พระเยซูทรงเรียก เปโตรเป็นสาวกเมื่อไร? 4/18

พระเยซูทรงเรียก เปโตรเป็นสาวกเมื่อไร? คำถาม พระเยซูทรงเรียกให้เปโตรเป็นสาวกเมื่อไร เพราะสิ่งที่บันทึกไว้ในยอห์น ไม่ตรงกับที่ปรากฏในมาระโกและมัทธิว . คำตอบ หากเราอ่านเรื่องราวใน มาระโก 1:16-18 [ขณะ​ที่​พระ​องค์​เสด็จ​ไป​ตาม​ชาย​ทะเล​สาบ​กา​ลิ​ลี ก็​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​ชาว​ประ​มง​สอง​คน คือ​ซีโมน​และ​อัน​ดรูว์​น้อง​ของ​ซีโมน กำ​ลัง​ทอด​แห​อยู่​ใน​ทะเล​สาบ พระ​เยซู​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า “จง​ตาม​เรา​มา เรา​จะ​ตั้ง​พวก​ท่าน​ให้​เป็น​ผู้​หา​คน​เหมือน​หา​ปลา” พวก​เขา​ก็​ละ​แห​ตาม​พระ​องค์​ไป​ทัน​ที] เราก็คงคิดว่าพระเยซูพบเปโตรครั้งแรกที่ทะเลสาบ    กาลิลี แล้วเมื่อพระองค์เรียกเปโตรให้ตามพระองค์ไป เขาก็ยอมทิ้งงานและอาชีพของเขาเพื่อติดตามคนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน . แต่เมื่อเรามาอ่านยอห์น 1:35-42 [รุ่ง​ขึ้น ยอห์น​ยืน​อยู่​ที่​นั่น​อีก​กับ​ศิษย์​ของ​ท่าน​สอง​คน  และ​ท่าน​มอง​ดู​พระ​เยซู​ขณะ​ที่​พระ​องค์​เสด็จ​ผ่าน​ไป และ​ท่าน​กล่าว​ว่า “จง​ดู​พระ​เมษ​โป​ดก​ของ​พระเจ้า” ศิษย์​สอง​คน​นั้น​ได้​ยิน​ท่าน​พูด​อย่าง​นี้​ก็​ติด​ตาม​พระ​เยซู​ไป พระ​เยซู​ทรง​เหลียว​หลังกลับ​และ​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​เขา​ทั้ง​สอง​ตาม​พระ​องค์​มา จึง​ตรัส​ถาม​เขา​ว่า “ท่าน​หา​อะไร​?” เขา​ทั้ง​สอง​ทูล​พระ​องค์​ว่า “รับบี (ซึ่ง​แปล​ว่า​ท่าน​อา​จารย์) ท่าน​พัก​อยู่​ที่​ไหน​?” พระ​องค์​ตรัส​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “มา​ดู​เถิด” เขา​ก็​ไป​และ​เห็น​ที่​ซึ่ง​พระ​องค์​ประทับ และ​วัน​นั้น​ก็​พัก​อยู่​กับ​พระ​องค์ เพราะ​ขณะ​นั้น​ประ​มาณ​สี่​โมง​เย็น​แล้ว คน​หนึ่ง​ใน​สอง​คน​นั้น​ที่​ได้​ยิน​ยอห์น​พูด​และ​ติด​ตาม​พระ​องค์​ไป คือ​อัน​ดรูว์​น้อง​ชาย​ของ​ซีโมน​เป​โตร แล้ว​อัน​ดรูว์​ก็​ไป​หา​ซีโมน​พี่​ชาย​ของ​ตน​ก่อน และ​บอก​เขา​ว่า “เรา​พบ​พระ​เมส​สิ​ยาห์​แล้ว” ​(ซึ่ง​แปล​ว่า​พระ​คริสต์) อัน​ดรูว์​จึง​พา​ซีโมน​ไป​เฝ้า​พระ​เยซู เมื่อ​พระ​เยซู​ทอด​พระ​เนตร​เขา​แล้ว​ก็​ตรัส​ว่า “ท่าน​คือ​ ซีโมน​บุตร​ยอห์น […]

