วัยรุ่นล้มละลาย 1/09

วัยรุ่นล้มละลาย

“ล้มละลาย!  ไม่เห็นจะเกี่ยวกับวัยรุ่นเลย” นี่อาจเป็นความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นเมื่ออ่านชื่อเรื่องนี้ก็เป็นได้  ใครๆก็มักคิดว่าวัยหนุ่มสาวเป็นวัยแห่งการเริ่มต้น  เป็นวัยแห่งการสร้างสรรค์ และมีเวลาอีกมากที่จะเรียนรู้ชีวิต  เชื่อเถอะครับว่าทีแรกผมเองก็ไม่ได้เห็นต่างไปจากผู้อ่านทุกท่านนักหรอก  แต่ไม่แน่ว่าเมื่ออ่านจนจบแล้วท่านอาจเริ่มเห็นด้วยกับผมขึ้นมาบ้าง

เรามักใช้คำว่า “ล้มละลาย” กับคนที่มีหนี้สินมากจนรับผิดชอบไม่ไหว  แม้แต่ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานก็ให้ความหมายที่คล้ายๆกันคือ “สิ้นเนื้อประดาตัว  หมดทรัพย์สมบัติของตัวฯ”  เพราะเรามักพูดถึงการล้มละลายในแง่ทรัพย์สินเงินทอง  แต่การล้มละลายในวัยรุ่นเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป  การล้มละลายที่สำคัญในชีวิตของเยาวชน  เป็นการล้มละลายเรื่องเวลานั่นเอง

เมื่อคืนวานผมไปที่คริสตจักรสาธร  ได้ฟังอาจารย์สตีเฟ่น เหลียงพูดถึงเรื่องเวลาไว้อย่างน่าสนใจ  ลองคิดตามนะครับว่าถ้าเรามีรายได้ 1,440 บาทต่อวัน(43,200/เดือน)  เราจะบริหารการใช้เงินของเราอย่างไร  บางคนอาจเอาไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆสักชุด  แต่บางคนกลับเลือกออมไว้และใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็น  บางคนนำไปลงทุนให้เกิดกำไรก็มี  บางคนคงเริ่มสงสัยแล้วว่ามันเกี่ยวกับเวลายังไง?  เกี่ยวข้องอย่างมากครับ!  ท่านทราบไหมครับว่าเราทุกคนมี 1,440 นาที/วัน เท่าๆกัน  วิธีการใช้เวลานี่เองที่ทำให้วัยรุ่นสามารถกลายเป็นคนล้มละลายได้

จอร์จ ซานตายานา(ร้อยแปดพันเก้า ,2002) กล่าวว่า “บุคคลซึ่งไม่ยอมเรียนรู้จากประวัติศาสตร์  เขาผู้นั้นก็กำลังเรียนรู้ที่จะผิดซ้ำรอยเดิม”  ถ้าเราจะเรียนรู้เรื่องล้มละลายย่อมต้องเรียนรู้จากคนล้มละลาย  คนกลุ่มหนึ่งที่ล้มละลายทางเวลามากที่สุดก็คือ “กลุ่มเสพติดไซเบอร์” เด็กกลุ่มนี้จะเริ่มจากการใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตอย่างมาก  บางคนเล่นเกมออนไลน์วันละ 5-6 ชั่วโมง  บางคนก็แชทได้ทั้งคืน  จากนอนน้อยและมีเวลาเรียนน้อยก็เริ่มไม่นอนและไม่ยอมไปโรงเรียน  น้องนิ(นามสมมติ)เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่มีปัญหานี้  ตอนที่ผมเข้าไปให้การช่วยเหลือ  น้องนิไม่ได้นอนมากกว่า 10 วันแล้ว  บางทีจะเห็นใจลอยแล้วก็หลับในทั้งๆที่กำลังนั่งคุยกันอยู่  เมื่อคุยกันผมจึงทราบว่าน้องนิไม่ได้ออกจากบ้านของตัวเองมานานกว่า 3เดือนแล้ว

ในประเทศญี่ปุ่นมีเด็กกลุ่มหนึ่งถูกเรียกว่า “ฮิคิโคโมริ”(วิชาการ.คอม) มีความหมายถึง  เด็กที่แยกตัวออกจากสังคม เก็บตัวอยู่เฉพาะในห้องส่วนตัว หรือในบ้านเป็นแรมเดือนหรือหลายปี เด็กเหล่านี้ใช้1,440 นาทีของทุกวันกับโทรทัศน์ หรืออินเทอร์เน็ต จะมีบ้างที่กลางดึกลุกมาหาอะไรทาน  หรือบางครั้งถ้าร่างกายไม่ไหวก็จะหลับไปเป็นวันๆ  เด็กบางคนหลังจากขังตัวเองมาเป็นเวลา 10-15 ปี จนพ่อแม่ตายจากไป  ก็มักจะฆ่าตัวตายเพราะไม่สามารถดูแลตัวเองได้

