ตามหาอาม่าฮุ้ยเจ็ง
สืบเนื่องจากบทสัมภาษณ์พิเศษในคริสตสายสัมพันธ์ฉบับที่ 3/2007 เรื่อง “ปาฏิหาริย์มีจริง” ของ “ดาวและน้องบอล” ลูกชาย (นามสมมุติ) ผู้ติดเชื้อเอช. ไอ. วี. สมาคมพระคริสตธรรมไทยยินดีที่ได้ทราบจากผู้อ่านหลายท่านว่าคำพยานชีวิตนี้เป็นที่ประทับใจ
ขณะเดียวกันพี่น้องหลายท่านก็คงได้รับการหนุนใจจากการดีของ “อาม่าฮุ้ยเจ็ง” ที่ได้สำแดงความรักและความสงสารต่อคนยากไร้ตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ สมาคมฯ เชื่อว่ามีผู้อ่านหลายท่านคิดเหมือนกับ “ดาว” คืออยากพบและรู้จัก “อาม่าฮุ้ยเจ็ง” ว่าท่านเป็นใคร มีตัวตนจริงหรือไม่ หรือจะเป็นทูตสวรรค์ที่พระเจ้าส่งมาพร้อมกับแสงเทียนเพื่อ “ดาว” จะพบทางออกท่ามกลางความมืดมิดในเวลานั้น
ขบวนการตามหาอาม่าฮุ้ยเจ็ง
ข้อมูลที่สมาคมพระคริสตธรรมไทยได้รับจากดาวเกี่ยวกับอาม่าฮุ้ยเจ็งมีไม่มากนัก แต่นับว่าเป็นประโยชน์มากทีเดียว เช่น “คริสตจักรกรุงไทย” และ “อาม่ากำลังย้ายบ้านไปอยู่ที่หมู่บ้านเสรีซอย 10” เจ้าหน้าที่ของสมาคมฯ จึงติดต่อไปยังคริสตจักรกรุงไทย ถนนอโศก-ดินแดง ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อนี้อยู่จริงและเป็นที่รู้จักกันในนาม “ฮุ้ยเจ็งอี๊” ด้วยความร่วมมืออย่างดีของเจ้าหน้าที่คริสตจักรกรุงไทย เราได้หมายเลขโทรศัพท์บ้านของอาม่าฮุ้ยเจ็ง รวมทั้งหมายเลขโทรศัพท์มือถือของลูกชายท่าน และท้ายที่สุดเราก็ได้สนทนากับท่านทางโทรศัพท์ เราพบว่าท่านเคยมีบ้านอยู่แถวดินแดง และได้ย้ายมาอยู่ที่เสรีซอย 10 ประมาณ 5 ปีที่แล้ว เมื่อท่านอยู่ที่ดินแดงท่านได้ไปหาหมอที่อนามัยดินแดงอยู่เป็นประจำทุกเดือน ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เรามั่นใจว่าเราได้เจออาม่าที่ดาวได้เคยพบแล้ว เมื่อเราถามถึงเหตุการณ์ที่อนามัยดินแดงเรื่องผู้หญิงและเด็กเล็กๆ ที่อาม่าเคยช่วยเหลือและเป็นพยานเรื่องพระเยซู อาม่าจำไม่ได้เนื่องจากเวลาผ่านไปหลายปีแล้ว และท่านก็ประกาศเรื่องพระเจ้ากับคนที่ท่านได้พบเสมอ
พบแล้ว “อาม่าฮุ้ยเจ็ง” ตัวจริง
อาม่ายินดีให้เจ้าหน้าที่ สมาคมฯ ไปเยี่ยมท่านที่บ้าน ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เราได้พูดคุยกับท่านนับว่าเป็นเวลาแห่งพระพรเพราะประสบการณ์ชีวิตกว่า เจ็ดสิบปีของอาม่ายืนยันกับเราว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อในพระสัญญาของพระองค์ ความรักของพระองค์มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
