ใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุให้มีคุณค่า

มาเชื่อพระเจ้า
ผศ.ดร.บริบูรณ์ ผมรับราชการอยู่ที่ศูนย์วิจัยเกษตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น อาจารย์ทัศนีย์ไปทำงานที่นั่น ก็เจอกัน เห็นหน้าตาดีก็ชอบ คบกันไม่กี่เดือนก็ขอแต่งงาน แต่เขาบอกว่าถ้าไม่เป็นคริสเตียนเขาก็ไม่แต่ง ผมเป็นคนเชื่อพระเจ้ายาก ผมไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าเพราะผมเรียนวิทยาศาสตร์ ไม่มีเหตุผลที่จะมีพระเจ้า แต่ผมก็แกล้งมาเชื่อพระเจ้าเพื่อจะได้แต่งงานกับเขา คิดว่าพอแต่งแล้วจะเอาเขามาเป็นพุทธ พอแต่งงานเราก็ไปโบสถ์ที่ขอนแก่นที่นั่นมีอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่นหลายคนเป็นสมาชิกอยู่ด้วยแล้วก็มีนักธุรกิจ พ่อค้าหลายคน เราก็รู้จักสนิทสนมกับกลุ่มนี้เป็นเพื่อนกัน ผมก็ถูกเชิญไปเป็นกรรมการของคริสตจักรโดยที่เขาไม่รู้ว่าผมเป็นคริสเตียนหลอกๆ แต่ผมมารู้ภายหลังว่า ผู้ปกครองคริสตจักรที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น เขาสังเกตว่าผมยังไม่รู้จักพระเจ้าจริงเพราะเขาเห็นพฤติกรรมของผม เขาและกลุ่มเซลนักศึกษามหาวิทยาลัยอธิษฐานเผื่อผมเป็นเวลาหลายเดือน
จุดที่ทำให้ผมกลับใจจริงๆ คือ เรื่องสูบบุหรี่ เพราะผมมีปัญหาที่คอบวมแดงเป็นอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ตอนหลังเจ็บมากขึ้น ทนไม่ไหวจนคืนหนึ่งคิดว่าพระเจ้ามีจริงหรือ ถ้ามีจริงทำให้ผมเลิกบุหรี่สิ พระเจ้าก็ทำงานของพระองค์ทันที คือรุ่งขึ้นเช้าก็เหม็นบุหรี่มากและสูบไม่ได้เลย ทีแรกนึกว่าคงเป็นเพราะร่างกายเราไม่แข็งแรง หรือว่าเรารู้สึกไม่ค่อยสบายเลยไม่อยาก แต่ก็เหม็นอย่างนั้นทุกวันประมาณ 3-4 วัน ไม่คิดอยากสูบบุหรี่ ผมจึงเริ่มคิดว่าเป็นไปได้อย่างไร ทำไมพระเจ้ามีจริงด้วยหรือ เกิดความอยากรู้ให้แน่เลยเอาพระคัมภีร์มาอ่าน และพยายามคิดหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาหักลบ อ่านพระคัมภีร์ไปเรื่อยจนมาถึงพระคัมภีร์ใหม่ถึงตอนที่พระเจ้าบอกว่ามนุษย์เป็นคนบาป ทุกคนทำบาป พอเราเริ่มมีใจเชื่อ พระเจ้าก็เริ่มที่จะทำงานให้เราเข้าใจพระคัมภีร์โดยไม่สงสัยแล้ว เมื่อพระเจ้าพูดถึงอะไร เราก็จะโยงไปเหตุการณ์จริงๆ พอพูดถึงว่ามนุษย์ทุกคนบาปและทำชั่วต่างๆ เราก็เริ่มมองเห็นตัวเองว่าจริงเพราะผมเป็นคนที่เกเรมาก ใช้ชีวิตสนุกไปเรื่อย ติดการพนัน เล่นข้ามคืน ติดเหล้าบุหรี่มากยิ่งตอนเล่นไพ่ต่อกันนานผมกิ็ยิ่งสูบมาก ชีวิตที่ทำบาปแบบนี้ก็เห็นจริงว่าพระเจ้าพูดถูกมนุษย์สภาพเป็นอย่างนี้ แล้วก็พูดถึงการลงโทษ คนบาปจะได้รับการลงโทษ เราก็นึกถึงว่าเราก็จะต้องได้รับโทษ จนกระทั่งถึงว่าพระเจ้าประทานพระเยซูมาเพื่อคนที่เชื่อวางใจจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์ พอมาถึงตรงนี้เราก็ต้องการแล้วว่าถ้าพระเจ้ามีจริง สิ่งที่พระองค์พูดจะต้องมีจริงแล้วก็จะต้องเกิดกับเราจริงๆ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดเราต้องรับพระเยซู ก็ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมารับเชื่อด้วยตัวเองเพราะเราเข้าใจหมดแล้ว ในพระธรรมโรมบทที่ 10 ข้อ 9 คือว่าถ้าท่านจะยอมรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เชื่อในใจว่าพระเจ้าได้ทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตายท่านจะรอด
