ฤทธานุภาพแห่งพระวจนะที่ยิ่งใหญ่

ฤทธานุภาพแห่งพระวจนะที่ยิ่งใหญ่

“ฤทธานุภาพแห่งพระวจนะที่ยิ่งใหญ่” ศจ. ดร.กมล อารยะประทีป… ประสบการณ์ที่แต่ละคนมาเชื่อพระเจ้า เป็นความทรงจำที่ดี และมีคุณค่ายิ่ง และท่านผู้นี้ที่เล่าประสบการณ์จริงจากผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ได้รู้จักกับองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านทางพระวจนะของพระองค์

การสัมภาษณ์พูดคุยในครั้งนี้เป็นเครื่องนำทาง ให้เราเดินย้อนกลับไปในวันแรกที่เธอมีโอกาสได้รับพระวจนะของพระเป็นเจ้า เธอพบว่าตนเองเป็นคนโง่

วัยรุ่นหญิงคนหนึ่งเดินทางจากกรุงเทพฯ เข้าเป็นคนไข้ที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อไปถึงเตียงคนไข้ก็ได้เพื่อนคนหนึ่งคือ คุณสงวน ลายดี มาจากจังหวัดตรังและได้มาถึงก่อนเพียง 3 วัน ทั้งสองนอนห้องติดกันและป่วยเป็นวัณโรคเหมือนกัน ถึงแม้ว่าทั้งสองจะต่างวัยกันแต่ก็เป็นเพื่อนกันได้ดี คุณสงวนมีเพื่อนจากตรังมาเยี่ยมเสมอ วันหนึ่งเพื่อนจากตรังมาเยี่ยมคือ คุณเทียมแข เชาว์ชูเวช และได้มอบพระคัมภีร์เล่มใหญ่ให้แก่วัยรุ่นคนนี้ด้วย แต่ปรากฏว่าผู้รับพระคัมภีร์ไม่สนใจเลย ทิ้งไว้ข้างเตียงเกือบ 3 ปี เมื่อเวลาผ่านไป วันหนึ่งวัยรุ่นคนนี้ได้หยิบพระคัมภีร์มาอ่านโดยไม่ได้เปิดจากหน้าแรกแต่เปิดกลางเล่มปรากฏว่าเป็นพระธรรมอิสยาห์ 44:14-20 เป็นเรื่องชายคนหนึ่ง เข้าป่าตัดต้นไม้มาทำฟืนเพื่อย่างเนื้อรับประทาน เมื่อเขาอิ่มแล้วก็ได้รับความอบอุ่นด้วยไฟจากฟืนนั้น แล้วเขาก็เอาไม้ที่เหลือทำรูปเคารพและกราบไหว้รูปเคารพที่เขาทำขึ้นว่าเป็นพระเจ้าของเขา พร้อมทั้งร้องต่อรูปนั้นขอให้ช่วยเขาด้วย เมื่อวัยรุ่นคนนี้อ่านแล้วก็ร้องออกมาดังๆ ว่า “ชายคนนี้โง่ชะมัดเลยที่กราบไหว้สิ่งซึ่งมือของตนเองประดิษฐ์ขึ้นมา จากท่อนไม้ที่ตนเองนำมาทำฟืน” แต่เสียงอันดังนั้นได้สะท้อนกลับมาถึงตัวเธอเอง ทำให้เธอคิดถึงตนเองว่า แล้วตัวเธอเองเล่า โง่เหมือนชายคนนั้นหรือไม่? เธอพบพระเป็นเจ้าในพระคัมภีร์ เธอจึงอ่านพระคัมภีร์ต่อไป เมื่อถึงข้อ 24 จึงพบว่ามีพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงสร้างสารพัดทั้งจักรวาลทรงเป็นเจ้าของทั้งหมดและทรงครอบครองอยู่ เธอจึงท้าทายออกมาด้วยเสียงอันดังว่า “ถ้าพระเป็นเจ้ามีจริงเธอต้องการรู้จัก” และเธอก็ตั้งต้นอ่านหาคำตอบจากพระคัมภีร์เล่มนั้น เธออ่านตั้งแต่หน้าแรกของปฐมกาลจนถึงหน้าสุดท้ายของวิวรณ์ รวมเวลาอ่าน 11 เดือนกว่า คำตอบจากการอ่าน เธอได้พบความจริงที่ว่า พระเป็นเจ้ามีจริง พระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้าง ไม่ใช่ถูกสร้าง จากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม พระองค์ทรงสร้างโลก ดวงอาทิตย์ ดวงดาวต่างๆ ภูเขา แผ่นดิน แม่น้ำ ทะเล สรรพสัตว์ สรรพสิ่งและมนุษย์ พระองค์ทรงเป็นเจ้าของ ทรงครอบครองทั้งสากลจักรวาล รวมทั้งมนุษย์ทุกคนและตัวของเธอเองด้วย ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เธอพบพระเยซูคริสต์ พระผู้เสด็จเข้ามาในโลกนี้เพื่อไถ่มนุษย์ออกจากการเป็นทาสของบาป ออกจากการทนทุกข์ พระองค์ทรงสั่งสอนเพื่อปลดปล่อยมนุษย์ให้เป็นไท ทรงรักษาคนป่วยให้หาย คนตายแล้วให้กลับเป็นขึ้นมาอีกและทรงตายที่กางเขนเพื่อแทนมนุษย์ทุกคน เพราะพระเป็นเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคน นี่คือคำตอบจากพระคัมภีร์ซึ่งได้ตอบคำท้าทายของเธอ เธอพบพระเยซูคริสต์ แพทย์ผู้ประเสริฐและพระผู้ไถ่ชีวิตของเธอ เมื่อเธออ่านพระคัมภีร์จบ เธอมีความเชื่อทุกอย่างตามที่ได้อ่านมา เธอจึงขอพระเยซูคริสต์ให้ทรงรักษาเธอให้หายจากวัณโรคและเธอก็หายจากวัณโรค เธอจึงประกาศความเชื่อและรับบัพติศมา ณ คริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่ แพทย์ผู้รักษาเธอบอกว่า หลังจากรักษาเธอมา 3 ปีกว่าแล้ว ก็ไม่หาย คณะแพทย์จึงลงความเห็นว่า เธอจะต้องตายภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า แต่บัดนี้เธอหายแล้วอย่างน่าอัศจรรย์ เธอจึงออกจากโรงพยาบาลด้วยความปิติยินดีและบอกทุคนถึงความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ พระเยซูคริสต์ทรงรักษาเธอให้หายป่วยและรอดพ้นจากความตาย  เธอกลับบ้านที่กรุงเทพฯ เธออยู่กับครอบครัวของคุณลุง เธอต้องต่อสู้กับคุณลุงตั้งแต่วินาทีแรกที่กลับมา คุณลุงเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ ท่านมีเพื่อนสนิท 2-3 คน ได้พยายามชวนเธอให้เลิกเป็นคริสเตียน แต่เธอกลับทำตรงกันข้าม ยิ่งต่อสู้เธอก็ยิ่งเข้มแข็ง เธอไปนมัสการที่คริสตจักรแห่งหนึ่งทุกอาทิตย์และได้ไปร่วมการประกาศพระกิตติคุณกับพี่น้องในคริสตจักรนี้ เพื่อนๆ ของคุณลุงพบเข้าจึงรายงานให้คุณลุงทราบ ทำให้คุณลุงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

