ทะเลทรายหรือขนมหวาน (Dessert & Desert)

ทะเลทรายหรือขนมหวาน (Dessert & Desert)

คำว่า ดิเซิร์ท (dessert) นี้ รูปร่างคำคล้าย ๆ กับคำว่า เดสเซิร์ท (desert)  ทำให้คนที่ไม่คุ้นเคย

(กับความหมายของคำ 2 คำนี้) มักจะสับสน

และถ้าหากว่าผู้ใช้คำ 2 คำนี้ อ่านออกเสียงไม่ถูกต้องละก็ จะวุ่นกันไปใหญ่เลย เพราะทั้ง 2 คำมีความหมายแตกต่างกันอย่างสุดกู่

คำ ๆ แรก คือ “dessert” เป็นสิ่งที่รับประทานได้ และน่ารับประทาน!

แต่อีกคำคือ “desert” เป็นสิ่งที่คงไม่มีใครคิดจะรับประทาน!

โดยทั่วไปคำว่า  dessert (ดิ เซิร์ท) เป็นคำนาม แปลว่า ผลไม้และขนมหวานหลังอาหาร (อังกฤษ) , ขนมหวาน, ไอศครีมที่เป็นส่วนท้ายของมื้ออาหาร (สหรัฐอเมริกา)”1  

ดังนั้น  “dessert” นี้จึงเป็นของกินได้ ส่วนคำว่า “desert” (เดส เซิร์ท) นั้น ถ้าเป็นคำนาม ปกติแปลว่า “ทะเลทราย, บริเวณที่แห้งแล้ง”

แล้วอย่างนี้ ใครจะไปกินลงล่ะ จริงไหมครับ?  นอกจากนักการเมือง?

แต่คำว่า“desert”นี้ถ้าเป็นกริยา จะอ่านออกเสียงเป็นดี เซิร์ทแปลว่าละทิ้ง, ทอดทิ้ง, ละทิ้งหน้าที่,

หนีทัพ

ในบทนี้ไม่ได้เจตนาพูดถึง “desert” (ทะเลทราย) แต่ต้องการเน้นคำว่า ‘dessert’ (ส่วนท้ายของมื้ออาหาร)

เข้าใจกันว่า คำว่า ‘dessert’ นี้มาจากคำภาษาฝรั่งเศส  ‘desservir’ ที่แปลว่า เก็บกวาดโต๊ะ (Clear the table) หรือหมายถึงอาหารจานสุดท้าย   ก่อนเก็บโต๊ะ!”  ซึ่งเป็นคำผสมของคำ 2 คำ คือ des,- de – ที่แปลว่า

“Reversal” (การพลิกกลับ, การถอยหลัง) บวกกับคำว่า “servir” ที่แปลว่า “to serve” (รับใช้) 2 

คุณกัมพล  คุณาบุตร ได้อธิบายไว้ในหนังสือ “คำนี้มีตำนาน” ว่า โดยทั่วไป dessert นี้เรามักจะหมายถึง “ของหวานซึ่งรวมถึงผลไม้เข้าไว้ด้วย แต่ในความเป็นจริงเราหมายถึงอาหารจานสุดท้าย เหตุที่กลายเป็นของหวานได้ เพราะเรารับอิทธิพลจากฝรั่งอเมริกัน ซึ่งเสิร์ฟ ของหวานเป็นอาหารจานสุดท้าย เลยโมเมเราว่า ‘dessert’ แปลว่าของหวาน” 3

ใช่ครับ!   Dessert (ดิ  เซิร์ท) ไม่จำเป็นต้องหมายถึง ของหวาน แต่ปกติมักจะเป็น ของหวาน จานสุดท้ายของโต๊ะอาหาร!

อย่างไรก็ตาม  dessert ที่ไม่ใช่ของหวานก็มี อย่างเช่น คนฝรั่งเศสจะมี dessert เป็นเนยแข็ง และผลไม้, คนอังกฤษมี dessert เป็นอาหารคาวหลังอาหารหวานที่เรียกว่า savoury (เซอเวอรรี) หรือมีพวกผลไม้สด, ถั่วหรือเนื้อหวาน เสิร์ฟ หลังจากรับประทานอาหารหวานบนโต๊ะไปแล้ว

ความจริงคนเราอยากจะกินอะไรก็น่าจะกินไปเถอะ ใช่ไหมครับ!

แต่ยุคนี้ จะกินอะไรต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ!  เพราะกินจุกกินจิก กินของหวานมาก ๆ เข้าก็อาจจะทำให้อ้วน หรือเกิดสารพัดโรค (ทั้ง ๆ ที่ไม่อ้วน)!

ยิ่งในปัจจุบันนี้ ทุกอย่างที่รับประทานก็ล้วนแต่มีสารพิษเจือปนอยู่แทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งของหวานอย่างลอดช่อง, ทับทิมกรอบ ฯลฯ  ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมออกมายืนยันว่า  ล้วนมีสารพิษเจือปนในทุกร้านที่ไปตรวจ!

บางคนก็กินดื่มอย่างฟุ่มเฟือย ไม่ประมาณตน ทำให้มีผลกระทบ ทั้งต่อกระเพาะและกระเป๋า!

ดังนั้น  จงระวังในสิ่งที่คุณจะรับประทาน ภาษาแพทย์เขาพูดกันว่า “You are what you eat!” (คุณเป็นอย่างที่คุณรับประทาน) ในพระคัมภีร์ไบเบิล ก็กำชับเรา ให้รู้จักประมาณตนในการกินดื่ม!” 4

ด้วยเหตุนี้  เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า  จงอย่าประมาทในสิ่งที่คุณกิน!


  1. A New English Thai Dictionary ฉบับรวมศาสตร์, ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม, รวมสาส์น, 2539
  2. The American Heritage Dictionary of the English Language, 1970
  3. คำนี้มีตำนาน, กัมพล คุณาบุตร, บริษัท  วิทยพัฒนา จำกัด, นน. 88-89
  4. ทิตัส 2:2

  • บทความ ศาสนาจารย์ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
  • ภาพ Freepik.com