รศ.ทัศนีย์ โดยพระคุณและขอบคุณพระเจ้า ตอนนั้นเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีโอกาสพบมิชชันนารีท่านหนึ่งเดินทางจากประเทศอินโดนีเซียมาประเทศไทยตามคำอธิษฐานของภรรยาและลูก เราเจอกันบนรถไฟและท่านก็พูดเรื่องพระเยซูให้เราฟัง เขียนอธิบายให้เราเห็นภาพว่ามีพระเจ้ากับมนุษย์ ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์เป็นความบาป มนุษย์เป็นคนบาป ทำบาปก็ตกนรก พระเจ้ารักเราและประทานพระเยซูลงมาบนไม้กางเขน ถ้าเรารับเชื่อพระเยซูเมื่อเราตายแล้วเราก็ไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์ ถ้าไม่เชื่อ ตายแล้วก็ไปอยู่นคร เราก็ฟังแล้วเฉยๆ ไม่เปิดใจจนกระทั่งใกล้ถึงจุดหมายปลายทางที่มิชชันนารีท่านนี้จะลง ท่านก็บอกว่าขออธิษฐานเผื่อเรา เราอยากได้พรเราก็ให้ท่านอธิษฐาน เราไปส่งท่านถึงที่พักซึ่งเป็นบ้านของมิชชันนารี พวกมิชชันนารีก็มาต้อนรับกัน แล้วให้แท็กซี่ที่นั่งมาไปส่งเราที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พอกลับมาถึงหอพักพระเจ้าจัดเตรียมให้เราเจอเพื่อนที่เป็นคริสเตียน นางสาวนิตยา รัตนัย เราจึงเล่าเรื่องที่เจอมิชชันนารีให้เขาฟังแล้วก็ทวนสิ่งที่มิชชันนารีบอกให้เขาฟัง เขาบอกว่าเราพูดถูกต้องทุกอย่างแล้วเขาก็ชวนเราไปโบสถ์สองสามย่านซึ่งอยู่ไกลมาก ขอบคุณพระเจ้า เราไปโบสถ์ 2-3 อาทิตย์ และรู้สึกอยากเป็นคริสเตียน ก็ไปบอกอาจารย์สมชาติ ชอุ่มทอง ผู้เทศนาและเป็นรุ่นพี่ที่เรียนจบป่าไม้แพร่ อาจารย์บอกให้เราเข้าเรียนรวีวารศึกษาก่อน เราไม่เข้าใจก็งอนไม่ไปที่นั่น แต่ไปโบสถ์คาทอลิก ปรากฏว่ายิ่งไม่รู้เรื่องเพราะคนเยอะมาก ในที่สุดก็กลับมาที่โบสถ์ประมาณหนึ่งเดือนก็ขอรับเชื่อ ตอนนั้นอายุประมาณ 20 ปี อาจารย์ก็บอกว่าต้องผ่านคณะธรรมกิจสัมภาษณ์ก่อน เราก็รับการสัมภาษณ์ หลังจากนั้นก็รับศีลบัพติศมาในวันเกิดของตัวเองคือวันที่ 12 มกราคม เพื่อจะได้รู้ว่าเกิดในพระเยซูเป็นอย่างไร วันที่รับศีลบัพติศมาเชิญคุณแม่และน้องสาวมาด้วย ท่านไม่ขัดข้องที่เรามาเป็นคริสเตียนเพราะท่านเห็นว่าความประพฤติและนิสัยเราเปลี่ยนไป เราเลิกพูดคำหยาบ เลิกขโมยของคนอื่น เลิกโกหก เราหันมาอ่านพระคัมภีร์ ขอบคุณพระเจ้า เรารู้ว่าโดยพระคุณทำให้นิสัยเดิมของเราเปลี่ยนไปหมด แม้กระทั่งเรื่องแฟนที่คบกันเวลานั้น เขาไม่ได้เป็นคริสเตียน ไม่เชื่อเรื่องพระเยซู เราก็พยายามพูดเรื่องพระเยซูให้เขาฟัง ความเชื่อเราเข้มแข็งมากจนเราคิดว่าเราไม่ชอบคนบาป เราต้องไม่เป็นแฟนกับคนบาป เราอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยเรา แต่ก็ยังตัดใจลำบาก จนเราเรียนจบและไปทำงานที่ศูนย์วิจัยเกษตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตำบลท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เราไปโบสถ์ในตัวเมืองและช่วยงานมิชชันนารีกับศิษยาภิบาล ช่วยแจกใบปลิว ทำความสะอาดโบสถ์ สอนเด็ก ทำทุกอย่าง ขอบคุณพระเจ้าที่ฝังตัวอยู่ที่นั่น วันหนึ่งพ่อกับแม่บอกเราให้แต่งงานได้แล้ว เพราะทุกอย่างพร้อม ผู้ใหญ่นัดหมายกันว่าจะให้หมั้นไว้ก่อน ฝ่ายชายก็บอกขอบวชก่อน เราก็นั่งคิดแล้วว่าไม่ดีแน่ เราอยากมีครอบครัวที่รักพระเจ้า พ่อแม่ลูกไปโบสถ์ด้วยกัน สามีภรรยาซื่อสัตย์ต่อกัน ก็เลยตัดสิจใจพูดเรื่องพระเยซูกับเขาอีกครั้งแต่เขาก็ไม่ฟังเรา ในที่สุดจึงตัดสินใจเลิกรากันไป เพราะพระคัมภีร์ 2 โครินธ์ 6:14 “ท่านอย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีหุ้นส่วนอะไรกับความอธรรม และความสว่างจะเข้าสนิทกับความมืดได้อย่างไร” ให้ความมั่นใจในการตัดสินใจ สรรเสริญและขอบคุณพระเจ้า
ชีวิตข้าราชการกับการเป็นคริสเตียน
ผศ.ดร.บริบูรณ์ ไม่มีปัญหาอะไรเพราะว่าสามารถหลบเลี่ยงได้ อย่างเวลาทำบุญเราก็เลี่ยงไม่ไป คือในมหาวิทยาลัยดีที่ค่อนข้างมีเสรีภาพไม่มีใครมาคอยบังคับบัญชาเรามากมาย หรือถ้าเขาเชิญมาเราก็ไปร่วม ไม่ได้ไปทำพิธีอะไร คือคิดว่าเรามีจุดยืนและความเชื่อที่มั่นคงแล้ว ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร ในงานราชการถ้าเรากล้าพูดตรงประกาศตัวเราตรงๆ ว่าเราเป็นคริสเตียน เราไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องพิธีศาสนา ก็จบ เมื่อคนรู้ เขาก็ไม่มาตอแย ส่วนที่เป็นเพื่อนสนิทที่เกษตร ก็ค่อยๆ ห่างกันไป ตอนเราอยู่ที่ศูนย์เกษตรท่าพระ ก็ไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ คนที่อยู่ด้วยกันที่ศูนย์ก็ไม่ค่อยยุ่งกัน ส่วนใหญ่เรียนจบจากนอกมา ก็อยู่แบบฝรั่ง ไม่สนใจกัน แต่พวกเขาก็จะรู้ว่าเราเป็นคริสเตียน

