พระเยซูถูกตรึงที่กางเขนและเป็นขึ้นจากตายจริงหรือ?
หนังสือเล่มหนึ่ง ที่เขียนโดยผู้นำของศาสนาหนึ่งได้เขียนไว้ว่าการถูกตรึงของพระเยซูเป็น เรื่องไม่จริง พระเยซูไม่ได้ตายที่กางเขนแต่ผู้ที่ถูกตรึงตายคือยูดาส สาวกที่ทรยศพระเยซู โดยกล่าวอ้างสิ่งที่ดูเหมือนขัดแย้งในบันทึกของมัทธิวที่ว่ายูดาสผูกคอตาย (มธ.27:5) กับหนังสือกิจการที่กล่าวว่า ยูดาสล้มคะมำลงแตกกลางตัว ไส้พุงทะลักออกหมด (กจ.1:18) ความเข้าใจของผู้เขียนดังกล่าวเกิดจากการไม่ได้ดูเนื้อหาทั้งหมดของกิตติคุณ และกิจการ และไม่พยายามพิจารณาความน่าเชื่อถือทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดัง กล่าว การที่พระเยซูถูกตรึงและเป็นขึ้นจากตายนั้นมีเหตุผลที่ทำให้เห็นว่าเป็น เรื่องน่าเชื่อถือมากมาย แต่จะกล่าวเพียง 3 ประการในที่นี้
1. การบันทึกที่สอดคล้องกันทุกฉบับ
ผู้เขียนกิตติคุณทั้งสี่เล่มต่างได้บันทึกเรื่องราวการถูกจับกุม ถูกสอบสวน ถูกตรึงกางเขนและเป็นขึ้นจากตายของพระเยซู เรื่องราวที่บันทึกไว้นั้นสอดคล้องกัน แต่อาจมีรายละเอียดของเล่มหนึ่งที่ไม่ปรากฏในอีกเล่มหนึ่ง และแม้รายละเอียดบางเรื่องอาจดูแตกต่างกัน เช่น จำนวนทูตสวรรค์ที่อุโมงค์ฝังศพ การพบปะระหว่างพระเยซูกับบรรดาสตรีที่จะไปชโลมพระศพ รวมทั้งประเด็นเรื่องการตายของยูดาส
แท้จริงรายละเอียดบางตอนที่ดูขัดแย้ง ถ้าวิเคราะห์ให้ถ่องแท้ก็จะเห็นว่าไม่ได้ขัดแย้งกัน เช่น กรณีของยูดาสนั้น ผู้เขียนทั้งสองต่างต้องการกล่าวเพียงสั้นๆ แล้วผ่านไป เพราะไม่ใช่จุดสำคัญที่ต้องการกล่าวถึง หากเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องการกล่าวถึง ก็จะกล่าวไว้มากและให้รายละเอียดมาก เรื่องยูดาสนั้นจึงไม่มีรายละเอียดของภาพทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร แต่เราสามารถคาดเดาว่า หลังจากผูกคอตายอาจไม่มีใครพบศพหรือไม่มีใครอยากแตะต้องศพ เพราะจะทำให้เป็นมลทินไม่สามารถร่วมปัสกาในวันรุ่งขึ้น ศพจึงถูกทิ้งไว้จนช่วงเทศกาลปัสกาที่กินเวลาเป็นสัปดาห์จะผ่านไป ศพเน่าพอง เชือกคงขาด แล้วศพตกลงมาแบบหัวคะมำลงพื้นเพราะขาไปเกี่ยวถูกของบางอย่าง พุงแตกเพราะเน่าหรือถูกสัตว์แทะไส้ทะลัก ลูกาที่เขียนกิจการเป็นหมอ อาจสนใจเรื่องสภาพศพที่พบ ในขณะที่มัทธิวสนใจแค่ตายด้วยวิธีผูกคอ ทำนองเดียวกับเรื่องทูตสวรรค์ที่มัทธิวและมาระโกต้องการกล่าวง่ายๆ ว่ามีทูตสวรรค์ โดยไม่สนใจจะบอกจำนวนละเอียด
แต่เรื่องสำคัญอื่นๆ มากมายนั้นล้วนแต่กล่าวไว้ตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศของการจับกุมพระเยซูที่เป็นไปอย่างฉุกละหุก ต้องรีบสอบสวนแม้ต้องใช้เวลากลางดึกถึงเช้าตรู่ ซึ่งผิดจากหลักปฏิบัติทั่วไป การรีบไปปลุกปีลาตแต่เช้าเพื่อตัดสินคดีโดยไม่ได้มีการส่งรายละเอียดข้อหา ล่วงหน้า ซึ่งล้วนแสดงว่าการจับกุมไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน แต่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันเนื่องจากการเสนอโอกาสของยูดาส ซึ่งสอดคล้องกับบันทึกของมัทธิว (26:3-5) และมาระโก (14:1-2) เรื่องอื่นๆ ก็เช่นกันไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูถูกตัดสินโดยปีลาต การถูกตรึง การถูกนำไปฝังโดยโยเซฟอาริมาเธีย การเป็นขึ้นจากตาย ทูตสวรรค์ อุโมงค์ที่ว่างเปล่าที่ไม่พบพระศพของพระเยซู ผู้บันทึกแต่ละคนเขียนไว้ตรงกัน