เรื่องที่ท่านจะได้อ่านนี้เรียบเรียงจากคำบอกเล่าของคุณแม่สาวสวยอายุ 40 ปี และลูกชายวัย 5 ขวบ 6 เดือน ทั้งแม่และลูกเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผ่านวันอันเลวร้ายมาได้และมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งเพราะ “ปาฏิหาริย์มีจริง”
สมาคมพระคริสตธรรมไทยจำเป็นต้องใช้นามสมมุติและงดลงภาพถ่าย เพื่อปกป้องเจ้าของเรื่องให้สามารถดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติสุข หากนามสมมุติและส่วนหนึ่งส่วนใดในเรื่องนี้ไปพ้องกับชีวิตของผู้ใด สมาคมฯ ต้องเรียนขออภัยมา ณ ที่นี้ และหวังว่าท่านจะเข้าใจจุดประสงค์ของสมาคมฯ ที่ต้องการให้ชีวิตของเจ้าของเรื่องเป็นพยานถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และหวังด้วยว่าเรื่องนี้จะช่วยให้ผู้อ่านทุกท่านสามารถคิดและปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีด้วยใจเป็นธรรมและด้วยความรักในพระคริสต์
สมาคมฯ ขอขอบพระคุณอาจารย์แอลแลน เอ็ลลาร์ดและภรรยาคือคุณเมลิน แห่งองค์การส่งเสริมพันธกิจคริสตจักรด้านเอดส์ (AIDS Care Education and Tranining – ACET Thailand) ที่ได้กรุณาประสานงานและนัดหมายเพื่อการสัมภาษณ์ครอบครัวนี้อย่างใกล้ชิด และขอขอบคุณ “ดาว” ผู้กล้าหาญเปิดเผยตัวเองเพื่อจะเป็นกำลังใจแก่คนอื่นๆ อีกมากมายที่มีประสบการณ์เช่นเดียวกัน
ชีวิตจริงเหมือนอิงนิยาย
“ดาว” (นามสมมุติ) เกิดที่จังหวัดสุพรรณบุรีเมื่อ พ.ศ. 2510 เป็นน้องคนเล็กในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 8 คน ชีวิตลำเค็ญของดาวเริ่มเมื่ออายุยังไม่ถึงขวบเมื่อพ่อโดนยิงตาย และแม่เสียใจจนไม่เป็นอันทำมาหากิน ในที่สุดก็ต้องแยกลูกทั้ง 8 คนไปฝากไว้กับคนรู้จักบ้านละคน ส่วนดาวแม่เอาไปไว้ที่ร้านขายของชำในหมู่บ้านโดยแม่จะไปเยี่ยมบ้างนานๆ ครั้ง ด้วยความคิดถึงแม่ ดาวหนีจากบ้านนี้เมื่ออายุประมาณ 7 ขวบขณะที่เรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมฯ 2 และนั่นคือการศึกษาสูงสุดที่ดาวได้รับ ดาวอาศัยรถคนรู้จักไปตามหาแม่ซึ่งไปทำงานตัดอ้อยที่กาญจนบุรี ดาวพบว่าแม่มีสามีใหม่แล้วและผู้ชายคนนี้ติดทั้งฝิ่นและเฮโรอีนและยังเป็นร่างทรงด้วย เขาทุบตีแม่และดาวเป็นประจำจนแม่ต้องพาดาวหนีกลับไปอยู่กับพี่ชายคนหนึ่งของดาวที่ จ. สุพรรณบุรี แต่เพียงไม่ถึงปีพี่ชายก็ถูกรถชนเสียชีวิตอีก แม่จึงต้องพาดาวกลับมาบ้านพ่อเลี้ยงที่เมืองกาญจน์อีกครั้ง แต่กลับพบพ่อเลี้ยงนอนตายอยู่ในบ้านมาหลายวันโดยไม่มีใครรู้ ขณะนั้นดาวอายุ 13 ปีแล้วและคิดว่าโตพอที่จะทำงานลี้ยงแม่ได้ จึงเข้าไปหางานทำที่กรุงเทพฯ โดยได้งานที่ร้านขายของแถวเสาชิงช้าซึ่งเจ้าของเป็นคนจีนใจดีมีเมตตากับดาวมาก ดาวทำงานทุกอย่างให้เขาด้วยความซื่อสัตย์จนเขาไว้ใจให้ดาวนำเงินไปเข้าธนาคารทุกวัน ที่นี่ดาวได้พบเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นนักร้องวงลูกทุ่งที่มีชื่อเสียงมากของเมืองไทยตั้งแต่ยุคนั้นจนถึงปัจจุบัน และจุดนี้ได้นำความผกผันมาสู่ชีวิตดาวในอีกหลายปีข้างหน้า
จากดินเป็นดาว
ดาวทำงานที่ร้านขายของแถวเสาชิงช้าได้ 2 ปีกว่า แม่ก็ขอให้กลับบ้าน ดาวกลับมาอยู่กับแม่พักหนึ่งแล้วก็เข้ากรุงเทพฯ อีก เพื่อนที่เป็นนักร้องลูกทุ่งพาดาวเข้าทำงานกับวงดนตรีที่มีชื่อเสียงนั้น ครั้งแรกก็มีหน้าที่ขายหนังสือดาราหน้างานและจัดชุดให้กับหางเครื่อง ไม่ถึงปี ดาวก็ได้ฝึกร้องเพลงจนได้เป็นนักร้อง ได้ขึ้นเหนือล่องใต้ไปทุกที่ แม้จะได้เงินน้อยแต่ก็มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ดาวร้องเพลงอยู่กับวงลูกทุ่งนี้อยู่จนอายุ 17-18 ปีซึ่งเป็นยุคคาเฟ่เฟื่องฟู ใครๆ ก็อยากมาร้องเพลงในคาเฟ่เพราะมีรายได้มากจากเงินรางวัลที่แขกให้มากับพวงมาลัย ดาวมาสมัครร้องเพลงตามคาเฟ่เช่นคนอื่นๆ เริ่มจากที่เล็กๆ แล้วย้ายไปอยู่สถานบันเทิงใหญ่ในกรุงเทพฯ ดาวเริ่มมีชื่อเสียงและมีคนติดตามมาฟังเพลงไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหน มันเป็นเวลาที่มีความสุขมากเพราะมีเงินใช้ไม่ขาดมือ ดาวจำได้ว่าในวันครบรอบวันเกิดปีหนึ่งที่คาเฟ่ใหญ่แห่งหนึ่ง ดาวได้รับเงินจากพวงมาลัยถึง 80,000 บาท ดาวรับแม่มาอยู่ด้วยและไม่ใช้ชีวิตเหลวไหล ร้องเพลงเสร็จก็กลับบ้านไปอยู่กับแม่ เมื่อชีวิตเริ่มอยู่ตัวแม่คิดถึงลูกชายอีกคนหนึ่งซึ่งมีครอบครัวอยู่ที่ อ. ชุมแพ จ. ขอนแก่น ดาวจึงให้เงินแม่ไป แต่แม่ไม่กลับมาอีกเลย จนวันหนึ่ง แม่ให้พี่ชายมาหา ดาวดีใจมากที่ได้เจอพี่ชายและตัดสินใจลาออกจากคาเฟ่ในวันนั้น เก็บข้าวของย้ายไปอยู่กับแม่และพี่ชายที่ขอนแก่น ตอนนั้นดาวมีเงินติดตัวไปด้วยเป็นหมื่นๆ บาทและไม่กลัวตกอับเพราะมีความสามารถในการร้องเพลง