รศ.ทัศนีย์ ตอนที่ทำงานอยู่กรมปศุสัตว์มีโอกาสแจกใบปลิวและประกาศเรื่องพระเยซู มีคริสเตียนหลายคนทำงานที่นั่นรวมทั้งรุ่นน้องที่คุณพ่อเป็นผู้อำนวยการกรมปศุสัตว์ในเวลานั้น เราก็แจกใบปลิวท่าน ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร พอเวลาเที่ยงก็เดินไปที่ห้องสมุดของศูนย์สอนภาษาอังกฤษที่ศาสนาจารย์ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ อยู่ ตอนนั้นท่านเพิ่งจบจุฬา แต่ก็ทักท่านเฉยๆ
เวลาผ่านไปดิฉันมีโอกาสเรียนต่อปริญญาโท ด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และต้องการก้าวหน้าในอาชีพจึงคิดจะย้ายงาน เลยปรึกษากับอาจารย์รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงและอธิษฐานขอพระเจ้านำ เราก็เห็นว่าที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงมีสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่เพิ่งเปิด ยังไม่มีอาจารย์ประจำที่จบมาทางนี้โดยตรง ก็อธิษฐาน ถ้าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าขอให้เราได้ เราทำจดหมายสมัครงานสองครั้ง ครั้งแรกส่งไปแล้วเรื่องเงียบประมาณ 3-4 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงเลือกตั้งอธิการบดี พอส่งครั้งที่สองได้รับแจ้งกลับมาว่าไม่มีตำแหน่ง ต้องรออย่างน้อย 5 ปีถึงจะมีแต่เราก็ขอสมัครไว้ก่อน และพระเจ้าก็จัดเตรียมเพื่อนเราคนหนึ่งที่เป็นคริสเตียนอยู่ในมหาวิทยาลัยรามคำแหงโทรมาบอกเราว่ามีตำแหน่งอาจารย์ของสาขาวิชาเซรามิคว่างอยู่ และให้สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมยืม และบอกให้มาสัมภาษณ์ เราก็ไปโดยไม่มีจดหมาดแจ้งจากทางมหาวิทยาลัยและไม่รู้ด้วยว่ามีอีกคนหนึ่งก็ไปสัมภาษณ์เหมือนกัน แต่อายุน้อยกว่า พอคณบดีรู้ว่าเราไม่ได้รับจดหมายแจ้งก็โกรธสำนักเลขานุการมากเพราะนั่นแสดงว่าจะแกล้งเราไม่ให้ได้งาน หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ก็มีจดหมายเชิญไปสอบ ซึ่งมันผ่านไปแล้วแต่จดหมายไม่มีเลขอ้างอิงเลย แต่โดยพระคุณพระเจ้าเราจึงได้ ช่วงที่อยู่ในมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้เข้าชมรมคริสตศาสนา ได้พบกับอาจารย์รัชนี คริสตจักรสะพานเหลืองซึ่งเวลานั้นท่านเป็นที่ปรึกษาของชมรมครสิตศาสนามา 19 ปีแล้ว พอเจอกันท่านเลยขอให้ดิฉันรับเป็นที่ปรึกษา ดิฉันก็รับมาทำ 19 ปี ก็โดยพระคุณตลอด ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคมทำกิจกรรมประกาศตลอดโดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา เขาจะมีกลุ่มของเขา กลุ่มอธิษฐาน ประกาศ เลี้ยงดู กลุ่มเซล เราเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาก็ช่วยนักศึกษาหาทุนและเราได้รับการสนับสนุนจากท่านอธิการบดีด้วย
รับใช้พระเจ้า
