ถ้าปีนี้… ไม่มีคริสตมาส 4/19

ถ้าปีนี้… ไม่มีคริสตมาส

ในยุคของ Social network แทบทุกเช้าจะมีข้อความเตือนเราอยู่เสมอว่าวันนี้เป็นวันเกิดของใครบ้าง หรือไม่ก็บอกว่าวันนี้เมื่อหลายปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น แต่ระดับความใส่ใจของแต่ละคนเป็นเรื่องที่เทคโนโลยีช่วยอะไรไม่ได้ เราอาจจะมองเห็นข้อความเตือนแล้วรีบเขียนอวยพร หรืออาจจะมองข้ามไปก็ได้ เราอาจจะเขียนสุขสันต์วันเกิดให้กันได้ง่ายๆ แต่หัวใจที่เรารู้สึกตามสิ่งที่สื่อสารยังคงความหมายอยู่มากแค่ไหนกัน และโดยไม่ต้องมีข้อความเตือนใดๆ จากเฟซบุ๊คหรือไลน์ แต่เราทุกคนที่ทั้งเชื่อพระเจ้า หรือแม้แต่ไม่รู้จักพระองค์ ต่างก็รู้ว่าวันที่ 25 ธันวาคม คือวันอะไร บางทีถ้าเราลองถามใจเราจริงๆ เราคงพอจะรู้ว่าเราสุขสันต์วันเกิดให้องค์พระเยซูคริสต์เพียงด้วยปาก ด้วยข้อความที่เราพิมพ์ หรือมาจากหัวใจส่วนลึกกันแน่

พระคำของพระเจ้าในเฉลยธรรม-บัญญัติบทที่ 4 ข้อที่ 29 กล่าวว่า “แต่ ณ ที่​นั่น​แหละ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​แสวง​หา​พระ​ยาห์-​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน ถ้า​ท่าน​ค้น​หา​พระ​องค์​ด้วย​สุด​จิต​และ​สุด​ใจ ท่าน​จะ​พบ​พระ​องค์” พระคำตอนนี้ได้ถูกกล่าวเตือนประชากรอิสราเอลเมื่อหัวใจของพวกเขาหันไปกราบไหว้รูปเคารพที่สลักด้วยไม้และด้วยหิน เพื่อเตือนใจของพวกเขาว่า “ณ ที่นั่นแหละ” ถ้าพวกเขากลับใจใหม่ หันกลับมาและแสวงหาพระเจ้าพวกเขาจะพบพระองค์อีกครั้ง พี่น้องที่รักวันคริสตมาสสำหรับพวกเราคืออะไรกันแน่ เป็นแค่ความดีใจจากการหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน ความตื่นเต้นจากโบนัสปลายปี ภาระหนักในการจัดงานเฉลิมฉลอง หรือว่าคริสตมาสยังคงเป็นวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับเรากันแน่ เพราะถ้าเราพลาดจากแก่นของวันคริสตมาส มันก็อาจเป็นไปได้ว่าแม้เรายืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟของการตกแต่งอย่างสวยงามเพื่อวันคริสตมาส แม้เราจมอยู่บนกองของขวัญมากมาย แต่แท้จริงแล้วเราอาจห่างไกลจากวันคริสตมาสจนเหมือนไม่มีวันคริสตมาสสำหรับเราอีกต่อไป และวันนี้พระเจ้าได้ให้พระคำข้อนี้เพื่อเตือนใจเราแสวงหาหัวใจของวันคริสตมาสที่แท้จริงอีกครั้ง

ประการแรก
“ยอมรับว่าเรายืนอยู่ที่ไหน?” พระคำของพระเจ้ากล่าวว่า “แต่ ณ ที่นั่นแหละ…” ความหมายของพระคำพระเจ้าประโยคนี้กำลังชี้ให้เราเห็นว่า แม้เรายืนอยู่ที่จุดซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะพบพระเจ้า แต่เพราะพระเมตตาของพระองค์พระเจ้าจึงประทานโอกาสให้เรากลับใจใหม่และย้ายจากจุดยืนที่ไม่เหมาะสม มาสู่สะพานที่พาเรามาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูคริสต์ทรงลงมาประสูติบนโลกนี้เพื่ออะไร? ก็เพื่อพวกเราที่ไม่สมควรจะรับพระคุณ พวกเราที่เป็นคนบาป พวกเราที่ไม่สามารถไปถึงความชอบธรรมของพระเจ้าได้ แต่ปัญหาก็คือ เราหลายคนไม่รู้ว่าเรายืนอยู่ตรงไหน เราหลายคนไม่ยอมรับว่าแท้จริงเราต้องการพระองค์ เราหลายคนเข้าใจผิดว่าตัวเองดีพอแล้ว ขอเพียงแต่เรายอมรับว่าเราเป็นคนบาปและเราต้องการพระองค์ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดที่เราจะสามารถแสวงหาพระเจ้าได้ และมีวันคริสตมาสที่แท้จริงอีกครั้ง

