บทเรียนจากไวรัสโควิด 19
ประวัติศาสตร์ของโลกบันทึกไว้อีกครั้งว่า ได้เกิดโรคระบาดใหม่ชื่อ โควิด-19 ทำให้ประชากรโลกกว่า 30 กว่าล้านคนติดโรค และมีผู้เสียชีวิตอีกล้านกว่าคน อย่างไรก็ตาม มีคำกล่าวว่า ในวิกฤตย่อมมีโอกาส ท่ามกลางปัญหาและผลกระทบจากไข้หวัดไวรัสโควิด-19 มีบทเรียนสิบประการที่คริสตชนควรเรียนรู้
บทเรียนที่ 1 เกิดขึ้นฉับพลันไม่ทันตั้งตัว การระบาดของโควิด 19 เกิดการระบาดโดยที่ไม่มีการระวังตัว จากประเทศจีน ระบาดไปทั่วโลก เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีการคาดคิดมาก่อน ขณะที่ชาวโลกมีความสุขกับชีวิต การเดินทางท่องเที่ยว การแข่งขันกีฬา ธุรกิจ และกิจกรรมอื่นๆ ดำเนินไปตามปกติ ทันทีที่โควิด-19 ระบาด ทุกอย่างหยุดชะงักไปทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง คนทั้งโลกช็อกไม่ทันตั้งตัว มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 30 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 1 ล้านคน
บทเรียนนี้สอนให้เรารู้ว่า โลกไม่มีความแน่นอน ในอดีตอัครทูตเปาโลเคยเตือนคริสตชนยุคอาณาจักรโรมันสงบสุข เรียกกันในสมัยนั้นว่า “สันติภาพโรมัน” (Pax Romana) เป็นเวลานาน 200 ปี ที่บ้านเมืองสงบร่มเย็น แต่เปาโลเตือนคริสตชนให้เตรียมตัวพร้อมเสมอกับเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ “เมื่อเขาพูดกันว่า ‘สงบสุขและปลอดภัยแล้ว’ เมื่อนั้นแหละความพินาศก็จะมาถึงทันที เหมือนกับความเจ็บปวดมาถึงหญิงมีครรภ์ พวกเขาจะหนีก็ไม่พ้น” (1 ธส. 5:3) หญิงมีครรภ์จะต้องคลอดลูกฉันใด เหตุการณ์ร้ายถึงความพินาศจะต้องเกิดขึ้นฉันนั้น ดังคำพยากรณ์ของพระเยซูที่ตรัสถึงเหตุการณ์ก่อนการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระองค์
บทเรียนที่ 2 ความรู้ของมนุษย์แก้ไขปัญหาไม่ได้ “ในการอ้างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา เขากลายเป็นคนโง่เขลาไป” (รม. 1:22) แม้ในยุคที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าทุกด้าน แต่เมื่อโควิด-19 ระบาด ความรู้ที่มนุษย์อวดอ้างนักหนา กลับไม่สามารถเอาชนะไวรัสชนิดนี้ ผู้คนทุกชนชั้น ทั้งเชื้อพระวงศ์ ชนชั้นสูง คนมีชื่อเสียง และสามัญชน ล้วนได้รับผลร้ายของไวรัสนี้เสมอหน้า
บทเรียนที่ 3 ความคิดของมนุษย์ผิดพลาดมหันต์ “มีทางหนึ่งซึ่งคนเราคิดว่าถูก แต่ปลายทางคือความมรณา” (สภษ. 16:25) แต่ละประเทศมีหน้าที่ในการป้องกันประเทศจากศัตรู ทว่าไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าศัตรูที่ต้องต่อสู้เป็นไวรัสที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ศัตรูร้ายที่ทำลายชีวิตมนุษย์ได้ทุกชนชั้นมากยิ่งกว่าการตายจากสงครามโลก