แสดงว่าจะต้องมาจากพื้นฐานความจริงเดียวกัน หากเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเอง ก็ยากที่จะเขียนได้ตรงกันเช่นนี้ กิตติคุณทั้งสี่เล่มนั้นเหมือนหนังสือพิมพ์สี่ฉบับที่รายงานเหตุการณ์จริง เรื่องเดียวกันโดยมีความสนใจในรายละเอียดและแง่มุมการเสนอข่าวที่ต่างกัน และแม้ไม่ได้พบเห็นเหตุการณ์ด้วยตัวเอง ผู้บันทึกก็สืบเสาะและหาข้อมูลจากบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ (ลก.1:3)
2. เรื่องพระเยซูเป็นขึ้นจากตายนั้นไม่ใช่เรื่องที่สาวกกุขึ้นแต่ต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอน
แม้พระเยซูจะเคยกล่าวกับพวกสาวกว่าพระองค์จะถูกตรึง และจะเป็นขึ้นจากตาย แต่พวกสาวกไม่มีความเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร ตลอเวลาพวกเขาไม่เคยทุกข์ร้อนในเรื่องที่พระองค์กล่าวไว้ พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายกับพระเยซู เรื่องการเป็นขึ้นจากตายนั้น ยิ่งไม่ได้อยู่ในความคิดของพวกเขาเลย ถ้าพวกเขาเชื่อเรื่องการเป็นขึ้นจากตาย พวกเขาก็เข้าใจว่าจะเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าเสด็จมาพิพากษาโลกในวันสุดท้าย แม้แต่ภายหลังจากพระองค์เป็นขึ้นจากตาย เมื่อมีการแจ้งข่าวเรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่เชื่อและหาว่าเป็นเรื่องเหลวไหล (มก.16:10-11, ลก.24:9-11) หรือแม้แต่เมื่อพระเยซูทรงปรากฏพระองค์ต่อพวกเขา พวกเขาก็ยังไม่ยอมเชื่อ โดยเฉพาะโธมัส จนพระองค์ทรงตำหนิพวกเขา (ลก.24:36-43, ยน.20:24-29)
เหล่าสาวกไม่เคยเชื่อว่าพระเยซูจะเป็นขึ้นจากตายและไม่เคยคิดว่าพวกยิวหรือ คนอื่นๆ จะมีความเชื่อเช่นนี้ ฉะนั้น การที่พวกเขาจะกุเรื่องดังกล่าวขึ้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่การที่พวกเขาประกาศว่าพระเยซูเป็นขึ้นจากตายได้ ย่อมเกิดจากการที่พวกเขาได้เห็นประสบและพิสูจน์ด้วยตนเองจนรู้ว่าเป็นความ จริง (กจ.1:3) นอกจากนั้น เราจะเห็นว่าพวกสาวกถูกข่มขู่ ข่มเหงและถูกประหารเพราะการประกาศเรื่องดังกล่าว หากเรื่องนี้เป็นเรื่องเท็จที่พวกเขากุขึ้นเอง พวกเขาคงไม่ลงทุนขนาดยอมตายเพื่อเรื่องโกหกที่พวกเขาแต่งขึ้นเองอย่างแน่นอน
3. การเปลี่ยนแปลงในชีวิตสาวก
เมื่อพระเยซูถูกจับ พวกสาวกล้วนมีความหวาดกลัวอย่างยิ่ง และหลบหนีแบบแตกกระเจิง แม้เปโตรที่ดูมีความกล้าที่จะตามพระองค์ไปห่างๆ ถึงบ้านของมหาปุโรหิต แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความกลัว ปฏิเสธการเป็นสาวกถึงสามครา ยิ่งกว่านั้น ในระหว่างนั้นพวกเขาต้องหลบซ่อนในบ้านและปิดประตูมิดชิดเพราะความกลัว (ยน.20:19,26) พวกเขาอยู่ในสภาพที่ท้อแท้และสิ้นหวัง (ลก.24:18-24)
การที่พวกเขาเปลี่ยนจากพวกที่ขลาดกลัว ท้อแท้ สิ้นหวัง กลายเป็นคนกล้า มีความทรหดอดทน และกระตือรือร้นในการประกาศว่าพระเยซูเป็นขึ้นจากตายในเวลาเพียงสองเดือน หลังจากเหตุการณ์นั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ นอกจากว่าพวกเขาพบว่าพระองค์เป็นขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจึงเป็นเหล่าพยานที่ยืนยันความจริงที่ได้พบเห็นคือพระเยซูทรงถูกตรึง ตายที่กางเขนและเป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม
- อ.ทองหล่อ วงศ์กำชัย
- ภาพ www.crosswalk.com