อาม่ามีชื่อจริงว่า “นางฮุ้ยเจ็ง พัฒนเลิศพันธุ์” อายุ 74 ปี ท่านมีบุตร 3 คน แม้สามีของท่านจะไม่ได้เป็นคริสเตียนแต่ลูกทั้ง 3 คนก็อยู่ในทางของพระเจ้า ปัจจุบันนอกจากจะเป็นแม่บ้านแล้ว ท่านยังทำหน้าที่เป็นเหรัญญิกของสมาคมส่งเสริมภาษาจีนนานาชาติด้วย ด้านการศึกษา ท่านสอบเทียบได้ชั้นมัธยมฯ 3 (ภาษาจีน) และประถมฯ 4 (ภาษาไทย) ท่านเคยเป็นครูสอนภาษาจีนอยู่หลายปีและสามารถพูดอ่านเขียนภาษาไทยได้คล่องแคล่ว ท่านชอบร้องเพลงพระเจ้าและยังเล่นเปียโนได้ด้วย พ่อแม่ของท่านเป็นคริสเตียนมาจากเมืองจีน มีลูก 8 คน แต่ตัวอาม่าเองไม่ได้เชื่อพระเจ้าจริงจังจนกระทั่งท่านอายุประมาณ 30 ปี ปัญหาหลายอย่างในชีวิตทำให้ท่านคิดถึงเรื่องพระเจ้าอย่างจริงจัง ประกอบกับได้ฟังอาจารย์ชาวจีนคนหนึ่งมาเทศนาที่คริสตจักรเทียนสั่ง อาม่าจึงตัดสินใจรับเชื่อตอนนั้นและรับบัพติศมาเมื่ออายุ 35 ปี
อาม่าเล่าว่าเวลามีปัญหา ท่านจะคิดถึงพ่อเสมอ เพราะเมื่อพ่อประสบปัญหาอะไรก็ตาม พ่อจะเขียนข้อพระคัมภีร์ให้ลูกๆ อ่านและบอกว่าพระคำของพระเจ้านั้น “หวานชื่น” พ่อสามารถผ่านความทุกข์และปัญหาได้เพราะพระเจ้า และพระสัญญาของพระองค์ในพระคัมภีร์เป็นความหวานชื่นในชีวิต เป็นถ้อยคำที่สร้างกำลังใจให้พ่อ อาม่าจึงบอกตัวเองเสมอว่าพระเจ้าช่วยพ่อได้ พระเจ้าก็ต้องช่วยอาม่าให้ผ่านปัญหาต่างๆ ไปได้เช่นกัน
อาม่าสวมหัวใจของพระเยซูรักคนรอบข้าง รักคนที่ตกทุกข์ได้ยาก แทบทุกครั้งที่อาม่าไปหาหมอที่สถานีอนามัยและเห็นคนเจ็บไข้ได้ป่วย อาม่าจะพูดคุยกับพวกเขาเสมอ แสดงความเห็นอกเห็นใจและบอกกับพวกเขาว่าหากมีอะไรไม่สบายใจให้บอกกับพระเจ้า พระเจ้าช่วยได้ พระเจ้าไม่ทอดทิ้ง ที่อนามัยดินแดงนี้มีเรื่องหนึ่งที่อาม่าจำได้ไม่ลืม คือคนไข้คนหนึ่งได้เล่าให้อาม่าฟังว่าเธอติดการพนันและอยากจะเลิก อาม่าจึงบอกกับเธอง่ายๆ ว่า “เล่นไพ่ไม่ดี ให้อธิษฐานกับพระเจ้า ขอให้เลิกเล่นไพ่” เมื่ออาม่าได้พบกับหญิงผู้นั้นอีกครั้งหนึ่ง เธอตรงเข้ามาหาและบอกว่า “อาม่า สงสัยอาม่าจะอธิษฐานให้ฉันใช่ไหม เพราะวงไพ่ของฉันกระเจิงหมดเลย”
“ดาว” เป็นหนึ่งในจำนวนคนเหล่านั้นที่อาม่าได้พบและได้บอกกับดาวอย่างสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “พระเจ้ารักเธอ” แม้ในวันนี้อาม่าจะจำไม่ได้ว่าได้พบ “ดาว” กับลูก แต่อาม่าดีใจที่รู้ว่า “ดาว” ได้ตัดสินใจเชื่อไว้วางใจพระเจ้าแล้ว อาม่าบอกกับเราว่า “เขามาเป็นคริสเตียนไม่ใช่เพราะเราเก่ง แต่เป็นเพราะความรักของพระเจ้า และการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้ารู้จักเขาก่อนที่เราจะไปเจอเขาเสียอีก พระเจ้าตามหาเขาและให้เราไปเจอเพราะพระเจ้ารักเขา”
ทุกวันนี้อาม่าฮุ้ยเจ็งจะอธิษฐานเฝ้าเดี่ยวทั้งเวลาเช้าและเย็น และขณะทำงานบ้านก็จะอธิษฐานไปด้วย ท่านอ่านพระคัมภีร์เป็นประจำและยังมีหนังสือเฝ้าเดี่ยวประจำวันอีกด้วย อาม่าชอบร้องเพลงพระเจ้า ท่านบอกว่า “สิ่งแวดล้อมทำให้เราคิดมาก แต่เนื้อเพลงพระเจ้าที่เราร้องทำให้เรามีกำลังมากขึ้น ช่วยบำรุงจิตใจ”