ที่ขอนแก่น ดาววิ่งรอกร้องเพลงประจำอยู่ตามโรงแรมใหญ่ๆ สองสามแห่ง ดูเหมือนชีวิตก็น่าจะราบรื่นเพราะมีงานทำ มีรายได้ดีมาก ได้อยู่ใกล้แม่ พี่และหลานๆ แต่แล้วเรื่องที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นและทำให้ดาวตกอยู่ในมุมอับยาวนาน
เมื่อดาวอับแสง
แม้ชีวิตจะผ่านความยากลำบากมากมายตั้งแต่เด็ก แต่ดาวไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวเรื่องผู้ชายและไม่เคยคิดจะเป็นเมียน้อยหรือแย่งสามีใคร เมื่อดาวอายุได้ 25 ปี ดาวตัดสินใจแต่งงานกับครูสอนดนตรีในโรงเรียนแห่งหนึ่งในท้องถิ่นนั้น และครองชีวิตอยู่ด้วยกันโดยไม่รู้เลยว่าเขามีครอบครัวและมีลูกอยู่แล้วถึง 2 คน ดาวมารู้ความจริงตอนที่ดาวตั้งท้องลูกคนแรกกับเขา ด้วยความเจ็บใจที่ถูกหลอกและเสียใจที่ทำร้ายครอบครัวเดิมของเขาอย่างไม่ตั้งใจ ดาวอุ้มท้องหนีไปหาเพื่อนที่จันทบุรี เพื่อนปลอบใจดาวด้วยการพาไปเข้าโบสถ์คาทอลิก ในความเศร้าเสียใจดาวไม่ยอมรับรู้อะไรเลย สิ่งเดียวที่พอจำได้ก็คือรูปพระแม่มารีเท่านั้น ดาวคลอดลูกชายชื่อ “น้องบิ๊ก” และเมื่อสามีมาตามหา ดาวไม่คิดจะคืนดีด้วยจึงพาลูกกลับมาฝากแม่ไว้ที่ขอนแก่นและยึดอาชีพร้องเพลงต่อไป
ความผิดพลาดในครั้งนั้นทำให้ดาวระวังตัวมากขึ้น ใช้ชีวิตเงียบๆ เรียบง่าย โดยไม่สนใจใคร แต่แล้วก็มีอาจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่งก้าวเข้ามาในชีวิตของดาวอีก เขาติดตามดาวเป็นปีๆ ให้ความมั่นใจว่าจะดูแลดาวและลูกอย่างดีจนทำให้ดาวคิดว่าชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้ ดาวแน่ใจว่าเขาไม่มีพันธะใดๆ บ้านพักของเขาในมหาวิทยาลัยไม่มีร่องรอยใดๆ ที่แสดงว่าเขาแต่งงานแล้ว และเขายกย่องดาวให้เป็นภรรยาที่ออกหน้าออกตาทั้งในมหาวิทยาลัยและในสังคมทั่วไป แต่แล้ว วันหนึ่งภรรยาของเขาก็กลับมาจากต่างประเทศ และลูกสองคนกลับมาจากบ้านญาติผู้ใหญ่ที่ไปพักอาศัยอยู่ระหว่างที่แม่ไปศึกษาต่อ ครั้งนี้ดาวเจ็บหนักกว่าครั้งที่แล้วคือเจ็บทั้งใจและเจ็บทั้งตัว ดาวถูกลอบทำร้ายทั้งด้านทรัพย์สินและร่างกายจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดโดยน้ำมือของคนที่ดาวไม่รู้จัก ในครั้งที่สองที่ดาวถูกทำร้ายจนไม่คิดว่าจะรอดชีวิตมาได้นั้น ดาวถูกทิ้งไว้ที่ข้างทางและตะเกียกตะกายกลับเข้ามาในเมืองด้วยร่างกายที่ฟกช้ำดำเขียวและเต็มไปด้วยเลือด ดาวแน่ใจว่าผู้สั่งการคือ “ภรรยาหลวง” และคิดจะตอบโต้ด้วยการเข้าไปเผาบ้านพักของเขา แต่ระหว่างแอบซุ่มตัวรอเวลาอยู่นั้น ดาวได้ยินเสียงลูกของเขาร้องไห้ถามแม่ว่าทำไมพ่อไม่กลับบ้าน แม่ก็ร้องไห้บอกให้ลูกลืมพ่อเสีย เสียงของเด็กทำให้ดาวใจอ่อนและกลับไปเก็บข้าวของหนีทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้งแล้วมุ่งหน้าไปพัทยา ที่ซึ่งดาวยึดอาชีพร้องเพลงเช่นเดิมและใช้ชีวิตไปวันๆ คิดวนเวียนอยู่แต่ความทุกข์ความเจ็บปวดของตนเองจนแม่พาลูกมาตามหาที่พัทยา ดาวจึงเก็บข้าวของกลับไปอยู่ที่ขอนแก่นอีกครั้งหนึ่งโดยไม่ได้เจอกับสามีอีกเลย
เริ่มต้นชีวิตใหม่
จากขอนแก่น ดาวตกลงใจย้ายไปร้องเพลงที่โรงแรมเปิดใหม่ที่สกลนครซึ่งทางโรงแรมมีที่พักให้ด้วย ร้องเพลงเสร็จก็กลับเข้าห้องพักไม่ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน มีเวลาว่างก็ไปหาแม่และลูกที่ขอนแก่น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่แม่ไม่สบายมาก ดาวลางานไปอยู่กับแม่หลายวัน ปรากฏว่า “คุณสมชาย” ผู้จัดการโรงแรมที่สกลนครมาตามหาดาวจนพบเพื่อขอให้ดาวกลับไปร้องเพลง และมิหนำซ้ำยังสารภาพรักกับดาวอีก ดาวคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณสมชายก็ใส่ใจดูแลดาวดี และเมื่อมาเห็นแม่ป่วยหนักก็เป็นธุระเรื่องรักษาพยาบาล และยังเข้ากันได้ดีกับลูก หลังจากดูใจกันได้ระยะหนึ่งดาวตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเขาโดยมีพิธีผูกข้อมือจากญาติผู้ใหญ่ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณี ชีวิตคู่เริ่มมีความสุข ช่วยกันทำมาหากินและดาวเป็นคนเก็บเงินที่หาได้ ดาวได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างดี ลูกได้เรียนหนังสือ ดาวมีเงินส่งให้แม่ใช้อย่างสม่ำเสมอ สามารถส่งเสียหลานๆ ให้เรียนหนังสือได้ด้วย แล้วดาวกับคุณสมชายก็ตัดสินใจลาออกจากงานโรงแรมมาเปิดร้านอาหารและร้านกาแฟเล็กๆ เป็นของตนเองที่เมืองกาญจน์โดยชวนพี่ชายคนหนึ่งมาทำร่วมกันซึ่งกิจการก็ดำเนินไปได้ดี แล้วดาวก็ตั้งท้องลูกคนที่สอง
