พระวจนะเปลี่ยนชีวิตแพทย์ผู้นี้

พระวจนะเปลี่ยนชีวิตแพทย์ผู้นี้

ทุกชีวิตพยายามแสวงหาความสำเร็จ ความร่ำรวย เกียรติยศ และความภาคภูมิใจ มีอาชีพหนึ่งที่มีสิ่งเหล่านี้เกือบทั้งหมด คือ อาชีพแพทย์ เป็นที่ทราบกันดีว่า คนที่จะเป็นแพทย์ได้นั้น ต้องเป็นคนเรียนเก่ง มีระดับสติปัญญาสูงกว่าคนทั่วไป และขยัน

เมื่อเรียนจบและประกอบอาชีพแพทย์ก็มีรายได้มหาศาล เป็นผู้ที่รักษาคนให้หายจากความเจ็บป่วย ช่วยให้คนมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยสุขภาพที่ดี เมื่อเป็นเช่นนี้ จะมีอะไรอีกเล่าที่จะทำให้คนที่เป็นหมอคิดว่าตัวเองเป็นคนบาป จำเป็นต้องได้รับการไถ่ให้รอดพ้นจากความผิดบาปด้วย แต่มีคุณหมอท่านหนึ่งได้ยอมถ่อมใจ และกลับใจใหม่มาเชื่อพระเจ้า ท่านคือผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ให้เป็นบุตรของพระองค์ เพื่อท่านจะเป็นผู้ที่นำคนมากมายมารู้จักกับพระองค์ผ่านทางอาชีพแพทย์ของท่าน

นายแพทย์พิชัย ลือประสิทธิ์สกุล วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ท่านและครอบครัวเป็นคริสเตียนมากว่า 3 ปี เป็นสมาชิกคริสตจักรสืบสัมพันธวงศ์ คุณหมอพิชัยได้ให้สัมภาษณ์ว่าท่านมาเชื่อพระเจ้าอย่างไร

“ผู้ปกครองคริสตจักรสืบสัมพันธวงศ์ท่านหนึ่งคือ คุณวัย วรรธนะกุล เป็นคุณพ่อของคุณชาญ วรรธนะกุล ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต ที่ภรรยาของผมทำงานอยู่ คุณวัยมีความห่วงใยผมอย่างมาก ได้ถามถึงการทำงานของผมเสมอ ท่านได้แนะนำผมให้มาทำงานที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน เมื่อผมเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลนี้ใหม่ๆ งานช่วงแรกมีไม่มากนัก เช้าๆ ก็จะเข้าห้องสมุดของโรงพยาบาลฯ ซึ่งห้องสมุดจะมีห้องนมัสการอยู่ด้วย มีการนมัสการทุกเช้า ท่านอาจารย์สมร เรืองชาญ ซึ่งเป็นอนุสาสกของโรงพยาบาล และอาจารย์(แพทย์หญิง) สุนันทา ได้ชวนผมเข้าร่วมนมัสการด้วย เมื่อได้นมัสการพระเจ้า ก็รู้สึกแปลกใจเกี่ยวกับการอธิษฐาน การร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าว่าคืออะไร? ผมจึงสนใจศึกษาเพิ่มเติม ได้ไปที่ร้านหนังสือข้างโรงพยาบาลฯ เมื่อได้ยินได้ฟังอะไรจากห้องนมัสการ ก็จะไปอ่านดูว่าคืออะไร ผมได้อ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์ ซึ่งเป็นพระวจนะของพระเจ้า เมื่อได้อ่านมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มรู้จักพระเจ้ามากขึ้น ฤทธิ์อำนาจแห่งพระวจนะของพระองค์เปลี่ยนแปลงชีวิตผม ทำให้มีความเข้าใจมากขึ้น ผมได้เปิดใจต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้า และดำเนินตามทางของพระองค์ ผมดีใจมากที่ได้มาทำงานที่นี่ และได้มารู้จักกับพระเจ้าที่นี่ด้วย”