ทำไมพระธรรมมาลาคี 2:15 จึงแปลหลากหลาย? 3/18

ทำไมพระธรรมมาลาคี 2:15 จึงแปลหลากหลาย? คำถาม ทำไมพระธรรมมาลาคีบทที่สองข้อที่สิบห้าจึงมีคำแปลหลากหลายและต่างกันในพระคัมภีร์ฉบับต่างๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ? ทำไมคำแปลของสมาคมพระคริสตธรรมไทยจึงต่างจากฉบับอื่น? คำตอบ เมื่อพิเคราะห์ดูการเปรียบเทียบคำแปลข้างล่างนี้ เรามองเห็นความจริงตามที่ผู้อ่านได้เสนอมา ในพระคัมภีร์ไทย เราพบคำแปลต่างกันสองกลุ่มได้แก่ กลุ่มที่หนึ่ง พระคัมภีร์ฉบับต่างๆ ของสมาคมพระคริสตธรรมไทยได้แก่ ฉบับ 1940 ฉบับ 1971 และฉบับมาตรฐาน 2011 กับกลุ่มที่สอง พระคัมภีร์ฉบับอื่นๆ ได้แก่ ฉบับคาทอลิก (ThCB) ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV) และฉบับคิงเจมส์ไทย (ThKJ) เมื่อดูให้ละเอียดก็พบว่าความแตกต่างหลักอยู่ที่สองประโยคแรก นอกนั้นเนื้อความก็จะเหมือนๆ กัน . พระคัมภีร์ไทยฉบับต่างๆ พระธรรมมาลาคี 2:15 กลุ่มที่หนึ่ง พระคัมภีร์ฉบับ 1940 แต่ไม่มีสักคนเดียวในพวกท่านมีศีลธรรม ไม่มีสักคนเดียวปรารถนาจะมีบุตรจากพระเจ้า จงระวังตัวนะ อย่าได้ประพฤติไม่ซื่อตรงต่อเมียซึ่งได้กันเมื่อครั้งหนุ่มสาว พระคัมภีร์ฉบับ 1971 แต่ไม่มีสักคนหนึ่งที่มีสติจะกระทำอย่างนี้ ผู้มีสตินั้นย่อมประสงค์สิ่งใด ย่อมประสงค์ลูกหลานที่เชื่อฟังพระเจ้า ดังนั้น จงระวังตัวนะ อย่าให้ผู้ใดทรยศต่อภรรยาคนที่ได้เมื่อหนุ่มนั้นพระคัมภีร์ฉบับ 2011 แต่ไม่มีสักคนหนึ่งที่มีสติจะทำอย่างนี้ ผู้มีสตินั้นย่อมประสงค์อะไร? ย่อมประสงค์ลูกหลานที่เชื่อฟังพระเจ้า ดังนั้นจงระวังตัวให้ดี อย่าให้ผู้ใดทรยศต่อภรรยาคนที่ได้เมื่อหนุ่มนั้น กลุ่มที่สอง Thai Catholic […]

