หนุ่มแน่น แม้นชรา ตอนที่ 2
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2019 เป็นอีกคำรบหนึ่งที่ผู้เขียนเดินทางไปเยือนประเทศจอร์แดน จึงถือโอกาสไปเยี่ยมชมสถานที่ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จากที่ราบโมอับ เราขึ้นสู่ภูเขาเนโบ ณ ยอดปิสกาห์ อากาศแจ่มใส สามารถมองเห็นทะเลสาบกาลิลีอยู่ไกลสุดขอบฟ้าทางทิศเหนือ มองลงมาเห็นเมืองเยรีโคและขุนเขาที่ด้านหลังคือ กรุงเยรูซาเล็ม ภาพที่อยู่ตรงหน้า เหมือนที่โมเสสเคยเห็นในอดีตกว่า 3,000 ปีที่แล้ว เมื่อพระเจ้าทรงให้ท่านเห็นแผ่นดินทั้งหมดที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของอิสราเอล ทรงตรัสกับโมเสสว่า “นี่คือแผ่นดินซึ่งเราได้ปฏิญาณต่ออับราฮัม อิสอัค และ ยาโคบว่า ‘เราจะให้แก่ลูกหลานของเจ้า’ เราให้เจ้าเห็นกับตา แต่เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินนั้น” (ฉธบ.34:4)
พระเจ้าไม่อนุญาตให้โมเสสเข้าไปในแผ่นดินแห่งพันธสัญญา ทรงเห็นว่า ถึงเวลาที่ผู้รับใช้คนนี้ควรพักผ่อนได้แล้ว จึงส่งต่อความเป็นผู้นำให้แก่คนรุ่นต่อไป หากมองด้วยสายตามนุษย์ แม้โมเสสอายุมากก็จริง แต่สภาพร่างกายยังทำงานต่อไปได้อีกหลายปี การสิ้นชีวิตของท่านเป็นไปตามที่พระเจ้าทรงเห็นว่าเหมาะสม “โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ จึงสิ้นชีวิตที่นั่นในแผ่นดินโมอับ ตามพระดำรัสของพระยาห์เวห์” (ฉธบ.34:5) แม้ในขณะ “เมื่อโมเสสสิ้นชีวิตนั้นท่านมีอายุหนึ่งร้อยยี่สิบปี นัยน์ตาของท่านไม่ได้มัวไป หรือกำลังของท่านก็ไม่ถดถอย” (ฉธบ.34:7) ก็ตาม
เหตุผลที่โมเสสและคนอิสราเอลต้องปฏิบัติตามบัญญัติสุขภาพ
- อิสราเอลชนเป็นชาติบริสุทธิ์ที่ทรงเลือกของพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ จึงต้องบริสุทธิ์ (ลนต.11:44-45)
- อิสราเอลเป็นอาณาจักรปุโรหิต (อพย.19:6)
- ความบริสุทธิ์เป็นคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าสนิทกับพระเจ้า (ฮบ.4:8)
- ความบริสุทธิ์เป็นคุณสมบัติของชาวสวรรค์ (ฮบ.12:14)
- เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ (ฉธบ.7:15; ยรม.33:6)
- การประพฤติของคนอิสราเอลแตกต่างจากชนชาติอื่นที่กราบไหว้รูปเคารพ (ฉธบ.7:6-11)
- เป็นสิ่งที่ทดสอบการเชื่อฟัง (อพย.15:26)
สุขภาพดีแบบโมเสสในปัจจุบัน
