พระเยซูมีครอบครัวจริงหรือ
โดย ศาสนาจารย์ ดร. เสรี หล่อกัณภัย และ ศาสนาจารย์ ดร. นที ตันจันทร์พงศ์
เนื้อหาของบทความเรื่อง “หลักฐานใหม่ยัน พระเยซูมีครอบครัว” ในหนังสือพิมพ์ที่ชื่อ M2F ฉบับวันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 หน้า 2 นั้นที่จริงเป็นเรื่องเก่าที่นำมาเสนอใหม่ เพื่อเป็นการโปรโมทหนังสือและภาพยนต์ที่กำลังถูกสร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผู้อ่านที่ไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวเหล่านี้เข้าใจมุมมองของคริสตชน เราจึงขอใช้โอกาสนี้อธิบายความไม่น่าเชื่อถือหลายประการในบทความนี้
บทความ“หลักฐานใหม่ยัน พระเยซูมีครอบครัว” ได้อ้างชื่อ แบร์รี่ วิลสัน (Barry Wilson) นักวิชาการด้านศาสนศึกษาในโตรอนโตและชิมชา ยาคอโบวิชี (Simcha Jacobovici)ว่า ได้เผยผลการศึกษาเชิงลึกจากเอกสารเก่าแก่ชิ้นหนึ่งในหอสมุดแห่งชาติของอังกฤษนานกว่า 6 ปี ที่กล่าวถึงบุตรชาย 2 คนของพระเยซูและการแต่งงานของพระองค์กับแมรี่ แมกดาลีน หรือ “มาเรีย์ชาวมักดาลา” เอกสารที่แบร์รี่ วิลสันและชิมชา ยาคอโบวิชี พูดถึงนี้ มีชื่อว่า “the Ecclesiastical History of Zacharias Rhetor” ซึ่งถูกเขียนขึ้นในภาษาซีรีแอกประมานปี ค.ศ. 570 แต่ทั้งสองท่านอ้างว่าเป็นฉบับสำเนาของตำนานที่ถูกเขียนขึ้นในศตวรรษที่ 1 และถือเป็นพระกิตติคุณเรื่องราวของพระเยซูฉบับที่ 5ที่หายไป (Lost Gospel)
อย่างไรก็ดี ข้ออ้างอิงของแบร์รี่ วิลสันและชิมชา ยาคอโบวิชีนี้กำลังได้รับการวิจารณ์อย่างกว้างขวางทั้งในวงการวิชาการและในกลุ่มสื่อสารมวลชนต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ (ยกตัวอย่างเช่น บทความในหนังสือพิมพ์ Washington Post ลงวันที่ 10 พฤษจิกายน ค.ศ. 2014 http://www.washingtonpost.com/news/morning-mix/wp/2014/11/10/the-book-that-claims-jesus-had-a-wife-and-kids-and-the-controversial-author-behind-it/) ซึ่งมีใจความโดยย่อดังต่อไปนี้
1. ชื่อของพระเยซูและมาเรีย์ชาวมักดาลาไม่ปรากฏในเอกสารนี้เลย แต่แบร์รี่ วิลสันและชิมชา ยาคอโบวิชีอ้างว่า เขาได้ถอดรหัสที่ “ฝังตัว” อยู่ในเอกสารนี้ได้สำเร็จ จึงพบความลับว่า ถึงแม้ชื่อที่อยู่ในเอกสารคือโยเซฟและอาเสนัทที่จริงแล้ว ผู้เขียนต้องการพูดถึงพระเยซูและมารีชาวมักดาลา เอกสารฉบับนี้ได้อ้างต่อไปว่า ทั้งสองแต่งงานกัน และมีบุตรชายชื่อมานาสเซห์และเอฟราอิม ผู้ที่คุ้นเคยกับพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมจะสังเกตุได้ทันทีว่า ตัวละครเหล่านี้มาจากพระธรรมปฐมกาลบทที่ 41 ที่ได้บันทึกเรื่องราวของโยเซฟที่มีภรรยาชื่ออาเสนัทและมีบุตรชายสองคนชื่อมนัสเสห์และเอฟราอิม ซึ่งเป็นเหตุการณ์คนละสมัยกับพระเยซู
2. นักวิชาการที่น่าเชื่อถือส่วนใหญ่ ไม่ยอมรับหลักฐานที่น่าสงสัยของเขา (และมีหลายคนกล่าวหาว่าแบร์รี่ วิลสัน และชิมชา ยาคอโบวิชีได้ปั้นเรื่องขึ้นมาเพื่อขายหนังสือที่กำลังจะออกวางขาย) เพราะในอดีต ชิมชา ยาคอโบวิชีเคยผลิตสารคดีเกี่ยวกับ “โกศของยากอบ” (the James ossuary)ซึ่งเขาอ้างเป็นข้อพิสูจน์ว่าพระเยซูมีครอบครัวจริง นักวิชาการจำนวนมากออกมาต่อต้านการค้นพบครั้งนั้น นิตยสารTime จัดอันดับการนำเสนอของชิมชา ยาคอโบวิชีว่าเป็นหนึ่งในสิบอันดับของสารคดีที่โกหกหลอกลวงที่สุด และได้เรียกงานของเขาว่าเป็น “โบราณคดีปลอมแปลง” (forging archeology).
