ศพของยาโคบถูกฝังที่ไหน? 4/10

ศพของยาโคบถูกฝังที่ไหน?

ถาม ผู้หนึ่งได้อ่านพระธรรมกิจการบทที่ 7 ข้อ 15-16 ความว่า “ยาโคบจึงลงไปประเทศอียิปต์ และท่านกับบรรพบุรุษของเราก็เสียชีวิตที่นั่น พวกเขาจึงนำศพไปฝังไว้ในเมืองเชเคม ในอุโมงค์ที่อับราฮัมเอาเงินจำนวนหนึ่งซื้อจากบุตรของฮาโมร์ในเชเคม” แล้วผู้นั้นเกิดคำถามสามคำถามคือ หนึ่ง ทำไมศพของยาโคบจึงถูกฝังที่เมืองเชเคม มิใช่ที่ถ้ำมัคเป-ลาห์ในเมืองเฮโบรนหรือ? ตามที่ ปฐมกาล บทที่ 50:7-13 บันทึกว่า”โยเซฟจึงไปฝังศพบิดา ส่วนพวกข้าราชการของฟาโรห์ ผู้ใหญ่ในราชสำนักและบรรดาผู้ใหญ่ทั่วแผ่นดินอียิปต์ก็ไปกับท่าน พร้อมกับครอบครัวทั้งหมดของโยเซฟ พวกพี่น้องและครอบครัวของบิดาท่านก็ไปด้วยเช่นกัน… พวกบุตรของยาโคบก็ทำให้บิดาตามคำที่ท่านสั่งไว้ คือบรรดาบุตรนำศพไปยังดินแดนคานาอัน แล้วฝังไว้ในถ้ำที่อยู่ในนาชื่อ มัคเป-ลาห์ เป็นนาซึ่งอับราฮัมซื้อไว้จากเอโฟรนคนฮิตไทต์เป็นสุสาน อยู่หน้ามัมเร” ศพของยาโคบถูกฝังที่ไหนกันแน่? ที่เชเคม หรือ ที่ถ้ำมัคเป-ลาห์ในเฮโบรน? ทำไมพระคัมภีร์จึงขัดแย้งกันเองเล่า? สอง ทำไมสเทเฟนจึงระบุว่า อับราฮัมเป็นผู้ซื้อที่ฝังศพในเชเคม มิใช่ยาโคบหรือ? ตามที่ปฐมกาล บทที่ 33 ข้อที่ 19-20 บันทึกว่า “ยาโคบซื้อที่ดินแปลงที่ตั้งเต็นท์อยู่นั้นจากบุตรชายของฮาโมร์บิดาของเชเคม…และยาโคบสร้างแท่นบูชาที่นั่น…” ส่วนอับราฮัม ก็มีบันทึกไว้ใน ปฐมกาล บทที่ 23 ข้อ 16-20 ว่า “อับ ราฮัมก็ตกลงกับเอโฟรน แล้วอับราฮัมก็ชั่งเงินให้เอโฟรนตามจำนวนที่เขาบอกให้คนฮิตไทต์ได้ยิน…นา ของเอโฟรนในมัคเป-ลาห์ซึ่งอยู่หน้ามัมเร คือนากับถ้ำซึ่งอยู่ในนั้น และต้นไม้ทั้งสิ้นซึ่งอยู่ในนาตลอดทั่วบริเวณนั้น เอโฟรนก็โอนให้แก่อับราฮัมเป็นกรรมสิทธิ์ต่อหน้าคนฮิตไทต์…ต่อมาอับราฮัม ก็ฝังศพซาราห์ภรรยาของตนในถ้ำที่นามัคเป-ลาห์หน้ามัมเร (คือเฮโบรน) ในดินแดนคานาอัน นาและถ้ำซึ่งอยู่ในนั้น คนฮิตไทต์โอนให้แก่อับราฮัมเป็นกรรมสิทธิ์เพื่อใช้เป็นสุสาน” และ สาม จากคำถามสองข้อข้างต้นนำไปสู่ข้อสงสัยท้ายสุดว่า

สเทเฟนพูดผิดใช่หรือไม่?
หรือว่าสเทเฟนพูดถูกแล้วแต่ลูกาบันทึกผิดใช่หรือไม่?
หรือมีเหตุผลอื่นๆ

