สำเนาดั้งเดิมของพระคัมภีร์ ถูกเขียนขึ้นเป็นภาษาอะไร 4/23

สำเนาดั้งเดิมของพระคัมภีร์ ถูกเขียนขึ้นเป็นภาษาอะไร แม้พระคัมภีร์ที่เราใช้ในปัจจุบันจะดูเหมือนเป็นหนังสือเล่มเดียว แท้จริงแล้ว พระคัมภีร์ประกอบไปด้วยพระธรรมถึง 66 เล่มที่ถูกเขียนขึ้นโดยคนหลายคนในหลากหลายสถานที่ โดยมีกรอบเวลาในการบันทึกจากเล่มแรกถึงเล่มสุดท้ายนานถึงประมาณ 1,700 ปี บริบทที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาส่งผลให้มีการใช้ภาษาในการบันทึกที่แตกต่างกัน จากบรรดาสำเนาโบราณของพระคัมภีร์ที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน เราทราบว่า ส่วนใหญ่ของพระธรรมต่างๆ ในพันธสัญญาเดิมถูกเขียนขึ้นเป็นภาษาฮีบรู และส่วนน้อยเป็นภาษาอาราเมค ส่วนพันธสัญญาใหม่นั้นถูกเขียนขึ้นเป็นภาษากรีก เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ภาษาฮีบรู ก่อร่างสร้างอัตลักษณ์ ภาษาฮีบรูเป็นภาษาของชาวอิสราเอลตั้งแต่โบราณ จัดอยู่ในตระกูลภาษาเซมิติกซึ่งใช้กันในดินแดนแถบตะวันออกกลางและบางส่วนของแอฟริกา เนื่องจากพันธสัญญาเดิมถูกเขียนขึ้นโดยคนอิสราเอลที่ใช้ภาษาฮีบรูเป็นภาษาแม่เพื่อให้คนอิสราเอลอ่าน ต้นฉบับพันธสัญญาเดิมจึงถูกเขียนขึ้นเป็นภาษาฮีบรู นอกจากนี้ ช่วงศตวรรษที่ 12-10 ก่อน ค.ศ. คือยุคสร้างชาติของอิสราเอล ชาวอิสราเอลสิบสองเผ่าจำเป็นต้องรวมตัวกันให้เป็นปึกแผ่นภายใต้อัตลักษณ์เดียวกัน ซึ่งแสดงออกผ่านทางการเขียนพระคัมภีร์ด้วย ภาษาอาราเมค ซึมซับความหลากหลาย ภาษาอาราเมคจัดอยู่ในตระกูลภาษาเซมิติกเช่นเดียวกัน จึงเรียกได้ว่า เป็นภาษาพี่ภาษาน้องของภาษาฮีบรู แต่เดิมภาษาอาราเมคเป็นภาษาของชาวอารัม-ดามัสกัส หรือชาวอาณาจักรซีเรียโบราณ ซึ่งมีอาณาบริเวณครอบคลุมถึงแถบเมโสโปเตเมียในราวศตวรรษที่ 10 ก่อน ค.ศ. ภาษาอาราเมคจึงกลายเป็นภาษากลางของภูมิภาคนี้รวมถึงในสมัยที่อาณาจักรอัสซีเรีย บาบิโลน และเปอร์เซียได้เรืองอำนาจ ด้วยเหตุนี้ ชาวยูดาห์ในช่วงเวลานี้จึงรู้ภาษาอาราเมคด้วย เพียงแต่จำกัดในแวดวงชนชั้นสูง (2 พกษ.18:26; อสย.36:11) จนในศตวรรษที่ 6 ก่อน […]