ทำไมฮามาน จึงอาฆาตแค้นโมรเดคัยอย่างรุนแรง? 2/18

ทำไมฮามาน จึงอาฆาตแค้นโมรเดคัยอย่างรุนแรง? คำถาม ทำไมฮามานจึงอาฆาตแค้นโมรเดคัยอย่างรุนแรง? คำตอบ พระธรรมเอสเธอร์เป็นหนังสือเล่มสุดท้ายในหมวดประวัติศาสตร์สมัยอาณาจักรเปอร์เซีย เป็นหนังสือที่น่าสนใจ ผู้เขียนมีวิธีการเล่าเรื่องในแบบของตัวเอง แม้เนื้อหาของพระธรรมเล่มนี้จะไม่มีการกล่าวอ้างพระนามพระเจ้าแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีการกล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติในศาสนายิว เช่น การนมัสการ การอธิษฐาน หรือการถวายเครื่องบูชา แต่ผู้เขียนมีการกล่าวถึงการอดอาหารของโมรเดคัย และการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ากระสอบ ในเวลาที่โมรเดคัยได้ยินคำกฤษฎีกาของฮามาน ในเรื่องการอดอาหารนี้ ต้องเข้าใจว่ามักเกิดควบคู่ไปกับการสารภาพบาป การใคร่ครวญในพระวจนะของพระเจ้าและการอธิษฐาน ยิ่งกว่านั้นเมื่อพระนางเอสเธอร์เตรียมตัวเข้าพบพระราชาเซอร์ซีส (หรือ อาหสุเอรัส) เพื่อขอความกรุณาต่อคนยิว พระนางได้ขอให้คนยิวอดอาหารเพื่อพระนางถึงสามวัน ทั้งนี้ผู้อ่านต้องเข้าใจว่า การเข้าพบกษัตริย์ในเวลานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าพระนางเอสเธอร์จะเป็นหนึ่งในมเหสีก็ตาม เพราะหากไม่ได้รับอนุญาตก่อน หรือหากกษัตริย์ไม่ทรงเรียกให้เข้าพบ การเข้าพบพระองค์ก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้ พระนางเอสเธอร์ต้องใช้ความกล้าหาญมากในการขอเข้าพบกษัตริย์ พระนางจึงต้องการพลังอธิษฐานจากพวกคนยิวด้วย นอกจากนี้ผู้อ่านยังพบกับเรื่องราวของเทศกาลปูริม ซึ่งคนยิวในปัจจุบันยังถือปฏิบัติเทศกาลนี้อยู่ในศาลาธรรมของพวกเขา . ผู้เขียนพระธรรมเอสเธอร์ จึงมีจุดประสงค์ที่จะให้ผู้อ่านทราบว่า พวกยิวนั้นได้รับการช่วยกู้จากพระเจ้า ก็เพราะพระเจ้าทรงควบคุมอยู่เหนือบรรดาเหตุการณ์เหล่านี้ แม้ว่าผู้เขียนจะไม่ได้กล่าวถึงพระนามของพระเจ้าก็ตาม มีหลายเหตุการณ์ที่ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นเหตุบังเอิญ แต่แท้จริงแล้วมันยิ่งกว่าบังเอิญ นั่นคือ พระเจ้าทรงควบคุมทุกเหตุการณ์ แม้เราที่เป็นมนุษย์จะไม่ได้ตระหนักว่าพระองค์ทรงควบคุมอยู่ก็ตาม พระธรรมเอสเธอร์จึงให้บทเรียนสำคัญคือ ไม่ว่าเราจะอยู่ในชุมชนใด พระเจ้าผู้บริสุทธิ์ทรงควบคุมอยู่เหนือชีวิตเราทั้งหลายในทุกสถานการณ์ ในทุกที่ที่เราอยู่ พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งคนของพระองค์ . แค้นนี้ต้องชำระ อิสราเอลกับคนอามาเลข  หัวข้อหนึ่งที่ผู้เขียนพระธรรมเอสเธอร์ได้วางไว้อย่างน่าสนใจ […]

