ต้นเหตุของสงคราม

ต้นเหตุของสงคราม

ในขณะที่ประยุทธกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่  ประถมผู้เป็นบุตรชายเดินเข้ามา และถามว่า…..

พ่อ! สงครามเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ?” ประยุทธผู้เป็นบิดา วางหนังสือพิมพ์ลงแล้วอ้าปากตอบว่า…..

อ๋อ! เรื่องนี้อืมม์…. พ่อจะยกตัวอย่าง อย่างกรณีที่ไทยตีกันกับลาว   ยังไม่ทันที่คุณประยุทธผู้เป็นพ่อจะพูดจบ  คุณรจนาผู้เป็นแม่ก็สอดขึ้นมาทันที   

ทำไมต้องเอาเรื่องไทยไปเปรียบกับลาวล่ะทั้งสองเป็นเพื่อนบ้านกันไม่ใช่หรือ?”

นี่เป็นแค่เรื่องสมมุติเท่านั้นคุณพ่อรีบตอบ

คุณแม่ก็เลยแหวขึ้นมาว่า….  ทำไมต้องตั้งข้อสมมุติโง่ๆ อย่างนั้นด้วยเล่า?”

คุณพ่อชักเริ่มมีโมโห จึงระเบิดอารมณ์ออกมาว่า แกนี่ โง่เง่าเหมือนวัวตัวเมียจริงๆ  ผู้เป็นแม่ก็เลยสวนกลับในทันควันว่า…..

ถ้าฉันเป็นเหมือนวัวตัวเมีย แกก็เป็นวัวตัวผู้น่ะซี!!”

ก่อนที่คุณประยุทธผู้เป็นพ่อจะโต้ตอบ  ประถมผู้เป็นลูกก็สอดขึ้นมาทันทีว่าพ่อครับ! พ่อไม่ต้องตอบแล้วล่ะครับ!  เพราะผมรู้แล้วว่า สงครามมันเกิดขึ้นได้อย่างไร

ผมอ่านดูแล้ว เห็นภาพพจน์จริงๆ  แม้ไม่รู้ว่าเรื่องข้างต้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่? ใช่ครับ การทะเลาะกันมักจะนำไปสู่สงครามใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็น   การทะเลาะกันจึงไม่ใช่สิ่งดีที่น่ากระทำ!  เพราะมันมีแต่สร้างความเจ็บปวด และความหายนะให้แก่ผู้ที่เป็นคู่กรณี ญาติมิตรและคนรอบข้างอยู่เสมอ! ไม่รู้เหมือนกันว่า ใครหนอที่เป็นผู้ที่พรรณนาผลที่เกิดขึ้นจากการทะเลาะกันไว้อย่างน่าคิด ดังนี้

  • ทะเลาะกับเมีย เพลียใจที่สุด
  • ทะเลาะกับผัว ปวดหัวที่สุด
  • ทะเลาะกับแฟน แค้นใจที่สุด
  • ทะเลาะกับพ่อแม่ แย่ที่สุด
  • ทะเลาะกับลูก ทุกข์ใจที่สุด
  • ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน รำคาญที่สุด
  • ทะเลาะกับผู้ร่วมงาน ฟุ้งซ่านที่สุด
  • ทะเลาะกับลูกน้อง มัวหมองที่สุด
  • ทะเลาะกับนาย ฉิบหายที่สุด
  • ทะเลาะตัวเอง เฮงซวยที่สุด!

จะสังเกตนะครับว่า ผู้ประพันธ์ได้เริ่มต้นที่การทะเลาะกับเมีย  เป็นความขมขื่นใจประการแรก!

แต่แปลกครับ ทั้งๆ ที่ใครๆ ก็รู้ว่าทะเลาะกับเมีย นั้นเพลียใจที่สุด แต่ก็มีไม่กี่ครอบครัวที่ไม่ทะเลาะกัน

ฝ่ายสามีก็มักจะพูดว่า ภรรยาเป็นต้นเหตุแห่งการทะเลาะกัน  ในขณะที่ภรรยาก็มักจะแย้งว่าสามีนั้นแหละตัวดี ของปัญหา!

อย่างไรก็ตาม มีสุภาษิตเตือนอยู่แล้วว่า ตบมือข้างเดียวไม่ดัง   หรือที่ภาษาอังกฤษเขียนไว้ว่า…..