นอกจากนี้ ความน่าเชื่อถือของพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ไม่เพียงแต่มีสำเนาโบราณที่อายุเก่าแก่เท่านั้น แต่จำนวนสำเนาโบราณที่เหลืออยู่ยังมีมากมาย เราค้นพบสำเนาโบราณของพันธสัญญาใหม่ของพระคริสตธรรมคัมภีร์มากกว่า 20,000 ฉบับ ซึ่งไม่มีสำเนาโบราณของหนังสือเล่มอื่นที่มีจำนวนมากเท่านี้ ในขณะที่ “the Ecclesiastical History of Zacharias Rhetor” มีเพียงฉบับเดียว นอกจากหนังสือโบราณเล่มนี้ แล้วยังมีหนังสือโบราณอีกมากมายที่ถูกค้นพบ แต่ไม่ได้ถูกนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระคริสตธรรมคัมภีร์ เพราะหนังสือที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นพระคัมภีร์นั้นจะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบหลายขั้นตอนด้วยคนจำนวนมาก
แบร์รี่ วิลสัน และชิมชา ยาคอโบวิชีอ้างว่าจักรพรรดิคอนสแตนตินแห่งอาณาจักรโรมันได้สั่งทำลายพระคัมภีร์ให้เหลือเพียงฉบับที่ร่างโดยนักบุญมัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น ซึ่งการอ้างอิงนี้ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด เพราะพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่นอกจากจะมีพระกิตติคุณ 4 เล่มแล้วยังมีหนังสือหรือพระธรรมเล่มอื่นอีก 23 เล่มที่กล่าวถึงพระเยซูคริสต์ และไม่มีเล่มไหนเลยที่กล่าวว่า พระเยซูแต่งงานและมีบุตร 2 คน
นักวิชาการส่วนใหญ่ไม่เชื่อถือข้อเสนอของแบร์รี่ วิลสัน และชิมชา ยาคอโบวิชี เพราะสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้างนั้นไม่มีน้ำหนักหลักฐานเพียงพอทั้งทางด้านประวัติศาสตร์และวิชาการ แต่ได้ถูกประนามว่าเป็นคนที่ชอบสร้างนิยายที่น่าตื่นเต้นเร้าใจมาหลอกให้คนเชื่อว่าเป็นงานวิชาการที่น่าเชื่อถือ แต่ที่น่าเศร้าใจมากกว่านั้นก็คือ สื่อที่น่าเชื่อถืออย่างเครือ โพสต์ พับลิชชิง จำกัดได้ตีพิมพ์บทความสนับสนุนนิยายที่ไม่น่าเชื่อถือนี้ก่อนที่จะมีการตรวจสอบ
คริสตชนไทยมีประวัติที่ดีในการร่วมสร้างประเทศชาติบ้านเมืองของเราอย่างสงบสุขและสันติมาอย่างช้านาน ทั้งในวงการศึกษา สาธารณสุข เศรฐกิจ สังคม และอื่นๆ หัวใจของศาสนาคริสต์คือองค์พระเยซูคริสต์ที่เราเชื่อว่าเป็นพระเจ้ามาจุติเป็นมนุษย์เพื่อไถ่โทษบาปของเรา แต่คนอย่าง แบร์รี่ วิลสัน และชิมชา ยาคอโบวิชี กลับพยายามทำร้าย ลบหลู่ และทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระเยซู คริสเตียนไม่ได้ถือว่าการแต่งงานเป็นสิ่งชั่วร้าย แต่ถือว่าสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันแรกที่พระเจ้าได้สถาปนาไว้ หากพระเยซูแต่งงานจริงๆ คริสเตียนก็ไม่เห็นความจำเป็นที่เราจะต้องปิดบัง