มหันตภัยร้ายทำลายทุกสิ่ง
ระหว่างตั้งท้องลูกคนที่สอง ดาวไปหาหมอตามกำหนดนัดเป็นประจำและไม่พบความผิดปกติใดๆ “น้องบอล” ก็คลอดออกมาเป็นปกติทุกอย่าง แต่ที่ผิดสังเกตคือลูกคนที่สองนี้มักเป็นผื่นตามตัวและหายช้า ยุงกัดนิดเดียวก็จะมีผื่นขึ้นอยู่นาน ส่วนสามีคือคุณสมชายนั้นจะมีอาการผมร่วงมาก มีโรคผิวหนังขึ้นบ่อยๆ รักษาไม่ค่อยหาย และคุณสมชายระวังเรื่องอาหารการกินมาก ดาวก็คิดว่าเป็นปกติของผู้ชายที่มีอายุมากขึ้น คงมีภูมิแพ้ จึงต้องดูแลตนเอง และตั้งแต่ตั้งท้องลูกคนที่สอง ก็ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กัน ซึ่งดาวเองไม่ถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะต้องทำงานและเลี้ยงลูกด้วย เมื่อน้องบอลอายุประมาณ 2 ขวบ 4 เดือน คุณสมชายประสบอุบัติเหตุรถชนที่โคราช หน้าอกกระแทกพวงมาลัยอย่างแรงอาการสาหัสต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลและต้องให้เลือด แล้วดาวก็แทบล้มทั้งยืนเมื่อผลตรวจเลือดพบว่าสามีติดเชื้อเอชไอวี มีวัณโรคแทรกซ้อน และเชื้อราขึ้นสมอง อาการอยู่ในระยะสุดท้าย ดาวรู้สึกเหมือนโลกถล่มทลายลงตรงหน้า ทุกอย่างมืดมิด ทำอะไรไม่ถูก หมอพยายามรักษาสามีอยู่เกือบสี่เดือนที่โคราช ในที่สุดก็แจ้งให้ดาวรับสามีกลับบ้านเพราะยากที่จะเยียวยาได้ ดาวไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครดี เพื่อนๆ ก็ค่อยๆ หายหน้าไป ตอนนั้นดาวคาดว่าแม่สามีซึ่งอยู่โคราชคงจะพอให้สามีได้พักพิงอยู่ชั่วคราว แต่กลับถูกปฏิเสธและผลักไสให้ไปหาวัดพระบาทน้ำพุ ดาวจึงพาสามีไปขอนแก่น ทั้งพี่ชายและพี่สะใภ้ที่ขอนแก่นที่ดาวเคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาก่อนก็ไม่เต็มใจจะให้อยู่ด้วย เงินทองที่สะสมไว้ก็ร่อยหรอลงเพราะการรักษาพยาบาลสามีและการเดินทางระหว่างบ้านที่กาญจนบุรีกับโคราช ดาวจำได้ว่าพี่สะใภ้ให้เงินมา 400 บาทเพื่อเดินทางกลับมาเข้าโรงพยาบาลที่โคราช การเดินทางไปมาทำให้อาการของสามีทรุดหนักลงไปอีก เมื่อมาถึงโคราชสามีเริ่มหายใจไม่สะดวก ขณะรักษาตัวในโรงพยาบาลครั้งที่สองนี้ ดาวอาศัยที่นั่งรอตรวจคนไข้เป็นที่นอน เมื่อหิวก็ดื่มน้ำจากก๊อกเพราะต้องเก็บเงินไว้เป็นค่ารถ ตอนนั้นสามีมีเชื้อราขึ้นสมองรุนแรง ขณะเดียวกันน้องบอลลูกคนเล็กอายุ 2 ขวบ 8 เดือนที่ฝากไว้กับแม่ที่เมืองกาญจน์ก็เริ่มมีอาการถ่ายไม่ออกและมีเลือดออกมาด้วย ซูบผอมมาก เมื่อดาวบากหน้าไปหาพี่ชายพี่สาวอีกสองคนที่กรุงเทพฯ และได้เงินมา 1,000 บาท ก็ได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลโคราชว่าสามีเสียชีวิตแล้ว ดาวรีบโทรศัพท์แจ้งแม่สามีให้รับศพไปทำพิธี ซึ่งแม่สามีต้องการให้เผาศพโดยเร็ว ดาวรีบไปรับลูกจากเมืองกาญจน์ มาถึงวัดที่โคราชเขากำลังเอาศพสามีขึ้นเมรุเผาพอดี ยังมีเวลานิดหน่อยให้ดาวและลูกได้วางดอกไม้จันทน์ให้เขา ตอนนั้นความทุกข์มันท่วมอกจนไม่มีน้ำตา ดาวไม่เคยรู้เลยว่าสามีติดโรคนี้มาก่อน และคิดว่าสามีก็คงไม่รู้ในตอนแรกเช่นกัน จนกระทั่งดาวตั้งท้องและเขาเริ่มมีอาการทำให้เขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับดาวเลยเป็นเวลากว่า 2 ปี ดาวเองก็กลัวที่จะติดโรคนี้เช่นกันแต่ก็คิดเข้าข้างตนเองว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะติดโรคจากเขาเพราะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันมานาน
ในหว่างเขามัจจุราช
แม้คนจะรังเกียจสามีดาวที่เป็นเอดส์ แต่ไม่ใช่ดาวเพราะดาวรักเขามากและเขาก็ดีกับดาวและลูกรวมไปถึงแม่และพี่น้องของดาวด้วย เขาเป็นคนขยันทำมาหากินและบอกดาวเสมอว่าให้เก็บเงินไว้และเลี้ยงลูกให้ดี เมื่อเสียสามีไปก็เท่ากับเสียเสาหลักในชีวิต ดาวไม่อยากกลับไปบ้านแม่ที่เมืองกาญจน์อีกจึงพาลูกทั้งสองคนมาอาศัยพี่ชายอยู่ในกรุงเทพฯ
น้องบอลลูกชายคนเล็กจะเจ็บป่วยอยู่เสมอ ท้องเสียบ่อย และเป็นไข้ตัวร้อนเป็นประจำ ดาวจึงพาไปหาหมอที่สถานีอนามัยแห่งหนึ่งใกล้ที่พัก วันหนึ่งมีหญิงสูงอายุคนจีนมานั่งข้างๆ อาม่าท่านนี้แก่แล้วแต่แต่งตัวสะอาดสะอ้าน หน้าตาสดใสมีความสุข ท่านคงเห็นดาวใส่เสื้อขาดๆ และลูกไม่สบายมาก จึงถามดาวว่า “เธออยู่กับใคร เธอรู้ไหมว่าพระเจ้าอยากรู้จักเธอนะ เธออยากรู้จักพระเจ้าไหม พระเจ้าอยากรู้จักเธอ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้อธิษฐานกับพระเจ้า” เมื่อเสร็จธุระของท่านที่สถานีอนามัยแล้ว อาม่าก็ยังไม่ยอมกลับบ้านแต่อยู่รอจนลูกของดาวพบหมอเสร็จเรียบร้อย แล้วอาม่าก็กำเงิน 500 บาทมาใส่มือดาว ดาวถามว่าอาม่ารู้ได้อย่างไรว่าดาวไม่มีเงิน อาม่าบอกว่า “พระเจ้ารู้ว่าเธอไม่มีเงิน และพระเจ้าอยากให้เธอ” อาม่าเดินมาส่งดาวถึงแฟลตที่ดาวอยู่กับพี่ชาย ก่อนจะจากกันอาม่ายังย้ำอีกว่า “ถ้ามีปัญหาอะไรให้อธิษฐานกับพระเจ้า” ดาวเองรู้สึกแปลกใจมากที่เจอคนอย่างอาม่าเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาดาวเจอแต่คนเอารัดเอาเปรียบ อาม่าบอกว่าท่านชื่อ “ฮุยเจ็ง” อยู่ที่คริสตจักรกรุงไทย และให้เบอร์โทรศัพท์ของคริสตจักรไว้ด้วย และดาวเคยโทรไปที่นั่นแต่ท่านไม่ได้มาที่คริสตจักรในวันนั้น แต่ดาวก็ไม่ได้ใส่ใจมากเพราะความทุกข์ของดาวมันมากมายนัก
