ชีวิตเดียว โอกาสเดียว 1/19

ชีวิตเดียว โอกาสเดียว

สมัยที่ผมยังเรียนมหาวิทยาลัยมีสถานที่แห่งหนึ่งที่วัยรุ่นชายนิยมไปรวมตัวกันมากคือ “เกมอาเขต” หรือที่ผมเรียกติดปากว่าไปเล่นเกมตู้ ลักษณะก็เหมือนวีดีโอเกมตามบ้าน หรือเกมบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน เพียงแต่ตอนนั้นถ้าใครอยากเล่นเกมก็ต้องแลกเหรียญมานั่งเล่นเกมตู้กัน ผมชอบเล่นเกมตู้เอามากๆจนขนาดออมเงินได้หลายร้อยเพื่อมาเตรียมนั่งเล่นทั้งวัน จุดมุ่งหมายเดียวของคนที่มานั่งเล่นเกมก็คือ เราต้องการทำลายสถิติสูงสุดของคะแนนในแต่ละเกม เหรียญแล้วเหรียญเล่าถูกหยอดลงไปในเกม ต่างคนต่างเล่นอย่างเอาจริงเอาจัง แต่สุดท้ายเมื่อร้านเกมค่อยๆ ปิดลงในแต่ละวัน คะแนนเหล่านั้นก็กลายเป็นเหมือนหมอกที่หายไปและไม่มีใครนึกถึงหรือให้ความสำคัญกับมันอีกเลย ชีวิตจริงของเราไม่ใช่เกมที่เริ่มต้นเล่นใหม่ได้เรื่อยๆ

ชีวิตเป็นสิ่งมีค่าและเรามีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น หากเรามัวแต่สนใจสิ่งที่ไม่คุ้มค่าเราก็คงถูกเรียกว่าเป็นคนไม่ฉลาด พระวจนะพระเจ้าในพระธรรมลูกาบทที่12 ข้อ16 ถึง 21 เป็นอุปมาเกี่ยวกับเศรษฐีโง่ ซึ่งใช้ชีวิตอย่างไม่คุ้มค่า พระวจนะตอนนี้ได้ให้ความจริงเกี่ยวกับความมีค่าของชีวิตไว้อย่างน่าสนใจ

ประการแรก

ชีวิตมีค่า เพราะชีวิตเกิดผลและเป็นพระพรได้ ในพระธรรมตอนนี้ข้อ16-17 บันทึกไว้ว่า “แล้ว​พระ​องค์​ตรัส​อุป​มา​เรื่อง​หนึ่ง​ให้​เขา​ฟัง​ว่า “ไร่​นา​ของ​เศรษฐี​คน​หนึ่ง​เกิด​ผล​บริ​บูรณ์​มาก เศรษฐี​คน​นั้น​จึง​คิด​ใน​ใจ​ว่า ‘ข้า​จะ​ทำ​อย่าง​ไร​ดี? เพราะ​ว่า​ข้า​ไม่​มี​ที่​ที่​จะ​เก็บ​พืช​ผล​ของ​ข้า’” พระคัมภีร์ตอนนี้บอกกับเราว่า “ไร่นาของเศรษฐีคนหนึ่งเกิดผลบริบูรณ์มาก” แปลความได้ว่าเศรษฐีคนนี้มีความสามารถ หรือคงมีคนเก่งๆที่มาช่วยทำให้พื้นที่ของเขากลายเป็นนาที่เกิดผล และไม่ได้เกิดผลแบบปกติ แต่พระคัมภีร์ใช้คำว่า เกิดผลบริบูรณ์มาก และมันมากจนกระทั่งเกินความจำเป็นของตัวเศรษฐีเอง และมากไปกว่านั้นมากเกินความต้องการในการสะสมเพื่ออนาคตของตัวเองด้วย เราทราบได้อย่างไร? เพราะเศรษฐีคิดในใจว่า ‘ข้าจะทำอย่างไรดี? เพราะว่าข้าไม่มีที่ที่จะเก็บพืชผลของข้า’ พี่น้องคงสามารถจินตนาการได้ว่าคนที่รวยจนได้ชื่อว่าเศรษฐีนั้น สถานที่ที่เขาสร้างขึ้นเพื่อใช้เก็บผลผลิตนั้นต้องใหญ่โตกว่าคนธรรมดาอย่างแน่นอน แต่เวลานี้พืชผลเกิดมามากมายจนที่เก็บมีไม่พออีกต่อไป