ผศ.ดร.บริบูรณ์ ตั้งแต่วันที่พระเจ้าทำให้ผมเลิกบุหรี่ ผมกลายเป็นคนใหม่ มาเชื่อพระเจ้าจริงๆ และมีความตั้งใจรับใช้พระเจ้า พระเจ้าจัดเตรียมชีวิตตั้งแต่เกิดให้ผมมีโอกาสหลีกเลี่ยงจากการบวช และรอดตายจากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์คว่ำถึง 3 ครั้ง แม้ว่าตอนนั้น ยังไม่เชื่อพระเจ้า ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่พระเจ้าทรงสำแดงและจัดเตรียม อันดับแรกเรื่องย้ายงานเพราะผมต้องทำงานใช้ทุนไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี และห้ามย้ายไปทำที่อื่นตามระเบียบกระทรวงเกษตร ผมสอนพิเศษที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น พระเจ้าก็มีแผนการจะให้เรารับใช้พระเจ้าที่คริสตจักรร่มเกล้า วันหนึ่งท่านรองปลัดกระทรวงฯ ไปตรวจงานที่ศูนย์วิจัยเกษตร ท่าพระ จังหวัดขอนแก่น ผมมีโอกาสคุยกับท่าน ตอนนั้นเป็นจังหวะที่กระทรวงเกษตรหมดสัญญาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเคนตั๊กกี้ที่ศูนย์วิจัยเกษตร ท่าพระ ผู้เชี่ยวชาญที่ถูกส่งมาทำงานร่วมกับคนไทยก็กลับไปหมดแล้ว ทางกระทรวงเกษตรเห็นว่างานวิจัยที่นั่นไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เพราะกรม กองต่างๆ ทำงานวิจัยอยู่แล้วจึงเปลี่ยนนโยบาย ให้ศูนย์วิจัยตรงนั้นเป็นศูนย์ประสานงานของทุกหน่วยงานที่มีโครงการ ผมก็กลายเป็นผู้ประสานงาน ซึ่งไม่ใช่สายงานโดยตรงของผม เพราะผมเป็นนักสถิติสำหรับวิเคราะห์และวางแผนงานทดลองต่างๆ ของงานวิจัย ผมจึงเรียนท่านรองปลัดกระทรวงฯ ว่าถ้าผมไปอย่มู หาวิทยาลัยสอนหนังสือ ผมอาจทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้มากกว่าที่จะอยู่ตรงนี้ ผมจะขอโอนไปเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ท่านรองฯ ก็อนุญาตให้เป็นกรณีพิเศษ ผมจึงเดินเรื่องเพื่อไปสอน แต่ในที่สุดแล้วไม่ได้ไปเพราะไม่มีตำแหน่งงานว่าง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นผมได้รับการยืนยันจากภาควิชาที่จะไปสอนแล้วว่ามีตำแหน่ง ผมก็ตกที่นั่งลำบาก เพราะไปพูดกับรองปลัดกระทรวงฯ ไว้แล้ว ก็ไม่รู้จะทำไง ก็อธิษฐาน ถ้าพระเจ้าจะให้มาอยู่กรุงเทพ มาร่วมรับใช้ที่คริสตจักรร่มเกล้า พระเจ้าก็ต้องมีช่องทางให้ผมได้ย้ายมา พอผมอธิษฐานแค่ข้ามคืนเองนะ รุ่งขึ้น พระเจ้าให้ผมนึกถึงอาจารย์เก่าของผมคนหนึ่งอยู่ที่นิด้าเป็นคณบดีคณะสถิติประยุกต์ ท่านชื่อ ศาสตราจารย์ ดร.ประชุม สุวัตถี ผมสนิทกับท่าน ตั้งแต่ท่านสอนผมในระดับมัธยม และผมเจอท่านอีกครั้งตอนไปเรียนต่อปริญญาเอก เลยได้รู้ว่าท่านเป็นคณบดีคณะสถิติประยุกต์ อยู่ที่นิด้า แต่ผมก็ลืมไปแล้วเพราะผ่านมาหลายปี จนถึงเช้าวันนั้นที่อธิษฐานเสร็จก็นึกถึงท่านขึ้นมา พอโทรศัพท์ไป ท่านก็ชวนให้ไปสอนที่นิด้า ผมตอบตกลงและเข้ารับสัมภาษณ์ทันที พอสัมภาษณ์ผ่านผมจึงแจ้งท่านรองปลัดกระทรวงฯ ท่านบอกไม่มีปัญหาไปสอนได้เลย ขอบคุณพระเจ้าผมได้สอนที่นิด้าและช่วยงานคริสตจักรตามที่พระเจ้าเรียก

ต่อมาผมได้มารับใช้พระเจ้าที่คริสตจักรพลับพลา และย้ายบ้านจากในเมืองออกมาอยู่แถวธัญบุรี เราบอกคณะธรรมกิจคริสตจักรว่าเรามีภาระใจมีความคิดที่จะตั้งคริสตจักรลูกจึงไปบุกเบิกที่สำโรงเพราะมีคนรับเชื่ออยู่แถวสำโรง ปากน้ำ เปิดรอบบ่ายก่อน ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นรอบเช้า มีมัคนายกกับผู้ปกครองสองคน และผู้รับใช้เต็มเวลาอีกหนึ่งคนไปร่วมด้วย เราไปรับใช้ที่พลับพลาสำโรงเป็นเวลา 4 ปี เดินทางไปกลับร่วม 150 กิโล
ทุกอาทิตย์ และกลางอาทิตย์ไปร่วมกลุ่มเซลบ้านสมาชิก
.
เริ่มพันธกิจเด็ก และประกาศในชุมชน
พอเราย้ายบ้านมาอยู่ที่ธัญบุรี เรามีความคิดว่าจะมาบุกเบิกที่นี่อีกที่หนึ่งเพราะคนที่นี่ก็ต้องการความรอดเหมือนกัน เราก็อธิษฐานและคณะธรรมกิจก็เห็นด้วย เราก็ใช้ที่บ้านเป็นที่นมัสการ นั่นเป็นจุดเริ่มต้น ตอนแรกก็
ไม่มีอะไรเลย โล่งๆ ร้อนมาก เราทำโรงรถของเราให้เป็นที่นมัสการ เราเชิญพี่น้องที่โบสถ์ใหญ่ พอนมัสการเช้าเสร็จก็มาช่วยรอบบ่าย มาประมาณสิบกว่าคน แล้วก็มีผู้รับใช้มาช่วยเทศนาเรานมัสการและทานอาหารเย็นกัน ทำแบบนี้ประมาณครึ่งปีต่อมาคริสตจักรแม่มาช่วยทำห้องประชุม ห้องน้ำให้ เราเริ่มแนะนำตัวในหมู่บ้าน แจกนามบัตร แจกใบปลิว พูดคุยและประกาศเปิดพันธกิจเด็กวันเสาร์
.