คำว่า “รับพระเกียรติ” ในพระกิตติคุณยอห์นมีความหมายอย่างไรบ้าง? 1/20

คำว่า “รับพระเกียรติ” ในพระกิตติคุณยอห์นมีความหมายอย่างไรบ้าง? คำถาม คำว่า “รับพระเกียรติ” ในพระกิตติคุณยอห์นมีความหมายอย่างไรบ้าง? คำตอบ หากเราอ่านพระกิตติคุณยอห์นทั้งเล่ม เราจะเห็นว่าคำว่า “รับพระเกียรติ” มีอยู่มากมายในพระกิตติคุณยอห์น แสดงว่าคำนี้เป็นคำสำคัญคำหนึ่งของพระธรรมเล่มนี้ คำว่า “รับพระเกียรติ” นี้เป็นคำกริยาในภาษากรีกที่มาจากรากศัพท์คำว่า δοξάζω (โดซาโส) ที่แปลว่า “ให้เกียรติ” แต่คำว่า “รับพระเกียรติ” เป็นไวยากรณ์ของการถูกกระทำคือมีคนอื่นมอบเกียรติให้ และภาษาไทยเราใช้ราชาศัพท์ว่า “รับพระเกียรติ” แสดงว่าเกียรติที่ได้รับนี้มาจากพระเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ประทานให้ นอกจากคำว่า โดซาโสแล้วยังมีรากศัพท์ในภาษาฮีบรูอีกตัวหนึ่งที่เป็นคำกริยาที่แปลว่า “ให้เกียรติ” คือคำว่า τιμάω (ทีมาโอ) และรากศัพท์ที่มีความหมายตรงกันข้ามคือ ἀτιμάζω (อทิมาโส) แปลว่าหลู่เกียรติ นอกจากคำกริยาแล้ว พระธรรมยอห์นได้ใช้คำนามหลายครั้งด้วยรากศัพท์ของคำนามคือ δόξα (โดซา) ซึ่งแปลว่า “เกียรติ” หรือ “พระสิริ” คำว่า “รับพระเกียรติ” นี้ ถ้าดูตามความหมายกว้างๆ ก็จะหมายความว่า ได้รับการยกย่องเชิดชูจากพระเจ้า และคำว่า “ได้รับเกียรติ” คนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงการมีตำแหน่งสูงที่คนเห็นแล้วจะต้องยกย่อง ให้ความเคารพ […]

ใครคือทูตสวรรค์ ในพระธรรมดาเนียล และมีหน้าที่อะไร

ใครคือทูตสวรรค์ ในพระธรรมดาเนียล และมีหน้าที่อะไร เมื่อเราอ่านพระธรรมดาเนียล ก็จะพบว่ามีความฝันและนิมิตมากมายปรากฏอยู่ในพระธรรมเล่มนี้ และการจะเข้าใจความฝันหรือนิมิตเหล่านี้ก็ไม่ใช่ง่าย หลายครั้งต้องอาศัยการอธิบายจากทูตสวรรค์ อีกทั้งโดยทั่วไปในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เราจะไม่พบชื่อเฉพาะของทูตสวรรค์ แต่ในพระธรรมดาเนียลมีชื่อเฉพาะของทูตสวรรค์ปรากฏคือ “กาเบรียล” (8:16) กับ “มีคาเอล” (10:13) และโดยทั่วไปทูตสวรรค์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมมักจะเป็นผู้มาแจ้งข่าว หรือเป็นตัวแทนของพระเจ้ามาพบกับประชากรของพระองค์ แต่ในพระธรรมดาเนียล ทูตสวรรค์ยังมีบทบาทอีกหลายอย่าง เราจะมาพิจารณาด้วยกันว่า ทูตสวรรค์ที่ปรากฏอยู่ในพระธรรมเล่มนี้มีใครบ้าง และทำอะไรบ้าง คนที่ดูเหมือนองค์เทพบุตรที่อยู่ ในเตาไฟพร้อมกับเพื่อนทั้งสามคนของดาเนียล (3:24-25) หลังจากที่ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ไม่ยอมกราบนมัสการปฏิมากรทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ สร้างขึ้น ทั้งสามคนก็ถูกโยนลงไปในเตาไฟ แต่แทนที่จะมีคนเพียงสามคนอยู่ในเตาไฟ เนบูคัดเนสซาร์กลับเห็นคนสี่คนเดินอยู่ในเตาไฟ พระคัมภีร์ไม่ได้ระบุว่าเพื่อนทั้งสามของดาเนียลเห็นชายคนที่สี่นี้หรือไม่ เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะไม่เห็น เพราะพวกเขาไม่ได้แสดงความเคารพหรือสนทนากับชายคนที่สี่นี้ และในข้อ 28 เนบูคัดเนสซาร์เข้าใจว่าชายคนที่สี่นี้คือทูตสวรรค์ ซึ่งทำหน้าที่มาช่วยกู้เพื่อนทั้งสามของดาเนียลให้ปลอดภัยจากไฟ จนแม้เปลวไฟที่ร้อนแรงนั้นก็ไม่สามารถทำอันตรายพวกเขาทั้งสามคนเลย ทูตสวรรค์ที่ปรากฏในความฝัน ของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ (4:13-17) โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศคำพิพากษาเนบูคัด-เนสซาร์ เพราะเนบูคัดเนสซาร์เย่อหยิ่งในความสำเร็จของพระองค์เอง ความฝันนี้ทำให้พระองค์ต้องเรียกดาเนียลมาอธิบายแก้ฝัน และเมื่อทราบความหมายของฝันนั้นแล้ว ดาเนียลก็ได้เตือนพระองค์ให้กลับใจใหม่และดำเนินชีวิตให้ดี (ข้อ 27) แสดงให้เห็นว่าก่อนที่พระเจ้าจะทรงลงโทษ พระองค์ก็ทรงเตือนก่อนโดยทางทูตสวรรค์ที่ทำหน้าที่ประกาศคำพิพากษา แต่หลังจากผ่านไปได้ 12 […]