หลายประเทศทุ่มเทเงินมหาศาลเพื่อสะสมอาวุธไว้ป้องกันตนเอง แต่เมื่อถึงเวลารบกับโควิด-19 อาวุธที่เตรียมไว้ใช้การไม่ได้เลย ศัตรูชนิดนี้ไม่อาจใช้ลูกปืนหรือระเบิดต่อสู้กับมันได้ มีเพียงนักรบชุดขาว เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขเท่านั้นที่ต่อกรกับมันได้ ขณะที่เครื่องช่วยหายใจ ชุดป้องกันโรค หน้ากากอนามัย เพื่อต่อสู้กับโรคขาดแคลน เพราะผู้นำหลายประเทศหันไปสร้างเครื่อง “หยุด” ลมหายใจ แต่เครื่อง “ช่วย” หายใจ กลับขาดแคลน เป็นความคิดที่ผิดมหันต์
บทเรียนที่ 4 เกิดความกลัว สับสนวุ่นวาย หวาดผวา “บนแผ่นดินนั้น ชาติต่างๆ ก็จะมีความทุกข์ร้อนและความฉงนสนเท่ห์….มนุษย์จะสลบไสลไปเพราะความกลัว เนื่องจากสังหรณ์ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในโลก” (ลก. 21:25-26) ความรู้สึกที่กล่าวมานี้กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ตามที่พระเยซูทรงพยากรณ์ไว้ มีการกักตุนอาหาร เวชภัณฑ์ คนมีฐานะดีสามารถทำได้ ทิ้งให้คนยากจนเผชิญชะตากรรมด้วยความสิ้นหวัง
บทเรียนที่ 5 ผลกระทบทางเศรษฐกิจ “เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ประทานใจที่ขลาดกลัวแก่เรา” (2 ทธ. 1:7) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ธนาคารโลกระบุว่าโควิดทำให้เศรษฐกิจโลกติดลบ จะมีคนตกงานทั่วโลกนับร้อยล้านคน ทำให้คนจนเพิ่มขึ้น 35 ล้านคน เศรษฐกิจจะติดลบ ธุรกิจล่มสลาย ขาดทุนหรือปิดตัว จะมีคนตกงาน 8 ล้านคน ปัญหาสังคม ความอดอยากจะทำให้คนในโลกทุกข์ยากแสนสาหัส
บทเรียนที่ 6 บททดสอบความเชื่อฟังของมนุษย์ “แต่เมื่อบุตรมนุษย์มา ท่านยังจะพบความเชื่อในแผ่นดินโลกหรือ?” (ลก. 18:8) โควิด-19 เป็นโรคทดสอบสุขภาพของประชาชน จากสถิติพบว่าคนที่ป่วยเป็นโรค NCDs โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ ฯลฯ คนที่ดื่มสุรา สูบบุหรี่ เมื่อรับเชื้อสู่ร่างกาย ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอจะทำให้รักษาโรคยากขึ้นและเสี่ยงต่อการเสียชีวิต หากมนุษย์เชื่อฟังคำสอนของพระคัมภีร์ กินอาหารและดูแลสุขภาพตามคำสอนของปฐมกาล 1:29 จะมีสุขภาพดีพร้อมต่อสู้กับโรค แต่การไม่ใส่ใจคำสอนคือบททดสอบสำคัญ
บทเรียนที่ 7 “กักตัว” อยู่ในพระเจ้า “ขอทรงรักษาข้าพระองค์ดังแก้วตา ขอทรงซ่อนข้าพระองค์ไว้ใต้ร่มปีกของพระองค์” (สดด. 17:8)
ภัยพิบัติสุดท้ายก่อนการอพยพจากอียิปต์ พระเจ้าทรงกำชับให้คนอิสราเอลเก็บตัวอยู่ในบ้านที่มีเลือดแกะทาไว้ที่วงกบประตู เป็นสัญลักษณ์พระโลหิตของพระคริสต์ ทุกคนจะรอดจากความตาย การอยู่ใต้ร่มปีกพระคุณเป็นหลักประกันความรอด