ประการต่อมา
“รู้ว่าใครคือผู้ที่เราแสวงหา” พระวจนะของพระเจ้ากล่าวว่า “…ท่านทั้งหลายจะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน” ผมยอมรับตามตรงว่าบางครั้งพวกเราหลายคนก็วิ่งวุ่นในวันคริสตมาส เราทำงานกันหนักมาก แต่เราแสวงหาผิดเป้าหมาย บางทีเมื่อเรารับหน้าที่จัดงานคริสต-มาส แทนที่เราเองจะแสวงหาพระเจ้าและพาผู้คนมาถึงพระองค์ เรากลับเป็นเหมือนกับคนที่คิดว่าคริสตมาสคือวันแห่งซานตาคลอส คริสตมาสคือวันแห่งการแข่งเพื่อมีต้นคริสตมาสที่สวยงาม ท่านอาจนึกเถียงอยู่ในใจก็ได้ เพราะเราอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรากำลังแสวงหาความสำเร็จ และการยอมรับจากผู้คนแทนที่จะแสวงหาพระเจ้า แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณรู้สึกว่าถูกขโมยความสุขไป เรี่ยวแรงและความชื่นชมยินดีแทบไม่มีอยู่ในหัวใจ เมื่อนั้นล่ะที่เราสามารถรู้ได้ทันทีว่าเรากำลังมาผิดทาง และแสวงหาผิดที่ คริสตมาสจะเป็นคริสตมาสที่แท้จริงก็ต่อเมื่อเราทั้งหลายแสวงหาพระเจ้าของเราด้วยกัน เหมือนนักปราชญ์และคนเลี้ยงแกะที่พบสันติสุขแท้เมื่อพวกเขาได้พบพระกุมารเยซู

ประการที่สาม
“พระเจ้ายังคงเป็นที่หนึ่งในใจเรา” พระคำตอนนี้กล่าวว่า “…ถ้าท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตและสุดใจ” เคยหา กระเป๋าสตางค์ไม่พบบ้างไหมครับ? เคยหาบัตรเครดิตไม่เจอบ้างหรือเปล่า? ผมเชื่อว่าเราคงยอมเสียเวลาเดินเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันเพื่อให้ได้กระเป๋าของเรากลับมาอย่างแน่นอน ถ้าคริสตมาสสำคัญ ถ้าพระเจ้ายิ่งใหญ่ในชีวิต เราจะไม่ยิ่งลงทุนลงแรงและใช้ชีวิตของเราอย่างเต็มกำลังเพื่อซาบซึ้งกับ คริสตมาสบ้างเชียวหรือ เปรียบเหมือนเวลาที่เราส่งการ์ดอิเล็กโทรนิกเพื่อสุขสันต์วันเกิดคนที่เราพอรู้จัก แต่ไม่ได้สนิทสนมมากมายนัก การ์ดวันเกิดและคำอวยพรก็นับว่าเหมาะสมเพียงพอดีแล้ว แต่ถ้าหากเจ้าของวันเกิดเป็นคนที่สำคัญในชีวิตของเรา เป็นพ่อแม่ เป็นคู่ชีวิต เป็นคนรัก เป็นลูก ผมเชื่อว่า การ์ดและคำอวยพรน่าจะดูน้อยไปมากเหลือเกิน จนทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกน้อยใจเราขึ้นมาได้เหมือนกัน พระเจ้าสำคัญสำหรับเรามากแค่ไหนกัน? การลงมาประสูติขององค์พระเยซูคริสต์เปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณมากแค่ไหน ถ้าพระองค์คือผู้ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา ผมเชื่อว่าเราจะค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ เราจะให้ความสำคัญ อยากมอบของขวัญที่พระองค์พอพระทัยอย่างแน่นอน รู้ไหมครับพระเจ้าปรารถนาของขวัญแบบไหน? คำตอบก็คือ ชีวิตของเราที่ยอมมอบถวายในการรับใช้เป็นเหมือนเครื่องหอมบูชาที่มีกลิ่นพอพระทัยพระเจ้า คือจิตวิญญาณของผู้คนที่หลงหาย เพราะพระเจ้าไม่ปรารถนาให้ใครพินาศเลย จึงเป็นเรื่องสามัญของคนที่รักพระเจ้าที่มักจะจัดงานประกาศข่าวประเสริฐในวันคริสตมาสอยู่เสมอ

