ทรงอยู่กับเรา 3/19

ทรงอยู่กับเรา

เขาเติบโตในครอบครัวที่เป็นคริสเตียน ไปโบสถ์ นมัสการพระเจ้า และเชื่อพระเจ้า ตั้งแต่เด็กๆ เขาเล่นกีฬาหลายอย่าง สุดท้ายเขาได้หลงรักกีฬาแบดมินตันจนเริ่มเรียนและฝึกซ้อมอย่างจริงจัง เมื่อเรียนจบมัธยมปลายเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย คุณแม่ใฝ่ฝันอยากให้ลูกได้เป็นข้าราชการสักคนหนึ่ง เขาอยากให้แม่สมหวัง จึงไปสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนจ่าอากาศ และด้วยคำอธิษฐานของแม่พระเจ้าทรงให้เขาได้เป็นข้าราชการทหารตามที่แม่หวัง ช่วงวัยรุ่นตอนปลายเขาใช้เวลาในชีวิตไปกับเพื่อนฝูงรอบข้าง เที่ยวเตร่ สังสรรค์ นอนดึก พักผ่อนน้อย และก็ถึงเวลาที่ร่างกายทนต่อไปไม่ไหว … วันหนึ่งเขาเกิดอาการเวียนศีรษะ อาเจียน เขาถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล แพทย์ CT SCAN พบว่ามีเลือดออกในสมอง แต่ไม่รู้ว่าออกมาจากไหน ต้องผ่าตัดสมอง การผ่าตัดสมองนั้นเขาเห็นหลายต่อหลายคน หลังการผ่าตัดสมองแล้วกลับมาไม่เหมือนเดิม เขากังวลใจมาก…เขาเริ่มต้นอธิษฐานขอพระเจ้าทรงนำในการรักษา และพระเจ้าประทานหมอท่านหนึ่งมารักษาเขาโดยไม่ต้องผ่าตัด เขาเข้ารับการรักษาและหายดี เขาได้สัมผัสถึงความรักของพระเจ้าผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระเจ้ายิ่งโหญ่ และทรงอยู่กับเขาเสมอ

พันจ่าอากาศเอก ศุภฤกษ์ จันทรพิศาล ชื่อเล่น ไก่ อายุ 43 ปี ทำงานที่กรมควบ คุมการปฏิบัติทางอากาศ และสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย เรียนจบจากโรงเรียนจ่าอากาศดอนเมือง สมรสกับคุณปิยธิดา จันทรพิศาล

รู้จักพระเจ้า

ผมรู้จักพระเจ้าเพราะครอบครัวเป็นคริสเตียน และแม่ก็อยากให้ลูกๆ ไปโบสถ์์ ผมก็ไปโบสถ์ตั้งแต่เด็ก พอผมได้ไปโบสถ์ประจำทุกอาทิตย์ ทำให้เรื่องราวของพระเจ้าทุกอย่างซึมซับเข้ามาในชีวิต แม้แต่ข้อพระคัมภีร์ที่ฟังเทศน์ ผมก็สามารถพูดตามได้ และพระวจนะของพระเจ้าก็ทำให้ผมสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ผมเริ่มจากการมีประสบการณ์กับพระเจ้าแบบเด็กๆ บางครั้งขอในสิ่งที่สูงกว่าตัวเราเกินไป หรือขออยากไปที่โน่นที่นี่ แต่พระเจ้าก็จะให้ในสิ่งที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์กับผม คือผมขอพระเจ้า แล้วพระเจ้าก็ทรงตอบ ผมจึงค่อยๆ เชื่อพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อตอนเด็กผมก็ไม่รู้ว่าอะไรบ้างเป็นคำตอบจากพระเจ้า แต่พอโตขึ้นก็จะรู้ว่าในตอนนั้นที่เกิดขึ้นเป็นมาจากพระเจ้า ปัจจุบันนี้ไม่ว่าผมจะทำอะไร แม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันก็จะอธิษฐานขอพระเจ้าในทุกๆ วัน ถ้าจะทำอะไรก็ตามก็จะอธิษฐานกับพระเจ้าก่อนเสมอ มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยสอนไว้ว่า การอธิษฐานกับพระเจ้าไม่ใช่เพียงขอเท่านั้น แต่ให้ขอบคุณพระเจ้าด้วย ซึ่งผมจะขอบคุณพระเจ้าพร้อมทูลขอไปด้วยเสมอ

