เมื่อพระเจ้านำหน้าทุกปัญหามีทางออก
แพทย์หญิงพิมพ์ประภา วีรสมิทธ์ อายุ 31 ปี จบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก มหาวิทยาลัยมหิดล ต่อมาเรียนจบเฉพาะทางเป็นศัลยแพทย์ทั่วไป จากโรงพยาบาลวชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เป็นบุตรสาวคนโตของ นายแพทย์วิกสิต วีรสมิทธ์และ นางพิมพ์ประไพ วีรสมิทธ์ มีน้องชาย คือนายวรสิทธิ์ วีรสมิทธ์
รู้จักพระเจ้า
ดิฉันเกิดในครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่เป็นคริสเตียน ท่านเป็นสมาชิก คริสตจักรนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ดิฉันจึงติดตามท่านไปโบสถ์ตั้งแต่เด็ก ก่อนนอนทุกคืนคุณแม่จะอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์ 365 วันฉบับการ์ตูนให้ดิฉันและน้องชายฟัง ดิฉันชอบเรื่องราวในพระคัมภีร์นั้น คุณแม่สอนให้อธิษฐาน ท่านแนะนําให้อธิษฐานขอสติปัญญาจากพระเจ้าเรื่องการเรียน ดิฉันก็อธิษฐานขอให้เรียนเก่งๆ มาโดยตลอด ดิฉันชอบวิชาศิลปะ ภาษาอังกฤษ และชีววิทยา ดิฉันรู้สึกว่าพระเจ้าช่วยเหลือในการเรียนเสมอมา พระองค์ตอบคําาอธิษฐาน เมื่อดิฉันอ่านพระคัมภีร์ ไม่ว่าจะกังวลใจเรื่องอะไร คําาตอบจะอยู่ในนั้น ทําให้รู้ว่าพระเจ้าอยู่กับเราจริงๆ ทรงฟังคําาอธิษฐานของเราจริงๆ ดิฉันได้ตัดสินใจรับเชื่อพระเจ้าด้วยตัวเองเมื่ออายุประมาณ 10 ขวบ ความเชื่อในพระเจ้ามีมากขึ้นตามประสบการณ์ที่เติบโตกับพระเจ้า ในช่วงที่ดิฉันเรียนอยู่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ดิฉันได้รับทุน AFS ไปเรียนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 1 ปี พระเจ้าตอบคําาอธิษฐาน ดิฉันขอให้ได้พักอาศัยกับครอบครัวที่เป็น
คริสเตียนเพื่อที่จะได้ไปโบสถ์ พระเจ้าทรงตอบคําอธิษฐานนั้น ดิฉันได้อยู่กับครอบครัว Fuller ที่เมือง Old Town รัฐ Maine ดิฉันได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าคนที่เชื่อพระเจ้าจะอาศัยอยู่ในส่วนใดของโลก มีวัฒนธรรม การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันอย่างไร จะมีส่วนที่เหมือนกันคือ เรื่องของความรักที่มีในพระคริสต์ ทําให้ดิฉันยิ่งเชื่อพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ความเชื่อนั้นก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลา ดิฉันเข้ารับศีลบัพติศมาตอนมัธยมปลาย ที่คริสตจักรนครสวรรค์
ขอบคุณพระเจ้าสําาหรับพี่เลี้ยงฝ่ายจิตวิญญาณ คุณสาวิตรี ข้ามเขา (พี่ก๋า) ที่สอนน้องคนนี้ให้เข้มแข็งและเชื่อมั่นในแผนการของพระเจ้า ดิฉันรู้จักพี่ก๋าที่ประเทศเกาหลี ผ่านองค์กร Campus Crusade for Christ พระเจ้านําาคน 2 คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ให้ได้มาเป็นพี่น้องกัน ช่วยเหลือกัน อธิษฐานเผื่อกันและกัน น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ
แผนการของพระเจ้า
เมื่อรู้ว่าจะต้องมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อเรียนต่อแพทย์เฉพาะทาง ก็รู้สึกกังวลว่าจะพักที่ไหน จะมีคริสตจักรใกล้ๆ โรงพยาบาลให้เราไปนมัสการไหม จะมีเพื่อนใหม่ในโบสถ์ไหม แต่พอถึงเวลาที่ไปอยู่กรุงเทพฯ จริงๆ พระเจ้าก็จัดเตรียม ที่โรงพยาบาลมีชมรมคริสเตียน เป็นกลุ่มแคร์ของคริสตจักรนิมิตใหม่ ทําาให้ดิฉันได้เจอกับคุณสุภัสสรณ์ งามอมรภิรัตน์ (น้าสุ) หัวหน้าแผนกเวชศาสตร์นิวเคลียร์ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล เป็นสมาชิกคริสตจักรนิมิตใหม่
ดิฉันจึงไปนมัสการพระเจ้ากับน้าสุที่นั่น นอกจากน้าสุแล้ว ยังมีอาจารย์ นายแพทย์พัฒน ธัญญกิตติกุล อาจารย์แพทย์แผนกจักษุ อาจารย์เก่งเรื่องคนและรักพระเจ้า คุณนิสา ลี (ป้าหมู) ผู้ประสานงาน สมาพันธ์คริสเตียนผู้บําบัดโรคแห่งประเทศไทย เป็นผู้สอนพระคัมภีร์และแบ่งปันในกลุ่มแคร์ ป้าหมูรู้จักกับคุณแม่ เห็นดิฉันตั้งแต่เด็กๆ ทําให้ดิฉันรู้สึกว่ามีญาติผู้ใหญ่ในกลุ่มแคร์แห่งนี้ ในช่วงที่มีปัญหา ดิฉันจะปรึกษาบุคคลเหล่านี้ รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่จัดเตรียมทุกอย่างไว้
ขณะที่ดิฉันเป็นแพทย์ประจําบ้านศัลยกรรมทั่วไป ชั้นปีที่ 2 ทาง โรงพยาบาลวชิระ มีการจัดงานประเพณีสงกรานต์ประกวดนางสงกรานต์ ภาควิชาศัลยกรรมส่งดิฉันเข้าประกวด ได้รางวัลขวัญใจวชิรพยาบาล ดีใจมาก ตอนประกวดพิธีกรถามว่า “รู้สึกอย่างไรกับโรงพยาบาลวชิระ?” พอได้ยินคําาถาม ก็นิ่งไปหลายวินาที ตอนนั้นมีความคิดที่พรั่งพรูมาก เนื่องจากไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ดิฉันได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นแพทย์ประจําาบ้านศัลยกรรม เพราะ
หนี้สินทางบ้านเกือบสิบล้านบาท ที่บ้านลงทุนทําาธุรกิจแต่ว่าขาดทุน ทั้งบ้าน รถยนต์ ที่ดินนั้นจําานองธนาคารทั้งหมด คุณพ่อเป็นเรี่ยวแรงหลักในการหาเงิน แต่ว่าไม่เพียงพอจ่ายธนาคารแต่ละเดือนได้แค่ดอกเบี้ยกับเงินต้นเล็กน้อย ดิฉันลังเลว่าดิฉันควรออกไปทํางานเพื่อครอบครัวหรือว่าเรียนต่อจนจบ 4 ปี เงินก้อนสุดท้ายที่ลงทุนในธุรกิจมาจากบัญชีออมทรัพทย์สมัยประถมของดิฉันและน้องชาย ที่คุณแม่ให้หยอดเงินค่าขนมใส่กระปุกออมสิน วันละ 5-10 บาท ก็นําามาซื้อรถบรรทุกเพื่อค้าขายต่อ ให้ขาดทุนน้อยที่สุด น้องชายที่เพิ่งจบเป็นวิศวกรตัดสินใจมาทําางานที่บ้านก่อน เพื่อช่วยธุรกิจของครอบครัว คุณแม่ต้องตากแดด หน้าเป็นฝ้า มือหยาบกร้านจากการทํางานหนัก แม่ไม่เคยต้องทําางานหนักแบบนี้ ช่วงเวลานั้นดิฉันเครียดมาก เรื่องนี้ไม่ได้บอกอาจารย์แพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือใดๆ บอกแค่ว่าจะขอลาออก มีอาจารย์นั่งคุยด้วย 3 ท่าน อาจารย์ประยุทธ ศิริวงศ์ อาจารย์รังสิมา เที่ยงเธียรธรรม และอาจารย์อมฤต ตาลเสวต ดิฉันยังคงจําาคําาพูดที่อาจารย์พูดในห้องธุรการภาควิชาได้ รู้สึกขอบคุณอาจารย์ ที่ช่วยเหลือดิฉันมาตลอดเวลา ตอนที่พิธีกรถามในงานประกวดนางสงกรานต์ว่า “รู้สึกอย่างไรกับโรงพยาบาลวชิระ?” ดิฉันคิดและตอบด้วยความซาบซึ้งใจต่ออาจารย์ ต่อเพื่อนร่วมงาน และดิฉันรู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ให้เราได้เรียน ช่วยเราจากปัญหาต่างๆ รู้สึกภูมิใจที่เราได้อยู่โรงพยาบาลนี้ ภูมิใจที่จะได้เป็นศัลยแพทย์ เพราะการได้เป็น
ศัลยแพทย์ไม่ใช่เพราะเรา แต่เป็นเพราะว่าพระเจ้าที่ช่วยเรา ดิฉันรู้สึกว่าพระเจ้านําดิฉันให้มาเรียนที่นี่ พระเจ้าให้ความช่วยเหลือผ่านบุคคลต่างๆ ผ่านข้อพระคัมภีร์ กลุ่มแคร์คริสเตียนโรงพยาบาลวชิระ มาโดยตลอด ตอนที่ตอบคําาถามนั้นน้ำตาคลอ เสียงก็สั่นเครือเพราะว่าซาบซึ้งใจจริงๆ ดิฉันรู้สึกว่าที่ประชุมได้รับรู้ถึงความรู้สึกนี้ที่ดิฉันส่งต่อไปด้วย ขอบคุณพระเจ้าที่ทําาให้รู้ว่าดิฉันไม่ได้เดินเพียงลําาพังในความยากลําบาก พระองค์เดินเคียงข้างดิฉันเสมอ
พระเจ้าไม่ได้เอาความยากลําบากออกไป แต่ใช้ความยากลําบากเพื่อให้ดิฉันเติบโตขึ้น เป็นคนที่ใช้ได้ พระเจ้าบอกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องที่บ้าน พระเจ้าจะจัดการเองและเป็นเช่นนั้นจริงๆ
พระเจ้าทรงเปลี่ยนชีวิต
พระเจ้าทรงอวยพรชีวิตในช่วงวัยเรียนของดิฉันอย่างมากมาย ดิฉันเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว ได้รางวัลนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนนครสวรรค์ระดับมัธยมศึกษา 3 ปีซ้อน รางวัล Student of the Year จากหนังสือพิมพ์ Student Weekly นักเรียนทุน AFS ประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 1 เป็นประธานชั้น พระเจ้าให้เพื่อนที่ดีที่ช่วยเหลือกันและกันในชั้นคลินิกจนเรียนจบแพทย์ศาสตร์บัณฑิต หลังจากนั้นดิฉันทํางานเป็นแพทย์ทั่วไปในโรงพยาบาลของรัฐ ชีวิตดูราบรื่นดีมาโดยตลอด จนกระทั่งขณะที่ดิฉันมาเรียนต่อเป็นแพทย์เฉพาะทาง ทางบ้านทําธุรกิจแต่ประสบปัญหาขาดทุนเกือบสิบล้านบาท ค่าดอกเบี้ยสูงมาก คุณพ่อเป็นหัวเรือหลักในการทํางานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่รายได้เกือบทั้งหมด จ่ายได้แค่ค่าดอกเบี้ยกับเงินต้นเพียงเล็กน้อย ทําให้ดิฉันต้องตัดสินใจว่าจะเรียนต่อ หรือจะต้องออกมาช่วยทางบ้านทํางานใช้หนี้ แม้ว่าเวลาเรียนต่อจะมีค่าตอบแทน แต่ก็ไม่ใช่จํานวนมาก เป็นค่าเวรกับเงินเดือนพอใช้ส่วนตัว ดิฉันรู้สึกว่าทําไมพระเจ้าจึงให้เรื่องนี้เกิดกับครอบครัว ชีวิตก่อนหน้านี้ก็สบายดี และ