เมื่อรู้จักกับพระเจ้าแล้ว ชีวิตของคุณหมอก็ได้รับการเปลี่ยนแปลง มีการดำเนินชีวิตใหม่กับพระเจ้า คุณหมอเล่าต่อไปว่า “จุดยืนความคิดของผมเริ่มเปลี่ยนไป ความปรารถนาด้านเนื้อหนังแบบชาวโลกหมดสิ้นไป ทำให้ตระหนักว่าความมั่งคั่งไม่ได้เป็นจุดสุดยอดของชีวิต ความหมายของชีวิตสำคัญที่ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร ชีวิตผมเป็นคนบาปมาก่อน เมื่อยังไม่รู้จักกับพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ ก็จะไปตามกระแสของโลก โดยอิทธิพลต่างๆ ของมารซาตาน คือความโลภ คนทุกวันนี้วัดกันด้วยเงินทอง ความร่ำรวย ความสำเร็จต่างๆ เงินเป็นตัวล่อลวง ผมมักจะพูดเรื่องนี้กับครอบครัวเสมอ เพราะคนทั่วไปมักชอบเปรียบเทียบความร่ำรวยกัน ถ้าเราอ่อนไหวตาม อาจจะทำให้เราล้มลงได้ ผมเริ่มดำเนินชีวิตใหม่กับพระเจ้า รับใช้พระองค์ พระวจนะของพระเจ้าเตือนสอนว่า ‘อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก…..…ที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้ แต่จงส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์……ที่ไม่มีขโมยขุดช่องลักเอาไปได้ (มัทธิว 6:19-20)’”

คุณหมอได้นำสิ่งที่อ่านพบในพระคริสตธรรมคัมภีร์มาใช้ในชีวิตของท่านด้วย “พระเจ้าทรงให้พระคุณ ความรัก ประทานพร สันติสุข ทำให้มีใจยินดีตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ซื้อด้วยเงินไม่ได้ ผมไว้วางใจในพระเจ้า ฝากทุกเรื่องไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ มีความเชื่อมั่นในการเลี้ยงดูของพระเจ้า พระเจ้าเป็นทุกสิ่งในชีวิตของผม ข้อพระคัมภีร์ที่ผมชอบมากคือ พระธรรมสดุดีบทที่ 23 ที่ว่า ‘พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้านอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวสด……………พระองค์ทรงเจิมศีรษะข้าพระองค์ด้วยน้ำมัน ขันน้ำของข้าพระองค์ก็ล้นอยู่ แน่ทีเดียวที่ความดีและความรักมั่นคง จะติดตามข้าพเจ้าไป ตลอดวันคืนชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าสืบไปเป็นนิตย์’” ความเชื่อคือหัวใจของคริสตชน ถ้าปราศจากความเชื่อก็ปราศจากความรอด

คุณหมอผู้รับการเรียนรู้มาบนพื้นฐานของหลักการ ความจริง เหตุผล ที่สามารถพิสูจน์ แตะต้องได้ แต่ท่านมีความเชื่อในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม “ผมตระหนักดีว่าความเชื่อเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ เพราะมีหลายคนที่ได้ยินได้ฟังมามาก แต่ไม่เชื่อก็มี สำหรับผมเมื่อได้ยินได้ฟังเรื่องของพระเจ้า ก็เชื่ออย่างไม่สงสัยอะไรทั้งสิ้น และดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ ถึงแม้สิ่งที่เชื่อจะมองไม่เห็น แตะต้องไม่ได้ ผมก็เชื่อ เพราะรู้ว่าสิ่งนั้นจะยั่งยืนถาวรเป็นนิตย์ และสิ่งที่ตามองเห็นเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืนอะไร นับวันผมก็มีความเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ผมใช้เวลาเฝ้าเดี่ยววันละประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างวัน ไม่ว่าจะขับรถอยู่ ทำงาน หรือกำลังเดิน ผมจะอธิษฐานกับพระเจ้าเสมอ และถ้าอยู่ที่บ้านก็จะคุกเข่าอธิษฐานกับพระเจ้า”