ตอบ ก่อน จะตอบคำถามข้างต้น เราต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่า ศพของใคร? และฝังไว้ที่ไหน? และที่ฝังศพนั้นใครซื้อ? ผู้ถามได้เก็บความจากการอ่านกิจการ บทที่ 7 ข้อ 16 แล้วเข้าใจว่า ศพของยาโคบถูกเคลื่อนย้ายมายังสุสานเชเคม ซึ่งอับราฮัมได้ซื้อไว้จากบุตรของฮาโมร์ แล้วผู้ถามก็ตั้งข้อสังเกตว่า ตามปฐมกาล บทที่ 50 ข้อ 7-13 ศพของยาโคบถูกนำมาฝังไว้ในถ้ำที่อยู่ในนาชื่อ มัคเป-ลาห์ ในเมืองเฮโบรน ซึ่งอับราฮัมได้ซื้อจากเอโฟรนคนฮิตไทต์ต่างหาก มิใช่ฝังที่เชเคมอย่างที่กิจการระบุ นั่นก็ทำให้เกิดปัญหาขึ้นว่าความจริงคืออะไรกันแน่? จะเชื่อปฐมกาลหรือเชื่อกิจการดี? พระคัมภีร์ทั้งสองเล่มได้รับการดลใจจากพระเจ้าแต่เล่มไหนได้รับการดลใจ แรงกว่า? ในปัจฉิมวาทะของสเทเฟนตรงนี้มีข้อผิดพลาดใช่หรือไม่? สเทเฟนพูดผิดเอง หรือ ท่านพูดถูกต้องแล้ว แต่ท่านลูกาบันทึกผิด หรือ ท่านพูดถูกต้อง ท่านลูกาบันทึกถูกต้อง แต่ผู้คัดลอกทำผิดในการคัดลอก

เพื่อตอบคำถามข้อแรก ขอให้เรามาดูว่าพระธรรมกิจการ บทที่ 7 ข้อ 16 เขียนว่าอย่างไร? “พวกเขาจึงนำศพไปฝังไว้ในเมืองเชเคม ในอุโมงค์ที่อับราฮัมเอาเงินจำนวนหนึ่งซื้อจากบุตรของฮาโมร์ในเชเคม” คำถามก็คือ ศพของใคร? พระคัมภีร์ไทยอ่านแล้วทำให้ต้องเชื่อมโยงกับความในข้อก่อนคือ ข้อ 15 ที่ว่า “ยาโคบจึงลงไปประเทศอียิปต์ และท่านกับบรรพบุรุษของเราก็เสียชีวิตที่นั่น” ดังนั้นคำตอบก็คือ ศพของยาโคบกับศพของโยเซฟและพี่น้องของท่าน มิใช่ศพของยาโคบอย่างเดียวอย่างที่ผู้ถามเข้าใจ อย่างไรก็ดี หากให้ได้เนื้อความชัดเจนก็ต้องแปลว่า “ศพของพวกเขาถูกเคลื่อนย้ายมายังเมืองเชเคม และฝังไว้ในสุสานที่อับราฮัมซื้อจากบุตรของฮาโมร์ในเมืองเชเคมด้วยเงินจำนวนหนึ่ง”

นักวิชาการบางท่านว่า ศพในข้อ 16 หมายถึงศพของบรรพบุรุษ (คือ ศพของโยเซฟและพี่น้องของท่าน) มิใช่ศพของยาโคบ เพราะเราทราบชัดเจนว่า เมื่อยาโคบตาย โยเซฟกับพี่น้องได้นำศพท่านไปฝังที่ถ้ำมัคเป-ลาห์ในเฮโบรน ปฐมกาล 50:13 บันทึกว่า คือบรรดาบุตร(หมายถึงโยเซฟและพี่น้องของท่าน) นำศพ(หมายถึงศพของยาโคบ) ไปยังดินแดนคานาอัน แล้วฝังไว้ในถ้ำที่อยู่ในนาชื่อ มัคเป-ลาห์ เป็นนาซึ่งอับราฮัมซื้อไว้จากเอโฟรนคนฮิตไทต์เป็นสุสาน อยู่หน้ามัมเร ดังนั้น ศพ ในข้อ 16 จึงหมายถึง ศพของโยเซฟและพี่น้องของท่าน ซึ่งถูกนำมาฝังไว้ที่สุสานเมืองเชเคม