เวลา 10 ปีคิดเป็น 5,256,000 นาที ถ้าเป็นเงินทองก็นับว่ามากพอดู  แต่วัยรุ่นหลายคนก็ใช้มันไปอย่างไร้คุณค่า  ลองมองที่กระจกแล้วมองรอบๆตัวดูสิครับว่า  ตัวเราเองและเพื่อนๆของเราใช้ 1,440 นาทีนี้อย่างไร  ถ้ารู้สึกว่าตัวเองชักจะเริ่มมีปัญหาและส่อเค้าว่าอาจจะพาตัวเองไปสู่การล้มละลายแล้วล่ะก็  ผมจะให้สูตรเริ่มต้นในการใช้เวลา  ซึ่งเมื่อน้องเชี่ยวชาญแล้วก็สามารถไปปรับปรุงวิธีการให้ดียิ่งขึ้นไปมากกว่านี้ได้  สูตรนี้ก็คือ 30:30:30:10

30 แรกสำหรับการออม  หมายถึงการพักผ่อน  ซึ่งผมถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่า “การนอนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด”  นั่นเป็นความจริง  ดังนั้นอาจไม่ฉลาดนักที่เรามีสิ่งที่จะดึงความสนใจจากการพักผ่อนในห้องนอนของพวกเรา  เช่น โทรทัศน์  คอมพิวเตอร์  ฯ เว้นเสียแต่ว่าเรามีวินัยส่วนตัวที่ดีเลิศ  ปัญหาที่มักเกิดขึ้นก็คือเรามักจะนอนหลับน้อยหรือมากเกินไป  เริ่มตั้งแต่วันนี้แล้วมันจะกลายเป็นนิสัยที่ดีของเราในวันข้างหน้า (สำหรับเรื่องนี้ผมยกย่องอาชีพ หมอกับพยาบาลมากเพราะสามารถปรับเปลี่ยนเวลานอนของตัวเองได้อย่างอัศจรรย์  แต่ถ้าคุณไม่ใช่คนที่มีอาชีพนี้ก็ขอให้นอนให้เป็นเวลาเถอะครับ)

30 ที่สองสำหรับสิ่งที่จำเป็นและสำคัญในชีวิต  เช่น การเรียน  การอ่าน  การอธิษฐาน การเรียนรู้สิ่งใหม่ และการช่วยเหลือผู้อื่น
ส่วน 30 ลำดับต่อมาสำหรับเพื่อน ครอบครัว และความสนุกสนานในชีวิต  แต่เราจะได้กำไรมากขึ้นถ้าสิ่งที่เราเห็นว่าจำเป็นนั้นเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งที่เราชอบและสนุกสนานเพราะคุณจะมีมากถึง 60 ทีเดียว  คนที่ร่ำรวยเวลาส่วนใหญ่จึงมักเป็นคนที่มีความรักและสนุกสนานกับงานและการเรียนของตัวเอง

10 สุดท้ายสำหรับการเดินทางและค่าเสียเวลาอื่นๆ  ซึ่งเราจะพบว่าเรามีอยู่ราว 2 ชั่วโมงเศษๆ  ดังนั้นถ้าใครพบว่าใช้เวลาในการเดินทางในแต่ละวันมากกว่านี้  คุณอาจเป็นคนหนึ่งที่กำลังขาดทุน  ลองทบทวนว่าเราใช้เวลามากเกินไปเพราะอะไร  บางทีคุณจะได้คำตอบและสามารถตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

การล้มละลายเรื่องเวลาน่ากลัวกว่าการล้มละลายเรื่องเงินทองก็เพราะมันทำให้ชีวิตเราในทุกๆเรื่องล้มละลายไปพร้อมๆ กันได้  ผมเชื่อว่าวัยรุ่นทุกคนล้วนไม่อยากล้มละลายด้านเวลา  พระเยซูเคยเตือนสาวกของท่านว่า “ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน” เพราะพระองค์ทรงให้สาวกเฝ้ารอพระองค์  แต่พวกเขากลับนอนหลับ  คนที่ล้มละลายก็เหมือนคนที่ง่วงหลับอยู่เสมอจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด  พระเยซูกลับมาเห็นสาวกงีบหลับอยู่จึงตรัสว่า “ท่านจะนอนต่อไปให้หายเหนื่อยอีกหรือ เวลามาใกล้แล้ว”  เวลาเดินอยู่ตลอดเวลานะครับ  แล้วตอนนี้พวกเรากำลังทำอะไรอยู่?

  • อ.วิทยา วุฒิไกรเกรียง
  • ภาพ Bell_Ka_Pang – Freepik.com