แปลเกิน หรือ แปลขาด? 4/16

แปลเกิน หรือ แปลขาด?

ปุจฉา มีผู้ตั้งข้อสังเกตและเห็นว่า พระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน 2011 แปลข้อความในพระธรรม 1โครินธ์ บทที่ 11 ข้อ 25 เกินมาและสื่อความหมายไม่ตรงกับบริบท1 คือแปลคำกริยากรีก δειπνεω (deipneo) ว่า “รับประทานอาหาร”2 แทนที่จะแปลว่า “รับประทาน”3 การแปลของฉบับมาตรฐานจึงแปลเกินและทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าเป็นการรับประทานอาหารมื้อหลัก แทนที่จะหมายถึงการรับประทานขนมปัง

ดังนั้น จึงขอเสนอให้แก้ไขคำแปลเสียใหม่ในจุดดังกล่าว เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า “รับประทาน” หรือ “รับประทานขนมปัง”4 อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้

วิสัชนา สมาคมฯ ขอขอบคุณท่านที่ได้ให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะคำแปลใน 1 โครินธ์ 11:25 ฉบับมาตราฐาน 2011 และได้ส่งเรื่องให้ฝ่ายแปลไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทางฝ่ายแปลได้ศึกษาแล้วจึงขอเรียนชี้แจงดังนี้

     1. เกี่ยวกับความหมายของคำกริยากรีก δειπνεω (deipneo) นั้น ก็เป็นอย่างที่ท่านค้นมาคือ รับประทานอาหารค่ำ หรือ อาหารมื้อหลักโดยเฉพาะมื้อเย็น5 หรือ ในฉบับ KJV ใช้คำว่า sup ซึ่งสรุปได้ว่า คำกริยาคำนี้หมายถึง รับประทานอาหาร (มื้อค่ำ)

     2. เมื่อเราสังเกตการใช้คำกริยานี้ในพระคัมภีร์ใหม่ภาษากรีก เราพบว่าคำกริยานี้ปรากฎสี่ครั้งด้วยกันคือ

    • ลก.17:86 อยู่ในบริบทของพระดำรัสสอนให้ถ่อมตัวในการรับใช้อย่างบ่าวปรนนิบัตินายทั้งงานนอกบ้านและงานในบ้านโดยไม่ได้ถือว่าทำบุญคุณอะไรต่อนายแต่อย่างใด วลีที่น่าสังเกตในข้อ 8 คือ “จงไปหาอะไรมาให้เรารับประทาน” ในความหมายว่า จงเตรียมอาหารค่ำให้เรารับประทาน
    • ลก.22:207 และ 1คร.11:258 ทั้งสองข้อนี้ต่างก็อยู่ในบริบทเดียวกันคือการที่พระเยซูทรงตั้งพิธีมหาสนิท นอกจากนี้ยังมีวลีกรีกเดียวกันอีกด้วยคือ μετα το δειπνησαι (meta to deipnesai) ซึ่งน่าจะแปลให้เหมือนกันมากกว่าจะแปลให้ต่างกัน แต่จะแปลอย่างไรจึงจะถูกต้อง? จะแปลว่า “เมื่อรับประทานแล้ว” (ลก.22:20) หรือ “หลังจากรับประทานอาหารแล้ว” (1คร.11:25) เราน่าจะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่อย่างไหนดีและเหมาะสม? เราต้องพิจารณาให้รอบคอบต่อไป ค. วว.3:209 อยู่ในบริบทของข่าวสารที่พระเยซูตรัสแก่คริสตจักรเมืองเลาดีเซีย พระองค์ทรงตำหนิคริสตจักรนี้หลายอย่างและเรียกร้องให้กลับใจใหม่ ในข้อนี้เราเห็นภาพพระเยซูกำลังเคาะประตู หากคริสตจักรเลาดีเซียเปิดประตู พระองค์ก็จะเข้าไปและมีความสัมพันธ์อันดีกับเขาโดยรับประทานอาหาร(ค่ำ)กับเขา