ไม่มีข้อกังขาใดๆ ว่าอาหารของพระเจ้า (ปฐก.1:29) คือ อาหารที่ดีที่สุด เหมาะสมสำหรับร่างกายของมนุษย์ที่สุด นักโภชนาการ การแพทย์ยุคใหม่ส่งเสริมให้ประชาชนหันมาบริโภคผักและผลไม้มากขึ้น การกินเนื้อสัตว์มีสาเหตุมาจากความบาปที่เข้ามาในโลก และเมื่อมีน้ำท่วมโลก พืชถูกน้ำทำลาย พระเจ้าจึงยินยอมให้มนุษย์ฆ่าสัตว์เพื่อกินเนื้อเป็นอาหารได้ แต่ต้องแลกมาด้วยอายุที่สั้นลง (ปฐก.6:3) โมเสสเป็นผู้บันทึกกฎเกณฑ์หลักการสุขภาพในพระธรรมเลวีนิติบทที่ 11 และเฉลยธรรมบัญญัติบทที่ 14 มีคำแนะนำในการเลือกอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ที่เหมาะกับสุขภาพ ซึ่งขณะนั้นคนอิสราเอลกินมานาเป็นอาหารหลัก แม้ขณะที่โมเสสตาย มานายังคงเป็นอาหารของประชาชน กระทั่งเดินทางเข้าสู่แผ่นดินคานาอัน (ยชว.5:12)
วันนี้ไม่มีมานาฝ่ายกาย เรามีมานาฝ่ายจิตวิญญาณ พระเยซูผู้ทรงเป็นอาหารแห่งชีวิต (ยน.6:31-33,49) มนุษย์ในโลกทุกวันนี้มีอาหารสวนเอเดน คือ พืช ผัก ผลไม้สารพัดชนิดมากมายให้เลือกบริโภค
ประโยชน์ของอาหารจากพืช ต่อสุขภาพของมนุษย์
การเข้าสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญาของคนอิสราเอล ซึ่งเป็น “เงา” หรือภาพตัวอย่างของบรรดาผู้จะเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ในวาระสุดท้าย บัญญัติต่างๆ ที่โมเสสได้รับมาจากพระเจ้าเกี่ยวข้องกับการชำระตัว ชำระชีวิตให้สะอาด ไร้มลทินทั้งร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ ในด้านร่างกาย พระเจ้าทรงกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาหารการกิน คนอิสราเอลต้องปฏิบัติตาม จึงเป็นที่ยอมรับของพระองค์และเข้าเฝ้าพระเจ้าได้ “เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า จงชำระตัว ให้บริสุทธิ์เพื่อเจ้าจะบริสุทธิ์ เพราะเรา บริสุทธิ์ เจ้าอย่าทำตัวให้เป็นมลทินด้วยบรรดาสัตว์เล็กที่เคลื่อนไปเป็นฝูงๆ บนแผ่นดิน เพราะเราคือยาห์เวห์ผู้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า เพราะฉะนั้นเจ้าจึงต้องบริสุทธิ์ เพราะเรา บริสุทธิ์” (ลนต.11:44-45)
กฎเกณฑ์สุขภาพที่โมเสสได้รับจากพระเจ้า ได้รับการพิสูจน์แล้วจากวิทยาศาสตร์ และการแพทย์ว่าถูกต้องและนำไปใช้ประโยชน์ได้ วันนี้เราจึงไม่จำเป็นต้องมาถกเถียงว่าสัตว์ชนิดไหนกินได้หรือไม่ได้ ขอเพียงให้เราเชื่อและฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า คู่มือพระคัมภีร์ฮัลเลย์ กล่าวว่า “กฎของโมเสส… กฎเกณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพและอาหาร สอนสิ่งที่เหนือกว่าความสะอาด มีเหตุมีผลมากที่สุด เหมาะสำหรับมนุษย์ ให้สิทธิ์เลือกปฏิบัติ แสดงให้เห็นถึงความรู้ที่ก้าวหน้าอย่างยิ่ง เหนือกว่ากฎเกณฑ์ใดๆ ของโลกยุคโบราณของบาบิโลน อียิปต์หรือชนชาติอื่นๆ” Halley’s Bible Handbook (24th edition, p.138)