ขอไปเพื่อประกาศพระกิตติคุณ
เธอรู้สึกสุขใจถ้ามีชีวิตอยู่และได้พูดสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอเพราะเธอพบคนอีกมากมายที่อยู่ในความทุกข์และต้องการความช่วยเหลือ ต้องการพระคุณความรักจากพระเป็นเจ้า ดังนั้นถ้าเธอจะอยู่กับครอบครัวของคุณลุงต่อไป โอกาสที่จะประกาศนั้นมีจำกัดมากและไม่ได้ทำให้คุณลุงมีความสุขด้วย เธอจึงตัดสินใจกลับไปเชียงใหม่ ที่เชียงใหม่เธอมีโอกาสประกาศอย่างอิสระและกว้างขวางมากในโรงพยาบาลแมคคอร์มิค ในโรงพยาบาลส่วนตัวของแพทย์ที่เธอเคยรู้จัก และประกาศกับคนป่วยรวมทั้งญาติที่มาเฝ้า มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นคือเมื่อมีคำถามเกี่ยวกับพระเป็นเจ้า ศาสนศาสตร์ และพระคัมภีร์ ซึ่งเกินความสามารถที่เธอจะตอบได้ แต่มีศาสนาจารย์ท่านหนึ่งมาเป็นเพื่อนเธอและพบกันสัปดาห์ละครั้งพร้อมทั้งช่วยอธิบายคำถามต่างๆ ที่เธอถูกถามมาเมื่อประกาศแก่คนทั้งหลาย ศาสนาจารย์ท่านนี้ได้กรุณาช่วยอธิบายเช่นนี้มาประมาณ 2 ปีกว่า แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเธอพบท่านและได้ถามคำถามหนึ่ง ท่านโกรธมาก บอกว่าตอบไม่ได้ ให้ไปศึกษาเองที่วิทยาลัยพระคริสตธรรม ตั้งแต่วันนั้นมาท่านก็หายไป เธอหมดที่พึ่งเพราะไม่มีใครที่เธอจะถามได้