ทำไมจึงเป็น “ปาเลสไตน์”? 3/19

ทำไมจึงเป็น “ปาเลสไตน์”? ถาม ทำไมแผ่นดินอิสราเอลโบราณในพระคัมภีร์จึงถูกเรียกว่า “ปาเลสไตน์” มาจนถึงปัจจุบัน ตอบ เพราะมีการบังคับเปลี่ยนชื่อเรียกเสียใหม่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 2 เกิดอะไรขึ้นและทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? เชิญเรามาพิจารณา และสืบค้นเรื่องนี้ไปด้วยกัน ก่อนจะเป็นอิสราเอล ตั้งแต่ก่อนสมัยของอับราฮัมบิดาของชนชาติอิสราเอล แผ่นดินนี้เป็น “เขตของคนคานาอัน” (ปฐก.10:6,15-19) เพราะชนพื้นเมืองต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้แต่โบราณหลังเหตุการณ์น้ำท่วมโลก ล้วนสืบเชื้อสายมาจากบุตรของฮามที่ชื่อว่า “คานาอัน” (ปฐก.9:18,22) แล้วแผ่นดินนี้ก็ถูกเรียกว่า “แผ่นดินคานาอัน” ตั้งแต่ใน ปฐมกาล 11:31 เป็นต้นมา ต่อมาเมื่อพระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมให้ออกเดินทางไปยังแผ่นดินที่พระองค์จะทรงประทานให้ อับราฮัมก็ได้เดินทางจนมาถึงแผ่นดินคานาอัน แล้วพระเจ้าก็ทรงสำแดงให้ท่านทราบว่าคือแผ่นดินนี้เองที่พระองค์จะทรงประทานให้แก่เชื้อสายของท่าน (ปฐก.12:4-7; 13:12,14-18; 17:8; ฉธบ.34:1-4) และแล้วลูกหลานของท่านคือชาวอิสราเอลทั้ง 12 เผ่า ก็ได้เข้ายึดครองแผ่นดินนี้ในสมัยของโยชูวา แต่ก็ยังไม่ได้ทำลายหรือขับไล่ชนพื้นเมืองในแผ่นดินนี้จนหมด ชนพื้นเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่เหล่านี้จึงเป็นปัญหาเรื้อรังของพวกเขาในเวลาต่อมา ชนพื้นเมืองคานาอันกลายเป็นเสี้ยนหนามของคนอิสราเอลทั้งด้านการเมืองและด้านจิตวิญญาณนับตั้งแต่ยุคผู้วินิจฉัยเป็นต้นมา โดยศัตรูตัวฉกาจที่โด่งดังที่สุดของคนอิสราเอลคือ ชาวฟีลิสเตีย ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นเชื้อสายของคานาอัน (ปฐก.10:6, 13-14) แต่เป็นกลุ่มชนที่อพยพมาทางทะเลและขึ้นฝั่งมาตั้งรกรากบนแผ่นดินคานาอันตั้งแต่สมัยโบราณเช่นกัน โดยมีหัวเมืองที่สำคัญอยู่ 5 เมืองได้แก่ อัชโดด อัชเคโลน กาซา เอโครน […]