นักกีฬาแบดมินตัน

ตอนผมเป็นนักเรียน ผมเป็นเด็กชอบทำกิจกรรม ชอบเล่นกีฬาทุกอย่าง ผมรู้สึกว่าแบดมินตันเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์ ไม่เหมือนกีฬาทั่วไป ผมจึงเริ่มไปเรียนแบดมินตันพอตอนอายุประมาณ 13 ปีก็เริ่มฝึกซ้อมอย่างจริงจัง ผมตัวสูงใหญ่ วันหนึ่งก็มีคนมองเห็นแววในตัวผม ก็เลยชวนให้ไปร่วมฝึกซ้อมเพื่อจะได้เข้าร่วมแข่งขันเยาวชนทีมชาติ เขาบอกว่ามีโค้ชทีมชาติมาฝึกซ้อมให้ ผมก็ไปตามที่เขาชวน ฝึกซ้อมไปเรื่อยๆ จนได้ร่วมเข้าแข่งขันและมีผู้สนับสนุนการแข่งขันการแข่งขันเริ่มแข่งตั้งแต่ระดับเยาวชนไปจนถึงการแข่งระดับทีมชาติ ผมเองได้ตำแห่งสูงสุดคือมือวางอันดับ 6 ของประเทศไทย ประเภทชายคู่ ปัจจุบันนี้เป็นโค้ช สอนนักกีฬาเพื่อจะส่งไปเข้าแข่งขันในระดับต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ

เข้ารับราชการทหาร

ผมจบมัธยมปลายที่โรงเรียนตรังคริสเตียน ผมกับเพื่อนสี่ห้าคนก็คุยกัน ได้ชวนกันมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ เนื่องจากผมเป็นนักกีฬาแบดมินตันผมสามารถยื่นคะแนนความสามารถพิเศษทางกีฬาเพื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่างๆ ในภาคใต้ได้เลย แต่เป็นเพราะแม่ผมอยากให้เป็นข้าราชการ ผมจึงไปสมัครเข้าเรียนโรงเรียนจ่าอากาศดอนเมือง เพื่อจบมาก็บรรจุเป็นทหารได้เลย โดยการยื่นความสามารถพิเศษทางกีฬาแบดมินตันเข้าไปด้วย แม่อธิษฐานเผื่อผมหนักมากเพื่อให้ผมได้เป็นทหาร พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของแม่ ผมสอบได้ ผมเป็นคนชอบเครื่องบิน ชอบมองเครื่องบินบนฟ้า เลยเลือกเรียนคณะบังคับการบิน ทำหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศของทหารอากาศทั้งหมด ดูแลการขึ้นลงของเครื่องบิน จะประจำอยู่หอควบคุมการบิน

การเข้าเรียนที่นี่ผมได้ร่วมฝึกซ้อมแบดมินตันกับสโมสรทหารอากาศ สโมสรของทหารอากาศนี้จะจัดฝึกซ้อมเตรียมทีมเพื่อเป็นตัวแทนส่งนักกีฬาไปแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ เป็นช่วงที่ผมได้ทำผลงาน ส่งทีมเข้าแข่งขันแบดมินตัน มีโอกาสได้ส่งทีมไปคัดตัวที่ต่างประเทศด้วย

โค้ชแบดมินตัน

เวลาที่นอกเหนือจากการทำงานประจำ ผมจะใช้เวลาในการสร้างเสริมประสบการณ์โดยการเริ่มออกไปภาคเอกชน เพื่อไปสอนแบดมินตันแก่เด็กๆ ได้สะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ด้วยผมเป็นข้าราชการ เงินเดือนไม่มาก ผมเริ่มมองหางานพิเศษทำเพิ่มเติม จากที่ผมได้เริ่มออกไปภาคเอกชนจึงได้รู้ว่าสมาคมแบดมินตันประเทศไทย เปิดรับสมัครโค้ช สมาคมแบดมินตันจะรวมทุกๆ สโมสรอยู่ภายใต้สมาคมฯ นี้ ใน สมาคมฯ นอกจากจะมีโค้ชฝึกซ้อมให้นักกีฬาแล้ว สมาคมฯ จะจ้างนักวิทยาศาสตร์การกีฬามาเพื่อดูร่างกายของนักกีฬาแต่ละคนว่าร่างกายคนนี้ขาดอะไร ต้องเสริมอะไรบ้าง ดูการกระโดด ว่าตัวตรงไหม ตัวเอียงเป็นอย่างไร เพื่อจะปรับปรุง เสริมสร้างนักกีฬาแบดมินตันให้สมบูรณ์แบบ นายกสมาคมฯ ท่านเป็นคริสเตียน และงานโค้ชที่ผมสมัครจะเข้าไปทำจะต้องประสานงานกับโค้ชหลักชาวอินโดนีเซียที่สมาคมฯ จ้างมา ทั้งโค้ชและภรรยาเป็นคริสเตียน ผมอธิษฐานกับพระเจ้าหนักมาก เพราะดูเหมือนพระเจ้าเปิดทางให้ได้เจอคริสเตียนหลายคน ผมฝากเรื่องงาน ที่จะทำพิเศษนี้ไว้กับพระเจ้า พระเจ้าได้ทรงตอบคำอธิษฐาน ผมได้ทำงานเป็นโค้ชของ สมาคมฯ นี้ ขอบคุณพระเจ้ามากจริงๆ