เราเปิดบ้านทำโครงการกับเด็ก มีสอนดนตรี สอนภาษาอังกฤษ ขอบคุณพระเจ้าปีแรกที่ทำมีครูคริสเตียนมาช่วยสอนภาษาอังกฤษให้ฟรี ครูเอ๋สอนอยู่ที่โรงเรียนสารสาสน์รังสิตเขาอยู่คริสตจักรสร้างสาวกหลังราม พอเขาย้ายมาอยู่แถวนี้ เขาไปที่คริสตจักรคลองแปด เรารู้จักกันที่นั่นเพราะตอนนั้นเรายังไม่มีที่นี่ มีโอกาสคุยกันเรื่องนี้และเขามาช่วย เราก็ช่วยกันตั้งชื่อเลยว่า “บ้านความรู้สู่ปัญญา” แรกๆ เราไม่ได้สอนแต่เป็นเหมือนผ้จู ัดการ โดยพระคุณพระเจ้า เราแจกใบปลิวตลอด สอนดนตรีฟรี มีกีตาร์ อูกูเลเล่ เปียโน กาฮอง มีครูอาสาสมัครมาช่วย เด็กโบสถ์ใหญ่ก็มาช่วยทุกวันเสาร์ แล้วก็มีทีมวิจัยที่ร่วมงานกันมาสิบกว่าปีมาช่วยด้วย เรามีเคล็ดลับว่าก่อนสอนหรือทำกิจกรรมอะไรจะต้องให้เด็กอ่านพระคัมภีร์ มีสอนพระคัมภีร์บ้าง ดูหนัง ท่องข้อพระคัมภีร์ แจกขนม เล่นเกม เด็กหัดอธิษฐานตามพระคัมภีร์ ท่องหลักข้อเชื่อของคริสเตียน เด็กๆ ทำได้คล่องมาก เราเลี้ยงอาหารฟรีทุกวันเสาร์ เราคุยกับผู้ปกครองและเราชวนเขามาโบสถ์วันอาทิตย์
.
ขอบคุณพระเจ้า โดยพระคุณพระเจ้าที่ให้เรามาทำที่นี่ ได้เห็นปัญหาของเด็ก บางคนสมาธิสั้น บางคนฉลาดเกินตัว ทุกๆ คริสตมาสเราจะให้เด็กแสดงและอธิษฐาน แล้วก็เชิญผู้ปกครองมา แต่เรารู้ว่าคุยกับผู้ใหญ่ยากเพราะบาปหนา เราสอนผ่านทางเด็กพอเด็กได้รับพระพร ผู้ใหญ่ก็ได้ด้วย ปีแรกมีเด็กมาประมาณหนึ่งร้อยคน แต่ขอบคุณพระเจ้าที่เขาผลัดกันมา เด็กต้องลงทะเบียนทุกคน เราขอบคุณพระเจ้าที่ผู้ใหญ่ก็มา เรามีโอกาสเสริมเขา และมีพันธกิจสำหรับคนสูงอายุ หลายคนรู้จักเพลงคริสเตียน ร้องได้ ยิ่งเรารับใช้พระเจ้า พระเจ้าก็ยิ่งประทานกำลังให้เรา ประทานสิ่งที่เราจำเป็นต้องใช้ทุกอย่าง เราเห็นพระคุณพระเจ้ามากขึ้นไปอีก ถ้าเราทำกับเด็กเหมือนอย่างที่เราทำที่นี่ เราก็ยิ่งมีความสุข เราเห็นเด็กมีพัฒนาเปลี่ยนแปลง เราก็รู้สึกมีกำลังใจ ขนาดเรารับ 8-18 ปี ก็ยังมีเล็กกว่านั้นมา เพราะเขาอยู่คนเดียวไม่ได้ เลยมาด้วยกัน เราก็ไม่ว่าอะไร เราอยากทำเหมือน วายเอ็มซีเอ มีเกม มีห้องให้เล่น
.
เราได้รับกำลังใจจากเพื่อนทั้งในและต่างประเทศ อเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย บางคนอธิษฐานให้กำลังใจ บางคนถวายทรัพย์ และเราเชื่อว่าที่นี่ เด็กจะเริ่มรักคริสตจักร มีคริสเตียนหลงหายแวะเวียนมาดูแล้วชอบก็เข้ามาร่วม ทะยอยกันมาเรื่อย เราทำเป็นปีที่สามแล้วตอนนี้ก็มีประมาณสามสิบคน เด็กอีกสิบกว่าคน รวมแล้วประมาณห้าสิบคน แต่เราแยกคริสตจักรเด็กอยู่นอกตัวบ้านเพราะมีเล่นเกม ในบ้านจะมีวิดีโอเรื่องพระเยซูให้ดู เรานมัสการวันอาทิตย์และวันเสาร์สอนเด็ก วันพฤหัสเป็นกลุ่มเซลมี 12 คน
.
