เมซูซาห์ (Mezuzah)

เมซูซาห์ (Mezuzah)

เมซูซาห์ (อังกฤษ : Mezuzah, ฮีบรู : מְזוּזָה) ดั้งเดิมในภาษาฮีบรูแปลว่า “เสาประตู” (ดู ฉธบ.6:9; 11:20) ต่อมาคำนี้ถูกนำมาใช้เรียกศาสนวัตถุอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวันของชาวยิว เป็นกลักขนาดเล็กสำหรับแขวนหรือติดไว้ที่วงกบประตูทางเข้าบ้านและธรรมศาลา โดยมักจะใส่ม้วนกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่คัดลอกข้อพระคัมภีร์จากเฉลยธรรมบัญญัติ 6:4-9 ไว้ข้างใน และเมื่อชาวยิวจะก้าวผ่านประตูก็มักจะเอามือแตะที่กลักพระธรรมนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงพระเจ้าและพระบัญญัติของพระองค์

เมซูซาห์มีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อไรและใครเป็นผู้คิดค้นขึ้นนั้นยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด ทั้งยังไม่พบธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ตอนใดเลย บันทึกที่เก่าแก่ที่สุดที่กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัตินี้มาจากโจเซฟัส นักประวัติศาสตร์ชาวยิวในสมัยศตวรรษที่ 1 ซึ่งบ่งบอกว่าชาวยิวในสมัยนั้นมีการใช้เมซูซาห์กันอย่างแพร่หลายแล้ว จึงมีข้อสันนิษฐานว่าธรรมเนียมปฏิบัตินี้อาจเกิดขึ้นในช่วงสมัยหลังจากตกเป็นเชลยที่บาบิโลน (ท้ายศตวรรษที่ 6 ก่อน ค.ศ.) เป็นต้นมา

ส่วนที่มาของแนวคิดนั้นเข้าใจกันว่ามาจาก เฉลยธรรมบัญญัติ 6:4-9 และ 11:13-21 อันเป็นคำกำชับให้คนอิสราเอลยึดมั่นในพระเจ้าโดยการเอาใจใส่และปฏิบัติตามพระวจนะของพระองค์เพื่อที่พวกเขาจะได้รับการอวยพรในแผ่นดินแห่งพันธสัญญา โดยมีคำกำชับหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในทั้งสองตอนนี้ คือ “จงเขียนถ้อยคำเหล่านี้ไว้ที่เสาประตูบ้าน…ของท่าน” (ฉธบ.6:9; 11:20) ซึ่งชาวยิวก็ได้ตีความหมายข้อความนี้แบบตรงตัวอักษรและพยายามประยุกต์ให้เป็นรูปธรรม จนกลายเป็นเมซูซาห์อย่างที่เห็นในทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม ธรรมเนียมปฏิบัตินี้ก็ได้กลายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยปลูกฝังชาวยิวให้เอาใจใส่และระลึกถึงพระวจนะของพระเจ้าอยู่เสมอมา

ครั้งหนึ่ง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อันเป็นช่วงเวลาที่พรรคนาซีเยอรมันพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว (Holocaust) ชาวยิวจำนวนมากได้ถูกกวาดต้อนให้ไปอยู่ในค่ายกักกัน ถูกยึดทรัพย์สิน ถูกบังคับให้ใช้แรงงานหนัก ถูกทารุณกรรม และถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม เพียงเพราะว่าพวกเขามีเชื้อชาติยิว ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก หรือคนชรา จะร่ำรวยหรือยากจน จะเป็นคนมีการศึกษาสูงหรือไม่มีการศึกษาก็ตาม นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากอันใหญ่หลวงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของชาวยิวที่ทำให้ทั่วโลกอดเวทนาสงสารไม่ได้

ในช่วงเวลานี้เอง มีชาวยิวคนหนึ่งซึ่งถูกกดขี่ข่มเหงโดยทหารนาซีเหมือนกับชาวยิวคนอื่นๆ ได้เก็บเอาปลอกกระสุนปืนกลหนักขนาด .50 (แคลิเบอร์) ที่ใช้แล้วนัดหนึ่งมาทำเป็นเมซูซาห์ โดยการคัดลอกข้อพระคัมภีร์จากความทรงจำลงในเศษกระดาษเล็กๆ และม้วนใส่ไว้ในปลอกกระสุนเปล่านั้น เพื่อเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจของเขาและพวกพ้องให้ไม่ลืมพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ในท่ามกลางความทุกข์ทรมานที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ปัจจุบัน เมซูซาห์ที่ทำจากปลอกกระสุนเปล่านี้ ถูกนำไปจัดแสดงไว้ในอนุสรณ์สถานยาด วาเชม (Yad VaShem) ที่กรุงเยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล อันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รำลึกถึงโศกนาฏกรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในครั้งนั้น  ทุกวันนี้ พรรคนาซีเยอรมันไม่มีอีกต่อไป และบรรดาคนที่เคยเกี่ยวข้องกับการกระทำอันโหดร้ายต่อชาวยิวต่างก็ถูกศาลพิพากษาลงโทษในฐานะอาชญากรของมนุษยชาติ ในขณะที่ยังมีชาวยิวที่เคยทนทุกข์ทรมานอีกจำนวนมากที่เหลือรอดมาได้ และมีลูกหลานสืบเชื้อสายมาจนถึงปัจจุบัน จากเรื่องนี้สามารถกล่าวได้ว่า ชาวยิวบางคนในเวลานั้นยังคงมีความหวังในพระเจ้าท่ามกลางความทุกข์ยากได้ โดยการยึดมั่นในพระวจนะของพระองค์ ทำให้พวกเขา “ดูเหมือนแพ้ แต่กลับชนะ” ในท้ายที่สุด

  • ภาพประกอบจาก www.en.wikipedia.org, www.yadvashem.org

พระวจนะของพระเจ้าเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่สำหรับชีวิตของคุณ
วันนี้ คุณอ่านพระคัมภีร์แล้วหรือยัง?

สมาคมพระคริสตธรรมไทย (TBS)
“เพื่อให้คนไทยทุกคนมีพระคัมภีร์ใช้ และรู้จักใช้พระคัมภีร์”