ส่วนโยเซฟก่อนตายได้ให้คนอิสราเอลสาบานว่า เมื่อพระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเยียนพวกเขาก็ให้นำกระดูกท่านไปจากอียิปต์ด้วย ปฐมกาล 50:25 บันทึกว่า โยเซฟให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลสาบานว่า “พระเจ้าจะเสด็จมาเยี่ยมเยียนพวกท่านแน่ๆ แล้วท่านทั้งหลายต้องนำกระดูกของเราไปจากทนี่” แล้วท่านก็ตาย เขาได้อาบยารักษาศพและบรรจุโลงไว้ในอียิปต์ หลายร้อยปีต่อมา เมื่อโมเสสนำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ ท่านก็ให้นำกระดูกโยเซฟไปด้วย อพยพ 13:19 บันทึกว่า โมเสสเอากระดูกของโยเซฟไปด้วย เพราะโยเซฟให้ชนชาติอิสราเอลสาบานเป็นมั่นเหมาะว่า “พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านอย่างแน่นอน แล้วพวกท่านจงเอากระดูกของเราไปจากที่นี่ด้วย” ครั้นในสมัยโยชูวา ก็ได้ฝังกระดูกโยเซฟไว้ที่สุสานเมืองเชเคมที่ยาโคบได้ซื้อไว้จากบุตรหลานของฮาโมร์บิดาของเชเคม โยชูวา 24:32 บันทึกว่า กระดูกของโยเซฟซึ่งประชาชนอิสราเอลนำขึ้นมาจากอียิปต์นั้น เขาฝังไว้ที่เมืองเชเคม ในส่วนที่ดินซึ่งยาโคบซื้อไว้จากบุตรหลานของฮาโมร์บิดาของเชเคมเป็นเงินหนึ่งร้อยแผ่น ที่นี้ตกเป็นมรดกของพงศ์พันธุ์โยเซฟ

ส่วนศพพี่น้องของโยเซฟเล่าถูกฝังไว้ที่ไหน? พระคัมภีร์เดิมไม่ได้กล่าวถึง แต่แน่ทีเดียวคงถูกฝังไว้ในอียิปต์ แล้วต่อมาเมื่ออิสราเอลออกจากอียิปต์ ก็ถูกนำไปด้วย และที่สุดก็ฝังไว้ในแผ่นดินคานาอัน แต่จะให้ระบุเจาะจงที่ไหน? ก็มีหลักฐานระบุต่างกันสองแห่งคือ หนึ่ง ตามข้อเขียนของนักประวัติศาสตร์ ชื่อโยเซฟัส ในหนังสือ Antiquities of the Jews เล่มสอง บทแปด ตอนสอง ระบุว่าศพของบรรพบุรุษสิบเอ็ดคน (หมายถึงพี่น้องของโยเซฟ) ถูกฝังไว้ที่เมืองเฮโบรน ที่เดียวกับที่ฝังศพยาโคบ และสอง ตามสเทเฟนในพระธรรมกิจการว่า พวกเขาถูกฝังไว้ที่สุสานเชเคม ดังนั้นจึงทำให้มีข้อสงสัยว่า ที่ใดกันแน่ระหว่างถ้ำมัคเป-ลาห์ในเฮโบรนกับสุสานในเชเคม? นักวิชาการท่านหนึ่งคือ ดร.ไลท์ฟุตเห็นว่ากระดูกของบรรพบุรุษอิสราเอลเฉพาะโยเซฟและพี่น้องของท่าน น่าจะฝังอยู่ที่สุสานเชเคมซึ่งอยู่ในเขตของชาวสะมาเรีย แต่คนยิวเห็นว่ามันเป็นเกียรติแก่คนสะมาเรียมากเกินไปที่มีสุสานฝัง บรรพบุรุษของพวกเขา ดังนั้นจึงเลี่ยงไปไม่กล่าวถึงเชเคมแต่กล่าวว่าที่ฝังศพบรรพบุรุษของพวกเขา อยู่ในเฮโบรน ด้วยเหตุนี้ศพของพี่น้องโยเซฟน่าจะถูกฝังที่สุสานเมืองเชเคม เมื่อพิจารณาที่กล่าวมาข้างต้น จึงไม่ได้เห็นว่า สเทเฟนได้กล่าวไว้ผิดอย่างไร? เพราะคำกล่าวของท่านหมายความว่า กระดูกบรรพบุรุษ (โยเซฟและพี่น้องของท่าน) ถูกฝังไว้ที่สุสานเชเคม ส่วนที่ ถ้ำมัคเป-ลาห์ในเมืองเฮโบรนก็เป็นที่ฝังศพของอับราฮัมกับนางซาราห์ อิสอัคกับนางเรเบคาห์และยาโคบ กับนางเลอาห์ (ปฐมกาล 49:29-50:13)

