ทำไมจึงมีการเพิ่มเชิงอรรถ “พระคุณแทนพระคุณ” ใน ยอห์น 1:16?
คริสเตียนไทยคุ้นเคยกับวลี “พระคุณซ้อนพระคุณ” ในพระธรรมยอห์น 1:16 เป็นอย่างดี หลายคนอาจสงสัยว่า วลีนี้ “พระคุณซ้อนพระคุณ” หมายความว่าอย่างไร และทำไมพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน 2011 จึงต้องใส่เชิงอรรถว่า “แปลได้อีกว่า พระคุณแทนพระคุณ”
เราจะมาพิจารณาความหมายนี้ด้วยกัน
ในพระคัมภีร์กรีก วลีนี้ใช้ว่า อ่านว่า “คาริน แอนไท คาริโทส” (charin anti charitos) ที่น่าสนใจคือ พระคัมภีร์ไทยฉบับแปลของสมาคมพระคริสตธรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นฉบับ 1971 ฉบับพันธสัญญาใหม่ 2000 หรือฉบับมาตรฐาน 2011 ทุกฉบับจะแปลเป็น “พระคุณซ้อนพระคุณ” ส่วนองค์กรอมตธรรม ฉบับอมต-ธรรมร่วมสมัยก็แปลตามฉบับ NIV ว่า “พระพรครั้งแล้วครั้งเล่า” แต่สำหรับพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษมีการแปลที่หลากหลายกว่า ดังตัวอย่างเช่น
- KJV (1611/1769), NKJ, ASV, Wycliffe NT: “grace for grace”
- RSV, NRS, NASB: “grace upon grace” NIB, NIV: “one blessing after another”
- The Message: “gift after gift”
- The New Jerusalem Bible: “one gift replacing another”
- New Living Translation: “one gracious blessing after another” และมีหมายเหตุต่อท้ายว่า “received the grace of Christ rather than the grace of the Law”
- Contemporary English Version: “one blessing after another” มีหมายเหตุต่อท้ายว่า “one blessing in place of another” New Century Version: “one gift after another”
- Today’s New International Version 2005: “grace in place of grace already given”
- NIV 2011: “grace in place of grace already given”
ความหมายของรากศัพท์
ถ้าเราพิจารณาจากความหมายของรากศัพท์กรีก คำแรก คือคำนาม แปลว่า “พระคุณ” (grace) ซึ่งให้ความหมายกว้างๆ ว่า เป็นสภาพหรือความชอบ ทัศนะที่ชอบ หรือ สิ่งดีๆ ที่พระเจ้าประทานให้กับมนุษย์ ส่วนอีกคำที่น่าสนใจ คือคำว่า คำนี้เป็นคำบุพบทที่มักใช้กับคำแสดงความเป็นเจ้าของ (genitive) ดังนั้น อาจหมายถึงของสิ่งหนึ่งที่ “แทนที่” (in place of, instead of) เช่น ลูกา 11:11 “ถ้าบุตรขอปลา จะเอางูให้เขา แทน หรือ”) หรือหมายถึงของสิ่งหนึ่งที่เท่ากับ หรือนำมาแทนอีกสิ่งหนึ่ง “สำหรับ” (for, as, in place of)
บริบทและศาสนศาสตร์ของยอห์น
เมื่อเราพิจารณาจากความหมายของรากศัพท์แล้ว ลำดับต่อไปที่ควรพิจารณาคือ เรื่องของบริบทและศาสนศาสตร์ของยอห์น ในพระธรรมยอห์น บทที่ 1 เราพบว่าอัครทูตยอห์น กำลังกล่าวถึงเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับการทรงสร้างโลก เพราะท่านขึ้นต้นว่า “ในปฐมกาลพระวาทะดำรงอยู่…” (ยอห์น 1:1; เทียบ ปฐมกาล 1:1, “ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง”) จากนั้นท่านยอห์น ก็แสดงให้ผู้อ่านเห็นว่า ไม่เพียงแต่การกล่าวย้อนกลับไปในเรื่องอดีต แต่ท่านกำลังพูดถึงสิ่งใหม่หรือข่าวใหม่ ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่า หรือสำคัญยิ่งกว่าการทรงสร้าง กำลังเกิดขึ้นแทนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว นั่นคือ การลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์มีเนื้อหนังของพระเยซูคริสต์ “พระวาทะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์” (ยอห์น 1:14) ดังนั้นสำหรับยอห์นแล้ว การมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูคริสต์เป็นเหตุการณ์สำคัญพอๆ กับเรื่องการทรงสร้างโลก นอกจากนี้ ยอห์นผู้ให้บัพติสมา ได้กล่าวในพระธรรมยอห์น 1:29 ว่า “จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย” ดังนั้น จุดประสงค์ของการบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซู คือการมาเป็นเครื่องบูชาไถ่โทษบาปนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้น ในหมวดพระกิตติคุณ ท่าน มัทธิวพยายามเขียนให้ผู้อ่านเห็นว่า พระเยซูคริสต์เป็นเชื้อสายของอับราฮัมและของดาวิด (มัทธิว 1:1, 2, 6, 16-17) ท่านลูกาเองก็ติดตามลำดับเชื้อสายของพระเยซูกลับไปที่อาดัม (ลูกา 3:38) พระกิตติคุณพ้องทั้งสามเล่ม (มัทธิว มาระโก และลูกา) ต่างอ้างถึงการประสูติจากหญิงพรหมจารีย์ของพระเยซู (มัทธิว 1:18, 20, 23; ลูกา 1:35) แต่มียอห์นท่านเดียวเท่านั้น ที่สอนผู้อ่านเรื่องการบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระวาทะ ยอห์นต้องการแสดงให้ผู้อ่านเห็นถึงต้นกำเนิดของพระเยซูที่ย้อนกลับไปในอดีตตั้งแต่ก่อนสร้างโลก นั่นคือ พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า (เทียบ เปาโลใน 1 โครินธ์ 8:6)
ความหมายของยอห์น 1:16
กลับมาดูที่ข้อพระธรรมของเราคือ ยอห์น 1:16 จากบริบทข้างต้นทำให้เห็นว่า อัครทูตยอห์น กำลังพูดถึงความบริบูรณ์ หรือความสมบูรณ์ครบถ้วนของพระเยซู (ยอห์น 1:14 “บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง”) และกล่าวในข้อ 16 ว่าเป็น “พระคุณ ซ้อน/แทนที่ พระคุณ” และกล่าวต่อไปในข้อ 17 ว่า “พระเจ้าประทานธรรมบัญญัตินั้นทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงนั้นมาทางพระเยซูคริสต์” จากข้อ 17 นี้เองทำให้เราเข้าใจว่า พระเจ้าทรงประทาน พระคุณแรก คือ ธรรมบัญญัติ ซึ่งส่งผ่านมาทางโมเสส และโมเสสเองได้เขียนถึงพระเยซูในธรรมบัญญัตินั้น (ยอห์น 5:46) พระคุณแรก (ธรรมบัญญัติ) มาก่อน เป็นพระคุณในพระสัญญาของพระเจ้าเรื่องพระเมสสิยาห์ พระคุณที่มาทีหลัง (ดีที่สุดมักมาทีหลัง) คือพระคุณและความจริงของพระเมสสิยาห์ หรือพระเยซูนั่นเอง! พระองค์เสด็จมาทำให้ทุกสิ่งบริบูรณ์ พระคุณนี้จึงยิ่งใหญ่กว่าพระคุณแรก เป็นพระคุณสุดท้าย ซึ่งทำให้พระคุณแรกสมบูรณ์ เป็นพระคุณที่เข้ามาทดแทน หรือแทนที่สิ่งเก่า เพราะพระคุณนี้เป็นสิ่งใหม่และเป็นยุคใหม่ ชีวิตใหม่ของยุคที่กำลังจะมาถึง
เมื่อพิจารณาจากรากศัพท์ จากบริบทและศาสนศาสตร์ข้างต้นแล้ว เราสามารถสรุปได้ว่า “พระคุณซ้อนพระคุณ” ในยอห์น 1:16 อาจจะเข้าใจได้ชัดเจนขึ้น หากจะแปลใหม่ว่า “พระคุณ แทนที่ พระคุณ” นั่นคือ พระคุณ (“พระเยซูคริสต์” ในพันธสัญญาใหม่) ได้เข้ามาแทนที่ พระคุณ (“ธรรมบัญญัติ” ในพันธสัญญาเดิม)
นี่เองที่ทำให้พระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน 2011 เพิ่มเชิงอรรถในข้อนี้ว่า “แปลได้อีกว่า พระคุณแทนพระคุณ”
- อาจารย์ ดร.วารุนาฎ เชื้อหน่าย
- ภาพ Narawit_Sukkasemsakorn – Freepik.com