เลือดออกในสมอง

ผมเป็นคนมีเพื่อนเยอะ ใช้เวลาสังสรรค์กับเพื่อนฝูง จนนอนดึก พักผ่อนน้อย นอนวันละ 3-4 ชั่วโมง ใช้ชีวิตอย่างนี้มานาน จนวันหนึ่งผมกำลังนอนลงไปแล้วรู้สึกปวดที่หัว ปวดเหมือนคนนอนตกหมอน ภรรยาเอายามาช่วยนวดและกินยาแก้ปวด และพยายามนอนพัก แต่ก็ไม่หาย ยังรู้สึกเวียนหัว ปวดท้อง อยากจะอาเจียน ก็เลยกินยาอีกครั้ง พอกินยาครั้งนี้อาเจียนออกมาเลย ผมเริ่มมีอาการปวดหัวหนักมากขึ้น จึงตัดสินใจไปหาหมอ ผมเองที่ผ่านมา ถ้าผมมีอาการเล็กๆ น้อยๆ ผมจะไม่ค่อยไปหาหมอเพราะจะคิดว่าตัวเองแข็งแรงเพราะเล่นกีฬาเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อไปถึง โรงพยาบาลเอกชน หมอสั่งให้ทำ CT SCAN พอทำเสร็จก็พบว่ามีเลือดออกในสมอง แต่ไม่รู้ว่าที่มาของเลือดออกมาจากไหน หมอจึงลงความเห็นว่าต้องผ่าตัดสมอง หมอหลายคนก็พูดเหมือนกันหมดว่าต้องผ่าตัดสมอง ผมอธิษฐานกับพระเจ้าขอช่วยผมด้วย อย่าให้ผมต้องผ่าตัดสมองเลยเพราะผม ยังอยากเล่น อยากสอนแบดมินตัน อยากใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป เพราะผมรู้ดีว่าคนที่ผ่าตัดสมอง น้อยคนนักที่จะกลับมาเหมือนเดิม แต่อย่างไรก็ตามผมคิดว่าถ้าต้องผ่าตัดจริงๆ ผมขอผ่าที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลย-เดช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล ผมมีสิทธิ์เบิกค่ารักษาได้ และพอดีหมอที่รักษาผมที่โรงพยาบาลเอกชนนั้น ท่านเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ รพ.ภูมิพลฯ อยู่ด้วย ผมเลยทำเรื่องย้ายมารักษาต่อที่ รพ.ภูมิพลฯ พอมาถึง รพ.ภูมิพลฯ ผมเข้าพักที่ห้อง CCU (ห้องเฝ้าดูตลอดเวลา) ประมาณ 2 อาทิตย์ ได้รับการดูแลดีมาก หมอทุกท่านก็ยังคงบอกว่าต้องผ่าตัดสมอง ผมอธิษฐานกับพระเจ้าทุกวันๆ ที่จะประทานวิธีการรักษาแบบที่ไม่ต้องผ่าตัดสมอง