ชีวิตดิฉันน่าจะราบรื่นไปเรื่อยๆ ได้ทําางานในที่ดีๆ ได้เรียนต่อในสิ่งที่อยากเรียน ทําไมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าลาออกจริงเป็นแพทย์ทั่วไปทํางานใช้หนี้ หลายสิบปีก็ยังจ่ายไม่หมด ตอนนั้นพระเจ้าให้เรียนรู้ว่าการใช้ความสามารถของตัวเองที่มีอยู่ ความสามารถที่เราภูมิใจมาก ก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้ คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก จึงคุกเข่าอธิษฐานขอสติปัญญา ในที่สุดได้คําตอบจากพระเจ้าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน หน้าที่หลักไม่ใช่การทําางานหาเงินเพราะดิฉันต้องเรียนหนังสือ ทําหน้าที่คือการอธิษฐานเผื่อคุณพ่อคุณแม่และ
น้องชาย จนมาถึงจุดๆ หนึ่งที่ทางบ้านจ่ายดอกเบี้ยไม่ไหว รายได้ทั้งเดือนของคุณพ่อแทบจ่ายได้แค่ค่าดอกเบี้ย ดิฉันจึงปรึกษาเพื่อนที่ทํางานธนาคาร แนะนําให้รีไฟแนนซ์ ดิฉันเครียดมากเพราะหนี้สินทั้งหมดจะอยู่ในชื่อของดิฉันสิบล้านบาท คิดว่าพอเรียนจบคงต้องใช้ชีวิตเพื่อใช้หนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เมื่อเรายอมให้พระเจ้านําหน้าเรามากกว่าการที่เราจะให้ความสามารถและความรู้ของเรานําหน้าพระเจ้า ก็เกิดการอัศจรรย์หลายอย่างในช่วงนั้น คุณพ่อได้งานที่ดีขึ้นมีรายได้ดีขึ้น พระเจ้าให้เราขายที่ดินและตึกในเมืองได้ จริงๆ แล้วทรัพย์สินได้ประกาศขายมานานมาก แต่ก็ขายไม่ได้ เพราะตึกแถวในเมืองนั้นถูกน้ำท่วม ไฟฟ้าใช้ไม่ได้ ระดับน้ําาในตัวตึกสูงถึงอก ตึกนี้อยู่ใจกลางเมืองเป็นบ้านที่ดิฉันอยู่ตั้งแต่เรียน ป.2 จนถึงเรียนจบแพทย์ รู้สึกผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก ยังจําได้ตอนเรียน ป.1 คุณพ่อพามาดูบ้านหลังนี้ ซื้อข้าวมันไก่มาให้กิน ดิฉันกับน้องนั่งเล่นตัวต่อเลโก้บนพื้นปาเก้กันอย่างมีความสุข แต่พอเรียนจบแพทย์ ทั้งน้ําาท่วมบ้านจนสภาพอาศัยอยู่ไม่ได้ สภาวะหนี้สินที่บ้านถูกจํานองธนาคาร จึงต้องประกาศขายบ้านหลังนี้ แต่ก็ขายไม่ได้สักที จนกระทั่งวันที่เรายอมพระเจ้าจริงๆ หนี้ก็ละลายไปไหนก็ไม่รู้แค่ภายในเวลา 4-5 ปี เราขายทรัพย์สินได้ คุณพ่อได้งานที่ดีขึ้น แล้วพระเจ้าก็ให้เราได้บ้านใหม่อีกหลังที่ดีกว่าเดิม ตอนที่บ้านมีหนี้สินมาก พระเจ้าไม่เคยให้เราต้องอด ยังกินอยู่ดี รถยนต์พระเจ้าก็ให้ดิฉันซื้อได้จากพี่น้องคริสเตียนในราคาที่ถูก ทุกคนในบ้านต่างสุขภาพแข็งแรง ทุกอย่างผ่านมาได้ด้วยดี รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยครอบครัวเรา พระเจ้าสอนให้ดิฉันอ่อนน้อมถ่อมตน อย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง ให้เชื่อและไว้วางใจพระองค์สุดจิตสุดใจ นี่คือจุดเปลี่ยนในชีวิต