พระเยซู มาเพื่อชนชาติ อิสราเอลเท่านั้น หรือมาเพื่อคนทั้งโลก? 1/18

พระเยซู มาเพื่อชนชาติ อิสราเอลเท่านั้น หรือมาเพื่อคนทั้งโลก? คำถาม พระเยซูมาเพื่อชนชาติอิสราเอลเท่านั้นหรือมาเพื่อคนทั้งโลก? ความหมายของ มัทธิว 15:24 ที่บันทึกว่า พระ​องค์​ (พระเยซู) ตรัส​ตอบ​ว่า “เรา​ไม่​ได้​รับ​ใช้​มา​หา​ใคร เว้น​แต่​แกะ​หลง​ของ​วงศ์​วาน​อิส​รา​เอล” คืออะไร . คำตอบ คำถามนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจมากครับ เพราะสำหรับคริสเตียนแล้ว พระเยซูมาเพื่อคนทั้งโลก ไม่ได้มาเพื่อคนยิวเท่านั้น เราต่างก็ท่องยอห์น 3:16 ได้ทุกคนที่ว่า “พระ​เจ้า​ทรง​รัก​โลก​ดัง​นี้ คือ​ได้​ประทาน​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ​องค์ เพื่อ​ทุก​คน​ที่​วาง​ใจ​ใน​พระ​บุตร​นั้น​จะ​ไม่​พินาศ แต่​มี​ชีวิต​นิรันดร์” พระบุตรในข้อนี้หมายถึงพระเยซูคริสต์  ซึ่งได้ยืนยันว่า พระเยซูเสด็จมาในโลกนี้เพื่อไถ่คนทั้งโลกไม่ใช่เฉพาะพวกยิวเท่านั้น ตามประวัติศาสตร์พระองค์เกิดเป็นมนุษย์ในครอบครัวของยิว อยู่ภายใต้วัฒนธรรมและความเชื่อของคนยิว และเป็นคนยิวที่สมบูรณ์ การที่พระเยซูคริสต์ได้เกิดเป็นคนยิวนั้นก็เพื่อให้เป็นไปตามสัญญาที่พระเจ้าสัญญาไว้กับอับราฮัม และกษัตริย์ดาวิด ซึ่งปรากฏชัดในลำดับพงศ์ของพระเยซูในมัทธิว 1:1 “หนัง​สือ​ลำ​ดับ​พงศ์​ของ​พระ​เยซู​คริสต์ ผู้​เป็น​เชื้อ​สาย​ของ​ดา​วิด ผู้​สืบ​ตระ​กูล​มา​จาก​อับ​รา​ฮัม” พระเจ้าทรงสัญญากับอับราฮัมว่า “เรา​จะ​อวย​พร​คน​ที่​อวย​พร​เจ้า เรา​จะ​สาป​คน​ที่​แช่ง​เจ้า บรรดา​เผ่า​พันธุ์​ทั่ว​โลก​จะ​ได้​พร​เพราะ​เจ้า” พระเจ้าต้องการให้อับราฮัมและเชื้อสายของท่านเป็นพรแก่คนทั้งโลก ไม่ใช่เป็นพรแก่คนที่เกิดมาจากอับราฮัมเท่านั้น ในพระธรรมมัทธิวบทสุดท้ายนั้น ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ทรงกำชับสาวกให้นำคนทุกชาติให้มาเป็นสาวกของพระองค์  “พระ​เยซู​จึง​เสด็จ​เข้า​มา​ใกล้​แล้ว​ตรัส​กับ​พวก​เขา​ว่า ‘สิทธิ​อำนาจ​ทั้ง​หมด​ใน​สวรรค์​ก็​ดี ใน​แผ่น​ดิน​โลก​ก็​ดี​ทรง​มอบ​ไว้​แก่​เรา​แล้ว เพราะ​ฉะนั้น […]

“พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทยฉบับศึกษา มีความเป็นมาอย่างไร? คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว? และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อไร?” 4/17

“พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทยฉบับศึกษา มีความเป็นมาอย่างไร? คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว? และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อไร?” ในปัจจุบัน น่ายินดีที่คริสตชนมีพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่มีเชิงอรรถอธิบายความหมายอยู่หลายฉบับ เช่น พระคัมภีร์คาทอลิกฉบับสมบูรณ์ (ที่แปลมาจาก The New Jerusalem Bible ซึ่งมีเชิงอรรถที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก) พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับค้นคว้า (ที่แปลเชิงอรรถอธิบายจาก NIV Study Bible ซึ่งเขียนโดยนักวิชาการพระคัมภีร์สายอนุรักษ์นิยม) พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับอธิบาย (ที่แปลเชิงอรรถอธิบายจาก Life Application Bible ซึ่งนอกจากจะให้ข้อมูลเบื้องหลังพระคัมภีร์แล้ว ยังให้แง่คิดเกี่ยวกับการประยุกต์พระคัมภีร์เข้ากับชีวิต) พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับอธิบาย “ชีวิตครบบริบูรณ์” (ที่แปลเชิงอรรถอธิบายจาก Full Life Study Bible ซึ่งมีพื้นฐานอยู่บนหลักความเชื่อของคณะเพ็นเทคอสต์) นี่นับเป็นพระพรอย่างยิ่งจากพระเจ้าสำหรับคริสตชนไทยที่จะได้อ่านและเข้าใจความหมายของพระคัมภีร์ อีกทั้งนำมาเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน (Scripture Engagement) การเรียกร้องให้จัดทำพระคัมภีร์ฉบับศึกษาของสมาคมฯ ในเมื่อมีพระคัมภีร์ที่มีเชิงอรรถอธิบายมากมายแล้ว ยังจำเป็นอีกหรือที่สมาคมพระคริสต-ธรรมไทยจะต้องจัดทำพระคริสตธรรมคัมภีร์ไทยฉบับศึกษา? คำตอบมิได้มาจากสมาคมฯ เอง แต่มาจากคริสตชนว่าพวกเขายังต้องการพระคัมภีร์ฉบับศึกษาของสมาคมฯ อยู่ และเฝ้าคอยว่าเมื่อไรจะเสร็จสมบูรณ์ พวกเขาจะได้หามาอ่านและศึกษา และด้วยเหตุนี้เอง สมาคมฯ ยังคงดำเนินการจัดทำเชิงอรรถอธิบายพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน และค่อยๆ ทยอยพิมพ์ออกมาให้พี่น้องได้อ่าน ยกตัวอย่าง พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทยฉบับศึกษา ปัญญานิพนธ์ […]

ทำไมพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน แปล 1 ยอห์น 5:19 “…แต่โลกทั้งหมดอยู่ในมือของมารร้าย” 3/17

ทำไมพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน แปล 1 ยอห์น 5:19 “…แต่โลกทั้งหมดอยู่ในมือของมารร้าย” ทำไมพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน 2011 แปล 1 ยอห์น 5:19 ว่า “…แต่โลกทั้งหมดอยู่ในมือของมารร้าย” ทั้งๆ ที่ในภาษากรีกไม่มีคำว่า “มือ” หรือ “อานุภาพ” แต่ตามตัวอักษรของข้อนี้ในต้นฉบับกรีกแปลว่า “ทั่วทั้งโลกอยู่ใต้การปิดบังของมารร้าย!” ? . ก่อนอื่นขออธิบายว่า การแปลพระคัมภีร์ของสมาคมพระคริสตธรรมไทยนั้น ไม่ได้แปลโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่แปลโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของภาษาเดิมของพระคัมภีร์ และมีความรู้เรื่องศาสนศาสตร์อย่างดี การแปลพระธรรมแต่ละเล่มนั้นจะต้องผ่านขั้นตอนหลายขั้นตอน ขั้นตอนแรกคือเมื่อผู้แปลคนแรกแปลเสร็จ ก็จะต้องส่งต่อให้ผู้แปลคนที่สองเพื่อตรวจสอบการแปลเพื่อความถูกต้อง นอกจากนั้นยังส่งให้อนุกรรมการตรวจสอบคำแปลอ่านด้วย หลังจากที่ได้รับคำเสนอแนะจากผู้แปลคนที่สองและอนุกรรมการตรวจสอบคำแปลแล้ว ผู้แปลคนแรกจะทำการแก้ไข และส่งให้ที่ปรึกษาฝ่ายการแปลของสหสมาคมพระคริสตธรรมสากล (United Bible Societies) ซึ่งเป็นนักวิชาการที่มีความสามารถในเรื่องการแปลพระคัมภีร์โดยเฉพาะ  สหสมาคมพระคริสตธรรมสากล เป็นองค์กรที่ทำการแปลพระคัมภีร์มากที่สุดในโลก และได้จัดทำคู่มือการแปลพระคัมภีร์ให้กับผู้แปลทั่วโลก เพื่อให้การแปลพระคัมภีร์ทั่วโลกมีมาตรฐาน สมาคมพระคริสตธรรมไทยเป็นสมาชิกสมบูรณ์ของสหสมาคมพระคริสตธรรมสากล ดังนั้นการแปลพระคัมภีร์ของสมาคมพระคริสตธรรมไทยจึงเป็นการแปลที่ได้มาตรฐานสากล ผู้อ่านทุกท่านจึงสามารถมั่นใจได้ว่า พระคัมภีร์ที่แปลโดยสมาคมพระคริสตธรรมไทยนั้นเป็นพระคัมภีร์ที่น่าเชื่อถือและถูกต้อง . อีกประการหนึ่งเมื่อพิจารณาคำถามนี้แล้ว จะเห็นว่าข้อความที่ยกมานี้เป็นเพียงครึ่งหลังของ 1 ยอห์น 5:19 โดยไม่ได้พิจารณาครึ่งแรกของข้อนี้ซึ่งมีข้อความว่า “เรา​​รู้​ว่า​เรา​เกิด​จาก​พระ​เจ้า” […]