ท่านอยู่ในอาชีพแพทย์ ท่านได้ใช้วิชาชีพของท่านเป็นช่องทางในการประกาศพระวจนะของพระเจ้าแก่คนไข้ที่มารับการรักษา ผู้ป่วยจะได้ฟังข่าวประเสริฐของพระเจ้าด้วย ท่านไม่เพียงปรารถนาให้เขาหายโรคเท่านั้น แต่ให้ได้รับความรอดกลับไปด้วย “เมื่อผมได้รับพระพรจากพระเจ้าในการเป็นหมอ ผมก็ใช้ตะลันต์นั้นในการรักษาคนไข้ คนป่วยที่เข้ามาในโรงพยาบาลมีความทุกข์ใจ ผมอธิษฐานต่อพระเจ้าที่จะทรงช่วยผมในการวินิจฉัยโรค ในการรักษาคนไข้ให้หายจากโรคที่เป็นอยู่เสมอ และเมื่อมีโอกาสผมจะเป็นพยานกับคนไข้ อยากให้เขาหายโรคมีความสุข และรอดพ้นจากความบาปด้วย ผมจะบอกคนไข้เสมอว่า พระเจ้าเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ เป็นทุกอย่างในชีวิตของเรา ถ้ามีโอกาสก็จะชวนเขาไปโบสถ์นมัสการพระเจ้า ครั้งหนึ่งผมได้เป็นพยานกับผู้แทนจำหน่ายยา เป็นเภสัชกรที่นำยามาแนะนำ เขาได้เชื่อในพระเจ้าในที่สุด และมีอีกหลายคนที่ได้เชื่อพระเจ้าเช่นกัน เรามีหน้าที่เป็นผู้หว่าน แต่ผู้ที่เชื่อในพระเจ้าคือคนที่พระเจ้าทรงเลือกไว้แล้ว อยากให้ทุกคนทำงานรับใช้พระเจ้ามากๆ เพื่อจะมีคนมากมายมาเชื่อพระเจ้า”

ในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ ผู้คนต้องดำเนินชีวิตกันแสนลำบากยากเข็น คุณหมอได้หนุนใจว่า “ในพระธรรมเยเรมีย์ 17:7-8 กล่าวว่า ‘คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำ เมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัว เพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอ และไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง เพราะมันไม่หยุดที่จะออกผล’ พระธรรมตอนนี้เหมาะกับยุคสมัยนี้มาก เพราะเมื่อเกิดการล่มสลายด้านเศรษฐกิจ ยิ่งต้องพึ่งพระเจ้ามากๆ พระองค์สัญญาว่า ชีวิตของเราจะเกิดผล แม้ในยามที่แห้งแล้ง เราจะไม่กลัว”

คุณหมอเป็นผู้หนึ่งที่กล่าวว่า “ชอบอ่านพระคัมภีร์มากกว่าตำราทางการแพทย์” พระวจนะของพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจในการเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ เพียงแต่เราต้องถ่อมใจ แสวงหา เชื่อพระเจ้า อ่านพระวจนะของพระเจ้า พระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงชีวิต จะทรงอยู่ด้วย พระองค์ปรารถนาให้ทุกชีวิตอยู่ในวิถีทางของพระองค์ ภายใต้พระคุณของพระองค์

สมาคมพระคริสตธรรมไทยขอขอบคุณ นายแพทย์พิชัย ลือประสิทธิ์สกุล ที่กรุณาให้สมาคมฯ ได้สัมภาษณ์พูดคุย และแบ่งปันพระพรจากประสบการณ์ชีวิตของท่าน และอนุญาตให้สมาคมฯ ตีพิมพ์คำพยานของท่านลง “คริสตสายสัมพันธ์” ฉบับนี้ เพื่อคำพยานของท่านจะหนุนใจผู้อ่าน ขอพระเจ้าอวยพรท่านและครอบครัวตลอดไป

  • นพ.พิชัย ลือประสิทธิ์สกุล
  • ภาพ www.bch.in.th