโดยพระองค์เราทั้งหลายจะเป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า ได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราต่างมีความรู้สึกถึงความต้องการของตนเอง ยอมรับความเป็นคนบาปของตน กลับใจใหม่จากการละเมิดทั้งหลาย และฝึกฝนความเชื่อในพระเยซู ในฐานะที่ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์ ผู้ทรงทำหน้าที่แทนเราและทรงเป็นแบบอย่างของเรา ความเชื่อนี้ทำให้ได้รับความรอดพ้นจากบาป ซึ่งได้รับมาโดยฤทธานุภาพของพระเจ้าและพระวจนะ เป็นของประทานแห่งพระคุณของพระองค์ เราทั้งหลายจึงเป็นผู้ชอบธรรมโดยพระคริสต์ ได้รับเข้าเป็นบุตรชายหญิงของพระเจ้า และรับการช่วยกู้จากเจ้าแห่งความบาป เราทั้งหลายเกิดใหม่และได้รับการทำให้เป็นผู้ชอบธรรม พระวิญญาณทรงสร้างจิตใจของเราขึ้นมาใหม่ ทรงเขียนพระบัญญัติแห่งความรักของพระเจ้าไว้ในจิตใจ ทุกคนต่างได้รับฤทธิ์เดชในการดำเนินชีวิตอันบริสุทธิ์ เข้าสนิทอยู่ในพระองค์ ทำให้เรามีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า และมีหลักประกันแห่งความรอดตั้งแต่บัดนี้ และในวันพิพากษา (2 คร.5:17-21 ยน.3:16 กท.1:4; 4:4-7 ทต.3:3-7 ยน.16:8 กท.3:13, 14; 1 ปต.2:21, 22 รม.10:17 ลก.17:5 มก.9:23, 24 อฟ.2:5-10 รม. 3:21-26 คส.1:13, 14 รม. 8:14-17 กท. 3:26 ยน. 3:3-8; 1 ปต.1:23 รม.12:2 ฮบ.8:7-12 อสค. 36:25-27; 2 ปต.1:3, 4 รม.8:1-4; 5:6-10)
การที่กลุ่มนายเล่าย่าง นำสมาชิกเข้าป่าเพื่อสารภาพบาปในป่า มีการทดสอบความเชื่อ จึงเป็นคำสอนที่ไม่ถูกต้องตามพระคัมภีร์และความเชื่อของคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์ฯ นอกจากนี้ยังยืนยันว่า เขาเชื่อฟังเสียงที่พูดกับตนมากกว่าเชื่อฟังพระคัมภีร์
คำสอนเท็จ ผู้เผยพระวจนะเท็จยังคงมีต่อไป
ด้วยเหตุที่คริสตจักรของพระคริสต์เป็นสื่อกลางนำคนทั้งหลายรู้จักและเชื่อพระเยซู ผู้ทรงเป็นประตูสู่ชีวิตนิรันดร์ จึงตกเป็นเป้าหมายสำคัญในการทำลายของซาตาน ตั้งแต่พระเจ้าทรงเริ่มแผนการไถ่มนุษย์ให้รอดในพันธสัญญาเดิม การทำลายของซาตานไม่เคยหยุดยั้ง หนึ่งในวิธีการทำลายคือ นำเอาครูเท็จ การพยากรณ์เท็จ คำสอนเท็จ นิมิตเทียมเท็จเข้ามาในคริสตจักร ด้วยเหตุนี้พระเจ้า พระเยซูและอัครสาวกจึงเตือนผู้ติดตามพระองค์ให้ระวัง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- “มือของเราจะต่อสู้ผู้เผยพระวจนะที่เห็นนิมิตปลอมและทำนายเท็จ พวกเขาจะไม่ได้เข้าไปในสภาประชาชนของเรา หรือขึ้นทะเบียนอยู่ในทะเบียนของพงศ์พันธุ์อิสราเอล และพวกเขาจะไม่ได้เข้าในแผ่นดินอิสราเอล แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์องค์เจ้านาย” (อสค. 13:9)
- พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า “อย่าฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ ผู้เผยให้ท่านฟัง ทำให้ท่านเต็มด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ เขากล่าวถึงนิมิตในใจของเขาเอง ไม่ใช่จากพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์” (ยรม. 23:16)
- “วิบัติเมื่อทุกคนบอกว่าท่านดี เพราะบรรพบุรุษของเขาก็ทำอย่างนั้นกับพวกผู้เผยพระวจนะเท็จเหมือนกัน” (ลก. 6:26)
- “เพราะว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหลายคนปรากฏขึ้น แสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อล่อลวงแม้พวกที่พระเจ้าทรงเลือกถ้าเป็นได้” (มธ. 24:24)
- “ข้าพเจ้าทราบอยู่แล้วว่า เมื่อข้าพเจ้าไปแล้วจะมีพวกสุนัขป่าที่ดุร้ายเข้ามาในหมู่พวกท่าน และจะไม่ละเว้นฝูงแกะไว้เลย และจะมีบางคนในหมู่พวกท่านออกมาบิดเบือนความจริง เพื่อชักชวนสาวกให้หลงตามพวกเขาไป” (กจ. 20:29-30)
- “เพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนที่ถูกต้องไม่ได้ แต่พวกเขาจะรวบรวมบรรดาอาจารย์ไว้สำหรับตน ตามความอยากของตัวเองเพื่อสนองหูที่คัน พวกเขาจะเลิกฟังความจริงและหันไปฟังนิยายต่างๆ” (2 ทธ. 4:3-4)
- “…ท่านที่รักทั้งหลาย เมื่อพวกท่านรู้เรื่องนี้ก่อนแล้ว พวกท่านก็จงระวังให้ดี เพื่อไม่ให้หลงไปตามการผิดของคนชั่ว และสูญเสียความมั่นคงของพวกท่าน” (2 ปต. 3:17)
- “…จะมีผู้สอนเท็จเกิดขึ้นในพวกท่าน ซึ่งจะลอบเอาลัทธินอกรีตอันจะให้ถึงความพินาศเข้ามาเสี้ยมสอน จนถึงกับปฏิเสธองค์เจ้านายผู้ได้ทรงไถ่พวกเขาไว้…. ผู้สอนเท็จเหล่านี้เป็นบ่อที่ไร้น้ำ เป็นหมอกที่ถูกพายุพัดไป…พวกเขาพูดโอ้อวดอย่างเลื่อนลอย และใช้กิเลสตัณหาของเนื้อหนัง ดักจับคนทั้งหลายที่กำลังหนีไปจากพวกที่ดำเนินชีวิตในความหลงผิด” (2 ปต. 2:1, 17-18)
- ความจริงของพระวจนะเกราะป้องกันความเท็จ พระวจนะของพระเจ้าคือ เกราะป้องกันคริสเตียนไม่ให้หลงตามคำสอนเทียมเท็จ อัครทูตเปาโลแนะนำให้คริสเตียน “จงเข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในอานุภาพอันทรงพลังของพระองค์” โดย “สวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะสามารถต่อสู้กับอุบายของมารได้….จงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะสามารถต่อสู้ในวันชั่วร้ายนั้น…จงยืนหยัดไว้ เอาความจริงคาดเอว” (อฟ.6:10-14) ต่อไปนี้คือหลักการพิสูจน์ความเท็จด้วยความจริง
- ข่าวสารของผู้เผยพระวจนะแท้สอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้าและพระบัญญัติของพระองค์ “ไปดูธรรมบัญญัติและถ้อยคำพยาน แน่ทีเดียวคนที่ไม่พูดเช่นข้าพเจ้า ก็จะเป็นคนที่ไม่มีรุ่งอรุณเลย” (อสย. 8:20)
- คำพยากรณ์ของผู้เผยพระวจนะจะเป็นจริงตามที่กล่าว “เมื่อผู้เผยพระวจนะกล่าวคำในพระนามของพระยาห์เวห์ ถ้าไม่เป็นจริงตามถ้อยคำนั้นและสิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น ถ้อยคำนั้นไม่ได้เป็นพระวจนะที่พระยาห์เวห์ตรัส ผู้เผยพระวจนะนั้นบังอาจกล่าวเอง อย่าเกรงกลัวเขาเลย” (ฉธบ. 18:22)
- ถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะแท้เสริมสร้าง คริสตจักร ให้คำแนะนำที่ส่งสริมจิตวิญญาณ “ผู้ที่เผยพระวจนะนั้น พูดกับมนุษย์เพื่อให้เจริญขึ้น ให้มีการชูใจและการปลอบใจ…ผู้เผยพระวจนะนั้นทำให้คริสตจักรเจริญขึ้น” (1 คร. 14:3-5)
- ผู้เผยพระวจนะแท้ยกย่องพระคริสต์ในฐานะพระบุตรของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์ “ผู้ที่ยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าทรงอยู่ในคนนั้น และคนนั้นอยู่ในพระเจ้า” (1 ยน. 4:15)
- ผู้เผยพระวจนะแท้สั่งสอนด้วยสิทธิอำนาจ (มธ.7:29) พระเยซูทรงเป็นตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงสั่งสอนในสิ่งที่ทรงเห็นและได้ยินจากพระบิดา (ยน. 8:26, 28, 38) ผู้เผยพระวจนะจะเปิดเผยสิ่งต่างๆ ตามที่พระเจ้าทรงสำแดงให้เห็นด้วยอำนาจของพระองค์
- ผู้เผยพระวจนะแท้ย่อมเกิดผลดี “ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้…เพราะฉะนั้น พวกท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของพวกเขา” (มธ.7:18, 20)
ในนามของพี่น้องเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสทุกคน ผู้เขียนขอใช้โอกาสนี้ ขออภัยพี่น้องคริสเตียนไทยทุกคณะนิกายในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอบคุณทุกท่านที่อธิษฐานเผื่อคริสตจักรของเราในการแก้ไขปัญหา เราพยายามปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูด้วยความอดทน ดังคำอุปมาเรื่องข้าวละมาน ทรงตรัสว่า ‘นี่เป็นการกระทำของศัตรู’ ทาสเหล่านั้นจึงถามว่า ‘ท่านปรารถนาจะให้เราไปถอนและเก็บข้าวละมานไหม?’ แต่นายตอบว่า ‘อย่าเลย เกรงว่าเมื่อกำลังถอนข้าวละมานจะถอนข้าวดีด้วย ให้ทั้งสองเติบโตไปด้วยกันจนถึงฤดูเกี่ยว” (มธ. 13:28-30) คริสตจักรได้พยายามใช้ความอดกลั้นจนถึงที่สุด และพร้อมอ้าแขนรับพี่น้องที่ต้องการกลับไปยังโบสถ์เดิมของเขาเสมอ เพื่อร่วมสามัคคีธรรมและเสริมสร้างชีวิตคริสเตียนด้วยกันต่อไป ดังพระดำรัสของพระผู้ช่วยให้รอดของเราได้ตรัสไว้ “ถ้าท่านรักกันและกัน ดังนี้แหละทุกคนก็จะรู้ว่าท่านเป็นสาวกของเรา” (ยน. 13:35)
โดยพระเมตตาของพระเจ้า พระองค์ทรงเปลี่ยนวิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาส การออกรายการโทรทัศน์ ในวันนั้น ทำให้เราเป็นพยานถึงความรักของพระคริสต์ให้แก่คนไทยทั่วประเทศ ศาสนิกชนในศาสนาอื่นได้ทราบถึงความเชื่อของคริสเตียนและความรักของเราต่อพี่น้อง ผู้เขียนอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงนำคริสเตียนไทยทุกท่านใช้โอกาสนี้ อธิบายความเชื่อของเราแก่ประชาชนที่ยังไม่รู้จักความรอดในพระคริสต์ และประกาศความจริงของพระองค์ด้วยความยินดี
- ศาสนาจารย์ ดร.สุรเชษฐ์ อินสม
- ภาพ Ilixe48 – Freepik.com