     3.โดยปกติ เรามักเข้าใจว่าพระเยซูทรงสถาปนาพิธีมหาสนิทโดยมีขนมปังกับเหล้าองุ่นเป็นองค์ประกอบสำคัญ นั่นก็ไม่ผิด แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า พระองค์ทำพิธีนี้ในขณะรับประทานอาหาร (มื้อค่ำ) (ซึ่งเป็นอาหารในเทศกาลปัสกา) ที่เรียกว่า the Last Supper (หมายถึง อาหารค่ำมื้อสุดท้ายที่พระเยซูเสวยร่วมกับสาวกก่อนถูกจับกุมไปไต่สวนและพิพากษา) นั่นหมายความว่า บนโต๊ะอาหารนั้นมิได้มีเพียงขนมปังและเหล้าองุ่นเท่านั้น ยังมีอย่างอื่นด้วยเช่น เนื้อแกะย่าง ผักขม เป็นต้น เพียงแต่พระเยซูได้เลือกใช้สองอย่างเท่านั้นเพื่อสถาปนาพิธีมหาสนิทในความหมายของพระองค์ ดังนั้น จากอาหารค่ำมื้อสุดท้าย (the Last Supper) ก็กลายเป็นอาหารค่ำขององค์พระผู้เป็นเจ้า (the Lord’s Supper) หรือพิธีมหาสนิทที่คริสตศาสนจักรรักษาสืบมาจนทุกวันนี้

เรามักเข้าใจว่าทั้งขนมปังและเหล้าองุ่นถูกเรียกมาใช้ในพิธีมหาสนิทในเวลาต่อเนื่องกันอย่างที่บันทึกในพระธรรมมัทธิวและพระธรรมมาระโก แต่อย่าลืมว่า พิธีมหาสนิทนี้เกิดขึ้นในระหว่างการรับประทานปัสกา ดู มธ.26:26-29 และ มก.14:22-25 ส่วนใน ลก.22:20 และ 1คร.11:25 ได้ให้เรา เห็นภาพว่า เมื่อทรงอธิบายความหมายของขนมปังและสาวกรับไปกิน หลังจากรับประทานอาหารมื้อค่ำนั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงหยิบถ้วยเหล้าองุ่นและอธิบายความหมาย แล้วส่งให้พวกสาวกดื่ม

แม้จะดูว่า มีความแตกต่างกันในเรื่องลำดับ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ความจริงก็คือ ขณะรับประทานอาหารมื้อค่ำในพิธีปัสกา พระเยซูได้ให้ความหมายใหม่โดยใช้ขนมปังและเหล้าองุ่นเป็นสัญลักษณ์ถึง การเสียสละพระชนม์ชีพของพระองค์ ในพันธสัญญาใหม่

ดังนั้น หากพิเคราะห์ดูแล้ว ทั้ง ลก.22:20 และ 1คร.11:25 น่าจะแปลให้เหมือนกันคือ หลังจากรับประทานอาหารมื้อค่ำแล้ว

ส่วนที่คิดว่าน่าจะแปลคำกริยากรีกใน ลก.22:20 และ 1คร.11:25 ว่า รับประทาน หรือ รับประทานขนมปังนั้น เราเห็นว่าไม่ถูกต้อง หากพิเคราะห์ดูคำแปลจากฉบับมาตรฐานอื่นๆ ก็จะเห็นว่า μετα το δειπνησαι (meta to deipnesai) ส่วนมากแปลว่า after supper ยกตัวอย่างฉบับ NIV, NET, HCSB, GWT, CEV, GNB, NCV, KJV, ASV, NKJV นอกจากนี้ หนังสือ A translator’s handbook on Paul’s first letter to the Corinthians ของ United Bible Societies ยังได้สนับสนุนให้แปลคำกริยากรีก δειπνεω (deipneo) ใน 1คร.11:25 เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจว่าพิธีมหาสนิทเกิดขึ้นในการรับประทานอาหารจริงๆ10