แม้เราทุกคนไม่ได้เป็นเจ้าของนาแบบเศรษฐีคนนี้ หรือไม่ได้ร่ำรวยในทรัพย์สิน แต่เราทุกคนที่นี่ต่างได้รับการอวยพรจากพระเจ้าในชีวิตให้เกิดผลบริบูรณ์มากในด้านที่แตกต่างกันไป อาจจะเป็นความสามารถในการเล่นดนตรีที่เก่งกว่าคนทั่วไป เพราะคนอย่างผมถ้าต้องเล่นดนตรีบนเวที ผมต้องซ้อมอย่างมาก เพราะไม่เก่ง ไม่ถนัด ต้องดูโน้ต ดูคอร์ด และเล่นได้เฉพาะเพลงง่ายๆ แต่กับบางคนแค่ฟังเขาก็เล่นตามได้ทันที และเล่นได้ดีราวกับว่าซ้อมมาเป็นเวลานาน มีความสามารถแบบนี้เป็นพระพรกับคนอื่นๆ แน่นอน ในทางกลับกัน ท่านมีความสามารถจนล้นเหลือ แต่ไม่เคยใช้เป็นพรกับคนอื่นๆ เราก็คงไม่ต่างอะไรกับเศรษฐีคนนี้ ที่พระเยซูใช้คำเชิงตำหนิว่า เศรษฐีโง่ เขาไม่ได้โง่ในการหาเงิน แต่โง่ในการใช้ชีวิตที่มีค่าของเขาอย่างไม่คุ้มค่าเลย การมีสิ่งดีมากมายแล้วไม่ได้ใช้ก็ไม่ต่างอะไรกับเศรษฐีโง่ที่ตั้งใจเก็บทุกอย่างเพื่อตัวเอง และเขาคงสบายใจกว่าที่หนูจะกัดแทะข้าวของเขา มากกว่าจะแจกจ่ายให้กับคนจน

ประการต่อมา

ชีวิตมีค่า เพราะเราทำเพื่อคนอื่นได้ พระคัมภีร์ในข้อที่ 18- 19 บันทึกไว้ว่า “เขา​จึง​คิด​ว่า ‘ข้า​จะ​ทำ​อย่าง​นี้ คือ​จะ​รื้อ​ยุ้ง​ฉาง​ของ​ข้า​และ​จะ​สร้าง​ใหม่​ให้​ใหญ่​โต​ขึ้น แล้ว​ข้า​จะ​รวบ​รวม​ข้าว​และ​สม​บัติ​ทั้ง​หมด​ของ​ข้า​ไว้​ที่​นั่น แล้ว​จะ​บอก​กับ​จิต​ใจ​ของ​ข้า​ว่า “จิต​ใจ​เอ๋ย เจ้า​มี​ทรัพย์​สม​บัติ​มาก​เก็บ​ไว้​พอ​หลาย​ปี จง​อยู่​สบาย กิน ดื่ม และ​รื่น​เริง​เถิด” ’ ผู้อ่านทราบหรือไม่ว่ามนุษย์เป็นการทรงสร้างเดียวที่พระเจ้าบรรจุพระลักษณะของพระองค์ลงในการทรงสร้างนั้น พระลักษณะนั้นคือความรัก และการอยู่บนโลกนี้เพื่อคนอื่นเช่นเดียวกับที่พระเยซูคริสต์ยอมลงมาบนแผ่นดินโลกนี้เพื่อไถ่ผู้คนจำนวนมากบนโลกออกจากความผิดบาป

ถ้าถามว่าเศรษฐีคนนี้พลาดเพราะอะไร เขาไม่ได้พลาดเพราะเขาไม่มี แท้จริงแล้วเขามีมากมายกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ แต่เขาพลาดเพราะไม่ได้คิดเลยสักนิดว่าของที่เขามี เขาสามารถแบ่งให้กับคนอื่นได้บ้าง

พระวจนะตอนนี้กำลังบอกกับเราว่า ไม่ได้สำคัญว่าเรามีมากหรือน้อยกว่าคนอื่น ชีวิตไม่ได้อยู่เพื่อเล่นเกมอวดคะแนนกัน แต่เรามีชีวิตเพื่อนมัสการ และการนมัสการที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งคือการสำแดงพระคริสต์ สำแดงความรักให้กับผู้คน ลองก้าวออกไปนอกประตูที่เรียกว่าความเห็นแก่ตัว และเราจะพบว่าเราสามารถมีความสุขแท้ได้จากการให้ ให้ในสิ่งที่เรามีแม้ว่าไม่ได้มากกมายอะไรก็ตาม

