มั่นคงกว่าเรือใหญ่ มั่นใจแม้ในพายุ 1/16

มั่นคงกว่าเรือใหญ่ มั่นใจแม้ในพายุ

มีคำกล่าวว่า “นักเดินเรือที่เก่งและชาวประมงผู้เชี่ยวชาญทะเลจะได้รับการพิสูจน์ก็ต่อเมื่อสามารถคุมเรือฝ่าพายุร้าย” ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีผู้อาจหาญท้าทายมหาสมุทรจำนวนมาก ที่พยายามสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง โดยเดินเรือผ่านเส้นทางทะเลที่ยากลำบาก และเต็มไปด้วยมรสุมอันโหดร้าย แต่นักเดินเรือส่วนใหญ่อาจไม่ได้ไปถึงฝั่งฝัน แต่กลับต้องฝากลมหายใจสุดท้ายของตนเองไว้ใต้ท้องทะเลลึก ชีวิตของเราทุกคนก็ไม่ต่างจากการเดินเรือในมหาสมุทรนัก เส้นทางชีวิตที่ยากลำบากที่เราผ่านพ้นมาได้ กลายเป็นบันไดแห่งความสำเร็จที่คนยกย่อง แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่านาวาชีวิตของเราจะอยู่รอดปลอดภัยได้อีกครั้ง เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งต่อไป

ผมขอยกเรื่องจริงเรื่องหนึ่งในพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับการเผชิญหน้ามรสุมร้ายแห่งท้องทะเล เรื่องราวนี้ถูกบันทึกไว้ในพระธรรมมาระโก บทที่ 4 ข้อ 36-40 ซึ่งผมเชื่อว่าจะให้บทเรียนและความจริงว่า ท่ามกลางสถานการณ์ลำบากที่เหมือนมรสุมร้ายในชีวิตนั้น เราจะมีความมั่นคงในนาวาแห่งชีวิตได้อย่างไร ซึ่งเรื่องราวได้บันทึกไว้ดังนี้

“เมื่อละจากประชาชนแล้ว พวกเขาจึงพาพระองค์ซึ่งประทับในเรือไป มีเรืออีกหลายลำตามไปด้วย  และมีพายุใหญ่เกิดขึ้น คลื่นก็ซัดเข้าไปในเรือจนน้ำจวนจะเต็มเรืออยู่แล้ว  ส่วนพระองค์กำลังบรรทมหนุนหมอนหลับอยู่ที่ท้ายเรือ พวกสาวกจึงมาปลุกพระองค์ทูลว่า “พระอาจารย์ พระองค์ไม่ทรงเป็นห่วงว่าพวกเรากำลังจะพินาศหรือ?” พระองค์จึงทรงลุกขึ้นห้ามลมและตรัสกับทะเลว่า “จงสงบเงียบ” แล้วลมก็สงบ พายุก็เงียบสนิท  พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “ทำไมพวกเจ้ากลัว? พวกเจ้าไม่มีความเชื่อหรือ?”

เรื่องที่บันทึกไว้นี้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และสาวกของพระองค์ เราทราบจากเนื้อหาว่าพระองค์โดยสารเรือเพื่อไปยังจุดหมาย และในขณะที่เรือแล่นอยู่กลางทะเลเกิดพายุใหญ่ขึ้น จนเรือแทบจะจมอยู่แล้ว เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่สาวกหลายคนของพระเยซูมีพื้นฐานเป็นชาวประมงมาก่อน แน่นอนว่าพวกเขาต้องมีความเชี่ยวชาญในการเดินเรือดีทีเดียว สังเกตได้ว่าพวกเขาไม่ได้สนใจว่าพระเยซูทรงบรรทมหลับไปในสถานการณ์ปกติ แต่มาวุ่นวายใจเอาเมื่อเกิดพายุใหญ่แล้ว นี่เป็นความจริงอย่างหนึ่งในชีวิตของเราทุกคนด้วย เราแต่ละคนมีความสามารถบางอย่างที่แตกต่างกัน บางคนมั่นใจในความรู้ของตัวเอง บางคนอาจมีฐานะการเงินดี บางคนหน้าตาดี หรือบางคนอาจพูดโน้มน้าวใจคนได้เก่ง จุดแข็งในชีวิตของเราบางครั้งทำให้เราเกิดความทะนงตนอยู่เหมือนกัน ผมเชื่อว่าสาวกของพระเยซูคริสต์ซึ่งเคยเป็นชาวประมงมาก่อน คงเคยพบกับพายุมาบ้างในชีวิตการเดินเรือ แต่พายุครั้งนี้ใหญ่และหนักหนากว่าทุกครั้ง และพวกเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ที่เขาเคยมั่นใจไว้ได้ ในชีวิตของเราก็เช่นกันไม่ว่าเราจะเคยเอาชนะความยากลำบากมามากเท่าไหร่ แต่ก็อาจมีวันที่เราจำต้องเผชิญกับความยุ่งยากใจที่ใหญ่เกินกว่าที่เราจะคุมได้ ในเวลานั้นเรือลำใหญ่ของเรา หรือความเชื่อมั่นเดิมๆ ของเรา ดูแทบไม่เป็นประโยชน์เอาเสียเลย