นอกจากนี้ดิฉันมีโอกาสนําาบางคนจากโรงพยาบาลมาเชื่อพระเจ้า เช่น น้องนักศึกษาแพทย์ พยาบาล ขอบคุณพระเจ้าสําาหรับกลุ่มแคร์คริสเตียนที่โรงพยาบาลวชิระ เป็นส่วนสําคัญในการให้กําลังใจและอธิษฐานเผื่อมาโดยตลอดในระยะเวลาที่เรียนแพทย์เฉพาะทาง
กว่าจะมาเป็นศัลยแพทย์
หลังเรียนจบแพทย์ 6 ปี ดิฉันทํางานเป็นแพทย์ใช้ทุนที่โรงพยาบาลประชารักษ์ 1 ปี และโรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดนครสวรรค์อีก 1 ปี รวมเป็นทํางานใช้ทุนรัฐบาล 2 ปี แล้วจึงมาเรียนแพทย์เฉพาะทาง สาขาศัลยศาสตร์ทั่วไปซึ่งเป็นหลักสูตร 4 ปี ดิฉันได้แรงบันดาลใจมากจากแพทย์พี่เลี้ยงศัลยกรรม และอาจารย์ศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ตอนเป็นนักศึกษาแพทย์รู้สึกว่าแพทย์พี่เลี้ยงและอาจารย์ทํางานหนักมากเพื่อช่วยชีวิตคนไข้ เหมือนหอผู้ป่วยศัลยกรรมเป็นที่พักของผู้รอดชีวิตที่อาจารย์ได้ช่วยไว้ ดิฉันชอบบรรยากาศห้องผ่าตัด ชอบความเท่ห์ของแพทย์พี่เลี้ยงและอาจารย์แพทย์ พอมาเรียนเฉพาะทางจริงๆ เหนื่อยมาก แต่ก็สนุก มีปัญหาที่ท้าทายให้คอยคิด แก้ไข และได้ปรับปรุงตัวเอง อยากเป็นแพทย์ที่ดี เป็นคนดีของสังคม บางอย่างที่คิดว่าฉันยังทําาไม่ดีพอ ก็จะพยายามให้ดีขึ้น ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง บางครั้งก็ท้อใจมากๆ แต่ขอบคุณพระเจ้าที่มีเพื่อนร่วมชั้นที่ดีมากๆ ขอขอบคุณ นายแพทย์พร้อมพงษ์ ลีลาชัย (แบงค์) และ นายแพทย์ศาสตร์ตราทัพศาสตร์ (ปาล์ม) ที่คอยให้กําาลังใจและช่วยเหลือดิฉันเสมอมา คิดว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการเป็นศัลยแพทย์คือ การควบคุมอารมณ์และตัดสินใจให้ได้ในสถานการณ์ที่ตรึงเครียดและฉุกเฉิน มีอาจารย์แพทย์ที่โรงพยาบาลวชิระหลายท่านเป็นตัวอย่างที่ดี ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านที่อบรมสั่งสอน การเรียนศัลยกรรมรู้สึกว่าต้องพึ่งพระเจ้ามาก ขอบคุณพระเจ้าที่ให้เราได้เติบโตขึ้นและเรียนจบ
ประสบการณ์ในงานรับใช้
- สมัยมัธยมศึกษา อยู่คริสตจักรนครสวรรค์ รับใช้พระเจ้าในทีมนมัสการ เล่นคีย์บอร์ด กับร้องเพลงคอรัส ขอบคุณพระเจ้าสําหรับ ทันตแพทย์วาทะ ศรียุทธไกร (พี่เวิร์ด) สําาหรับแบบอย่างในการรับใช้ และช่วยสอนดนตรีให้น้องคนนี้เสมอ ขอบคุณพระเจ้าสําหรับเพื่อนที่โบสถ์ที่คอยเสริมสร้างกันและกันเสมอมา