ดังนั้น สิ่งที่สเทเฟนกล่าวถึงศพและที่ฝังศพของบรรพบุรุษจึงมิได้ขัดแย้งกับข้อความในปฐมกาลแต่อย่างใด

ตอน นี้เรามาถึงคำถามที่สอง เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมสเทเฟนจึงกล่าวว่า อับราฮัมเป็นผู้ซื้อสุสานเชเคมจากลูกหลานฮาโมร์บิดาของเชเคม? เพราะความจริงก็คือยาโคบเป็นผู้ซื้อต่างหาก ปฐมกาล 33:19 บันทึกว่า “ยาโคบซื้อที่ดินแปลงที่ตั้งเต็นท์อยู่นั้นจากบุตรชายของฮาโมร์บิดาของเชเคม”

คำตอบคำถามนี้ไม่ง่ายนัก แม้นักวิชาการพระคัมภีร์เองก็มีข้อสันนิษฐานต่างๆ ทั้งในทางบวกและทางลบ ในทางบวกหมายถึงสนับสนุนหรือยืนยันว่า คำกล่าวของสเทเฟนถูกต้อง ในทางลบหมายถึงไม่ยอมรับว่าคำกล่าวของสเทเฟนถูกต้อง บางท่านว่า ที่กล่าวว่าอับราฮัมเป็นผู้ซื้อที่ดินแปลงหนึ่งของเมืองเชเคมนั้นเป็นสำนวน การพูดเพื่อให้เกียรติอับราฮัมผู้เป็นต้นตระกูล ดังนั้นสเทเฟนได้เอ่ยนามอับราฮัมแทนยาโคบผู้เป็นเชื้อสายของท่าน บางท่านว่า อับราฮัมอาจซื้อที่ดินในเชเคมและซื้อนากับถ้ำมัคเป-ลาห์ในเฮโบรนด้วย และ ต่อมายาโคบก็มาซื้อที่ดินในเชเคมนั้นคืน บางท่านว่าสเทเฟนได้กล่าวรวบรัดการซื้อสุสานโดยอับราฮัมและโดยยาโคบเป็นอัน เดียวกัน นั่นเลยทำให้คำกล่าวของสเทเฟนไม่ตรงกับความจริงนอกจากนี้บางท่านว่าคำกล่าว แต่เดิมของสเทเฟนถูกต้องเพราะมีบางสำเนาโบราณว่า “ซึ่งบรรพบุรุษของเราซื้อ…” แต่ผู้คัดลอกได้เพิ่มคำ อับราฮัม เข้าไปโดยคิดว่าบรรพบุรุษของเรา หมายถึงอับราฮัม เขาทำโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบก่อน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วตรงนั้นหมายถึงยาโคบต่างหาก นั่นก็หมายความว่า สเทเฟนพูดถูกต้องว่าบรรพบุรุษของคนอิสราเอล(หมายถึงยาโคบ) เป็นผู้ซื้อ ท่านลูกาก็บันทึกถูกต้อง แต่ผู้คัดลอกทำผิดโดยการใส่นามอับราฮัมลงไป แม้เราพบคำตอบหลายแนวทาง แต่คำตอบที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดก็คือ การที่สเทเฟนกล่าวว่าอับราฮัมเป็นผู้ซื้ออุโมงค์ในเชเคมนั้น เนื่องจากท่านได้ใช้สำนวนภาษาเพื่อให้เกียรติแด่อับราฮัมผู้เป็นต้นตระกูลของยาโคบ

ดังนั้นจึงนำไปสู่การตอบคำถามสรุปสุดท้ายว่าสเทเฟนมิได้กล่าวผิด ลูกามิได้บันทึกผิด และผู้คัดลอกมิได้คัดลอกผิดแต่อย่างใด มนุษย์อาจผิดพลาดได้ในบางอย่าง แต่พระเจ้าไม่เคยผิดพลาดเลย พระคริสตธรรมคัมภีร์คือพระดำรัสของพระเจ้าแก่ประชากรของพระองค์และแก่โลก
พระดำรัสของพระองค์นั้น ข้าพระองค์ชิมแล้วหวานจริงๆ
หวานกว่าน้ำผึ้งเมื่อถึงปากข้าพระองค์…
พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์
และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์
ข้าพระองค์ได้สาบานและยืนยันว่า
จะปฏิบัติตามกฎหมายอันชอบธรรมของพระองค์
สดุดีบทที่119ข้อ103-106
หมายเหตุ : ข้อพระคัมภีร์ที่อ้างอิงในบทความนี้นำมาจาก พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน

  • อ.ปัญญา โชชัยชาญ