การแปลที่ซื่อสัตย์เป็นอย่างไร? 2/17

การแปล ที่ซื่อสัตย์เป็นอย่างไร? คอลัมน์ “ท่านถาม ฝ่ายแปลตอบ” ฉบับนี้ จะตอบคำถามของสองท่านที่ถามเกี่ยวกับคำแปลในพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ 15:18 และพระธรรมดาเนียล 11:32 ตามลำดับ โดยผู้ถามเห็นว่าฉบับมาตรฐานแปลผิดและแปลไม่ตรงความหมายในภาษาเดิม ดังนั้นทางฝ่ายแปลขอเรียนตอบท่านดังนี้ พระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ 15:18 ฉบับ 1971 เมื่อท่านปล่อยเขาให้เป็นอิสระนั้น ท่านอย่ารู้สึกหนักอกหนักใจ เพราะว่าเขาได้รับใช้ท่านมาเจ็ดปี ด้วยค่าแรงครึ่งหนึ่งของลูกจ้างเท่านั้น พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจะทรงอำนวยพระพรแก่ท่าน ในการที่ท่านได้กระทำนั้น ฉบับ 2011 เมื่อท่านปล่อยเขาให้เป็นอิสระนั้น ท่านอย่ารู้สึกหนักใจ เพราะเขาได้รับใช้ท่านมาหกปี ด้วยแรงงานสองเท่าของค่าแรงลูกจ้าง และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรแก่ท่าน ในทุกสิ่งที่ท่านได้ทำนั้น คำถาม พระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน 2011 น่าจะมีการแปลผิดใน เฉลยธรรมบัญญัติ 15:18 คือน่าจะแปลเป็น “ด้วยแรงงานครึ่งหนึ่งของค่าแรงของลูกจ้างเท่านั้น” โดยเทียบเคียงกับฉบับก่อนหน้านี้คือฉบับ 1971 นอกจากนี้ฉบับภาษาอังกฤษหลายๆ ฉบับ ก็แปลว่า “ค่าจ้างเพียงครึ่งเดียว” คำตอบ หากเปรียบเทียบคำแปลพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ 15:18 ระหว่างพระคัมภีร์ฉบับ 1971 และฉบับ 2011 เราพบความแตกต่างข้างต้น และเมื่อสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่ามีความแตกต่างสำคัญสองจุดที่ก่อให้เกิดคำถาม […]

