คำสาปฟาโรห์
สมัยที่ผมยังเรียนชั้นประถมศึกษา น้าสาวคนสุดท้องมีการ์ตูนเรื่องโปรดอยู่เรื่องหนึ่ง เด็กผู้ชายอย่างผมมักล้อเลียนการ์ตูนแบบนั้นว่าการ์ตูนผู้หญิง หรือการ์ตูนตาหวาน แต่พอผมลองแอบหยิบขึ้นมาอ่าน ก็วางไม่ลงจริงๆ จะมีข้อเสียตรงที่ผู้เขียนช้าเหลือเกิน ทุกวันนี้ผมเรียนจบปริญญาโทมาสิบกว่าปีแล้ว แต่การ์ตูนเรื่องนี้ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเขียนจบ สักทีการ์ตูนเรื่องนั้นชื่อ “คำสาปฟาโรห์” เรื่องราวของสาวฝรั่งผมทองที่หลงไปในยุคอียิปต์โบราณมีเนื้อเรื่องชวนน่าติดตามมากจริงๆ แต่นั่นก็เป็นเพียงจินตนาการ ของผู้เขียนเท่านั้น แต่คำสาปฟาโรห์มีอยู่จริงเมื่อผมได้เปิดอ่านในพระธรรมอพยพ เรื่องราวภัยพบัตินานาประการ ที่พระเจ้า มีต่อฟาโรห์ มีใจแข็งกระด้าง และพยายามต่อสู้พระเจ้าเที่ยงแท้ อย่างไม่ลดละ นำมาซึ่งความพินาศย่อยยับของประเทศมหาอำนาจในยุคโบราณ สร้างความเสียหายร้ายแรงยิ่งกว่าคำสาปในนิทานหรือการ์ตูนมากมายนัก
โลกในยุคโลกาภิวัฒน์คงไม่มีใครสนใจเรื่องเล่าที่เป็นตำนาน หรือนิทานเรื่องเล่ามากมายนัก เว้นเสียแต่อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน แต่พระคำของพระเจ้านั้นเป็นความจริงที่เราสามารถแสวงหาได้พบเป็นสิ่งที่เตือนใจเราได้อยู่เสมอ และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ชีวิตของเราต้องย่อยยับไปดั่งฟาโรห์ ผู้มีใจดื้อดึง บทเรียนและเรื่องราวของกษัตริย์ในโลกโบราณที่ผมกำาลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้น่าจะให้บทเรียนที่สำาคัญแก่คนที่ต้องการพร และหลีกเลี่ยงคำสาปแช่งได้เป็นอย่างดี ผมขอยกข้อพระคัมภีร์ 3 ข้อจากพระธรรมอพยพ ซึ่งจะสอนให้เรามีชีวิตที่ได้รับพรและไม่ต้องคำสาปดังชีวิตของฟาโรห์ ดังนี้
- อพยพ 4:23 เราบอกแก่เจ้าว่า “จงปล่อยบุตรของเราให้ไปนมัสการเรา” ถ้าเจ้าไม่ยอม เราจะประหารบุตรหัวปีของเจ้าเสีย’ ”
- อพยพ 8:20 พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า“จงลุกขึ้นแต่เช้าแล้วไปคอยเข้าเฝ้าฟาโรห์ ฟาโรห์กำาลังมายังแม่น้ำ แล้วเจ้าจงบอกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “จงปล่อยประชากรของเราไปนมัสการเรา
- อพยพ 10:3 โมเสสและอาโรนจึงไปเข้าเฝ้าฟาโรห์ทูลว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของคนฮีบรูตรัสดังนี้ว่า ‘เจ้าจะขัดขืนไม่ยอมอ่อนน้อมต่อเรานานสักเท่าไร? จงปล่อยประชากรของเราไปนมัสการเรา
พระวจนะของพระเจ้าสามข้อนี้มีความคล้ายคลึงและเกี่ยวข้องกัน ในด้านเนื้อหา กล่าวคือ เป็นเรื่องราวของโมเสสและอาโรนในฐานะผู้นำอิสราเอล ซึ่งได้กล่าว ต่อรองกับฟาโรห์ให้ปล่อยประชากรของพระเจ้าเพื่อไปนมัสการพระองค์ และทุกครั้งที่ฟาโรห์มีใจแข็งกระด้างและไม่ฟังเสียงผู้รับใช้ของพระองค์ พระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดภัยพิบัติแก่แผ่นดินอียิปต์ ทั้งแม่น้ำาไนล์กลายเป็นเลือด ทั้งภัยจากตั๊กแตน และภัยร้ายแรงที่สุดก็คือความตายที่มีต่อบุตรหัวปีทั้งสิ้นของทุกสิ่งมีชีวิตในอียิปต์ภายในค่ำคืนเดียว พระวจนะของพระเจ้าทั้งสามข้อนี้ทำให้เราทราบกุญแจสำคัญของพรและคำาสาปว่า