ดังนั้น ฉบับมาตรฐานจึงไม่ได้แปลเกินใน 1คร.11:25 แต่แปลครบถ้วนต่างหาก อย่างไรก็ดี ขอขอบคุณท่านที่ได้อ่านและเสนอความคิดเห็นมา ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่รักพระเจ้าและรักพระดำรัสของพระองค์ และไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังถือรักษาด้วยใจยินดีด้วย

  1. บริบทคือ 1 โครินธ์ 11:23-26 (อัครทูตเปาโลกล่าวว่า) เพราะว่าเรื่องซึ่งข้าพเจ้ามอบไว้กับพวกท่านนั้น ข้าพเจ้าได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้า คือในคืนที่เขาทรยศพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงหยิบขนมปัง เมื่อขอบพระคุณแล้วจึงทรงหัก และตรัสว่า “นี่เป็นกายของเรา ซึ่งให้แก่ท่านทั้งหลาย จงทำอย่างนี้เพื่อระลึกถึงเรา” หลังจากรับประทานอาหารแล้ว พระองค์ทรงหยิบถ้วยด้วยอากัปกิริยาเดียวกัน ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา จงทำอย่างนี้ คือเมื่อใดที่พวกท่านดื่มจากถ้วยนี้ จงดื่มเพื่อระลึกถึงเรา” เพราะว่าเมื่อใดที่พวกท่านกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา
  2. พระคัมภีร์ฉบับคาทอลิกแปลว่า “หลังอาหารค่ำ” ขณะที่ฉบับภาษาอังกฤษหลายฉบับอย่าง NIV, NKJV, NET, ISV ก็แปลอย่างเดียวกับฉบับคาทอลิกว่า “after supper”
  3. อย่างในฉบับ 1971 ฉบับคิงเจมส์ไทย และฉบับอมตธรรมร่วมสมัย 4 เป็นการแปลโดยตีความซึ่งจะเข้ากับบริบทมากกว่า (ในความเข้าใจของผู้เสนอความเห็น) เพราะในข้อ 2
  4. พระเยซูทรงหักขนมปัง และในข้อ 25 พระองค์และสาวกก็รับประทานขนมปังนั้น
  5. to dine, i.e. take the principal (or evening) meal.
  6. ท่าน​จะ​ไม่​บอก​เขา​หรือ​ว่า ‘จง​ไป​หา​อะไร​มา​ให้​เรา​รับ​ประ​ทาน​และ​คาด​เอว​ไว้​คอย​ปรน​นิบัติ​ระหว่าง​ที่​เรา​กิน​และ​ดื่ม หลัง​จาก​นั้น​เจ้า​จึง​ค่อย​กิน​และ​ดื่ม​เถิด?’
  7. เมื่อ​รับ​ประ​ทาน​แล้ว จึง​ทรง​หยิบ​ถ้วย​และ​ทรง​ทำ​เหมือน​กัน​ตรัส​ว่า “ถ้วย​นี้​ที่​เท​ออก​เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย เป็น​พันธสัญ​ญา​ใหม่โดย​โล​หิต​ของ​เรา
  8. หลังจากรับประทานอาหารแล้ว พระองค์ทรงหยิบถ้วยด้วยอากัปกิริยาเดียวกัน ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา จงทำอย่างนี้ คือเมื่อใดที่พวกท่านดื่มจากถ้วยนี้ จงดื่มเพื่อระลึกถึงเรา”
  9. นี่​แน่ะ เรา​ยืน​เคาะ​อยู่​ที่​ประตู ถ้า​ใคร​ได้​ยิน​เสียง​ของ​เรา​และ​เปิด​ประตู เรา​จะ​เข้า​ไป​หา​เขา​และ​จะ​รับ​ประ​ทาน​อา​หาร​ร่วม​กับ​เขา และ​เขา​จะ​รับ​ประ-​ทาน​อา​หาร​ร่วม​กับ​เรา
  10. As in verse 20, supper should be translated in such a way as to make it clear that a real meal was in progress, both at the Last Supper itself, and in the Lord’s Supper as it was celebrated at Corinth and elsewhere.
  • อาจารย์ ปัญญา โชชัยชาญ
  • ภาพ www.lumoproject.com