ดาวได้รับความช่วยเหลือจากนายจ้างของพี่สาวให้ทำงานร้านซักรีดแถบชานเมืองในกรุงเทพฯ และให้ที่พักด้วย ทำให้ดาวและลูกทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกัน น้องบอลลูกคนเล็กยังป่วยอยู่บ่อยๆ วันหนึ่งไปเล่นน้ำฝนทำให้เป็นไข้ตัวร้อนจัดและมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง พาไปหาหมอที่คลินิกก็ไม่หาย พาไปโรงพยาบาลก็จะดีขึ้นวันหนึ่งแล้วก็ล้มป่วยอีก เป็นๆ หายๆ และผอมลงเรื่อยๆ จนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เนื้อตัวเป็นจ้ำเขียวช้ำไปหมด จนในที่สุดทางโรงพยาบาลต้องรับเข้าเป็นคนไข้ในและตรวจเลือดทั้งแม่และลูก จึงได้รู้ว่าทั้งสองคนแม่ลูกติดเชื้อเอชไอวี ตอนนั้นดาวแทบจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว คิดว่าคนเราเกิดมาแล้วก็ต้องตาย แต่รู้สึกสงสารลูก สลดหดหู่ใจทุกครั้งที่มองหน้าลูก น้องบอลอายุสองขวบแปดเดือนเท่านั้น ทุกวันต้องโดนเข็มเจาะตรงนั้นตรงนี้จนไม่เหลือที่จะให้เจาะ ลูกผอมมากจนร่างกายไม่รับแม้แต่น้ำเกลือ ดาวเคยอุ้มน้องบอลไปที่ดาดฟ้าโรงพยาบาลกะว่าจะกระโดดลงไปเพื่อจะได้หมดเวรหมดกรรมไปพร้อมๆ กัน น่าแปลกที่ขณะนั้นก็คิดถึงคำพูดของอาม่าที่เจอที่สถานีอนามัยที่ว่า “มีปัญหาอะไรก็อธิษฐานกับพระเจ้า” และคิดถึงน้องบิ๊กลูกชายคนโตที่รักแม่และน้องมาก ทำให้ดาวเดินกลับลงมา พระเจ้าเป็นใครดาวไม่รู้จัก เรื่องพระเจ้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน แม้จะเคยผ่านหูมาบ้างก็ไม่ได้สนใจ แวบหนึ่งก็คิดอยู่ในใจว่าขอพระเจ้าช่วยดาวและลูกด้วยเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว
ข้างเตียงของน้องบอลมีเด็กอีกคนหนึ่งนอนป่วยอยู่ แม่ของเด็กจะแวะเวียนมาเยี่ยมลูกของดาวด้วย เพียงแค่มองดู เขาก็รู้เลยว่าน้องบอลติดเชื้อโรคร้าย เขาบอกดาวว่าเขารู้จักหน่วยงานหนึ่งทำงานช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ ดาวตกลงโดยไม่ลังเลที่จะให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนั้นมาเยี่ยม ในเวลานั้นหากใครช่วยได้ดาวก็รับทั้งนั้น แต่วันรุ่งขึ้นพยาบาลต้องย้ายลูกไปอยู่ห้องผู้ป่วยติดเชื้อและเป็นวัณโรคซึ่งไม่น่าจะมีใครตามหาจนเจอ แต่อาสาสมัครจาก ACET มาตามหาดาวและลูกจนพบ เขามาเยี่ยมปลอบใจดาวและอธิษฐานต่อหน้าดาวและลูกเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าและยังให้นามบัตรไว้ วันรุ่งขึ้นเขาก็มาอีกและยังมีคุณตาแอลแลน ผู้อำนวยการองค์การนี้ และภรรยาของท่านคือคุณยายเมลินมาด้วย ทั้งคู่เป็นชาวอังกฤษที่อยู่เมืองไทยนานจนพูดไทยเก่งมาก ตั้งแต่วันนั้น ทั้งสามคนมาเยี่ยมดาวและน้องบอลหลายครั้ง ทุกครั้งดาวก็จะได้ยินพวกเขาอธิษฐานกับพระเจ้าขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เมื่อคุ้นเคยกันมากขึ้นดาวจึงกล้าปรึกษาว่าน้องบอลต้องการยาต้านไวรัสซึ่งทางโรงพยาบาลนี้ไม่ได้ให้เลย มีทางไหนหรือโรงพยาบาลอะไรที่สามารถให้ยาต้านได้บ้าง เพราะดาวไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหนและไม่มีเงินเลย
ในที่สุดด้วยความช่วยเหลือของอาสาสมัครจาก ACET ทำให้รู้ว่าโรงพยาบาลเด็กมีโครงการช่วยเหลือให้ยาต้านไวร้ส แต่ทางโรงพยาบาลที่รักษาตัวอยู่นี้ไม่ยอมทำเรื่องย้ายตัวน้องบอลไปที่นั่น โดยอ้างถึงระบบซับซ้อนของการเรียกเก็บเงินค่ารักษาพยาบาลระหว่างโรงพยาบาล ของรัฐที่ดาวไม่เข้าใจ ดาวจึงตัดสินใจอุ้มน้องบอลเดินออกจากโรงพยาบาลนั้น ขณะนั้นน้องบอลผอมแห้งมากๆ มีเลือดไหลออกจากปากเพราะเป็นเชื้อราและมีแผลด้านนอกทั่วริมฝีปากจนแทบมอง ไม่เห็นปาก ไม่มีอะไรที่น่ารักน่าดูเหลืออยู่ในตัวลูกเลย ดาวพาลูกมาที่โรงพยาบาลเด็ก ทั้งที่ลูกมีอาการแย่มากๆ และเสื้อของดาวเต็มไปด้วยเลือดของลูก ทางโรงพยาบาลเด็กให้ไปทำเรื่องที่โรงพยาบาลราชวิถีก่อนเพราะดาวใช้สิทธิบัตร ทองในการรักษาลูกโดยที่ทะเบียนบ้านของดาวอยู่นอกเขต