มีคนปฏิเสธมั้ยเวลาประกาศ
ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ รับฟังทุกคน คนไทยดีอย่างเป็นคนที่รับได้ทุกอย่างแต่ความเชื่อไม่มี ที่ปทุมธานีมีปัญหาคนเชื่อยากมาก มีเรื่องไสยศาสตร์เยอะ มีพระพิฆเณศเกือบทุกบ้าน ประกาศมา 3-4 ปีมีคนรับเชื่อ 3- 4 คน นอกนั้นก็ไม่เอาจริงจัง มีแค่คนสองคนที่จริงจัง บางคนก็มาหวังจะพึ่งพา บางคนมาให้อธิษฐานรักษาโรค เราก็อธิษฐานขอพระเจ้ารักษาเขา แต่เราก็ไม่ย่อท้อเดินหน้าประกาศต่อไป โดยเฉพาะกับเด็กรุ่นใหม่ ผ่านทางพันธกิจดนตรีและภาษาอังกฤษ
.
ทำไมหลังเกษียณถึงยังรับใช้พระเจ้าอยู่
รศ.ทัศนีย์ โดยพระคุณพระเจ้าเราจึงมีภาระใจ เป็นการทรงเรียกของพระเจ้า เราอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เราแปลกใจที่คริสเตียนที่เป็นราชการมีเงินกินและมีเงินเก็บเยอะแยะ ทำไมไม่ทำ ดิฉันมีเงินบำนาญก็ได้กินตลอดจนตาย เราก็รู้สึกว่าคล่องตัวอยู่ เราก็เลยชวนกันอธิษฐานมาทำเรื่องนี้ อยู่เฉยๆ ไม่ได้เพราะเราก็อยากทำอยู่แล้ว พระเจ้าก็อวยพรตลอด พอเราบอกทุกคนอธิษฐานเผื่อ เขาก็อธิษฐานเผื่อ และพระเจ้าทรงนำเป็นขั้นตอน ขนาดเพื่อนฝรั่งไม่เจอกันสามสิบกว่าปียังนั่งเครื่องบินมาหา ถามเราว่าทำอะไร พอบอกเปิดบ้านเป็นโบสถ์ เขาก็บอกดีมาก หลายคนที่คบกันมาสามสิบกว่าปี โทรมาหาเรา ไถ่ถามกันก็เห็นพระพรของพระเจ้า เขามีภาระใจอธิษฐานเผื่อการตั้งคริสตจักร เพราะคำอธิษฐานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่คนหรืองาน แต่อยู่ที่อธิษฐาน คุยกับพระเจ้า ฟังพระเจ้า รู้ว่าพระเจ้าทำและเตรียมสิ่งดีที่สุดไว้ให้เรา ให้เดินตรงน้ำพระทัย พระประสงค์ จะได้สบายๆ ไม่อยากขัดน้ำพระทัยพระเจ้า เอาให้เราได้ยินพระเจ้าชัดๆ และเราก็จะทำไปได้ง่ายๆ เกิดผล ถ้าเราปลูกต้นไม้ เราตัดแต่งกิ่งมันก็จะแตกใหม่ ไม่ช้ามันก็จะสวย เด็กที่มาโบสถ์ก็เหมือนกัน เขาท่องข้อพระคัมภีร์เก่ง และพระเจ้าจะเปลี่ยนเขาเอง พอโตขึ้นอีก 5-10 ปี เขาก็จะมาเป็นแบบเราหมด เขาจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีี มาโบสถ์ รักพระเจ้า
.
ทำอย่างไรจึงจะมีความสุขในวัยหลังเกษียณ
เรื่องแบบนี้เป็นการทรงนำของพระเจ้า เราเป็นพยานได้ว่าพระเจ้าอยู่กับเรา และเราเชื่อว่าไม่เป็นเรื่องบังเอิญท่ี่เรามาเชื่อพระเยซูในดินแดนที่ไม่มีพระเจ้า เป็นการทรงเลือกตั้งแต่ครรภ์มารดา เป็นการวางแผนของพระเจ้ามาตั้งแต่แรก ยิ่งอ่านพระคัมภีร์ก็ยิ่งรู้พระคุณพระเจ้า การจัดเตรียมของพระเจ้ามีให้เรามาก เพียงเราเชื่อและวางใจทำตามที่พระเจ้าเรียกให้เราทำ มันคงจะไม่มีความสุขแน่ ถ้ารอบบ้านเราตกนรกหมด ที่นี่เราแจกกล้วยพร้อมใบปลิวและบอกเขาว่าพระเจ้ารักคุณ เราแนะนำเขาใหรู้จักพระเจ้า บางคนบอกว่าอยู่ใกล้เราดีกว่าอยู่ใกล้โจร ตอนนีก็ทำให้แผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่ที่นี่ เด็กๆ จะได้เติบโตในทางพระเจ้า เด็กที่นี่ต้องโต ต้องเชื่อพระเยซู ให้พระเยซูอวยพรเขา เราอบรมผู้ปกครองทุกคน บอกเขาว่าเอาลูกหลานมาให้เราเลี้ยงไม่คิดค่าใช้จ่าย ผู้ปกครองไม่ต้องให้เงินเด็กเวลามาโบสถ์ เพราะเราจัดฟรีหมดทุกอย่าง ท้้งอาหารและขนมอร่อยท่ี่เขาหาซื้อกินเองไม่ได้ เราเอาใจเด็กมากที่สุดให้เด็กติดคริสตจักร ให้ท่องข้อพระคัมภีร์ ก็ท่องกันแบบเอาจริงเอาจัง แล้วเราให้ของขวัญเด็กที่ท่องได้เพื่อเป็นกำลังใจให้เขา พระคัมภีร์และหนังสือที่เราซื้อจากสมาคมพระคริสตธรรมไทย เราเอามาแจกเด็กที่นี่หมด เวลาเทศกาลจะมีให้รางวัล เช่น มาโบสถ์ประจำ ท่องพระคัมภีร์เก่ง ต้อนรับเก่ง เขาช่วยประกาศในหมู่บ้านด้วยอย่างจัดงานคริสต์มาสก็ช่วยเอาการ์ดไปแจก

.