หลุมฝังศพของยาโคบอยู่ที่ เมืองเฮโบรนหรือเมืองเชเคมกันแน่? 2/19

หลุมฝังศพของยาโคบอยู่ที่ เมืองเฮโบรนหรือเมืองเชเคมกันแน่? เมื่ออ่านพระธรรมปฐมกาลบทที่ 49:29-32 เราจะเห็นว่าพระธรรมตอนนี้ระบุว่าที่ฝังศพของยาโคบอยู่ที่เฮโบรน แต่ในกิจการ 7:14-16 กลับบอกว่าอุโมงค์ฝังศพของยาโคบและบรรพบุรุษอื่นๆ อยู่ที่เมืองเชเคม และยังบอกว่าอุโมงค์นี้เป็นอุโมงค์ที่อับราฮัมซื้อมาจากบุตรของฮาโมร์ในเชเคม ซึ่งถ้าเราอ่านปฐมกาล 23:17-19 เราจะพบว่าอับราฮัมได้ซึ้อนากับถ้ำจากเอโฟรนในมัคเปลาห์ซึ่งอยู่หน้ามัมเร เพื่อเป็นที่ฝังศพของซาราห์ ส่วนยาโคบนั้นได้ซื้อที่นาในเชเคมจากบุตรของฮาโมร์  หลังจากที่กลับมาจากปัดดานอารัม (ปฐก.33:18-19) แต่ในพระคัมภีร์เดิมไม่ได้บอกว่ายาโคบซื้อมาเพื่อเป็นที่ฝังศพ อย่างไรก็ดีในพระธรรมโยชูวา 24:32 ได้บอกว่าคนอิสราเอลได้นำกระดูกของโยเซฟฝังไว้ที่เชเคมใน​ส่วน​ที่​ดิน​ซึ่ง​ยา​โคบ​ซื้อ​ไว้​จาก​บุตร​หลาน​ของ​ฮา​โมร์​บิดา​ของ​เช​เคม เมืองเชเคมจัดเป็นเมืองลี้ภัยเมืองหนึ่งที่อยู่ในเผ่าเอฟราอิมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโยเซฟ ดังนั้นโยเซฟจึงถูกฝังไว้ในเชเคม และเป็นตามสัญญาที่ยาโคบได้ให้ไว้กับโยเซฟในปฐมกาล 48:22 “ยิ่ง​กว่า​นั้น​อีก พ่อ​ยก​เชเคม​ที่​พ่อ​ยึด​จาก​มือ​คน​อา​โมไรต์ ด้วย​ดาบ​และ​ธนู​ของ​เรา​นั้น​ให้​แก่​เจ้า แทน​ที่​จะ​ให้​พี่​น้อง​ของ​เจ้า” ถึงแม้อับราฮัมไม่ได้เป็นผู้ซื้อที่ดินในเมืองเชเคม แต่ท่านได้เคยอาศัยอยู่ที่นั่นเมื่อท่านออกมาจากเมืองฮารานและเข้าไปยังดินแดนคานาอัน (ปฐก.12:6-7) เมื่ออับราฮัมอยู่ที่เชเคม ท่านก็ได้สร้างแท่นบูชาแด่พระยาห์เวห์ เป็นไปได้ว่าต่อมาภายหลังยาโคบได้ซื้อที่ดินผืนเดียวกับที่อับราฮัมเคยตั้งรกรากเมื่อเข้ามายังดินแดนคานาอัน หากเราเดินทางไปยังอิสราเอล เราจะพบว่าที่ฝังศพของอับราฮัม ซาราห์ อิสอัค เรเบคาห์ ยาโคบยังคงอยู่ที่เฮโบรน เมืองเฮโบรนเคยเป็นเมืองหลวงของยูดาห์ ปัจจุบันทั้งคนยิวและมุสลิมถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เมืองเฮโบรนนี้อยู่ในอาณาเขตของยูดาห์ และ ปฐมกาล 50:13 ได้ยืนยันการฝังศพของยาโคบที่เฮโบรนว่า “คือ​บรรดา​บุตร​นำ​ศพ​ไป​ยัง​ดิน​แดน​คา​นา​อัน แล้ว​ฝัง​ไว้​ใน​ถ้ำ​ที่​อยู่​ใน​นา​ชื่อ มัค​เป-ลาห์ เป็น​นา​ซึ่ง​อับ​รา​ฮัม​ซื้อ​ไว้​จาก​เอ​โฟรน​คน​ฮิต​ไทต์​เป็น​สุสาน อยู่​หน้า​มัมเร” นักวิชาการทางพระคัมภีร์พยายามหาคำตอบที่จะแก้ไขปัญหาความแตกต่างนี้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น […]