ส่วนทางโรงพยาบาลราชวิถีก็บอกว่าให้ไปย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ในเขตก่อนจึงจะ ใช้สิทธิ์จากบัตรได้ ! ดาวอุ้มลูกวิ่งไปวิ่งมาระหว่างสองโรงพยาบาลจนมีคนเวทนาแนะนำให้ไปหามูลนิธิ หนึ่งที่อยู่ห้อง 17-18 ของโรงพยาบาลราชวิถี เมื่อดาวอุ้มลูกเข้าไปเจ้าหน้าที่มูลนิธิตกใจกับสภาพของดาวและลูก น้องบอลหมดแรงคอตกจนแทบจะหมุนได้ ดาวรู้สึกซาบซึ้งใจที่ได้เห็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิในห้องนี้กุลีกุจอช่วยเหลือประสานกลับไปทางโรงพยาบาลเดิมจนได้เอกสารต่างๆ ครบถ้วน และลูกได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเด็กในวันนั้น
เนื่องจากน้องบอลมีอาการหนักมากและมีอาการไอด้วย ทางโรงพยาบาลจึงให้เขาแยกอยู่ห้องเดี่ยว โดยมีทีมแพทย์ 3 ท่านเป็นผู้ดูแล แพทย์ทุกท่านต่างลงความเห็นว่าลูกจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินครึ่งเดือน หมอให้ยาต้านไวรัสกับลูก และต้องเปลี่ยนยาถึง 3 ครั้ง อาสาสมัครองค์การ ACET ยังคงมาเยี่ยมและอธิษฐานให้น้องบอล เขาบอกว่าอยากให้ดาวได้รู้จักกับพระเจ้า และให้พระคริสตธรรมคัมภีร์ไว้กับดาวเล่มหนึ่งแต่ดาวอ่านไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย จิตใจมีแต่ความกังวลห่วงหน้าพะวงหลังไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านหนังสืออะไรทั้งนั้น ดีที่คุณตาแอลแลนและคุณยายเมลินรับอาสาช่วยดูแลน้องบิ๊กลูกชายคนโตให้ เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนน้องบอลยังมีชีวิตอยู่แต่อาการหนักมากๆ สายยางเต็มสองรูจมูก น้ำเกลือที่ให้ก็ไม่เข้าเส้นเลือด ต้องเจาะเลือดทุกวัน เจาะจนแทบจะพรุนไปทั้งตัว ทั้งแขนทั้งขา เจาะแล้วก็ไม่มีเลือด เดี๋ยวก็เจาะไขสันหลังเพื่อเอาน้ำไขสันหลังไปตรวจ ลูกที่เคยน่ารักช่างพูดช่างคุย เดี๋ยวนี้มีแต่สายระโยงระยาง ทานอาหารและน้ำเองไม่ได้เลย ทุกคืนลูกจะนอนไม่ได้ ทุรนทุราย มีแต่เสียงร้องไห้เพราะความเจ็บปวด ดาวต้องอุ้มไว้แนบอกรู้สึกเจ็บปวดทรมานแทนลูกจนแทบจะไม่อยากให้ลูกรักษาต่อไปอีกเลย
พระหัตถ์พระเจ้าทรงพยุงข้าพเจ้าไว้
น้องบอลได้รับการรักษาอยู่ประมาณสามเดือน ทีมแพทย์ก็บอกอีกครั้งว่าให้ดาวทำใจเพราะคาดว่าลูกจะอยู่ได้อีกไม่เกิน 3 วัน โดยทางทีมแพทย์ก็ยังโต้แย้งกันเองว่าควรจะคงเหลือเครื่องพยุงชีวิตอะไรไว้ ในวันที่โรงพยาบาลตัดสินใจถอดสายต่างๆ ออกคงเหลือแต่น้ำเกลือกับเลือดนั้น คุณตาแอลแลนและคุณยายเมลินได้พาชาวจีนไต้หวันคนหนึ่งมาเยี่ยม ท่านทำธุรกิจอยู่ในออสเตรเลียและมีความห่วงใยเป็นพิเศษกับผู้เป็นเอดส์ ท่านได้มาอธิษฐานให้กับน้องบอลที่หน้าเตียงด้วยภาษาของท่าน เสียงของท่านดังมากจนพยาบาลต้องเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านอธิษฐานวางมือบนตัวลูกก่อนและก็วางมือที่ดาวด้วย ดาวเองก็ฟังไม่เข้าใจว่าท่านอธิษฐานว่าอะไรแต่รู้สึกถึงความร้อนที่ซ่านตั้งแต่หัวจรดเท้า มันวูบวาบไปหมดทั้งตัว ดาวบรรยายไม่ถูกแต่สัมผัสได้ถึงการอัศจรรย์บางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง คุณตาแอลแลนบอกว่าเขาได้อธิษฐานขอให้พระเจ้ารักษาลูกและดาว วันนั้นเมื่อคนทั้งหมดกลับไปแล้วดาวรู้สึกว่าอยากอธิษฐานพูดกับพระเจ้าทั้งคืนทั้งที่ดาวไม่เคยทำมาก่อน ดาวเกิดความเชื่อว่าประสบการณ์จากฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่ไหลผ่านมือของชายชาวจีนที่ดาวได้รับนั้น น้องบอลก็จะได้รับด้วยเช่นกัน แม้ดาวจะไม่รู้จักพระเจ้าแต่ดาวเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง ดาวพูดคุยกับพระเจ้าอยู่ทั้งคืน ขอพระเจ้าให้ชีวิตน้องบอลได้ยาวออกไป ขอให้พระองค์รักษาลูกให้หายด้วย แล้วดาวก็รู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งที่คืนนั้นลูกสามารถหลับอย่างสบาย หายใจเป็นปกติ ไม่ทุรนทุรายเหมือนทุกวันโดยที่ดาวไม่ต้องอุ้มเขาไว้ อัศจรรย์ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนเช้าเมื่อน้องบอลรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเรียก “แม่” และบอกว่า “หิวข้าว หิวน้ำ” และยังพยายามลุกขึ้นนั่งเอง คงไม่มีอะไรที่ดีใจไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับหัวอกคนเป็นแม่ ดาวรีบไปหาซื้อโจ๊กมาป้อนให้ลูกกิน