อยากให้หนุนใจคนที่กำลังจะเกษียณ
และกลัวตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า เรารู้ว่าพระเจ้าเรียกเรามา พระเจ้าจะใช้เราให้นำความรอดถึงทุกคน สิ่งนี้จะทำให้เราได้รับกำลังใจ ยิ่งเราได้รับพระคุณเราก็อยากทำอะไรให้พระเจ้ามากขึ้น ขอหนุนใจให้มารับใช้พระเจ้า
แม้ว่าอาจต้องเจอปัญหา เจออะไรลำบากมากมาย แต่ภายในจิตใจมีสันติสุข
.
ข้อพระคัมภีร์ที่ประทับใจ
รศ.ทัศนีย์ โยชูวา 24 ข้อ 15 “และถ้าพวกท่านไม่เห็นด้วยที่จะปรนนิบัติพระยาเวห์ ท่านก็จงเลือกเสียในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบัติใคร จะปรนนิบัติบรรดาพระซึ่งบรรพบุรุษของท่านปรนนิบัติอยู่ในท้องถิ่นฟากตะวันออกของแม่น้ำ หรือบรรดาพระของคนอาโมไรต์ในแผ่นดินซึ่งท่านอาศัยอยู่ แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระยาเวห์”
.
ชอบข้อนี้เพราะเรารู้ว่าเราต้องรับใช้หมดทั้งบ้านเพราะพระเจ้าทรงเรียกเรา พระเจ้านำให้เรามีความกล้าที่จะพูดตั้งแต่แรกที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วก็พูดเรื่อยมาไม่ว่าจะไปต่างจังหวัด ต่างประเทศ หรือไปดูงาน ถ้าตรงกับวันอาทิตย์ เราจะบอกนักศึกษาว่าวันนี้วันสะบาโตของเรา เราก็จะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดูแลนักศึกษาแทน ส่วนเราก็ไปโบสถ์ เราให้เกียรติพระเจ้าเสมอ ถ้าไปในทีี่ที่ไม่มีโบสถ์ เราก็นมัสการที่บ้านเปิดเพลงและ
อธิษฐาน เรารู้สึกว่าเราผูกพันกับพระเจ้าและพระเจ้าก็ผูกพันกับ เราขอบคุณพระเจ้าที่เมตตาให้เราเป็นเกลือและแสงสว่าง เป็นหนังสือของพระเยซู โดยพระคุณพระเจ้าอย่างแท้จริง
.
ฟีลิบปี 4 ข้อ 4-7 “จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่าจงชื่นชมยินดีเถิด จงให้ความอ่อนสุภาพของท่านทั้งหลายประจักษ์แก่ทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ใน
พระเยซูคริสต์”
.
ข้อนี้มีครบหมด บางทีเรามีปัญหา เราต้องอธิษฐานใช้พระวจนะพระเจ้าอธิษฐาน อย่าไปมองสถานการณ์ทางโลกหรือมองเนื้อหนัง ถ้าเราติดสนิทกับพระเจ้า ฝ่ายเนื้อหนังก็จะค่อยๆ หายไป ให้ทุกอย่างเป็นไปตามพระทัยพระเจ้า
.
ผศ.ดร.บริบูรณ์ ฟิลิบปี 4 ข้อ 13 “ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่างโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” ชอบเพราะอายุมากแล้ว พระองค์เสริมกำลังจริงๆ
.
สำหรับลูกสาวสองคน
ขอบคุณพระเจ้าที่แยม (บงกช ฮัดซัน) ถวายตัวรับใช้พระเจ้า ตามตะลันต์ที่เขามี และตามการทรงเรียกของพระเจ้า เขาได้รับใช้ด้านการนมัสการตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยม คริสตจักรร่มเกล้า คริสตจักรพลับพลา จนมาถึงระดับประเทศ เขาแต่งงานกับ คุณพอล ฮัดซัน ที่มีของประทานด้านดนตรี ช่วยเรียบเรียงเนื้อร้องและทำนองที่แยมแต่ง เขาใช้ข้อพระคัมภีร์แต่งเพลง เขาทำโรงเรียนสอนนมัสการของ YWAM 1 ปี เข้ารับการฝึกอบรมเรื่องนมัสการที่มอนทาน่า สหรัฐอเมริกา และเรียนต่อพระคัมภีร์ ทั้งสองคนมีลูกด้วยกัน 3 คน เป็นชาย 2 และหญิง 1 อายุ 16, 13 และ 8 ปี ตอนนี้ทั้งครอบครัวอยู่ที่ประเทศอเมริกาเพื่อ ลูกจะได้เรียนหนังสือโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่มีแผนจะกลับมาเยี่ยมเราในปี 2019
.