พระวจนะซึ่งตรัสโดยพระเป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่
เธอปรารถนาที่จะรู้พระคัมภีร์เพราะเป็นพระวจนะซึ่งตรัสโดยพระเป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เธอจึงตัดสินใจไปศึกษาที่วิทยาลัยพระคริสตธรรมแมคกิลวารี ซึ่งอยู่ที่เชียงใหม่นั้นเอง เมื่อเธอจบหลักสูตร 4 ปีทางพระคริสตธรรมนั้นได้ส่งเธอไปศึกษาต่อที่พระคริสตธรรมในต่างประเทศอีก 4 ปี แต่พระพรของพระเป็นเจ้าที่ประทานแก่เธอนั้นมากกว่าที่เธอขอหรือคิดไว้ เพราะเมื่อไปศึกษาต่างประเทศจบมาแล้วพระคริสตธรรมนั้นได้ส่งเธอไปศึกษาต่อยังอีกประเทศหนึ่งเป็นเวลา 6 ปี ทั้งหมดนี้คือพระพรที่พระเป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่โปรดให้เธอได้ศึกษาพระ วจนะของพระองค์อย่างเต็มที่ เธอน้อมรับพระพรนี้ด้วยความขอบคุณพระเป็นเจ้า ตลอดเวลาของการศึกษาและการทำงานไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ประเทศอะไร เธอจะไปร่วมกับทุกคนที่ทำการประกาศพระวจนะเพื่อให้ทุกคนได้ฟังข่าวดี ทุกวันตลอดชีวิตที่ผ่านมาทั้งในอดีตและปัจจุบันนี้เธอก็ยังรักที่จะทำการ ประกาศพระวจนะแห่งชีวิตเพื่อเป็นข่าวดีแก่ทุกคน ซึ่งอยู่ในวิถีที่ต่างกันทั้งระดับชาวบ้าน คนในชนบท คนในเมือง ผู้มีการศึกษาน้อย หรือผู้มีการศึกษาสูง แม้แต่บรรดานักปราชญ์ เธอจะประกาศแก่ทุกคนเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าพระคัมภีร์เป็นพระวจนะซึ่งตรัสโดย พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเป็นข่าวดีแก่มนุษย์ทุกคน เพราะพระองค์ทรงรักทุกคน และทรงประสงค์จะช่วยให้ทุกคนพ้นจากความทุกข์ ความบาป พ้นโรคภัยไข้เจ็บ ทรงช่วยให้ทุกคนมีชีวิตใหม่ เป็นชีวิตที่มีความสุข มีความปีติยินดีและดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีความหมายต่อไป

จึงขอถือโอกาสเชิญชวนให้ทุกท่านเปิดใจอ่านพระคัมภีร์ด้วยตนเอง ฟังพระเป็นเจ้าตรัสกับท่านโดยตรงและให้ท่านพูดกับพระองค์โดยตรง แล้วพระองค์จะทรงตอบท่านเพราะพระองค์ทรงรักท่านจนกระทั่งส่งพระเยซูคริสต์มาช่วยท่าน มาไถ่ท่านออกจากความบาป ออกจากความทุกข์ พระองค์ประทานพรให้แก่ท่านยิ่งกว่าที่ท่านทูลขอต่อพระองค์ ถ้าท่านเชื่อและยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นพระเป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และทรงเป็นพระผู้ช่วยท่านให้รอดได้

นั่นเป็นคำเชิญชวนจากเธอ ผู้ที่ได้พบแล้วว่าพระเป็นเจ้ามีจริงและทรงพระชนม์อยู่และทั้งหมดคือเรื่องราวที่มาจากการสัมภาษณ์ผู้หญิงท่านนี้ ศจ.ดร.กมล อารยะประทีป

สมาคมพระคริสตธรรมไทยขอขอบพระคุณท่านมา ณ ที่นี้ ที่เปิดโอกาสให้สัมภาษณ์ พูดคุย และอนุญาตให้นำเรื่องราวของท่านตีพิมพ์ลงในวารสารคริสตสายสัมพันธ์ ขอพระเป็นเจ้าอวยพระพรท่านในการรับใช้ตลอดจนชีวิตของท่านเพื่อเป็นพระพรไปสู่ผู้คนอีกมากมาย

  • ศจ.ดร.กมล อารยะประทีป