“It takes two to make a quarrel.” มีความหมายว่า การทะเลาะวิวาทจะต้องมีสองฝ่าย เพราะเราจะทะเลาะกับคนที่เขาไม่ยอมทะเลาะด้วยคงไม่ได้

ก็เหมือนกับการตบมือถ้าใช้มือข้างเดียวตบลมย่อมไม่ดัง   แต่ถ้าใช้สองมือตบจึงกันจะดัง!

ด้วยเหตุนี้ถ้าคนใดไม่อยากทะเลาะด้วยนิ่งเฉยและเดินลุกหนีไป  คนที่ต้องการทะเลาะด้วยจะทำอะไรก็คงไม่ได้  แต่ถ้า ฝ่ายหนึ่งมีอารมณ์และอีกฝ่ายก็พูดโต้แย้ง หรืออาจถึงขั้นลงมือลงไม้กัน การทะเลาะวิวาทก็คงจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!

โดยปกติ คนเราจะทะเลาะกับตัวเองย่อมไม่ได้!   แต่ถ้าใครไปทะเลาะกับตัวเองเข้าจนได้ ก็นับว่า เฮงซวยที่สุด ดังที่มีผู้พรรณนาไว้ในข้างต้น!

คำว่าทะเลาะ  หมายความว่าทุ่มเถียงกันด้วยความโกรธ, โต้เถียงกัน,เป็นปากเป็นเสียงกัน

ทะเลาะเบาะแว้ง  คือ การทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ  หยุมๆ หยิมๆ แสดงว่า ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการทะเลาะกันก็คือ

  1.  การทุ่มเถียง ที่หมายความว่า เถียงกันรุนแรงอย่างทะเลาะเถียงก็คือพูดโต้,พูดแย้ง,พูดโต้แย้ง,ขัดกัน
  2. ความโกรธ  โกรธ หมายความว่า ขุ่นเคืองใจอย่างแรง, ไม่พอใจอย่างรุนแรงจะเห็นว่า มีการเคืองกรุ่นๆ  อยู่ในใจ และระดับความไม่พอใจนั้นค่อนข้างรุนแรง และยิ่งถ้ามีปัจจัยที่สามหรือบุคคลที่สามเข้ามาสมทบด้วยล่ะก็  การทะเลาะก็คงยากที่จะจบลง
  3. เรื่องหยุมหยิมๆ

คำนี้หมายความว่าจุกจิก, ถือเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ  ว่าเป็นเรื่องสำคัญ

ใช่ครับ โดยปกติแล้วคนเราจะเตรียมตัวเพื่อรับมือกับเรื่องใหญ่ ๆ หรือการโจมตีอย่างรุนแรงของฝ่ายตรงข้ามได้โดยไม่ยาก แต่ที่รับมือไม่ไหวคือ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ  ที่เรารู้สึกว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องหรือถือว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ  และไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจในการรับมือกับเรื่องหยุมหยิมๆ เหล่านั้น!

เหมือนกับเรื่องเรื่องหนึ่งที่เล่าว่า……

มีนักเดินทางคนหนึ่งเดินทางไกลด้วยเท้าจากทางเหนือของสหรัฐมาทางใต้ของประเทศชาวบ้านต่างตื่นเต้นกันทั่วหน้ากับข่าวนี้จึงเฝ้าติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด

หลังจากชายผู้นั้นเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง  นักข่าวก็เข้ามาสัมภาษณ์เขาอย่างเนืองแน่น  นักข่าวคนหนึ่งถามว่า

“ในระหว่างที่คุณเดินด้วยเท้าเป็นระยะทางไกลขนาดนี้ มีอะไรเป็นสิ่งที่เกือบทำให้คุณยอมแพ้บ้างหรือไม่?”

หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งนักข่าวก็รีบถามต่อไปว่าเป็นความหนาวเย็นหรือภัยหิมะหรืออากาศร้อนผากจากทะเลทราย ลมพายุจากทอร์นาโด หรือเฮอริเคนหรือไม่?”

ชายนักเดินทางไกลผู้นั้นยิ้มพลางส่ายศีรษะตอบว่า ไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นหรอกครับที่ทำให้ผมเกือบยอมแพ้!”