ปัจจุบันคนยิวยังคงรักษากฎเกณฑ์เกี่ยวกับสิ่งสะอาดและสิ่งที่เป็นมลทิน ซึ่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บรรดาสัตว์ต้องห้ามในพระคัมภีร์ ไม่เหมาะสำหรับการบริโภค มีคนยิวจำนวนมากหันมากินอาหารมังสวิรัติและวีแกน กรุงเทลอาวีฟ เป็นเมืองหลวงที่มีอาหารประเภทนี้จำหน่ายมากที่สุดในโลก
เป้าหมายที่อ่อนแอของคริสตชน
“ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” (1 ปต.5:8) เป้าหมายอ่อนแอที่สุดในชีวิตคนเราคือเรื่อง “กิน” อาดัม คนอิสราเอล พระเยซู ล้วนถูกล่อลวงด้วยเรื่องการ “กิน” (ปฐก.3:1-6, กดว.25:1-3, มธ.4:1-4) วันนี้คนยุคสุดท้ายเหมือนกับยุคของโนอาห์ (มธ.24:38) การกินดื่มของคนปัจจุบันคือปัญหาใหญ่ของความเจ็บป่วยโรคจากการใช้ชีวิตอย่างไม่ถูกต้อง จนนำไปสู่สารพัดโรค ผู้รับใช้ ผู้นำในคริสตจักรทุกระดับเป็นเป้าหมายการทำลายของซาตาน มันใช้การ “ไม่รู้จักบังคับตน” ทำลายได้อย่างง่ายดาย
การทำลายของซาตานแยบยล ซ่อนเงื่อน ซุกความโหดร้ายไว้ในจานอาหารของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ พระคัมภีร์จึงเตือนให้เราสำนึกว่า “ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเองคือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ เมื่อตัณหาฟักตัวขึ้นแล้วก็ก่อให้เกิดบาปและเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็ก่อให้เกิดความตาย” (ยก.1:14-15)
จากข้อพระธรรมนี้เราจะเห็นขั้นตอนการทำลายของบาป เปรียบเทียบกับวิธีการทำลายสุขภาพ
- “ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง” ความหิว ความอยากอาหาร เป็นพื้นฐานของพระผู้สร้างร่างกายเพื่อให้ร่างกายได้รับสิ่งมีประโยชน์ในการดำรงชีวิต แต่ ซาตานใช้เป็นการทำลาย ให้เรากินมากจนเกินความต้องการ หรือกินอาหารที่สร้างผลเสียต่อสุขภาพ
- “คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ” ซาตานใช้ความอยากอาหารเป็นสิ่งชักนำไปสู่เป้าหมายการทำลายร่างกายของเรา ซึ่งเป็นพระฉายาของพระเจ้าที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลก เมื่อทำลายร่างกายจะส่งผลต่อการทำลายจิตวิญญาณ เมื่อเจ็บป่วยย่อมเป็นอุปสรรคในการนมัสการ และการรับใช้
- “เมื่อตัณหาฟักตัวขึ้นแล้วก็ก่อให้เกิดบาป” ในที่สุดความอยากอาหารจะนำผู้นั้นไปสู่บาป พลาดไปจากเป้าหมายของพระเจ้าที่ให้มนุษย์มีความสุข ไร้โรคา และชื่นชมยินดีกับชีวิต เป้าหมายของซาตานคือ ทำลายความสุขและความใกล้ชิดที่เรามีกับพระเจ้า
- “และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็ก่อให้เกิดความตาย” ปลายทางของการล่อลวงของซาตาน เป้าหมายสูงสุดของมัน คือ นำไปสู่ความตาย ทั้งด้านร่างกายและจิตวิญญาณ ถูกตัดขาดจากแผ่นดินของพระเจ้าในที่สุด
อาหารที่เรากินมีผลต่อสุขภาพ เหมือนความบาปอย่างไร?