ประการแรก
“พระเจ้าทรงอวยพรเราผ่านการนมัสการ”การนมัสการไม่ใช่แค่การมานั่งฟังเสียงเพลง หรือคำเทศนาในคริสตจักร แต่ยังหมายความรวมถึงทุกๆการสื่อสารระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ การสื่อสารที่มุ่งหวังสร้างความสัมพันธ์สนิทกับพระองค์การร้องเพลงนมัสการเป็นการสร้างความตระหนักว่าเราต้องสรรเสริญพระเจ้า เพราะพระองค์เป็นเช่นนั้นคือเป็นพระเจ้า ที่สมควร แก่คำสรรเสริญคำเทศนาเป็นหนึ่งในหลายๆช่องทางที่พระเจ้าปรารถนาจะตรัสกับบุตรของพระองค์ และแน่นอนว่ามากกว่าแค่วันอาทิตย์ เพราะพระเจ้าปรารถนาจะมีความสัมพันธ์กับเราทั้งหลายที่ได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระองค์ทุกวัน และในทุกวิถีทาง การมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าจึงหมายถึงความสนิทสนมกับพระองค์ และนี่เป็นเคล็ดลับประการแรกที่ทำให้ชีวิต ของเราได้รับพร ฟาโรห์ห่างไกลจากพระเจ้า จึงห่างไกลจากพร และสิ่งที่ได้รับเป็นคำสาปแช่งแห่งภัยพิบัตินานาประการ ชีวิตของเราจะได้รับพรเมื่อเรามีชีวิตที่นมัสการ
ประการต่อมา
“การทำาตัวขัดขวางหรือเป็นอุปสรรคต่อการนมัสการของผู้อื่นเป็นเหตุแห่งการแช่งสาป”ฟาโรห์ต้องถูกลงทัณฑ์ด้วยภัยพิบัตินานัปการก็เพราะเขามีใจแข็งกระด้างและขัดขวางประชากรของพระเจ้าไม่ให้นมัสการพระองค์ และไม่ปล่อยบุตรของพระองค์ให้เป็นไท เราลองมาพิจารณาถึงบริบทของเราแต่ละคนในสังคมสักนิด เราหลายคนเป็นเจ้านาย เป็นหัวหน้างาน เป็นเจ้าของธุรกิจบางคนเป็นหัวหน้าครอบครัว บ้างก็เป็นคนกำหนดนโยบายของคริสตจักร หากพิจารณาในมุมนี้ท่านก็เป็นคนที่มีสิทธิอำนาจ ในการอำนวยความสะดวก หรือเป็นอุปสรรคให้คนของพระเจ้าสามารถไปนมัสการ หรือไม่สามารถไปนมัสการพระองค์ได้เช่นเดียวกับฟาโรห์แห่งอียิปต์ ลองถามคำาถามตัวเองว่า เรามีนโยบายทำงานในวันสะบาโตหรือไม่?การทำเช่นนั้น คือการไม่รักษาวันสะบาโต คือการไม่รักษาวันสะบาโต และขัดขวางการไปนมัสการ พระเจ้าของตัวท่านเอง คนในครอบครัว ตลอดจนลูกจ้าง และคนในความดูแลของท่านหรือไม่? ท่านต้องตอบคำาถามนี้ เพราะมิเช่นนั้นแล้วพระเจ้าจะทรงตีสอนท่านด้วยความรักเพื่อให้ท่านหันกลับมามีใจถ่อม เหมือนใน อพยพ10:3 ที่พระเจ้าทรงตรัสว่าเจ้าจะขัดขืน ไม่ยอมอ่อนน้อมต่อเรานานสักเท่าไร? จงปล่อยประชากรของเราไปนมัสการเรา” ถามกับตัวเองว่าวันนี้พระเจ้า กำลังถามคำถาม นี้กับท่านหรือไม่? ถ้าท่านเป็นพ่อแล้วท่านนอนดึก พอรุ่งเช้าท่านไม่มีแรงลุกขึ้น มาขับรถพาครอบครัวไปคริสตจักรมันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไหม? แล้วถ้าท่านเป็นลูกที่นอนดึก ตื่นสาย ทำให้พ่อแม่ต้องไปคริสตจักรสายกว่าที่ควรจะเป็น นั่นเป็นการทำาตัวเป็นอุปสรรคต่อการนมัสการหรือไม่? ถ้าพ่อแม่เลือกให้ลูกเรียนพิเศษในวันอาทิตย์มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไหม?