ปาฏิหาริย์ที่เกินคำอธิบายนี้ทำให้ดาวเชื่อทันทีว่าพระเจ้าช่วยลูกอย่างแน่นอน ดาวเริ่มอ่านพระคัมภีร์และเอาพระคัมภีร์ที่มีรูปให้ลูกดูและอ่านให้ลูกฟัง บางทีก็จะร้องเพลงให้ลูกฟังด้วย อาการของลูกดีขึ้นจนเป็นที่กล่าวขานและตื่นเต้นกันทั้งชั้นของตึกผู้ป่วยที่ลูกพักอยู่ ลูกเป็นกรณีศึกษาของทีมแพทย์และพยาบาลเนื่องจากปอดของลูกถูกทำลายมาสามเดือนเต็มๆ จนแทบไม่เหลืออะไรแล้วรอแต่วันที่จะจากไปเท่านั้น แต่น้องบอลกลับยังคงมีชีวิตอยู่และอาการดีขึ้นอีกด้วย ดาวมั่นใจว่านี่คือการรักษาของพระเจ้าอย่างแน่นอน
อาการของน้องบอลดีวันดีคืน และประมาณครึ่งเดือนหลังจากนั้น หมอก็อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านโดยให้กินยาตัวใหม่ คุณตาแอลแลนและคุณยายเมลินเมตตาช่วยเหลือเรื่องหาบ้านเช่ารวมถึงค่าเช่าบ้าน ด้วย ส่วนน้องบิ๊กก็ได้เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนใกล้บ้าน ดาวเริ่มไปโบสถ์แห่งหนึ่งตามคำแนะนำของคุณตาแอลแลนและคุณยายเมลิน และต่อมาก็ได้เป็นสมาชิกประจำที่คริสตจักรนั้น ขณะเดียวกันดาวหาเลี้ยงชีพโดยการรับของมาขายตามตลาดนัดแต่ดาวไมได้ระวังที่ จะให้ยาลูกอย่างสม่ำเสมอเพราะมีความรู้เรื่องการดูแลรักษาผู้ป่วยเอดส์น้อย จึงทำให้อาการลูกทรุดลง ทั้งน้องบอลยังผอมมากและยังเดินไม่ได้ ดาวจึงต้องนำเขาไปฝากไว้ที่ศูนย์เมอร์ซี่ของคาทอลิกที่คลองเตย ซึ่งเขาให้การดูแลอย่างดีทั้งเรื่องทานยาตรงเวลาและการทำกายภาพบำบัดเพื่อ ช่วยให้น้องบอลเดินได้ ดาวจะไปเยี่ยมลูกวันเว้นวันและจะอธิษฐานด้วยกันกับลูก ขอให้พระเจ้าช่วยให้ลูกเดินได้ สมาชิกที่คริสตจักรก็อธิษฐานเผื่อให้ลูกเดินได้ ดาวเชื่อในพลังของการอธิษฐาน ดาวให้กำลังใจน้องบอลว่าถ้าเดินได้เมื่อไหร่ ก็จะได้กลับมาอยู่บ้านกับแม่และพี่บิ๊ก
น้องบอลอยู่ที่ศูนย์เมอร์ซี่ได้ประมาณ 6 เดือนก็เริ่มเดินได้ ต่อมาก็วิ่งได้ แล้วจึงได้กลับมาอยู่บ้าน น้องบอลมีความสุขมาก ทานได้ นอนได้ ร่างกายแข็งแรงจนสามารถไปโบสถ์กับแม่และพี่บิ๊กได้ และในที่สุดได้เข้าเรียนหนังสือในโรงเรียนเดียวกับพี่ชายด้วย ทุกวันนี้น้องบอลยังจำความเจ็บปวดต่างๆ ที่เกิดกับเขาได้ ในขณะเดียวกันเมื่อมีคนถาม ก็สามารถบอกได้ว่า “พระเจ้ารักษา” (คำพูดทุกคำของน้องบอลอยู่ตอนท้ายของเรื่องนี้โดยไม่ได้มีการตัดทอน) ปัจจุบันน้องบอลอายุห้าขวบครึ่งแล้ว ผลการตรวจนับปริมาณไวรัสในเลือดก็ไม่พบแล้ว (Undetectable) และปริมาณเม็ดเลือดขาวเพิ่มจาก 700 เป็น 800, 900 ตอนนี้ก็ 1000 กว่าแล้ว ซึ่งหมายถึงมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆส่วนบิ๊กปัจจุบันอายุ 15 ปี เขาเล่าให้แม่ฟังว่าหลังจากที่น้องหายและกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน คืนหนึ่งเขาฝันเห็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สีทองและเขียวสว่างสดใส มีพระเยซูใส่ชุดสีขาวผมยาวยืนอยู่กลางทุ่ง พระองค์ยิ้มและอ้าแขนสองข้างให้บิ๊ก บิ๊กจึงวิ่งเข้าไปหาและกอดพระองค์แน่น พระองค์ก็กอดบิ๊กเช่นกันทั้งแม่ บิ๊กและน้องบอลรับบัพติศมา (ประกาศตนเป็นคริสตชน) พร้อมกันเมื่อปี 2006
พระเจ้าทรงนำในหนทางอันขรุขระ
นอกจากขายของเบ็ดเตล็ดตามตลาดนัด ดาวจำเป็นต้องหารายได้เพิ่มด้วยการวางของขายตามทางเท้าและบนสะพานลอย และต้องคอยหนีเทศกิจ ครั้งหนึ่งเคยถูกยึดเอาของไปหมด วันนั้นดาวท้อใจมาก จึงอธิษฐานขอพระเจ้าประทานที่ขายของให้โดยไม่ต้องวิ่งหนีเจ้าหน้าที่อีก วันรุ่งขึ้นดาวได้รับการติดต่อจากศูนย์เมอร์ซี่ที่เคยดูแลน้องบอลว่ามีทุนให้ “คู่ปาท่องโก๋” กู้ยืมคนละ 10,000 บาทเพื่อไปประกอบอาชีพโดยจะต้องนำเงินมาคืนเมื่อครบกำหนด “คู่ปาท่องโก๋” คือผู้ติดเชื้อและเพื่อนผู้ไม่ติดเชื้อจับคู่กันมาเข้าโครงการ โดยทางศูนย์ต้องการทำสารคดีประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปเข้าใจว่าผู้ติดเชื้อสามารถอยู่ร่วมกับคนทั่วไปได้อย่างปกติ แต่ยังไม่มีคู่ปาท่องโก๋ไหนยอมให้ถ่ายทำเรื่องของเขา อัศจรรย์ที่วันนั้น เพื่อนที่เคยร้องเพลงด้วยกันที่ขอนแก่นมาหาดาวพอดี ทั้งคู่สนใจเข้าโครงการนี้และยอมให้ทางศูนย์ถ่ายทำเป็นสารคดี เพราะดาวไม่คิดว่าจะต้องอายหากเรื่องของเธอจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมเพื่อช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจและไม่รังเกียจผู้ติดเชื้อ โครงการนี้มีทั้งหน่วยงานจากต่างประเทศและสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนของคุณมีชัย วีระไวทยะ ร่วมด้วย คู่ของดาวและเพื่อนเป็นที่สนใจของคุณมีชัยเพราะเพื่อนมีความสามารถในการถักกระเป๋าสะพายได้สวยงาม น่าจะเป็นงานฝีมือที่แขกชาวต่างชาติสนใจ คุณมีชัยจึงยินดีให้เปิดขายของที่บริเวณหน้าร้าน “คอนดอม” ของท่าน อีกครั้งหนึ่งที่ดาวแน่ใจว่าพระเจ้าได้ตอบคำอธิษฐานแล้วอย่างอัศจรรย์ แต่ทุกอย่างดูจะไม่ราบรื่นเสียทีเดียวเพราะเมื่อเพื่อนได้รับเงินหนึ่งหมื่นบาทไปแล้วก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย ทิ้งให้ดาวต้องรับภาระหนี้สินชดใช้ศูนย์อยู่คนเดียว แต่ดาวไม่ท้อใจและยังมั่นคงในความเชื่อว่าพระเจ้าจะไม่ทอดทิ้ง เมื่อเพื่อนถักกระเป๋าให้ดาวไม่ได้ ดาวก็มองหาสินค้าอย่างอื่นที่คิดว่าชาวต่างชาติจะสนใจมาขายแทนทำให้พอมีรายได้เข้ามาบ้าง แต่แล้วก็เกิดเหตุสึนามิทางภาคใต้ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวลดลงไปมาก การค้าขายของดาวก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