ความอยากอาหาร แสดงให้รู้ว่าร่างกายต้องการพลังงาน สิ่งดีที่พระเจ้าทรงบรรจุโปรแกรมไว้ในสิ่งมีชีวิต อาหารที่กินเข้าไปเป็นพลังงานของร่างกาย เมื่อไม่นำไปใช้ จะเปลี่ยนเป็นไขมัน เก็บสะสมไว้เพื่อการนำไปใช้ในอนาคต
- กินมากกว่าที่ร่างกายต้องการ เมื่อ เผาผลาญน้ำตาลที่ได้จากอาหารไม่หมด ร่างกายสะสมเป็นไขมัน เมื่อมีมากเกินไป น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นำไปสู่โรคต่างๆ
- ร่างกายไม่นำไขมันไปใช้ เป็นพลังงาน จะค่อยๆ สะสม เหมือนความบาปที่ฟักตัวจนนำไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases – NCDs) โรคจากการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง นำไปสู่ความเจ็บป่วยเรื้อรัง ทำลายสุขภาพอย่างช้าๆ จนเสื่อมถอยและนำไปสู่ความตายในที่สุด
- ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลร้าย ร่างกายเมื่อยังหนุ่มแน่นมีกำลังต่อสู้กับโรคต่างๆ จนกระทั่งคนนั้นอายุมากขึ้น สุขภาพเริ่มถดถอย ทรุดโทรม การฟักตัวของสิ่งต่างๆ จะส่งผลให้เห็นในเวลาของมัน เช่น เมื่ออายุมากขึ้นไขมันที่พอกในหลอดเลือดทำให้เส้นเลือดตีบในสมอง นำไปสู่โรคอัมพฤกษ์ หัวใจวาย ไขมันพอกตับ เมื่อน้ำหนักเกิน อ้วน นำไปสู่โรคเบาหวาน เซลร้ายที่เพิ่มขึ้นนำไปสู่โรคมะเร็ง การกินอาหารมลทิน (เนื้อสัตว์ต้องห้ามตามพระคัมภีร์) จะมีผลทำให้ไตเสื่อม หรือไตวาย และปัญหาอีกสารพัด โรคเหล่านี้ใช้เวลายาวนานในการฟักตัวตลอดชีวิตกว่าจะแสดงผล ประจวบกับสุขภาพที่ทรุดโทรม เมื่อโรคร้ายรุมเร้า การรักษาจะยากยิ่งขึ้น เสียเงินมากมาย หรือรักษาไม่ได้ เหมือนความบาปที่ฟักตัวทีละเล็กละน้อยจนนำไปสู่ความตายในที่สุด
- ประกันสุขภาพกับพระเจ้า ดีกว่าทำประกันสุขภาพ เชื่อฟังตามคำแนะนำสุขภาพในพระคัมภีร์และดูแลตนเอง อย่าให้โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเข้ามาสู่ร่างกาย จำไว้เสมอว่า “เป็นโรค NCDs เป็นหนี้ตลอดชีวิต” เพราะโรคเหล่านี้ต้องใช้เวลาและเสียเงินในการรักษาไม่มีจบสิ้น หากไม่มีวินัยการกิน ดื่ม จะส่งผลเสียมากยิ่งขึ้น
- วินัยการดูแลสุขภาพควรเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ปัจจุบัน “อาหารขยะ” มีสารเคมีและสีผสมอาหาร จะมีผลต่อสุขภาพเมื่อพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ให้เด็กกินอาหารจากธรรมชาติโดยตรง เป็นการออมสุขภาพให้แก่ลูกหลาน เพื่อให้เขามีสุขภาพดีในอนาคต เพื่อจะดูแลบิดามารดาในยามชรา
เมื่อเจ็บป่วย แสดงว่าร่างกายมีปฏิ-กิริยาต่อวิถีการใช้ชีวิตของเรา อย่ามองข้ามเสียงเตือนนี้ พระเจ้ากำลังเตือนให้กลับตัว เปลี่ยนแปลงตัวเองเสียแต่เนิ่นๆ สามารถแก้ไขปัญหาสุขภาพได้
ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงประทานอาหารสวนเอเดนให้แก่มนุษย์ เพียงเชื่อฟังและปฏิบัติตาม เราจะรอดพ้นการทดลองนี้ได้ โดยการใช้แบบอย่างของพระเยซู ไม่ให้ความอยากอาหาร หรือรสชาติมาล่อลวงทำลายสุขภาพ “มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้” (มธ.4:4) “อาหารของเราคือการทำตามพระประสงค์ของผู้ที่ทรงใช้เรามา” (ยน.4:34) สำหรับพระเยซู อาหารไม่สำคัญเท่ากับจิตวิญญาณที่จะได้ชีวิตนิรันดร์ “คนเฉลียวฉลาดเห็นอันตรายและซ่อนตัว แต่คนขาดสติเดินต่อไป และรับอันตรายนั้น” (สภษ.22:3 พระคัมภีร์คาทอ- ลิก) เมื่อเห็นกับดักอันตรายรออยู่ข้างหน้า คริสตชนควรทำอย่างไร?