แต่แล้วก็มีหมอท่านหนึ่งเข้ามาตรวจดูแล้วบอกว่าผมไม่ต้องผ่าตัด หมอจะรักษาโดยวิธีอื่น หมอเริ่มรักษาโดยการเอ็กซเรย์ ฉีดสีเข้าไปตรงก้านสมองด้านหลังที่คอเคล็ด หมอให้ทานยาสลายลิ่มเลือดที่ครั่งในสมอง และที่เลือดออกมาในสมองเพราะเกิดจากความดันกระโหลก หมอได้เจาะกระดูกสันหลังเอาน้ำไขสันหลังออกมา 2 ครั้ง เพื่อลดความดันกระโหลกลง สาเหตุที่ความดันสูงมาจากสมองบีบตัวมาก สมองบีบตัวมากเกิดจากการที่พักผ่อนน้อยสะสมกันนานๆ เมื่อสมองบีบตัวทำให้เลือดออกในสมอง ขั้นตอนการรักษาผ่านไปด้วยดี ผมสามารถกลับบ้านได้ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ผมเลยกลับมานั่งคิดว่าถ้าผมตัดสินใจผ่าตัดสมองในตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างไรบ้าง ขอบคุณพระเจ้าที่ได้ทรงเตรียมหมอท่านนี้ไว้เพื่อรักษาผม โดยไม่ต้องผ่าตัดสมอง หลังจากนั้นผมปรับเวลาตัวเองใหม่ตอนที่อยู่โรงพยาบาลก็จะนอนเร็ว ตอนนี้ปรับเวลานอนไม่เกินสี่ทุ่มเลย เพื่อที่จะพักผ่อนได้เพียงพอ ผมเชื่อว่าพระเจ้าให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เพื่อทรงเตือนให้ผมใช้ชีวิตอย่างถูกต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้ผม

เป้าหมายสูงสุดในชีวิต

ผมสอนแบดมินตันให้เด็กๆ เพื่อจะส่งไปแข่งขันในรุ่นต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ผมมีเป้าหมายอยากสร้างเด็กๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของผม ให้เขาได้เป็นนักกีฬาแบดมินตันอยู่ในระดับ Top 10 ของโลก และผมก็จะปลูกฝังเด็กๆ ให้คิด และให้ตั้งใจในการฝึกซ้อม ผมได้นำคำสอนจากพระ คริสตธรรมคัมภีร์ที่ได้เรียนจากคริสตจักร เรียนรวีวารศึกษา ฟังจากคำเทศนา เอาคำสอนเหล่านั้นมาสอนเด็กๆ ให้พวกเขาเรียนรู้พระวจนะพระเจ้า

ข้อพระคัมภีร์ที่ชอบเป็นพิเศษ

“จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” มัทธิว 22:39

ผมชอบพระธรรมข้อนี้ พระเจ้าบอกเราให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง พระองค์กำลังบอกให้เรารักคนอื่นๆ ด้วย อย่ามองคนอื่นในแง่ลบ ให้มองในจุดดีของเขา จุดที่ไม่ดีก็ให้มองผ่านไป เข้าหาเขาในจุดดีๆ การรักเพื่อนบ้านคือการไม่โกรธ ไม่ปะทะกับเขา และให้อภัย เมื่อมีการทำผิดต่อกัน

คำหนุนใจ

การเล่นกีฬาแบดมินตันผมอยากบอกว่า ผู้เล่นต้องอดทน มีวินัย ตั้งใจ ผมจะบอกเด็กๆ ที่ผมสอนเสมอว่า ถ้าเราอยากจะชนะคนคนหนึ่ง เมื่อเขาทำหรือฝึกเท่าไหร่ เราต้องทำให้มากกว่าเขา เขาทำ 10 ครั้ง ถ้าเราอยากชนะเขา เราต้องทำ 20 ครั้ง เราจึงจะชนะเขาได้ แต่ต้องดูศักยภาพของตนเองด้วยว่าถ้าเราทำมากขึ้นสุขภาพเราไปได้ไหม ต้องประเมินตัวเอง ต้องใช้เวลา ค่อยๆ ฝึกซ้อมมากขึ้นๆ เรื่อยๆ ไป แบดมินตันเป็นกีฬาที่ต้องฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ ซ้อมคนเดียวก็ได้ หรือถ้ามีคู่ซ้อมจะทำให้การซ้อมดีมากขึ้น

ผมโตมาในครอบครัวคริสเตียน ได้รู้จักกับพระเจ้ามาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อเริ่มโตขึ้นผมมีความเข้าใจมากขึ้น มีประสบการณ์กับพระเจ้ามากขึ้น บางทีเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงเกิดขึ้น เราสัมผัสได้ว่าพระเจ้าทรงอยู่กับเรา ทรงช่วยเรา แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ทรงดูแลเรา บางครั้งเราจะชอบคิดว่าทำไมเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นกับเรา ทำไม ทำไม??? แต่ขอให้รู้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา พระเจ้าทรงอยู่กับเรา และจะทรงนำเราในทุกวันที่เราดำเนินชีวิตกับพระองค์ พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วยกับเราตามเพลงที่คริสตชนร้องในบทเพลงชีวิตคริสเตียน เป็นเช่นนั้นจริงๆ ขอให้ทุกท่านได้มารู้จักกับพระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงนำชีวิตของคุณตลอดไป

  • พันจ่าอากาศเอก ศุภฤกษ์ จันทรพิศาล