ไม่เอาพระเจ้า!

ไม่เอาพระเจ้า!

นักวิทยาศาสตร์ สมองใสกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันประกาศว่ามนุษย์ในโลกนี้  จะดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพระเจ้าอีกต่อไป

ผู้นำของกลุ่มทูลพระเจ้าว่า…

“พระเจ้า…..พวกเราตัดสินใจแล้วว่า เราไม่ต้องการพระองค์อีกต่อไป   พวกเรามีสติปัญญาฉลาดพอที่จะโคลนนิ่งมนุษย์ และทำสิ่งที่ดูเหมือนเหลือเชื่อให้เกิดขึ้นได้โดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยไม่ต้องอาศัยศรัทธาในพระองค์อีกต่อไป…..”

องค์พระเป็นเจ้า สดับรับฟังคำโวเหล่านั้นด้วยความอดกลั้นพระทัย   …จากนั้นตรัสว่า ..

“ตกลงตามที่พวกเจ้าขอ..แต่ก่อนอื่นให้เรามาประชันกันในการสร้างมนุษย์ก่อน โดยตัวเราจะทำเหมือนอย่างที่เคยทำมา สมัยเมื่อตอนเริ่มต้นสร้างอาดัม!!”

นักวิทยาศาสตร์ผู้ทรนงเหล่านั้น ก็เห็นชอบด้วย จากนั้นหนึ่งในชนชั้นสมองเป็นเลิศก็ก้มลงหยิบดินขึ้นมากำมือหนึ่ง เพื่อลงมือสร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่  แต่พระเจ้าตรัสว่า…

“…..เจ้าจะใช้ดินของเราไม่ได้!
 เจ้าจะต้องสร้างดินของเจ้าขึ้นมาเอง!”

น่าแปลกที่ตลอดประวัติศาสตร์จะมีมนุษย์อาจหาญท้าทายพระเจ้าอยู่เสมอ!

แต่สุดท้าย ผู้อหังการเหล่านั้น ก็จากไปกลายเป็นผงคลีดิน!

ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายมีผู้ต้องการและพยายามขับไล่พระเจ้าจากที่ประทับของพระองค์ เพื่อเขาจะก้าวขึ้นไปนั่งแทน ในฐานะ “ผู้สร้าง”

นี่จึงเป็นเหตุว่า ทำไม โลกนี้จึงกำลังมุ่งหน้าสู่ปลายทางแห่งความหายนะ!

ทุกอย่างที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่ตนเอง ล้วนกระทบหรือทำลายระบบต่าง ๆ ที่ค้ำจุนโลกและจักรวาลนี้ทั้งสิ้น!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบนิเวศตามธรรมชาติ ต่างได้รับผลกระทบทำให้ภูเขาน้ำแข็งละลาย ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศ แผ่นดินและน้ำ  เป็นเหตุให้เกิดการแปรปรวนของธรรมชาติและฤดูกาล!

มนุษย์จึงได้รับการสะกิดเตือนจากธรรมชาติ และพระเจ้า ด้วยมหันตภัยจากสึนามิ  แผ่นดินไหว  ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม  แผ่นดินแห้งแล้งกันดาร พายุทอร์นาโด    เฮอริเคน และอื่น ๆ

ความหายนะแห่งชีวิตและทรัพย์สินจึงเกิดขึ้น!

แท้จริงแล้วพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้ามาตั้งแต่นิรันดรกาล และจะทรงเป็นเช่นนี้ต่อไปเป็นนิจกาล

ดังคำอธิษฐานของโมเสสในพระธรรมสดุดีที่ว่า…

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นที่อาศัยของข้าพระองค์ทั้งหลายตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์
ก่อนที่ภูเขาทั้งหลายเกิดขึ้นมา
ก่อนที่พระองค์ทรงให้กำเนิดแผ่นดินโลกและพิภพ
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล!”1

มนุษย์ที่ทรนงตนว่าเก่งกล้าท้าทายพระเจ้ามาตลอดประวัติศาสตร์ ล้วนจบชีวิตและจากไป หลังจากที่พวกเขาดำรงอยู่ในโลกโดยเฉลี่ย 70-80 ปี ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเพียงไม่ถึง  ½ วันของพระเจ้าเสียด้วยซ้ำไป!

ดังพระวจนะที่บันทึกไว้ว่า…..

“พระองค์ทรงให้มนุษย์กลับเป็นผงคลีดิน และตรัสว่า ลูกหลานของมนุษย์เอ๋ยจงกลับเถิด  เพราะ 1000 ปี ในสายพระเนตรของพระองค์ เป็นเหมือนวานนี้ซึ่งผ่านไปแล้ว หรือเหมือนยามเดียวในกลางคืน….. พระองค์ทรงกวาดมนุษย์ไปเสีย เขาเป็นเหมือนความฝัน เหมือนหญ้าที่งอกขึ้นใหม่ในเวลาเช้า ในเวลาเช้ามันก็บานออก และขึ้นใหญ่ ครั้งเวลาเย็นก็ร่วงโรย และเหี่ยวไป!”2

และ……

กำหนดปีของข้าพระองค์คือ 70 หรือ สุดแต่เรื่องกำลังก็ถึง 80 …. แต่ช่วงชีวิตนั้นมีแต่งานและความลำบาก ไม่ช้าก็สูญไป และข้าพระองค์ก็จากไป!” 3

แท้จริงแล้ววิทยาศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำล้วนไม่เคยขัดแย้งกับพระเจ้า แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนเท่านั้นที่ทำตัวเป็นพระเจ้า!
ทำไมมนุษย์ผู้มีความจำกัดอยู่เพียงแค่นี้ จึงจะไปท้าทายหรือลบหลู่พระเจ้าผู้ไร้ความจำกัด
หากว่าพระเจ้าไม่เคยปฏิเสธวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่ควรปฏิเสธพระเจ้าเช่นกันจริงไหม?

1.สดุดี 90:1-2, 2.สดุดี 90:3-6, 3.สดุดี 90:10


  • บทความ ศาสนาจารย์ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
  • ภาพ Freepik.com