 

นี่เป็นสถานการณ์แห่งความหวาดกลัวของเหล่าสาวกอย่างแท้จริง เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับ “พายุใหญ่” จนคลื่นซัดน้ำเข้าไปเกือบเต็มเรืออยู่แล้ว มันเป็นภาวะความเป็นความตาย พวกเขาหลายคนเป็นชาวประมงเข้าใจได้ดีว่านี่คือสถานการณ์ที่สุดจะวิกฤติ แล้วถ้าเช่นนั้นเหตุใดพระเยซูคริสต์จึงทรงถามพวกเขากลับมาในข้อ 40 ว่า “ทำไมพวกเจ้ากลัว? พวกเจ้าไม่มีความเชื่อหรือ?” เหตุผลไม่ใช่เพราะเราไม่ควรกลัว เพราะพายุนั้นน่ากลัวและเป็นของจริง แต่ผมเชื่อว่าที่พระองค์ทรงถามเช่นนั้นก็เพราะต้องการจะสอนเขาว่าสิ่งที่พวกเขาไว้ใจได้นั้นไม่ใช่เรือ แต่เป็นตัวพระองค์เอง พระองค์ต่างหากที่จะให้ความมั่นคงกับพวกเขาได้มากกว่าเรือใหญ่ลำใด

ถ้าไม่มีพายุใหญ่เกิดขึ้นในชีวิตบางทีเราทั้งหลายอาจไม่รู้ตัวจริงๆ ว่า “เราต้องการพระเจ้า” เหล่าสาวกต่างก็รู้ว่าพระองค์อยู่ในเรือด้วย พวกเขาควรจะรู้จักพระองค์ได้เสียทีว่าพระองค์เป็นใคร จากคำสอน และจากการอัศจรรย์หลายครั้งที่ผ่านมาต่อหน้าต่อตาพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังวางใจในเรือมากกว่าพระองค์ เมื่อเรือทำท่าจะจม ความมั่นใจของพวกเขาก็จมตามไปด้วย พระคัมภีร์ตอนนี้บอกความจริงแก่เราว่าพระเยซูคริสต์ต่างหากที่จะให้ความมั่นคงแก่เรามากกว่าสิ่งใดๆ ทั้งความรู้ ฐานะเงินทอง ชื่อเสียง หรือรูปร่างหน้าตา สิ่งต่างๆเหล่านั้นก็เหมือนกับเรือที่พร้อมจะจมหายเมื่ออุปสรรคใหญ่มาถึง หรือเมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป แต่พระเจ้าทรงเป็นความจริงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง เป็นหลักประกันเดียวแห่งความมั่นคงทั้งมวล

หลายครั้งทีเดียวที่คริสเตียนผู้เชื่อในพระเจ้ามักอธิษฐานทูลว่าขอให้สิ่งเลวร้ายห่างไกลจากชีวิต แต่เพราะพระเจ้าทรงรักเรา และอยากเห็นเราเติบโตขึ้น และปัญหาเป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่สร้างคนให้มีวุฒิภาวะได้ ปัญหาทุกปัญหาที่เข้ามาในชีวิตอาจไม่เป็นที่ชื่นใจนัก แต่ในทุกๆ สถานการณ์เราไม่ควรลืมว่า “พระเยซูคริสต์ทรงอยู่ในเรือกับเราเสมอ” คำตอบของพระเจ้าอาจไม่ทันใจเรา เหมือนที่พวกสาวกร้องถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ พระองค์ไม่ทรงเป็นห่วงว่าพวกเรากำลังจะพินาศหรือ?” แต่พระองค์ไม่เคยสาย ความช่วยเหลือของพระองค์มาทันเวลาเสมอ