ทำไมจึงมีการเพิ่มเชิงอรรถ “พระคุณแทนพระคุณ” ใน ยอห์น 1:16? 1/19

ทำไมจึงมีการเพิ่มเชิงอรรถ “พระคุณแทนพระคุณ” ใน ยอห์น 1:16? คริสเตียนไทยคุ้นเคยกับวลี “พระคุณซ้อนพระคุณ” ในพระธรรมยอห์น 1:16 เป็นอย่างดี หลายคนอาจสงสัยว่า วลีนี้ “พระคุณซ้อนพระคุณ” หมายความว่าอย่างไร และทำไมพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน 2011 จึงต้องใส่เชิงอรรถว่า “แปลได้อีกว่า พระคุณแทนพระคุณ” เราจะมาพิจารณาความหมายนี้ด้วยกัน ในพระคัมภีร์กรีก วลีนี้ใช้ว่า อ่านว่า “คาริน แอนไท คาริโทส” (charin anti charitos) ที่น่าสนใจคือ พระคัมภีร์ไทยฉบับแปลของสมาคมพระคริสตธรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นฉบับ 1971 ฉบับพันธสัญญาใหม่ 2000 หรือฉบับมาตรฐาน 2011 ทุกฉบับจะแปลเป็น “พระคุณซ้อนพระคุณ” ส่วนองค์กรอมตธรรม ฉบับอมต-ธรรมร่วมสมัยก็แปลตามฉบับ NIV ว่า “พระพรครั้งแล้วครั้งเล่า” แต่สำหรับพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษมีการแปลที่หลากหลายกว่า ดังตัวอย่างเช่น KJV (1611/1769), NKJ, ASV, Wycliffe NT: “grace for grace” […]

พระเยซูทรงเรียก เปโตรเป็นสาวกเมื่อไร? 4/18

พระเยซูทรงเรียก เปโตรเป็นสาวกเมื่อไร? คำถาม พระเยซูทรงเรียกให้เปโตรเป็นสาวกเมื่อไร เพราะสิ่งที่บันทึกไว้ในยอห์น ไม่ตรงกับที่ปรากฏในมาระโกและมัทธิว . คำตอบ หากเราอ่านเรื่องราวใน มาระโก 1:16-18 [ขณะ​ที่​พระ​องค์​เสด็จ​ไป​ตาม​ชาย​ทะเล​สาบ​กา​ลิ​ลี ก็​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​ชาว​ประ​มง​สอง​คน คือ​ซีโมน​และ​อัน​ดรูว์​น้อง​ของ​ซีโมน กำ​ลัง​ทอด​แห​อยู่​ใน​ทะเล​สาบ พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “จง​ตาม​เรา​มา เรา​จะ​ตั้ง​พวก​ท่าน​ให้​เป็น​ผู้​หา​คน​เหมือน​หา​ปลา” พวก​เขา​ก็​ละ​แห​ตาม​พระ​องค์​ไป​ทัน​ที] เราก็คงคิดว่าพระเยซูพบเปโตรครั้งแรกที่ทะเลสาบ    กาลิลี แล้วเมื่อพระองค์เรียกเปโตรให้ตามพระองค์ไป เขาก็ยอมทิ้งงานและอาชีพของเขาเพื่อติดตามคนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน . แต่เมื่อเรามาอ่านยอห์น 1:35-42 [รุ่ง​ขึ้น ยอห์น​ยืน​อยู่​ที่​นั่น​อีก​กับ​ศิษย์​ของ​ท่าน​สอง​คน  และ​ท่าน​มอง​ดู​พระ​เยซู​ขณะ​ที่​พระ​องค์​เสด็จ​ผ่าน​ไป และ​ท่าน​กล่าว​ว่า “จง​ดู​พระ​เมษ​โป​ดก​ของ​พระเจ้า” ศิษย์​สอง​คน​นั้น​ได้​ยิน​ท่าน​พูด​อย่าง​นี้​ก็​ติด​ตาม​พระ​เยซู​ไป พระ​เยซู​ทรง​เหลียว​หลังกลับ​และ​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​เขา​ทั้ง​สอง​ตาม​พระ​องค์​มา จึง​ตรัส​ถาม​เขา​ว่า “ท่าน​หา​อะไร​?” เขา​ทั้ง​สอง​ทูล​พระ​องค์​ว่า “รับบี (ซึ่ง​แปล​ว่า​ท่าน​อา​จารย์) ท่าน​พัก​อยู่​ที่​ไหน​?” พระ​องค์​ตรัส​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “มา​ดู​เถิด” เขา​ก็​ไป​และ​เห็น​ที่​ซึ่ง​พระ​องค์​ประทับ และ​วัน​นั้น​ก็​พัก​อยู่​กับ​พระ​องค์ เพราะ​ขณะ​นั้น​ประ​มาณ​สี่​โมง​เย็น​แล้ว คน​หนึ่ง​ใน​สอง​คน​นั้น​ที่​ได้​ยิน​ยอห์น​พูด​และ​ติด​ตาม​พระ​องค์​ไป คือ​อัน​ดรูว์​น้อง​ชาย​ของ​ซีโมน​เป​โตร แล้ว​อัน​ดรูว์​ก็​ไป​หา​ซีโมน​พี่​ชาย​ของ​ตน​ก่อน และ​บอก​เขา​ว่า “เรา​พบ​พระ​เมส​สิ​ยาห์​แล้ว” ​(ซึ่ง​แปล​ว่า​พระ​คริสต์) อัน​ดรูว์​จึง​พา​ซีโมน​ไป​เฝ้า​พระ​เยซู เมื่อ​พระ​เยซู​ทอด​พระ​เนตร​เขา​แล้ว​ก็​ตรัส​ว่า “ท่าน​คือ​ ซีโมน​บุตร​ยอห์น […]