- สมัยเป็นแพทย์ใช้ทุน เคยเป็นวิทยากรค่ายเด็กคริสตจักรสัมพันธ์ภาคกลาง (ค่ายหางน้ำสาคร จังหวัดชัยนาท) เล่าเรื่องยาวให้เด็กๆ ในค่ายฟัง สนุกมาก เคยแข่งเล่านิทานสมัยมัธยม ดีใจที่ได้ใช้ของประทานให้เป็นประโยชน์ ดิฉันชอบค่ายเด็ก ตัวเองก็เข้าค่ายนี้ตั้งแต่เด็กเช่นกัน กิจกรรมในค่ายสนุกมาก ดีใจที่พอโตขึ้นได้มีโอกาสรับใช้ในงานของพระเจ้าที่ทําาให้เราเติบโตขึ้น แต่พอย้ายมาเรียนแพทย์เฉพาะทางที่กรุงเทพฯ ก็ไม่ได้มีโอกาสกลับไปค่ายอีก
- ในช่วงที่เรียนแพทย์เฉพาะทาง จะเรียนวนตามหน่วยศัลยกรรมต่างๆ ยุ่งบ้าง ว่างบ้างแตกต่างกันไป งานรับใช้จึงวนไปตามเดือนต่างๆ ขึ้นอยู่กับว่าหน่วยนั้นยุ่งมากน้อยแค่ไหน บางเดือนไปออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่กับคริสตจักรไมตรีจิต ขอบคุณพระเจ้าที่ได้รู้จักคุณวัชรินทร์ รุ่งวรรณรัตน์ (เบลล์) เบลล์ไม่ได้ทํางานในวงการสาธารณสุข แต่มีใจรับใช้พระเจ้าในการติดต่อแพทย์เพื่อออกหน่วย ดิฉันเรียนรู้จากเบลล์ เธอมีความมุ่งมั่นในงานรับใช้ด้านจิตวิญญาณและด้านสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และเบลล์เป็นคนที่สนับสนุนแพทย์และคนในทีมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้ร่วมรับใช้พระเจ้าตามของประทาน มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยเจอผู้อพยพปากีสถาน รู้สึกว่าหน่วยแพทย์ฯ นี้เป็นพรแก่ผู้คนที่จะได้เข้าถึงการรักษาได้ฟรี เคยพบผู้ป่วยเบาหวานที่อพยพมาคนหนึ่ง คุณลุงคนนั้นลําบากมากในการหายารักษาโรคเบาหวาน พอมาที่หน่วยแพทย์ฯ นี้ นอกจากจะได้ยารักษาโรคแล้ว ยังได้มีโอกาสอธิษฐานหนุนใจกันและกันอีกด้วย
- ช่วงที่อยู่กรุงเทพฯ ดิฉันมานมัสการพระเจ้าที่คริสตจักรนิมิตใหม่ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านอีกหลัง ในเวลาท้อใจเหน็ดเหนื่อยจากการเรียนและทํางาน ที่โบสถ์แห่งนี้มีกิจกรรมมากมายล้วนหนุนใจ ช่วยรับใช้ในกลุ่มอัลฟ่าบ้าง เป็นผู้บรรยายสดบ้าง เล่นละครบ้าง บางครั้งเหนื่อยใจมากๆ ก็เอาตัวไปให้ถึงโบสถ์ นั่งฟังเทศน์หรือเรียนพระคัมภีร์ก็มักได้คําหนุนใจจากศิษยาภิบาล และการแบ่งปันของพี่น้องในคริสตจักรเสมอ
- ที่ที่สนุกสนานและเป็นตัวของตัวเองคือทํางานรับใช้กับกลุ่ม Little Love for the World ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งเป็นคนก่อตั้งขึ้น ชื่อคุณอาลดา พึ่งสุข (กิ๊ฟ) กลุ่มนี้มีเป้าหมายในพันธกิจเด็ก ช่วยสอนหนังสือ สอนพระคัมภีร์ ร้องเพลงคริสเตียน ดูแลเด็กๆ ทํากิจกรรมต่างๆ ที่สร้างสรรค์ตามวัย ที่คริสตจักรเอเมน จ.