ดาวได้มีโอกาสรับแม่มาอยู่ด้วยจากเมืองกาญจน์ ดาวอธิษฐานให้แม่เลิกเหล้าอย่างจริงจังและรู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ในที่สุดแม่ก็เลิกเหล้าได้จริงๆ และตัดสินใจต้อนรับพระเยซูเป็นพระเจ้าของแม่ด้วย แต่แม่ก็อยู่กับดาวไม่นาน ท่านหมดลมในอ้อมแขนของดาว ดาวเสียใจมากเพราะรู้สึกว่าโอกาสที่ได้ดูแลแม่นั้นช่างน้อยเหลือเกิน หลังจากแม่เสียไป ดาวเป็นไข้ ตัวร้อนจัด เพ้อ นอนหมดแรงอยู่สองวันเต็ม พอรู้สึกตัวก็ไม่มีแรงแม้แต่จะพาตัวเองไปหาหมอ และเงินทองเริ่มร่อยหรออีกเพราะไม่ได้ไปขายของ เงินที่มีอยู่ก็ต้องเก็บไว้เป็นค่าอาหารกลางวันของลูก อาหารที่พอจะมีติดบ้านอยู่บ้างคือไข่และบะหมี่สำเร็จรูปก็กำลังจะหมดลงภายในวันสองวัน ช่วงนั้นคุณตาแอลแลนและคุณยายเมลินไปต่างประเทศ จึงไม่มีใครที่ดาวจะกล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น ดาวและลูกทั้งสองคนอธิษฐานขอพระเจ้าเมตตาให้ครอบครัวผ่านวิกฤตไปให้ได้ เมื่อดาวไม่ได้ไปขายของที่หน้าร้านคอนดอมหลายวัน พี่ๆ เพื่อนๆ ที่นั่นก็รู้สึกผิดสังเกตและเป็นห่วง พวกเขารู้ว่าดาวไม่สบายมากจึงขอให้พนักงานจากร้านคอนดอมมาเยี่ยม ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขายังได้รวบรวมเงินตามกำลังของแต่ละคนได้ถึง 6,800 บาท โดยหน้าซองเขียนว่า “พวกพี่ทุกชั้น (ของอาคารที่ทำงาน) รวบรวมเงินมาให้ดาว ได้ข่าวว่าดาวป่วยขอให้ดาวนำเงินนี้รักษาตัวและดูแลลูก ขอให้หายเร็วๆ นะ จากพี่ๆ พยาบาล และพี่ๆ ทุกคน รักและเป็นห่วงดาวนะ”ดาวตื่นเต้นมาก แทบไม่เชื่อสายตาตนเองว่ามีเงินมากมายอยู่ในซอง น้องบิ๊กลูกคนโตดูแล้วก็บอกว่าเป็นเงินที่เขาให้แม่จริงๆ ดาวขอบพระคุณพระเจ้าที่ให้ดาวมีเพื่อนดี มีใจเมตตา ดาวแน่ใจแล้วว่าพระเจ้าดูแลดาวอย่างยิ่งใหญ่และอัศจรรย์จริงๆ
ส่วนเรื่องการรักษาตัว ตั้งแต่ดาวรู้ว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวี ดาวยังไม่เคยได้รับการบำบัดรักษาหรือได้รับยาต้านใดๆ เลย เพราะผู้ติดเชื้อจะได้รับยาต่อเมื่อถูกรับเป็นคนไข้ในของโรงพยาบาลก่อน หรือหากตรวจนับภูมิต้านทานแล้วต่ำมากจึงจะได้รับยา มีอยู่ช่วงหนึ่งหลังจากที่ป่วยหนักปรากฏว่าค่าภูมิต้านทานของดาวต่ำกว่า 200 และดาวเริ่มมีอาการคือขาจะดำมาก ตัวซีด หน้าตอบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด และนอนไม่หลับ ดาวอยากได้ยาแต่ไม่รู้จะไปรับได้ที่ไหน ถ้ามีเงินก็คงไม่ลำบากแต่ดาวมีรายได้น้อย คืนนั้นดาวอธิษฐานบอกความในใจกับพระเจ้าและขอพระเจ้าจัดเตรียมเรื่องยาต้านไวรัสให้ดาวด้วย แล้วหยิบพระคัมภีร์มาอ่าน ดาวจำไม่ได้ว่าเปิดไปที่พระธรรมเล่มไหน แต่จำได้ว่าเปิดไปพบข้อพระคัมภีร์ตอนที่กล่าวว่า “พระองค์ทรงทุกข์พระทัยในความทุกข์ใจทั้งสิ้นของเขา และทูตสวรรค์ที่อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ช่วยเขาทั้งหลายให้รอด พระองค์ทรงไถ่เขาด้วยความรักของพระองค์ และด้วยความสงสารของพระองค์ พระองค์ทรงยกเขาขึ้นและหอบเขาไปตลอดกาลก่อน” (อิสยาห์บทที่ 63 ข้อ 9)
คำตอบจากพระเจ้าผ่านพระคัมภีร์ข้อนี้ช่างชัดเจนจริงๆ เช้าวันนั้นดาวได้รับข่าวจากเพื่อนคนหนึ่งว่ามีโครงการใหม่สำหรับช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ แต่ต้องเป็นผู้ไม่เคยได้รับยามาก่อนซึ่งก็ตรงกับกรณีของดาวพอดี ทำให้ดาวได้เข้าร่วมโครงการและได้รับยาตั้งแต่นั้น ปัจจุบันปริมาณเม็ดเลือดขาวของดาวซึ่งเคยมีเพียง 140 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 380 แล้ว ซึ่งหมายความว่าดาวแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบันดาวยังเป็นอาสาสมัครช่วยสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน ในการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์และการปฏิบัติตัวเมื่อติดเชื้อนี้ ดาวอธิษฐานกับพระเจ้าว่าดาวจะขอถวายชีวิตช่วงที่เหลืออยู่เพื่อรับใช้พระองค์ เป็นพยานถึงความดี ความรัก และการอัศจรรย์ที่พระเจ้าได้กระทำต่อชีวิตของดาวและลูก และจะใช้ชีวิตเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยเฉพาะสังคมของผู้ติดเชื้อให้มากที่สุด