ทำไม สดุดี 106 ใช้คำสรรพนามบุรุษที่ 3 อย่างไม่เสมอต้นเสมอปลาย? 1/17

ทำไม สดุดี 106 ใช้คำสรรพนามบุรุษที่ 3 อย่างไม่เสมอต้นเสมอปลาย? คำถาม ทำไมสมาคมพระคริสตธรรมไทยจึงแปลคำสรรพบุรุษที่ 3 ในพระธรรมสดุดี 106 ไม่เสมอต้นเสมอปลายคือ แปลออกมาหลายคำมาก มีทั้ง “ท่าน” มีทั้ง “เขา” มีทั้ง “พวกเขา” มีทั้ง “พวกของท่าน” มีทั้ง “ท่านเหล่านั้น” ? คำตอบ ก่อนที่จะไปราบละเอียดของคำสรรพนาม ขอให้เรามาดูภาพรวมของสดุดีบทนี้ก่อน พระธรรมสดุดีมีคำขึ้นต้น และคำลงท้ายว่า “สรรเสริญพระยาห์เวห์” แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ไม่ใช่บทเพลงสรรเสริญ แต่เป็นการสารภาพบาปในอดีตของชนชาติอิสราเอลมากกว่า การสรรเสริญพระยาห์เวห์ในตอนท้ายของบทนี้ไม่น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของบทนี้ แต่เป็นการจบของบรรพที่ 4 เพราะบทที่ 106 เป็นบทสุดท้ายของบรรพที่ 4 นอกจากนี้สดุดีบทนี้คล้ายคลึงกับบทที่ 105 คือกล่าวถึงประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล โดยเริ่มต้นตั้งแต่สมัยที่พระเจ้า ทรงสำแดงการอัศจรรย์ในอียิปต์เรื่อยมา จนถึงสมัยที่อิสราเอลเข้าครอบครองแผ่นดินคานาอัน และต่อมาเพราะคนอิสราเอลไม่เชื่อฟังพระเจ้า จึงถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย จนท้ายที่สุดด้วยความกรุณาของพระเจ้า พระองค์ทรงนำคนอิสราเอลกลับมาจากการเป็นเชลย ผู้เขียนสดุดีบทนี้น่าจะเป็นคนยิวที่กลับมาจากการเป็นเชลย และเป็นผู้นำชุมนุมชนอิสราเอลสารภาพบาปของบรรพบุรุษของพวกเขา สดุดี 106 พอจะแบ่งเนื้อหาออกได้ดังนี้คือ ข้อ […]

แปลเกิน หรือ แปลขาด? 4/16

แปลเกิน หรือ แปลขาด? ปุจฉา มีผู้ตั้งข้อสังเกตและเห็นว่า พระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน 2011 แปลข้อความในพระธรรม 1โครินธ์ บทที่ 11 ข้อ 25 เกินมาและสื่อความหมายไม่ตรงกับบริบท1 คือแปลคำกริยากรีก δειπνεω (deipneo) ว่า “รับประทานอาหาร”2 แทนที่จะแปลว่า “รับประทาน”3 การแปลของฉบับมาตรฐานจึงแปลเกินและทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าเป็นการรับประทานอาหารมื้อหลัก แทนที่จะหมายถึงการรับประทานขนมปัง ดังนั้น จึงขอเสนอให้แก้ไขคำแปลเสียใหม่ในจุดดังกล่าว เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า “รับประทาน” หรือ “รับประทานขนมปัง”4 อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ วิสัชนา สมาคมฯ ขอขอบคุณท่านที่ได้ให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะคำแปลใน 1 โครินธ์ 11:25 ฉบับมาตราฐาน 2011 และได้ส่งเรื่องให้ฝ่ายแปลไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทางฝ่ายแปลได้ศึกษาแล้วจึงขอเรียนชี้แจงดังนี้      1. เกี่ยวกับความหมายของคำกริยากรีก δειπνεω (deipneo) นั้น ก็เป็นอย่างที่ท่านค้นมาคือ รับประทานอาหารค่ำ หรือ อาหารมื้อหลักโดยเฉพาะมื้อเย็น5 หรือ ในฉบับ KJV ใช้คำว่า […]

