งานศพ (Funeral)
คำว่า “งานศพ”(Funeral, ฟิว’เนอรัล) นี้หมายความถึง “พิธีที่จัดขึ้นเพื่อการฝังหรือการเผาศพผู้ที่เสียชีวิต” (The ceremonies held in connection with the burial or cremation of the dead.)1
คำนี้เป็นได้ทั้งคำนาม และคำคุณศัพท์ มาจากรากศัพท์ภาษาลาตินว่า “funus” ที่แปลว่า “death rites” (พิธีเกี่ยวกับความตาย) หรือ “burial” (การฝัง) !
พวกเราทุกคนที่อ่านบทความนี้คงหนี “งานศพ” หรือ “พิธีศพ” (funeral) ไม่พ้นในชีวิตนี้!
ถึงแม้เราจะไม่เคยไปร่วมงานศพของคนอื่น ในที่สุดก็คงไม่แคล้วที่จะต้องมีคนมาร่วมงานศพของเรา!
ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ได้กล่าวถึง “ประโยชน์ของงานศพ” ไว้อย่างน่าคิด..
“ไปยังเรือนที่มีการไว้ทุกข์ก็ดีกว่าไปยังเรือนที่มีการเลี้ยงกัน เพราะนั่นเป็นวาระสุดท้ายของมนุษย์ทั้งปวง และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จะเอาเหตุการณ์นั้นใส่ไว้ในใจ” 2
คงเหมือนประเพณีของชาวไทยที่มีการรดน้ำศพ โดยการรดน้ำลงบนฝ่ามือของผู้ตาย เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนที่ยังมีชีวิตให้ตระหนักว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ร่ำรวยมาจากไหน ใหญ่โตหรือประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดังมากปานใด สุดท้ายก็จบลงด้วยการจากไปมือเปล่า!
เหมือนกับที่ปัญญาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า….
”เขาได้คลอดมาจากครรภ์มารดาตัวล่อนจ้อนฉันใด
เขาจะกลับไปอีกเช่นเดียวกันฉันนั้น
และเขาจะเอาอะไรซึ่งเป็นผลงานของเขาติดมือไปไม่ได้สักอย่างเดียว…
นี่เป็นสิ่งสามานย์อันน่าสลดใจอีก คือ เขาได้เกิดมาอย่างไร
เขาก็ต้องไปอย่างนั้น เขาจะได้ประโยชน์อะไรเล่า ที่เขาได้ลงแรงเพื่อลมแล้ง” 3
เช่นเดียวกัน เราผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็น่าจะสำเหนียกเช่นกันว่า ในไม่ช้าชีวิตของเราก็จะมาถึงวาระสุดท้าย
เช่นเดียวกันนั้น
ดังนั้น อย่าประมาท และอย่าปล่อยให้ชีวิตผ่านไปวัน ๆ อย่างไร้ความหมายและไร้ความสุขความยินดี!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเรามีความขัดเคืองหรือความขมขื่นต่อผู้ที่จากไป เราก็น่าจะฉวยโอกาสนี้ให้อภัยหรืออโหสิกรรมให้แก่เขา เหมือนที่วันหนึ่งเราคงต้องการให้คนอื่นอโหสิกรรมให้กับเราเช่นกัน! และเราควรกระทำเช่นนั้น ณ บัดนี้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงงานศพก่อนแล้วจึงค่อยทำ!
พระเยซูคริสต์ตรัสไว้เป็นกฎทองคำว่า “จงปฏิบัติต่อผู้อื่น อย่างที่ท่านปรารถนาให้เขาปฏิบัติต่อท่าน”4
(So in everything do to others what you would have them do to you.)
ฉะนั้น เมื่อเรารู้อยู่แล้วว่า งานศพ (Funeral) ของเราจะต้องมาถึงอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปได้!
ก็ขอให้เราตั้งเป้าที่จะให้ งานศพ ของเรานั้นเป็นงานแห่งเกียรติยศของเรา (และครอบครัว) ไม่ใช่งานแห่งความอัปยศอดสู ของเราและวงศ์ตระกูล!
ขอให้วันนั้นเป็นวันที่เรามีชื่อเสียงดีที่สุด ไม่ใช่เป็นวันที่เราร่ำรวยที่สุด!
ขอให้วันนั้นเป็นวันที่ปวงชนและญาติมิตรร่ำไห้อาลัยในความดีงามของเรา ไม่ใช่หัวเราะโห่ร้องด้วยความยินดี!
ปัญญาจารย์กล่าวสรุปเป็นสัจธรรมที่เยี่ยมยอดไว้ดังนี้ “ชื่อเสียงดี ก็ประเสริฐกว่าน้ำมันหอมอย่างวิเศษ และวันตายก็ดีกว่าวันเกิด” 5
ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้….ขอให้ “วันตาย” ของเราดีกว่า “วันเกิด” ของเรา! และยามที่เราต้องมาถึงสุดทางของชีวิตจริง ๆ ขอให้ “งานศพ” (Funeral)ของเราเป็นงานประกาศเกียรติคุณแห่งความดีงามในชีวิตของเราที่โด่งดังยิ่งกว่า งานประกาศผลรางวัลใด ๆ บนพื้นพิภพนี้
ดีไหมครับ?
- The American Heritage Dictionary
- ปัญญาจารย์ 7:2
- ปัญญาจารย์ 5:15-16
- มัทธิว 7:12
- ปัญญาจารย์ 7:1
- บทความ ศาสนาจารย์ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
- ภาพ Freepik.com