ทำไมพระธรรมมาลาคี 2:15 จึงแปลหลากหลาย? 3/18

ทำไมพระธรรมมาลาคี 2:15 จึงแปลหลากหลาย? คำถาม ทำไมพระธรรมมาลาคีบทที่สองข้อที่สิบห้าจึงมีคำแปลหลากหลายและต่างกันในพระคัมภีร์ฉบับต่างๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ? ทำไมคำแปลของสมาคมพระคริสตธรรมไทยจึงต่างจากฉบับอื่น? คำตอบ เมื่อพิเคราะห์ดูการเปรียบเทียบคำแปลข้างล่างนี้ เรามองเห็นความจริงตามที่ผู้อ่านได้เสนอมา ในพระคัมภีร์ไทย เราพบคำแปลต่างกันสองกลุ่มได้แก่ กลุ่มที่หนึ่ง พระคัมภีร์ฉบับต่างๆ ของสมาคมพระคริสตธรรมไทยได้แก่ ฉบับ 1940 ฉบับ 1971 และฉบับมาตรฐาน 2011 กับกลุ่มที่สอง พระคัมภีร์ฉบับอื่นๆ ได้แก่ ฉบับคาทอลิก (ThCB) ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV) และฉบับคิงเจมส์ไทย (ThKJ) เมื่อดูให้ละเอียดก็พบว่าความแตกต่างหลักอยู่ที่สองประโยคแรก นอกนั้นเนื้อความก็จะเหมือนๆ กัน . พระคัมภีร์ไทยฉบับต่างๆ พระธรรมมาลาคี 2:15 กลุ่มที่หนึ่ง พระคัมภีร์ฉบับ 1940 แต่ไม่มีสักคนเดียวในพวกท่านมีศีลธรรม ไม่มีสักคนเดียวปรารถนาจะมีบุตรจากพระเจ้า จงระวังตัวนะ อย่าได้ประพฤติไม่ซื่อตรงต่อเมียซึ่งได้กันเมื่อครั้งหนุ่มสาว พระคัมภีร์ฉบับ 1971 แต่ไม่มีสักคนหนึ่งที่มีสติจะกระทำอย่างนี้ ผู้มีสตินั้นย่อมประสงค์สิ่งใด ย่อมประสงค์ลูกหลานที่เชื่อฟังพระเจ้า ดังนั้น จงระวังตัวนะ อย่าให้ผู้ใดทรยศต่อภรรยาคนที่ได้เมื่อหนุ่มนั้นพระคัมภีร์ฉบับ 2011 แต่ไม่มีสักคนหนึ่งที่มีสติจะทำอย่างนี้ ผู้มีสตินั้นย่อมประสงค์อะไร? ย่อมประสงค์ลูกหลานที่เชื่อฟังพระเจ้า ดังนั้นจงระวังตัวให้ดี อย่าให้ผู้ใดทรยศต่อภรรยาคนที่ได้เมื่อหนุ่มนั้น กลุ่มที่สอง Thai Catholic […]

ทำไมฮามาน จึงอาฆาตแค้นโมรเดคัยอย่างรุนแรง? 2/18

ทำไมฮามาน จึงอาฆาตแค้นโมรเดคัยอย่างรุนแรง? คำถาม ทำไมฮามานจึงอาฆาตแค้นโมรเดคัยอย่างรุนแรง? คำตอบ พระธรรมเอสเธอร์เป็นหนังสือเล่มสุดท้ายในหมวดประวัติศาสตร์สมัยอาณาจักรเปอร์เซีย เป็นหนังสือที่น่าสนใจ ผู้เขียนมีวิธีการเล่าเรื่องในแบบของตัวเอง แม้เนื้อหาของพระธรรมเล่มนี้จะไม่มีการกล่าวอ้างพระนามพระเจ้าแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีการกล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติในศาสนายิว เช่น การนมัสการ การอธิษฐาน หรือการถวายเครื่องบูชา แต่ผู้เขียนมีการกล่าวถึงการอดอาหารของโมรเดคัย และการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ากระสอบ ในเวลาที่โมรเดคัยได้ยินคำกฤษฎีกาของฮามาน ในเรื่องการอดอาหารนี้ ต้องเข้าใจว่ามักเกิดควบคู่ไปกับการสารภาพบาป การใคร่ครวญในพระวจนะของพระเจ้าและการอธิษฐาน ยิ่งกว่านั้นเมื่อพระนางเอสเธอร์เตรียมตัวเข้าพบพระราชาเซอร์ซีส (หรือ อาหสุเอรัส) เพื่อขอความกรุณาต่อคนยิว พระนางได้ขอให้คนยิวอดอาหารเพื่อพระนางถึงสามวัน ทั้งนี้ผู้อ่านต้องเข้าใจว่า การเข้าพบกษัตริย์ในเวลานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าพระนางเอสเธอร์จะเป็นหนึ่งในมเหสีก็ตาม เพราะหากไม่ได้รับอนุญาตก่อน หรือหากกษัตริย์ไม่ทรงเรียกให้เข้าพบ การเข้าพบพระองค์ก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้ พระนางเอสเธอร์ต้องใช้ความกล้าหาญมากในการขอเข้าพบกษัตริย์ พระนางจึงต้องการพลังอธิษฐานจากพวกคนยิวด้วย นอกจากนี้ผู้อ่านยังพบกับเรื่องราวของเทศกาลปูริม ซึ่งคนยิวในปัจจุบันยังถือปฏิบัติเทศกาลนี้อยู่ในศาลาธรรมของพวกเขา . ผู้เขียนพระธรรมเอสเธอร์ จึงมีจุดประสงค์ที่จะให้ผู้อ่านทราบว่า พวกยิวนั้นได้รับการช่วยกู้จากพระเจ้า ก็เพราะพระเจ้าทรงควบคุมอยู่เหนือบรรดาเหตุการณ์เหล่านี้ แม้ว่าผู้เขียนจะไม่ได้กล่าวถึงพระนามของพระเจ้าก็ตาม มีหลายเหตุการณ์ที่ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นเหตุบังเอิญ แต่แท้จริงแล้วมันยิ่งกว่าบังเอิญ นั่นคือ พระเจ้าทรงควบคุมทุกเหตุการณ์ แม้เราที่เป็นมนุษย์จะไม่ได้ตระหนักว่าพระองค์ทรงควบคุมอยู่ก็ตาม พระธรรมเอสเธอร์จึงให้บทเรียนสำคัญคือ ไม่ว่าเราจะอยู่ในชุมชนใด พระเจ้าผู้บริสุทธิ์ทรงควบคุมอยู่เหนือชีวิตเราทั้งหลายในทุกสถานการณ์ ในทุกที่ที่เราอยู่ พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งคนของพระองค์ . แค้นนี้ต้องชำระ อิสราเอลกับคนอามาเลข  หัวข้อหนึ่งที่ผู้เขียนพระธรรมเอสเธอร์ได้วางไว้อย่างน่าสนใจ […]