การกักตัวเพื่อป้องกันโรคระบาดสมัยนี้ ได้แนวคิดมาจากพระคัมภีร์ (ดู ลนต. บทที่ 13, 15) หลักการนี้ทันสมัยเสมอ เราจึงมั่นใจในพระวจนะของพระเจ้า การกักตัวเองจากโรคโควิด-19 จึงเป็นวิธีดีที่สุดในขณะนี้
บทเรียนที่ 8 พึ่งมนุษย์ไม่ได้ “อย่าวางใจในเจ้านาย ในมนุษย์ซึ่งไม่สามารถช่วยได้” (สดด.146:3) ประเทศที่เจริญด้านการแพทย์และเทคโนโลยี เช่น สหรัฐอเมริกา ไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคได้ มีผู้ป่วยมากที่สุดในโลก ขณะนี้มีผู้นำในหลายประเทศก็ติดโรคนี้ เช่น อดีตประธานาธิบดีอินเดีย เสียชีวิตจากโควิด-19 ประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐฯ ก็ติดโรคนี้ นพ.แอนโทนี่ ฟอว์ซี ที่ปรึกษาประธานาธิบดีทรัมป์เคยกล่าวว่า การบริหารจัดการโรคของอเมริกาเดินทางผิด จนทำให้มีคนติดโรค 7 ล้านกว่าคน และกว่าสองแสนคนเสียชีวิต “เข้าลี้ภัยอยู่ในพระยาห์เวห์ก็ดีกว่า วางใจในมนุษย์ เข้าลี้ภัยอยู่ในพระยาห์เวห์ ก็ดีกว่า วางใจในเจ้านาย” (สดด.118:8-9)
บทเรียนที่ 9 เวลาแห่งการแบ่งปันความหวัง “จงเตรียมพร้อมเสมอ ที่จะอธิบายกับทุกคนที่ขอทราบเหตุผลเกี่ยวกับความหวังของพวกท่าน” (1 ปต. 3:15) ความหวังคือสิ่งสุดท้ายที่ควรสูญเสีย จงบอกคนทั้งหลายว่าความหวังของคริสตชนคือ “เรากำลังรอคอยความหวังอันน่ายินดี และการมาปรากฏของพระสิริของพระเจ้ายิ่งใหญ่คือ พระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา” (ทต. 2:13) เพราะสำหรับคริสตชน ความตายเป็นประสบการณ์หนึ่งของชีวิต “หลับแล้วตื่น ฟื้นมี หนีพ้น” เมื่อพระเยซูเสด็จมา เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์ พำนักในโลกใหม่ที่ไม่มีความเจ็บไข้และความตายอีกต่อไป
บทเรียนที่ 10 วางชีวิตไว้ใต้ปีกองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ “ผู้ที่อาศัยอยู่ในที่กำบังขององค์ผู้สูงสุด จะอยู่ในร่มเงาของผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์” (สดด. 91:1) มีคำกล่าวว่า “ไม่ว่าคุณจะตายด้วยเหตุใด ตายด้วยไวรัสโคโรน่า ด้วยมะเร็ง ด้วยความเจ็บไข้ ด้วยดาบ ด้วยลูกปืน ด้วยการกดขี่ข่มเหง ด้วยภัยพิบัติ เพราะความชรา หรือตายในวัยหนุ่มสาว ก็ไม่มีปัญหา….. ตราบเท่าที่คุณตายในขณะที่ยังเป็นคริสตชน มีความเชื่อพระเยซู พระผู้ช่วยให้รอดผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด” พระธรรมสดุดี 91 มีคำหนุนใจอย่างมากมายให้เราสบายใจได้ว่า ไม่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นกับชีวิตนี้ ธรรมิกชนทุกคนผู้ได้รับความรอดแล้ว ไม่มีสิ่งใดต้องห่วงใย พระเจ้าทรงสัญญาไว้เช่นนั้น (ดูข้อ 14-16)
จงหวังในพระยาห์เวห์ เพราะในพระยาห์เวห์มีความรักมั่นคงและในพระองค์มีการไถ่อย่างสมบูรณ์ (สดด. 130:7)
- ศจ.ดร.สุรเชษฐ์ อินสม
- ภาพ Sewcream – Freepik.com