ประการที่สาม

ชีวิตมีค่า เพราะชีวิตมีอย่างจำกัด พระธรรมตอนนี้ในข้อที่ 20 บันทึกไว้ว่า “แต่​พระ​เจ้า​ตรัส​กับ​เขา​ว่า ‘โอ คน​โง่ ใน​คืน​วัน​นี้​ชีวิต​ของ​เจ้า​จะ​ต้อง​เรียก​เอา​ไป​จาก​เจ้า แล้ว​ของ​ที่​เจ้า​รวบ​รวม​ไว้​นั้น​จะ​เป็น​ของ​ใคร?” มนุษย์ทุกคนต่างก็มีวาระของตัวเอง เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าวาระสุดท้ายของเราจะมาถึงเมื่อใด เศรษฐีคนนี้ถูกเรียกว่าคนโง่ เพราะเขาคิดว่ายังมีเวลาอีกนานกว่าเขาจะถึงวาระสุดท้าย เขาคิดแต่เพียงว่าตอนนี้คือช่วงแห่งการ กอบโกย แม้เขาฉลาดในการหาเงิน แม้เขาไม่ได้คดโกงใคร แต่เขาเข้าใจผิดที่หลงคิดว่าสามารถชื่นชมทรัพย์ที่เขามีไปนานๆ ตราบเท่าที่เขาต้องการได้

พระวจนะกำลังเตือนท่านเช่นกันว่า อย่าคิดอย่างคนโง่แบบนั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราจะตายวันไหน จงใช้ชีวิตที่มีวาระอันจำกัด ทำเรื่องที่มีคุณค่ามากที่สุด จงอยู่โดยคิดว่าพรุ่งนี้ คืนนี้ หรือวินาทีต่อจากนี้ อาจเป็นวาระสุดท้ายของเรา

ประการสุดท้าย

ชีวิตมีค่า เพราะเราเลือกลงทุนในโลกหลังความตายได้ พระธรรมบันทึกไว้ในข้อที่ 21 เอาไว้ว่า “คน​ที่​สะ​สม​ทรัพย์​สม​บัติ​ไว้​สำหรับ​ตัว และ​ไม่​ได้​มั่งมี​ฝ่าย​พระ​เจ้า​ก็​เป็น​เช่น​นั้น​แหละ”

พระคัมภีร์ให้ภาพตราชั่งกับเรา ข้างหนึ่งคือทรัพย์สมบัติชั่วคราวบนโลกนี้ และอีกข้างหนึ่งคือบำเหน็จบนแผ่นดินสวรรค์ พระคัมภีร์ใช้คำว่า มั่งมีฝ่ายพระเจ้า ซึ่งทำให้เราต้องทบทวนกับตัวเองว่า ตราชั่งของเราในเวลานี้เป็นอย่างไรบ้าง มันเอียงไปข้างไหน ความมั่งมีบนโลก หรือความมั่งมีฝ่ายพระเจ้า ถ้าจะมองให้ดีเราสามารถตีความได้ว่า ในขณะที่เรายังมีชีวิต เราสามารถแปรเปลี่ยนความมั่งมีบนโลกที่เรามี ทั้งทรัพย์สินเงินทอง ความสามารถ และเวลาของเรา กลายไปเป็นความมั่งมีฝ่ายพระเจ้าได้ ด้วยการถวายเพื่อพันธกิจของพระเจ้า องค์กรสาธารณะประโยชน์ที่ทำสิ่งดีเพื่อสังคมโลก เรายังสามารถรับใช้ด้วยชีวิตและเวลาของเรา ซึ่งมีค่ามากยิ่งกว่าเงินทองของเราเสียอีก การใช้เวลาที่มีค่าของเรากับการนมัสการอธิษฐานและเฝ้าเดี่ยว ลงทุนสอนความจริงด้วยการเป็นครูรวี หรือถ้าเราทำเองไม่ได้ ก็อยู่เพื่อสนับสนุนคนที่สามารถทำได้ ให้เขาไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ช่วยกันรับใช้เพื่อแผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่ ให้สมกับที่พระเยซูคริสต์ลงมาประสูติในวันคริสต์มาส พระเจ้าลงทุนกับเราทุกคนที่นี่ด้วยชีวิตของพระองค์เอง เพื่อให้เราสามารถได้รับสิทธิพิเศษของการอยู่เพื่อมั่งมีฝ่ายพระเจ้าได้

พี่น้องที่รัก เรามี “ชีวิตเดียว โอกาสเดียว” เราอยากจะเลือกใช้ชีวิตและโอกาสของเราแบบไหน แบบเศรษฐีโง่ คือการกอบโกยหาความสุขเต็มที่บนโลกนี้เพื่อตัวเอง หรือท่านจะเลือกรับสติปัญญาจากพระเจ้า โดยใช้ชีวิตเดียวนี้อย่างคุ้มค่าที่สุด ลงทุนเพื่อคนอื่น เพื่อชีวิตนิรันดร์ในโลกหลัง ความตาย เราทุกคนต่างมีสิทธิจะเลือกใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ แต่ทุกสิ่งที่เราทำนั้นวันหนึ่งจะถูกวางตรงหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อพิจารณาอย่างเป็นธรรม ขอพระเจ้าทรงนำทุกท่านเลือกใช้ชีวิตอย่างฉลาดที่สุดด้วยเถิด ขอพระเจ้าอวยพร

  • อาจารย์วิทยา วุฒิไกรเกรียง
  • ภาพ Farknot – Freepik.com