พระเยซู มาเพื่อชนชาติ อิสราเอลเท่านั้น หรือมาเพื่อคนทั้งโลก? 1/18

พระเยซู มาเพื่อชนชาติ อิสราเอลเท่านั้น หรือมาเพื่อคนทั้งโลก? คำถาม พระเยซูมาเพื่อชนชาติอิสราเอลเท่านั้นหรือมาเพื่อคนทั้งโลก? ความหมายของ มัทธิว 15:24 ที่บันทึกว่า พระ​องค์​ (พระเยซู) ตรัส​ตอบ​ว่า “เรา​ไม่​ได้​รับ​ใช้​มา​หา​ใคร เว้น​แต่​แกะ​หลง​ของ​วงศ์​วาน​อิส​รา​เอล” คืออะไร . คำตอบ คำถามนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจมากครับ เพราะสำหรับคริสเตียนแล้ว พระเยซูมาเพื่อคนทั้งโลก ไม่ได้มาเพื่อคนยิวเท่านั้น เราต่างก็ท่องยอห์น 3:16 ได้ทุกคนที่ว่า “พระ​เจ้า​ทรง​รัก​โลก​ดัง​นี้ คือ​ได้​ประทาน​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ​องค์ เพื่อ​ทุก​คน​ที่​วาง​ใจ​ใน​พระ​บุตร​นั้น​จะ​ไม่​พินาศ แต่​มี​ชีวิต​นิรันดร์” พระบุตรในข้อนี้หมายถึงพระเยซูคริสต์  ซึ่งได้ยืนยันว่า พระเยซูเสด็จมาในโลกนี้เพื่อไถ่คนทั้งโลกไม่ใช่เฉพาะพวกยิวเท่านั้น ตามประวัติศาสตร์พระองค์เกิดเป็นมนุษย์ในครอบครัวของยิว อยู่ภายใต้วัฒนธรรมและความเชื่อของคนยิว และเป็นคนยิวที่สมบูรณ์ การที่พระเยซูคริสต์ได้เกิดเป็นคนยิวนั้นก็เพื่อให้เป็นไปตามสัญญาที่พระเจ้าสัญญาไว้กับอับราฮัม และกษัตริย์ดาวิด ซึ่งปรากฏชัดในลำดับพงศ์ของพระเยซูในมัทธิว 1:1 “หนัง​สือ​ลำ​ดับ​พงศ์​ของ​พระ​เยซู​คริสต์ ผู้​เป็น​เชื้อ​สาย​ของ​ดา​วิด ผู้​สืบ​ตระ​กูล​มา​จาก​อับ​รา​ฮัม” พระเจ้าทรงสัญญากับอับราฮัมว่า “เรา​จะ​อวย​พร​คน​ที่​อวย​พร​เจ้า เรา​จะ​สาป​คน​ที่​แช่ง​เจ้า บรรดา​เผ่า​พันธุ์​ทั่ว​โลก​จะ​ได้​พร​เพราะ​เจ้า” พระเจ้าต้องการให้อับราฮัมและเชื้อสายของท่านเป็นพรแก่คนทั้งโลก ไม่ใช่เป็นพรแก่คนที่เกิดมาจากอับราฮัมเท่านั้น ในพระธรรมมัทธิวบทสุดท้ายนั้น ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ทรงกำชับสาวกให้นำคนทุกชาติให้มาเป็นสาวกของพระองค์  “พระ​เยซู​จึง​เสด็จ​เข้า​มา​ใกล้​แล้ว​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า ‘สิทธิ​อำนาจ​ทั้ง​หมด​ใน​สวรรค์​ก็​ดี ใน​แผ่น​ดิน​โลก​ก็​ดี​ทรง​มอบ​ไว้​แก่​เรา​แล้ว เพราะ​ฉะนั้น […]

1 2 3 4 10