C – การพิมพ์ & การแปลพระคัมภีร์ (Printing & Bible Translation)

C – การพิมพ์ & การแปลพระคัมภีร์ (Printing & Bible Translation)

ในสมัยโบราณ พระคัมภีร์ได้รับการคัดลอกด้วยมือของอาลักษณ์จากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นเวลานานหลายพันปี จนกระทั่งในศตวรรษที่ 15 เมื่อนักประดิษฐ์ชาวเยอรมันนามว่า โยฮานเนส กูเทนเบิร์ก (Johannes Gutenberg) ได้ประดิษฐ์แท่นพิมพ์ขึ้น ทำให้สามารถพิมพ์หนังสือจำนวนมากได้โดยใช้เวลาและบุคลากรที่น้อยกว่าในอดีตมาก  พระคัมภีร์รวมทั้งหนังสืออื่นๆ จึงถูกตีพิมพ์พิมพ์และเผยแพร่อย่างรวดเร็ว  ทำให้การกระจายภูมิปัญญาหรือวิทยาการนั้นไม่เป็นเรื่องยากเย็นอีกต่อไป นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

ในส่วนของการแปลพระคัมภีร์นั้น ได้เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 3 ก่อน ค.ศ. โดยพระคัมภีร์ฮีบรูของชาวยิว (หรือที่เรารู้จักในนามพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม) ได้ถูกแปลจากภาษาฮีบรูและอาราเมคมาเป็นภาษากรีก มีชื่อเรียกว่า ฉบับเซปทัวจินต์ (Septuagint หรือเขียนเป็นสัญลักษณ์ว่า LXX) เนื่องจากในสมัยนั้น ภาษากรีกได้กลายเป็นภาษากลางในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนี้ ยังมีพระคัมภีร์ฉบับแปลเป็นภาษาท้องถิ่นอื่นๆ อีกมากมายในช่วงศตวรรษที่ 1-4 เช่น ฉบับอาราเมค (ทาร์กุม) ฉบับซีเรีย (เพชิทตา) ฉบับละตินเก่า (เวทุส ละตินา) ฯลฯ

สำหรับการแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาไทย สมัยแรกๆ มักจะแปลโดยมิชชันนารีชาวต่างชาติเป็นหลัก และอาจมีล่ามภาษาไทยเป็นผู้ช่วยบ้าง ทั้งนี้ จากบันทึกทางประวัติศาสตร์เท่าที่มีในปัจจุบันบ่งบอกว่า การแปลพระคัมภีร์ไทยที่เก่าแก่ที่สุดนั้นเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17 โดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสนามว่า หลุยส์ ลาโน ผู้แปลพระธรรมลูกาเป็นภาษาสยาม แต่น่าเสียดายที่เวลาต่อมาต้นฉบับแปลดังกล่าวได้หายสาบสูญไป เหลือเพียงแต่บันทึกที่กล่าวถึงเท่านั้น

ในสมัยต่อมาก็มีการแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาไทยมากขึ้นโดยมิชชันนารีโปรเตสแตนต์ แต่ก็มักจะแปลเพียงบางส่วนหรือบางพระธรรม เช่น การแปลหมวดพระกิตติคุณกับพระธรรมโรม โดย ศจ.คาร์ล กุตสลาฟ กับ ศจ.จาคอบ ทอมลิน (ค.ศ. 1828) หรือการแปลภาคพันธสัญญาใหม่ โดย ศจ.จอห์น เทย์เลอร์ โจนส์ (ค.ศ.1894) ฯลฯ แต่การแปลพระคัมภีร์ไทยโดยมิชชันนารีโปรเตสแตนต์ที่เก่าแก่ที่สุดนั้นเกิดขึ้นนอกแผ่นดินสยาม นั่นคือการแปลพระธรรมลูกาเมื่อปี ค.ศ.1819 โดยนางแอนน์ จัดสัน ภรรยาของอโดนิรัม จัดสัน มิชชันนารีที่เดินทางไปทำพันธกิจในประเทศพม่า เนื่องจากครอบครัวจัดสันพบว่ามีชุมชนชาวสยามที่ถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลยอยู่ในประเทศพม่าด้วย

ขณะเดียวกัน กระแสการก่อตั้งสมาคมพระคริสตธรรมประจำชาติ (Bible Society Movement) ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยส่งเสริมให้การแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาต่างๆ กระทำโดยผู้แปลที่เป็นเจ้าของภาษาเอง และมีมาตรฐานคุณภาพในการทำงานแปล และในการนี้ สหสมาคมพระคริสตธรรมสากล (United Bible Societies) ได้จัดทำต้นฉบับพระคัมภีร์ในภาษาเดิมจากการศึกษาวิจัยสำเนาโบราณฉบับต่างๆ ได้แก่ Biblia Hebraica (พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมในภาษาฮีบรู) และ Greek New Testament (พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ในภาษากรีก) สำหรับให้ผู้แปลใช้เป็นต้นฉบับอ้างอิงในการแปลพระคัมภีร์

สมาคมพระคริสตธรรมไทย (TBS) ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1889 (ก่อนหน้านี้เป็นสำนักงานของสมาคมพระคริสตธรรมอเมริกาในประเทศไทย ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1861) และพระคัมภีร์ไทยฉบับแรกที่จัดทำโดย TBS คือพระคัมภีร์ฉบับ 1940 ซึ่งเป็นพระคัมภีร์เต็มเล่มอันประกอบด้วยภาคพันธสัญญาเดิมและภาคพันธสัญญาใหม่ฉบับแรกของคนไทย แปลโดยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อให้พระวจนะของพระเจ้าสามารถอ่านเข้าใจได้และเกิดผลอย่างเต็มที่ในชีวิตของคริสเตียนไทย

  • ภาพประกอบจาก www.britannica.com, www.en.wikipedia.org, www.ubscommunity.org

“เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา
จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้
และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค” มัทธิว 28:19-20 (ฉบับมาตรฐาน)

สมาคมพระคริสตธรรมไทย (TBS)
“เพื่อให้คนไทยทุกคนมีพระคัมภีร์ใช้ และรู้จักใช้พระคัมภีร์”