คำสาปแช่งในพระธรรมอิสยาห์ 3/16

คำสาปแช่งในพระธรรมอิสยาห์ คําถาม การกล่าวโทษ การคาดโทษ หรือ การทํานายเกี่ยวกับชนชาติต่างๆ ในพระธรรมอิสยาห์เป็นคําสาปแช่งจากพระเจ้าด้วยหรือไม่ หรือถ้อยคําในลักษณะใดบ้างที่จัดว่าเป็นคําสาปแช่งทั้งจากพระเจ้าและจากประชากรของพระองค์? คําตอบ ก่อนอื่นต้องขอตอบตามบริบทของพระธรรมอิสยาห์ว่า การเผยพระวจนะของอิสยาห์นี้เน้นหนักที่จะกล่าวต่อว่าชนชาติยูดาห์ แต่ก็ครอบคลุมไปยังประเทศอื่นๆ ทั้งที่อยู่รอบๆ และประเทศที่พระเจ้าส่งมาลงโทษพวกเขาด้วย นอกจากการกล่าวโทษแล้ว พระธรรมอิสยาห์เองก็มีการกล่าวถึงพระพรและพระสัญญาที่พระองค์จะประทานให้กับคนยูดาห์ที่เหลืออยู่ การลงโทษของพระเจ้าต่อคนยูดาห์นั้นไม่ได้เป็นการลงโทษจนพวกเขาถูกทําลายจนหมดสิ้น เพราะพระองค์ทรงระลึกถึงคําสัญญาที่ได้ให้ไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา หากเราพิจารณาบริบทรวมของพระคัมภีร์เดิม เราจะพบว่าคนอิสราเอลเป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรออกมาเป็นพิเศษ แต่พระเจ้าไม่ได้จํากัดพระองค์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้น เพราะพระเจ้าเป็นพระผู้สร้างโลกนี้ และพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ทุกคนตามพระฉายาของพระองค์ ถึงแม้ชนชาติอื่นๆ จะไม่ได้นับถือพระเจ้าเหมือนชนชาติอิสราเอล และพวกเขากราบไหว้เทพเจ้าอื่นๆ พระเจ้าก็ยังมีสิทธิอํานาจเหนือพวกเขาอยู่ดี เมื่อเราทําการค้นหาคําว่า “วิบัติ” ซึ่งเป็นคําขึ้นต้นของการสาปแช่งนั้น เราพบว่า ถูกใช้ด้วยกันทั้งหมด 23 ครั้ง และมีอีกคําาหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการแช่งสาปคือคําาว่า “ครุวาท” ที่มีความหมายว่า คําพูดที่หนัก ถึงแม้จะปรากฏเพียงไม่กี่ครั้งในพระธรรมอิสยาห์ก็ตาม แต่มักจะเป็นคําขึ้นต้นของการแช่งสาป เนื้อความของคําาแช่งสาปนี้มักจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่อธรรมของกลุ่มคนที่ถูกแช่งสาป การแช่งสาปเป็นการกล่าวถึงการลงโทษที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่มีอยู่ 2 ตอนที่คําาแช่งสาปไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่เป็นคําาอุทานของอิสยาห์เอง เมื่อได้เผชิญกับความบริสุทธิ์ของพระเจ้า (อสย. 6:5) และความชอบธรรมของพระเจ้า (อสย.24:16) ตอนหนึ่งที่เป็นคําแช่งสาปที่น่าสนใจมากคือ อสย.45:7 ที่พระเจ้าตรัสว่า “เราทําให้เกิดสวัสดิภาพและสร้างความวิบัติ” […]

1 2 3 4 5 10