สมุทรปราการ และเด็กๆ ที่คริสตจักรในฝัน เกาะล้าน พัทยา กิ๊ฟสอนเด็กในชุมชนเรื่องพระเจ้า ดิฉันได้มีโอกาสไปรับใช้กับกิ๊ฟและเพื่อนๆ ชอบแสดงละครมากๆ เต้นกับเด็กๆ ทําท่าประกอบเพลงก็สนุกสนานมาก สําหรับดิฉันรู้สึกว่าการลงทุนกับชีวิตเด็กๆ มีความสําคัญมาก เนื่องด้วยงานประจําาที่ทําอยู่พบผู้ป่วยที่เป็นโรคจากการทําตัวเองให้ป่วยจํานวนมาก เช่น ดื่มสุราจนตับแข็งหรือเมาจนประสบอุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาทกันจนบาดเจ็บ ดิฉันคิดว่า ถ้าเด็กๆ รู้จักพระเจ้า รู้จักความรักของพระเจ้าแล้ว เด็กๆ จะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี รักผู้อื่นเหมือนที่พระเจ้าทรงรักเรา
- งานรับใช้ดูไม่ค่อยต่อเนื่อง เพราะในแต่ละเดือนที่เปลี่ยนหน่วยศัลยกรรม เวลาว่างจะแตกต่างกัน รู้สึกว่าแพทย์ประจําาบ้านมีเวลาน้อย แต่เมื่อมีเวลาก็อยากจะลงทุนเวลากับพระเจ้า ให้พระเจ้าเสริมสร้างเราผ่านงานรับใช้ค่ะ ขอบคุณพระเจ้าที่ให้เราได้มีส่วนได้พันธกิจ ได้เพื่อนใหม่ที่ดี เรียนรู้และเติบโตในทางของพระเจ้าไปพร้อมๆ กัน
ข้อพระคัมภีร์ที่ชอบ
พระธรรมสุภาษิต 3:5-6 จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า แล้วพระองค์เองจะทรงทําให้วิถีของเจ้าราบรื่น ตอนที่ดิฉันอยู่ที่คริสตจักรนครสวรรค์ ได้ฟังเทศน์ของนายแพทย์ชูศักดิ์ หงส์ลดารมย์ ซึ่งลุงหมอ (เรียกแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ) เป็นทั้งอาจารย์ศัลยแพทย์สมัยดิฉันเป็นนักศึกษาแพทย์ เป็นผู้ใหญ่ในคริสตจักร เปรียบเสมือนญาติอีกคนหนึ่ง ลุงหมอเทศนาเรื่องเราจะเลี้ยงลูกให้อยู่ในทางของพระเจ้าได้อย่างไร และลุงหมอสอนลูกๆ ให้ท่องพระธรรมสุภาษิต 3:5-6 ตั้งแต่นั้นมาดิฉันชอบข้อพระคัมภีร์ข้อนี้ เพราะอยากอยู่ในทางของพระเจ้าตลอดไป เพราะรู้สึกปลอดภัย และทางของพระเจ้าดีเสมอ
ฝากบอก
สําหรับคนที่อยากเป็นแพทย์ ให้อธิษฐานกับพระเจ้าก่อนว่าพระเจ้ามีพระประสงค์อะไรในชีวิตเรา เพราะไม่ว่าจะเรียนอะไร ก็ให้พระเจ้านําาเราในการเรียนนั้นๆ พระองค์มีแผนงานที่ดีสําหรับทุกคน การเป็นแพทย์อาจจะไม่ใช่คําตอบชีวิตของทุกคน ไม่อยากให้เลือกเรียนตามค่านิยมของสังคม พระเจ้าใช้เราได้หลายอย่าง ทรงใช้เราแต่ละคนในวิถีทางที่แตกต่างกัน ความสําเร็จที่โลกวัดนั้นไม่เหมือนกับที่พระเจ้าวัด น้องคนไหนที่อยากเรียนแพทย์ก็ให้อธิษฐานก่อน พระเจ้าจะช่วยและให้คําาตอบที่เหมาะสมที่สุดสําหรับเรา เพราะพระเจ้า
เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของพระองค์
ปิดท้าย
Difficulties in our lives give us the opportunity to experience the faithfulness of GOD ความยากลําบากหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรานั้นเป็นโอกาสที่เราจะสัมผัสกับความสัตย์ซื่อของพระเจ้า หากเจอความยากลําบากอันใดไม่ต้องย่อท้อ พระเจ้าจะจัดเตรียมหนทางให้เราทุกขั้นตอน พระองค์จะมีสิ่งที่เหมาะสมให้กับลูกของพระองค์
- แพทย์หญิงพิมพ์ประภา วีรสมิทธ์