ปัญญาจารย์จึงถามว่า “อย่าอธรรมเกินไป และอย่าทำตัวเป็นคนเขลา ทำไมเจ้าจะไปตายก่อนเวลาของเจ้าเล่า?” (ปญจ.7:17) คำเตือนนี้เหมาะสำหรับยุคนี้ ทำไมเราจะรีบไปตายก่อนเวลาอันควร? จริงอยู่เราไม่อาจหยุดยั้งความตายได้ แต่หากพระเจ้าทรงประสงค์ให้เรารับใช้พระองค์ให้นานยิ่งขึ้น เพื่อนำจิตวิญญาณคนอีกมากมายมาหาพระองค์ เราจึงควรถนอมร่างกายนี้ให้พระองค์ได้ทรงใช้ตามพระประสงค์ของพระองค์ ความเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ ต้องเกิดขึ้นแน่นอน ขอให้ความเจ็บป่วยมาถึงเราให้ช้าที่สุด เมื่อถึงเวลาพักผ่อนในพระเจ้า เราจะยินดี จนถึงวันนั้นเราจะกล่าวเหมือนผู้เขียนสดุดี “จิตใจของข้าเอ๋ย กลับไปสู่ที่พักของเจ้าเถิด เพราะพระยาห์-เวห์ทรงดีต่อเจ้าแล้ว” (สดด.116:7) ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลก ให้เราถวายพระเกียรติพระเจ้าด้วยกายนี้ ให้เป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตสะอาดบริสุทธิ์ เพื่อเตรียมพร้อมในวันที่จะเข้าไปสู่แผ่นดินสวรรค์ พระเจ้าทรงเตรียม “มานา” เพื่อทุกคน (วว.2:17) และจะชื่นชมยินดีกับชีวิตนิรันดร์ กินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต (วว.22:2,14)
ชีวิตสุขภาพของโมเสสเป็นแบบอย่างของชาวสวรรค์บนโลก โมเสสเป็นตัวอย่างของคนชอบธรรมก่อนเข้าสู่แผ่นดินแห่ง พันธสัญญาในพระคัมภีร์เดิม เพื่อเตรียมทางไว้เพื่อพระเมสสิยาห์ วิถีชีวิตแบบยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเป็นแบบอย่างและตัวแทนของการเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้าฝ่ายจิตวิญญาณ เพื่อพบพระเมสสิยาห์ วันนี้ คริสตชนจึงควรรวมเอาสองวิถีชีวิตนี้เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ เพื่อพำนักกับพระเมสสิยาห์ตลอดนิรันดร์ สุขภาพดี ไร้โรคา มีความสุข ใช่เพียงเพื่อตัวเราเองเท่านั้น แต่เพื่อการรับใช้พระเจ้าให้นานที่สุด และเกิดผลมาก ดังคำกล่าวที่ว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” เช่นเดียวกับโมเสส แล้วท่านจะชื่นชมยินดีในชีวิตใกล้ชิดกับพระผู้สร้างจนชั่วอายุขัย และประกาศความจริงนี้แก่คนทั้งหลายที่กำลังทุกข์ทรมานเพราะไม่ทราบวิธีดูแลสุขภาพที่พระเจ้าประทานให้ในพระวจนะของพระองค์
วันนี้ เรามองเห็นแผ่นดินสวรรค์อยู่ตรงหน้า อย่าให้พระดำรัส “เราให้เจ้าเห็นกับตา แต่เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในแผ่นดินนั้น” เกิดขึ้นกับผู้ใด หากท่านใดปรารถนาพบกับโมเสสตัวจริงในสวรรค์ สนทนาและเรียนรู้ประสบ- การณ์กับบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ ก็ควรดูแลชีวิตและสุขภาพของตนเองเสียตั้งแต่วันนี้!
- ศาสนาจารย์ ดร.สุรเชษฐ์ อินสม