มีอีกคนหนึ่งที่ดาวระลึกถึงคืออาม่าฮุยเจ็ง (คริสตจักรกรุงไทย) ดาวอยากขอบคุณอาม่าที่ช่วยเหลือและบอกเรื่องพระเยซูแก่ดาว ดาวอยากบอกกับอาม่าว่าดาวได้รู้จักพระเจ้าแล้ว วันนี้ดาวเชื่อพระเจ้าเหมือนอาม่าแล้ว ทุกวันนี้ดาวมีความสุข วันอาทิตย์ดาวกับลูกจะไปคริสตจักรด้วยกัน ดาวมีส่วนรับใช้พระเจ้าที่คริสตจักรด้วยการนำร้องเพลงและเป็นพยานให้คนอื่นฟัง ทุกวันพฤหัสดาวจะเข้าร่วมกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ ส่วนลูกจะมีกิจกรรมพิเศษที่โบสถ์ทุกวันเสาร์
ฝากไว้จากใจดาว
ดาวอยากจะบอกกับเพื่อนๆ ผู้กำลังเผชิญโรคเดียวกันว่าอย่าท้อแท้ ความวิตกและความเครียดจะยิ่งทำให้อาการแย่ลงไปอีก แม้เราจะมีเชื้อนี้อยู่ในตัว เราก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 20-30 ปี โรคนี้แพ้กำลังใจ เราต้องพยายามที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่เรารัก เช่น พ่อ แม่และลูก ที่สำคัญที่สุดดาวอยากให้ทุกคนได้รู้จักพระเจ้าเป็นส่วนตัวเหมือนดาว เพราะพระเจ้าเป็นพระเจ้าเหนือปัญหาทั้งปวง เพราะดาวได้รู้จักพระเจ้า ดาวจึงได้พบกับความรักแท้ ความเอื้ออาทร และมีที่พักพิงในชีวิต และโรคร้ายก็กลายเป็นเรื่องเล็ก
ดาวขอร้องพี่น้องร่วมโลกว่าอย่าได้รังเกียจผู้ติดเชื้อเลย ความทุกข์ที่เขาต้องรับอยู่ก็แสนสาหัสอยู่แล้ว หากท่านรังเกียจเขาก็เท่ากับเพิ่มความทุกข์ให้กับเขา หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของท่าน ท่านจะรังเกียจเขาหรือให้กำลังใจเขา จะพยุงเขาไว้หรือจะซ้ำเติมเขา พวกเขาต้องการกำลังใจ ต้องการสักมือหนึ่งที่ยื่นออกมาให้เขาจับ สักคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ สักคำหนึ่งที่ให้กำลังใจอย่างอ่อนโยน มันคงไม่มากเกินไปที่ท่านจะให้แก่เขาได้
ดาวได้รับความรู้จากแพทย์ซึ่งยืนยันว่าโรคนี้ไม่ใช่จะติดต่อได้ง่ายๆ มันติดต่อได้แค่ 3 ทางเท่านั้นคือ
1.การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
2.การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ
3.ลูกที่ได้รับน้ำนมจากอกแม่ที่ติดเชื้อ
จากใจน้องบอล
ปัจจุบัน (ปี 2007) น้องบอลอายุ 5 ขวบ 6 เดือน ในวินาทีแรกที่สมาคมพระคริสตธรรมไทยได้เห็นแม่และน้องบอลเพื่อสัมภาษณ์นั้น เราดูไม่ออกเลยว่าน้องบอลคือเด็กที่เราเคยได้ยินว่าได้เฉียดความตายมาอย่างน่าสะพรึงกลัว เพราะเด็กที่อยู่ตรงหน้าเรานั้นหน้าตาหล่อเหลา ศีรษะได้รูปสวย แก้มสีชมพู สดใส ผิวพรรณเรียบเนียนไม่มีริ้วรอย พูดจาฉาดฉาน ฉลาดหลักแหลม ว่องไวแข็งแรงวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานกับลูกหมาของคุณตาแอลแลนและคุณยายเมลิน แม้จะไม่อ้วนแต่ก็ไม่ผอมแห้ง น้ำหนักปัจจุบัน 18 กิโลกรัม น้องบอลได้คุยกับเราซึ่งเราขอนำมาลงไว้ทุกคำโดยไม่มีการตัดต่อแต่อย่างใด
“พระเยซูช่วยหนูเอาไว้ หนูไม่สบาย หนูไปนอนตรงนั้น ตอนนั้นเจ็บแขนเจ็บขา เจ็บปาก ปากมันลอกออกมา มีเลือดแดงออกมา ตอนนั้น 2 ขวบ ฉีดยาเจ็บมาก พระเยซูอยู่ใกล้หนู หนูเห็นพระเยซู ฝันเห็นพระเยซูมาหา พระเยซูใส่เสื้อสีขาว หนูจำหน้าพระเยซูได้ จำได้จากบนสวรรค์ หนูเห็นจากรูป พระเยซูก็อธิษฐานให้หนูหายเร็วๆ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล พระเยซูไม่ดุ พระเยซูไว้ผมยาว ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว หนูรักพระเยซูเพราะว่าพระเยซูทำให้หนูฟื้นมาได้ เมื่อก่อนหนูแขนเล็กนิดเดียว พระเยซูให้หนูมีเนื้อขึ้น”
ปาฏิหาริย์มีจริง
ชีวิตของดาวผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน ลำบากยากไร้แล้วรุ่งเรืองแล้วมาตกต่ำถึงที่สุด แต่ในวันนี้ดาวพบความจริงในพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ผู้ทรงรักดาวในสภาพที่ดาวเป็นและอยู่กับดาวเสมอไม่เคยทอดทิ้ง ทุกเช้าเมื่อตื่นขึ้นมา ดาวจะขอบคุณพระเจ้าเป็นสิ่งแรกสำหรับลมหายใจที่พระองค์ประทานให้ ขอบพระคุณสำหรับลูกๆ ที่พระองค์คืนความสดใสและความแข็งแรงให้ ก่อนนอนดาวและลูกทั้ง 2 คนจะอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าด้วยกัน ดาวมั่นใจว่าพระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานเหล่านั้น และสำหรับพระเจ้าแล้วทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอและปาฏิหาริย์ของพระเจ้านั้นมีจริง
คุณดาว (นามสมมุติ)