ไม่ว่าชีวิตของเราจะเป็นเรือลำใหญ่หรือเล็ก ไม่ว่าความสามารถและต้นทุนชีวิตของเราจะมีอย่างเหลือเฟือหรือจำกัดก็ตามที แต่เรือจะมีค่าก็เมื่อมันแล่นอยู่ในมหาสมุทร ชีวิตของเราเองก็ไม่อาจหยุดเดินอยู่กับที่ได้ พายุใหญ่ลูกต่อไปอาจกำลังเฝ้ารอเพื่อซัดชีวิตของเราให้สั่นคลอน สิ่งสำคัญก็คือในเรือของเรานั้นมีพระเยซูคริสต์ทรงประทับอยู่หรือไม่ ในข้อ 36 ของพระคัมภีร์ตอนนี้บันทึกตอนต้นไว้ว่า “เมื่อละจากประชาชนแล้ว พวกเขาจึงพาพระองค์ซึ่งประทับในเรือไป มีเรืออีกหลายลำตามไปด้วย…” กล่าวคือในเรื่องนี้ไม่ใช่มีเฉพาะเรือของสาวกกับพระเยซูคริสต์ มีเรือหลายลำออกทะเลตามพระองค์ไปด้วย ความจริงก็คือในพายุนั้นไม่มีเรือลำใดที่มีอภิสิทธิเหนือกว่าลำอื่นๆ พายุสร้างปัญหาให้เรือได้ทุกลำ เรือใหญ่อาจทนพายุได้ดีกว่าเรือเล็กก็จริง แต่ต้องไม่ลืมว่าแม้กระทั่งเรือไททานิคในสมัยที่ออกทะเลนั้น ต่างก็ได้รับการกล่าวขวัญว่าจะเป็นเรือที่ไม่มีวันจม แต่สุดท้ายมีเพียงไม่กี่ชีวิตที่รอดมาได้จากการจมครั้งยิ่งใหญ่ของโลก และเรือลำมหึมายังคงจมอยู่ใต้ทะเลลึกตราบเท่าทุกวันนี้

พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า นั่นหมายความว่าคลื่นใหญ่และลมแรงสักปานใด ก็ไม่อาจใหญ่เกินอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์ พระคัมภีร์ในข้อท้ายๆ ของตอนนี้ได้บันทึกไว้ว่า “พระองค์จึงทรงลุกขึ้นห้ามลมและตรัสกับทะเลว่า “จงสงบเงียบ” แล้วลมก็สงบ พายุก็เงียบสนิท” เมื่อถึงเวลาที่สมควร พระองค์จะไม่ให้เราต้องเผชิญความลำบากเกินกว่าที่เราจะทนได้ พระองค์จะสงบทะเลและพายุทั้งมวล เหตุนี้เองปัญหาชีวิตสำหรับเราไม่ว่าใหญ่แค่ไหน มืดแปดด้านเพียงไร พระองค์ก็จะทรงเปิดเผยทางออกที่เก้าให้แก่เราได้เสมอ เพราะไม่มีสิ่งใดจำกัดพระองค์ได้

คำถามก็คืออะไรคือความมั่นคง และความมั่นใจในชีวิตของทุกท่านในเวลานี้ เงินทองหรือ หรือว่าการศึกษา หรือจะเป็นตำแหน่งหน้าที่การงาน เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสิ่งเหล่านี้จะสร้างความมั่นคงให้เราได้ตลอดไป ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าจะสามารถรักษาความมั่นคงในวันนี้ได้อย่างไม่มีวันสูญสลาย ผมจึงขอหนุนใจผู้อ่านทุกท่าน ทั้งผู้ที่รู้จักพระเจ้าและยังไม่รู้จักพระองค์ ขอเชื้อเชิญให้ท่านได้ทำความรู้จักกับผู้ที่จะสร้างความมั่นคงให้ชีวิตของเราได้ยิ่งกว่าเรือใหญ่ลำใดในโลกนี้ และพระเจ้าผู้สร้างความมั่นใจแม้ว่าต้องเดินอยู่ในพายุลูกใหญ่สักเพียงไหนก็ตาม ดังเช่นพระธรรมสดุดี 23 ข้อ 4 ได้บันทึกไว้ว่า “แม้​ข้า​พระ​องค์​จะ​เดิน​ฝ่า​หุบ​เขา​เงา​มัจ​จุ​ราช ข้า​พระ​องค์​ไม่​กลัว​อัน​ตราย​ใดๆ เพราะ​พระ​องค์​สถิต​กับ​ข้า​พระ​องค์…” ขอพระเจ้าทรงอวยพรผู้อ่านทุกท่านค้นพบพระเจ้าผู้ให้ความมั่นคงและความรอดแก่เราอย่างแท้จริง  

  •  อาจารย์วิทยา วุฒิไกรเกรียง
  • ภาพ lumo project