ลูกสาวอีกคนชื่อ ลี่ (บุชกร ดิฐกมล) รับใช้พระเจ้าในคริสตจักร เรียนพระคัมภีร์ที่โรงเรียนคริสต์ศาสนศาสตร์แบ๊บติสต์ เขาคุ้นเคยกับอนุชน ดูแลทำกิจกรรมเข้าชุมชนบางเขนถึงดอนเมือง ทำจนชุมชนรักเขา มีการพัฒนา เมื่อไม่นานนี้เขาไม่ค่อยสบายจึงไปหาหมอ ก็ตรวจพบมีก้อนเนื้อที่หน้าท้อง ทำซีทีสแกน ตอนนั้นคุณหมอสันนิษฐานว่าเป็นมะเร็งไขมัน แต่พอตัดมาตรวจก็ไม่พบว่าเป็นมะเร็ง ทางโรงพยาบาลพระมงกุฏ จึงถือว่าเป็นกรณีศึกษาพิเศษเพราะก้อนเนื้อที่ผ่าออกมาจากหน้าท้องมีน้ำหนักถึง 8 กิโลกรัม ขอบคุณพระเจ้า ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังผ่าตัด
.
ข้อคิด
ผศ.ดร.บริบูรณ์ เรื่องพระเจ้ามีจริง ผมเองเป็นตัวอย่างที่ไม่เชื่อพระเจ้าแต่พระองค์ทรงสำแดงพระองค์เอง เพราะฉะนั้นคนที่ไม่รู้จักพระเจ้าอยากแนะนำให้แสวงหาและพยายามทำความเข้าใจตามพระคัมภีร์ อ่านพระคัมภีร์และขอการนำจากพระเจ้าให้เข้าใจ ถ้าพระเจ้าจะเมตตาให้เรามาพบพระองค์ ขอพระองค์ให้เราอ่านและมีความเชื่อเกิดขึ้น ซึ่งพระเจ้ารักทุกคน ถ้าเราแสวงหาพระองค์ พระองค์ก็จะให้เราได้พบ ชีวิตที่มีพระเจ้าจะเป็นชีวิตที่แตกต่างกับชีวิตที่ไม่มีพระเจ้าอย่างที่ไม่สามารถจะอธิบายได้ แต่ถ้าประสบกับตัวเองก็จะรู้ว่าชีวีตที่มีพระเจ้านั้นเป็นชีวีตที่พิเศษจริงๆ มีสันติสุขในใจ มีผู้ที่คอยช่วยเหลือเราทุกเวลาทุกโอกาสเพราะพระองค์เป็นพระเจ้าและเป็นวิญญาณอยู่ได้ทุกหนแห่ง ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน พระเจ้าอยู่กับเรา อยากให้คนไทยทุกคนได้รู้จักพระเจ้า เขาจะได้พบความสุขที่แท้จริง
.
รศ.ทัศนีย์ อยากจะพูดกับคนที่เชื่อพระเจ้าแล้วมากกว่า ถ้าพระเจ้าทรงเรียกและเลือกเรา พระเจ้าก็สัญญา ในพระวจนะของพระองค์ พระเจ้าทรงเลือกเราตั้งแต่ครรภ์มารดา พระองค์ทรงวางแผนเราไว้ทุกอย่างในชีวิตของเรา ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลยสำหรับเรา อยากหนุนใจพี่น้องที่เชื่อพระเจ้าให้เอาจริงจัง ชีวิตของเราอยู่ในโลกนี้ชั่วคราว แต่ชีวิตหลังความตายคือชีวิตนิรันดร์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่พระเจ้าประทานให้โดยความเชื่อ แต่ก่อนเราจะจากโลกนี้ เราควรเชื่อฟังและทำตามพระวจนะพระเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่เราทำได้ เราอ่อนกำลังก็ทูลขอกำลังจากพระเจ้า และเราทำทุกอย่างที่พระเจ้าทรงเลือกและเรียกให้ทำ โดยเฉพาะทำในทางที่พระเจ้าวางไว้ให้เป็นตามพระทัยพระองค์ทุกวันนี้หลายคนทำตามความคิดตัวเองไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้าก็ลำบาก ผลกระทบมากมาย แต่ถ้าเราอธิษฐานใกล้ชิดพระเจ้าให้เราอยู่ในน้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระเจ้าทุกอย่างก็ไปได้อย่างดีเพราะพระเจ้าเสริมกำลังและอวยพรเรา ไปคู่กับพระองค์ไม่โดดเดี่ยว พระพรฝ่ายวิญญาณเป็นพระพรที่ทำให้เราได้พรฝ่ายจิตใจและร่างกาย ใจเราจะชื่นชมยินดีและมีสันติสุข ร่างกายจะแข็งแรง แม้อายุมากขึ้นแต่จิตใจเราร่าเริงเสมอ มีความหวังใจเสมอ อยากจะขออวยพรพี่น้องคริสเตียนให้เห็นแก่แผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่ในเมืองไทย เป้าหมายคริสเตียน 10% ในปี 2020 ถ้ามีความเชื่ออย่างดี มันเล็กน้อยสำหรับพระเจ้า ถ้าพระเจ้าจะพลิกแผ่นดินนี้ให้เป็นของพระเจ้า มัทธิว 11:28-30 “บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา” อาเมน
.
- ผศ.ดร.บริบูรณ์ ดิฐกมล จบปริญญาเอก มหาวิทยาลัยเคนตั๊กกี้ สหรัฐอเมริกา อดีต รองคณบดี คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) และ ผู้อำนวยการ YMCA กรุงเทพ อายุ 77 ปี
- รศ.ทัศนีย์ ดิฐกมล จบปริญญาโท สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อายุ 70 ปี
- เป็นสมาชิก คริสตจักรพลับพลา มีบุตรสาว 2 คน คือ นางบงกช ฮัดซัน (น้องแยม) และ นางสาวบุษกร ดิฐกมล (น้องลี่)
Post Views 371