ประการสุดท้าย
“บรรลุวัตถุประสงค์” พระคำของพระเจ้ากล่าวเอาไว้ว่า “…ท่านจะพบพระองค์” ก็คงเหมือนกับเวลาที่เรารอพบใครสักคนที่เราอยากเจอมากๆ เราเตรียมของขวัญที่เขาชอบมากที่สุดไว้ในมือ ผมเชื่อว่าแม้ต้องรอคอยนานเพียงใด เราก็จะยอมรอเพื่อพบคนสำคัญของเราอย่างแน่นอน เว้นเสียแต่ว่าคนๆ นั้นไม่ได้สำคัญจริงๆ สำหรับเรา ทุกครั้งเมื่อมาถึงวันคริสตมาส แม้เราจะจัดงานประกาศที่ยิ่งใหญ่จนมีคนรับเชื่ออย่างมากมาย แม้ว่าเราทุ่มเทแรงกายแรงใจ กำลังความคิดอย่างที่สุดจนทุกอย่างออกมาอย่างยอดเยี่ยม และทุกคนได้สัมผัสถึงความรักของพระเจ้าจริงๆ แต่ตัวเราเองกลับไม่ได้พบพระองค์เสียเอง คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างที่สุด พระเจ้าปรารถนาที่จะพบทุกคนที่พระองค์ทรงรัก พระองค์มาในวันคริสตมาสเพื่อบอกกับเราทุกคนว่า บรรดาผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะได้พักจริงๆ แล้ว พักใจของเรา และพบกับพระองค์ การอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในงานต่างๆ นั้นเป็นสิ่งที่ดี การไม่ต้องการออกหน้าออกตาก็เป็นท่าทีที่น่ารัก แต่ที่เบื้องหน้าพระพักตร์พระเจ้า ที่อ้อมกอดของพระองค์ มีที่ว่างมากพอให้สำหรับเราเสมอ อย่ากลายเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับความชื่นใจกลับไป

ผู้อ่านที่รักทุกท่านครับ วันที่ 25 ธันวาคม จะมีปรากฏในปฏิทินของทุกปีอย่างแน่นอน อย่างไรเสียวันนี้ก็จะมาถึงทุกๆ ครั้ง แต่สิ่งนี้ไม่การันตีว่าปีนี้เราจะมีคริสตมาสหรือไม่ ถ้าปีนี้เราไม่ยอมรับว่าเราเป็นคนบาปที่กลับใจและต้องการพระองค์ ปีนี้เราก็คงไม่มีคริสตมาส ถ้าปีนี้เราไม่ได้ให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางของวันคริสตมาส ก็คงเหมือนไม่มีวันคริสตมาสอยู่ดี ถ้าปีนี้เราเพียงแต่แค่ทำให้มีคริสมาสเกิดขึ้น เพื่อให้มันผ่านไปอีกปี ไม่ได้จัดเตรียมอะไรพิเศษเพื่อพระเจ้าของท่าน วันคริสตมาสจะยังเป็นวันคริสตมาส อยู่อีกหรือ และถ้าปีนี้เรากลายเป็นคนเดียวที่แอบอยู่หลังฉาก และไม่ได้รับอ้อมกอดแห่งพระเมตตาของพระองค์ แล้วคริสตมาสจะสำคัญอะไรกับคุณอีก แต่ขอพระเจ้าทรงเมตตาด้วยเถิดที่พระองค์จะเปิดตาใจฝ่ายวิญญาณให้เราได้สัมผัสกับคริสตมาสแท้ไม่เพียงทุกปี แต่ในทุกลมหายใจของเรา ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ

  • อาจารย์วิทยา วุฒิไกรเกรียง
  • ภาพ www.trustingortripping.wordpress.com