ถามตัวเองให้ชัดๆ พระคำาของพระเจ้าไม่ได้ขู่ พระเจ้าจะตีสอนเราไม่เหมือนที่ตีฟาโรห์ เพราะพระองค์ทรงรักเรา พระองค์จำเป็นต้องตีเราให้เจ็บพอที่จะสำนึกและหันกลับมาฟังพระสุรเสียงของพระองค์เราถูกตีพอจะสำนึกได้เองแล้วหรือยัง? หรือยังอยากให้พระองค์ตีสอนมากกว่านี้?หลายครั้งที่ชีวิตของเราไปได้ไม่ไกลนัก อาจเป็นเพราะเราขัดขวางการนมัสการของคนรอบข้างอย่างรู้เท่าไม่ถึง และไม่เพียงแต่วันอาทิตย์เท่านั้น ถ้าหากเราต้องการรับพรในครอบครัว เราจำเป็นต้องสร้างบรรยากาศในการนมัสการที่บ้าน ทุกวันการเป็น แบบอย่างที่ดีแก่คนในครอบครัวทั้งเรื่องการอ่านพระคัมภีร์ การอธิษฐาน เป็นเรื่อง สำคัญไม่น้อยเลย ที่จะนำพรมาสู่ชีวิต ของท่านและครอบครัว ดังนั้นสำรวจชีวิตของเรา สักนิดว่าทุกวันนี้เราทำสิ่งใดเป็นอุปสรรคต่อการมีสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้าในบ้าน และคนรอบข้างบ้างหรือไม่ ถ้าคำาตอบคือใช่ขอพระเจ้าเมตตา โปรดรีบแก้ไขเพื่อพรในชีวิตจะไม่ขาดแคลนอีกต่อไป
ประการสุดท้าย
“คำสาปที่น่ากลัวคือ การประหารบุตรหัวปี”ภัยพิบัติสุดท้ายที่ทำาให้ฟาโรห์ยอมปล่อยประชากรอิสราเอลก็คือ การประหารบุตรหัวปีของสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งในอียิปต์ ทั้งกษัตริย์ ข้าราชการ ประชาชนและสัตว์ต่างๆ บุตรหัวปีคือผลแรก คืออรุณใหม่แห่งสายเลือด สิ่งที่เราทุกคนพยายามก่อร่างสร้างตัวด้วยกำลังและความคิดจะไม่มีเหลือชิ้นดี บรรดาผลแรกของคนที่ขัดขวางพระเจ้าจะถูกกวาดล้างไป ถามว่าพระเจ้าทรงโหดร้ายอย่างนั้นหรือ? ไม่เลย แต่เพราะพระองค์ทรงรักท่าน หากพระองค์ไม่สนใจในตัวของเราทั้งหลาย พระองค์คงปล่อยให้เราทำตามความพอใจของเราเอง และคงปล่อยให้เราจากโลกนี้ไปอย่างไม่กลับใจใหม่ และรองรับโทษแห่งไฟในวันแห่งการ พิพากษา พระองค์จำเป็นต้องตีราคาด้วยความรัก และต้องตีหนักพอที่เราจะ รู้สึกได้ว่า เราทั้งหลายควรนิ่งเสีย และรู้เถิดว่าพระองค์เป็นพระเจ้า
คำสาปฟาโรห์คือภัยพิบัติ ซึ่งพระเจ้าทรงลงทัณฑ์ บรรดาผู้คนที่ขัดขวาง การนมัสการที่มีต่อพระองค์ ผมขอให้คำสาปฟาโรห์เป็นเพียงบทเรียนที่ให้ข้อคิดสำหรับเราทุกคน แต่ขออย่าให้เกิดขึ้นจริง และมีผลเสียหายต่อชีวิตของเราทั้งหลายในโลก แห่งความเป็นจริงเลย ขอพระเจ้าเมตตาเปิดเผยความล้ำลึกแห่งความรู้ และพระพรทั้งสิ้นแก่พระวจนะของพระองค์ ผู้อ่านที่รักทุกท่าน จะสามารถค้นพบพระพรมากยิ่งขึ้นหากท่านสนใจและใคร่ครวญความจริงผ่านพระวจนะของพระองค์ขอพระเจ้าอวยพรครับ
- อาจารย์วิทยา วุฒิไกรเกรียง
- ภาพ www.myjewishlearning.com