เขาหยุดพลางกล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ทำให้ผมแทบจะยอมแพ้คือ เม็ดทราย เม็ดเล็กๆ ในรองเท้าของผมครับ!” 

ครับ!  สิ่งที่ทำให้คนเราทนไม่ได้คือ สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่สร้างความหงุดหงิดและน่ารำคาญให้กับเราอยู่ตลอดเวลา!

เข้าใจว่า ผู้เขียนบทรำพันเรื่อง การทะเลาะ ข้างต้น คงจะมีประสบการณ์อันน่าเพลียใจเช่นนั้นในครอบครัว จึงได้เริ่มต้นว่า ทะเลาะกับเมีย เพลียใจที่สุด!”

ในหนังสือสุภาษิตได้เขียนไว้ว่า  การทะเลาะวิวาทของภรรยาก็เหมือนน้ำฝนย้อยหยดไม่หยุด  (สุภาษิต 19:13)

สามีภรรยาที่มักจะขัดกัน ในเรื่องหยุมๆ หยิมๆ อยู่ตลอดเวลาก็เหมือนกับฝนหยดย้อยแปะๆ อยู่ตลอดเวลา ย่อมสร้างความรำคาญให้แก่ตัวสามีภรรยาคู่นั้นและรวมทั้งคนอื่นๆ  เช่นลูกหรือพ่อแม่ พี่น้องในบ้านด้วย  แล้วบ้านที่มีสภาพอย่างนี้จะมีความสุขได้อย่างไร ?

แต่หากการทะเลาะกันนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะการโต้ตอบกันด้วยคำพูดก็อาจกลายเป็นความรุนแรงที่ขยายวงกลายเป็นสงครามไปในที่สุด ฉะนั้น เมื่อเรารู้แล้วว่า การทะเลาะกัน ไม่นำผลดีใดๆ มาสู่ครอบครัว หรือสังคมที่เราอยู่ เราจึงไม่ควรเสียเวลา เสียอารมณ์ เสียโอกาส เสียพลังงาน หรือเสียเงินทองทรัพย์สินไป เพราะมัวแต่ทะเลาะกัน! ในสก็อตแลนด์ สมัยของจอห์น น็อกซ์ (1514-1572) ซึ่งผู้มีชื่อเสียงในฐานะนักปฏิรูปศาสนา ถือว่า การทะเลาะเบาะแว้งภายในบ้านเป็นเรื่องสำคัญและสมาชิกในครอบครัวเหล่านั้นจะต้องคืนดีกันก่อนวันอาทิตย์ ซึ่งจะมีพิธีมหาสนิท    ด้วยเหตุนี้ ผู้นำคริสตจักรจะออกเยี่ยมเยียนบ้านของสมาชิกและไถ่ถามดูว่า มีการทะเลาะเบาะแว้งกันหรือไม่  ถ้ามีก็จะต้องคืนดีกันก่อนจึงจะรับพิธีมหาสนิทได้ และถ้าใครแก้ไขปัญหานั้นได้แล้วก็จะได้รับตราโลหะที่แสดงว่า ครอบครัวของเขาเหมาะสมแล้วกับการเข้าร่วมในพิธีมหาสนิทที่ถือว่าบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ในคริสตจักร

เห็นไหมครับว่าเจ้าการทะเลาะวิวาทนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คิดเลย!

ในหนังสือสุภาษิตจึงได้เตือนสติว่าถ้าหากเรารู้ว่าการทะเลาะกันจะนำผลเสียหายและความหายนะมาสู่ตนแล้วยังดันทุรังที่จะทะเลาะกันต่อไปก็ต้องนับว่าเราเป็นคนโง่

ดังนั้น  เราจึงต้องสังวรเสมอกับคำเตือนที่ว่าที่จะรักษาตนให้พ้นการวิวาทก็เป็นเกียรติ  แต่คนโง่ทุกคนจะทะเลาะวิวาทกัน (สุภาษิต 20:3)

หวังว่า วันนี้ คุณจะไม่เป็นหนึ่งในกลุ่มคนโง่ที่ยังงมงายอยู่กับการทะเลาะวิวาทกันอย่างไม่สำนึกตัว  นะครับ?

  • บทความ ศาสนาจารย์ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
  • ภาพ Beststudio – Freepik.com