ข้อพระคัมภีร์ที่อาม่าชอบมาก
อาม่าบอกว่า “เราทั้งหลายเป็นก้อนดินที่พระเจ้าปั้นแต่งให้เป็นภาชนะต่างๆ ผู้ปั้นรักสิ่งที่เขาปั้นอย่างไร พระเจ้าก็รักเราทั้งหลายที่พระองค์ปั้นขึ้นมาอย่างนั้น” อย่างที่พระคัมภีร์บอกว่า “มนุษย์เอ๋ย ท่านเป็นใครที่จะโต้ตอบกับพระเจ้า? สิ่งซึ่งถูกปั้นจะกล่าวแก่ผู้ปั้นได้หรือว่า “ทำไมท่านจึงปั้นข้าพเจ้าอย่างนี้?” ส่วนช่างปั้นหม้อไม่มีสิทธิเอาดินก้อนเดียวกันมาปั้นเป็นภาชนะที่ใช้ในโอกาสพิเศษอันหนึ่งและทั่วๆ ไปอีกอันหนึ่งหรือ ?” (โรม 9:20-21)
ด้วยปัญหาในชีวิตของอาม่า ท่านได้เรียนรู้ที่จะอดทน ให้อภัย และรักผู้อื่นด้วยความรักของพระเยซูคริสต์ บทเรียนง่ายๆ ที่ท่านให้กับเราคือ “เป็นคริสเตียนหากทำตัวไม่ดี พระจ้าก็จะเสียชื่อเพราะการกระทำของเรา” ข้อพระคัมภีร์ที่ท่านชอบมากคือ “นี่แน่ะ ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงโทษ เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบแทน” แต่ว่าถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหายน้ำก็จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำเช่นนั้น จะทำให้เขารู้สึกตัวและกลับมาคืนดี อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี” (โรม 12:19-21)
นัดพิเศษ
“ดาว” บอกกับเราหลายครั้งว่าเธออยากมีโอกาสได้พบกับอาม่าฮุ้ยเจ็งสักครั้งในชีวิต เพื่อจะขอบคุณท่านที่ได้เน้นย้ำให้เธอขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า “ดาว” อยากจะบอกกับท่านว่าเดี๋ยวนี้เธอได้เชื่อไว้วางใจในพระเจ้าเหมือนท่านแล้ว
คงไม่มีอะไรที่น่าชื่นใจเท่ากับการได้พบคนที่เรารอคอยมายาวนาน วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม 2007 “อาม่าฮุ้ยเจ็ง” และ “ดาว” ได้มีโอกาสพบกันที่บ้าน อาจารย์แอลแลน เอ็ลลาร์ด ผู้อำนวยการองค์การ ACET Thailand ซอยรามคำแหง 20 บรรยากาศในวันนั้นเต็มไปด้วยความปีติยินดี เป็นวันแห่งการขอบพระคุณพระเจ้าและระลึกถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่ว่า
“คำของเรา (พระเจ้า) ซึ่งออกไปจากปากของเราจะไม่กลับมาสู่เราเปล่า แต่จะสัมฤทธิ์ผลซึ่งเรามุ่งหมายไว้และให้สิ่งซึ่งเราใช้ไปทำนั้นจำเริญขึ้นฉันนั้น” (อิสยาห์ 55: 11)
“ฉะนั้นพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงมั่นคงอยู่ อย่าหวั่นไหว จงทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา ท่านทั้งหลายพึงรู้ว่าในองค์พระผู้เป็นเจ้า การตรากตรำของท่านจะไม่ไร้ประโยชน์” (1 โครินธ์ 15:58)