คำว่า “รับพระเกียรติ” ในพระกิตติคุณยอห์นมีความหมายอย่างไรบ้าง? 1/20

คำว่า “รับพระเกียรติ” ในพระกิตติคุณยอห์นมีความหมายอย่างไรบ้าง?

คำถาม คำว่า “รับพระเกียรติ” ในพระกิตติคุณยอห์นมีความหมายอย่างไรบ้าง?

คำตอบ หากเราอ่านพระกิตติคุณยอห์นทั้งเล่ม เราจะเห็นว่าคำว่า “รับพระเกียรติ” มีอยู่มากมายในพระกิตติคุณยอห์น แสดงว่าคำนี้เป็นคำสำคัญคำหนึ่งของพระธรรมเล่มนี้

คำว่า “รับพระเกียรติ” นี้เป็นคำกริยาในภาษากรีกที่มาจากรากศัพท์คำว่า δοξάζω (โดซาโส) ที่แปลว่า “ให้เกียรติ” แต่คำว่า “รับพระเกียรติ” เป็นไวยากรณ์ของการถูกกระทำคือมีคนอื่นมอบเกียรติให้ และภาษาไทยเราใช้ราชาศัพท์ว่า “รับพระเกียรติ” แสดงว่าเกียรติที่ได้รับนี้มาจากพระเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ประทานให้ นอกจากคำว่า โดซาโสแล้วยังมีรากศัพท์ในภาษาฮีบรูอีกตัวหนึ่งที่เป็นคำกริยาที่แปลว่า “ให้เกียรติ” คือคำว่า τιμάω (ทีมาโอ) และรากศัพท์ที่มีความหมายตรงกันข้ามคือ ἀτιμάζω (อทิมาโส) แปลว่าหลู่เกียรติ นอกจากคำกริยาแล้ว พระธรรมยอห์นได้ใช้คำนามหลายครั้งด้วยรากศัพท์ของคำนามคือ δόξα (โดซา) ซึ่งแปลว่า “เกียรติ” หรือ “พระสิริ”

คำว่า “รับพระเกียรติ” นี้ ถ้าดูตามความหมายกว้างๆ ก็จะหมายความว่า ได้รับการยกย่องเชิดชูจากพระเจ้า และคำว่า “ได้รับเกียรติ” คนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงการมีตำแหน่งสูงที่คนเห็นแล้วจะต้องยกย่อง ให้ความเคารพ แต่การใช้คำนี้ของพระเยซูกลับมีความหมายตรงกันข้ามกับความเข้าใจของคนทั่วไป เพราะพระองค์กำลังบอกว่า การได้รับพระเกียรติของพระองค์คือการถูกตรึงบนกางเขนเพื่อตายแทนความผิดบาปของมวลมนุษย์ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะคิดไม่ถึง เพราะการถูกตรึงบนกางเขนของคนสมัยนั้นเป็นเรื่องน่าละอาย เป็นการถูกประจานความชั่วในที่สาธารณะ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นก็จะเยาะเย้ย นอกจากนั้นการจับคนตรึงบนกางเขนมีจุดประสงค์ให้คนที่ถูกตรึงตายอย่างช้าๆ และทรมาน แต่เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์และเป็นขึ้นจากความตายแล้ว สัญลักษณ์ของกางเขนจึงถูกเปลี่ยนความหมายใหม่ จากสิ่งที่น่าละอายกลายเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง คนในสมัยต่อมาจึงได้นำมาใช้เป็นเครื่องประดับ

ผู้เขียนพระธรรมยอห์นได้ตั้งใจใช้คำว่า “รับพระเกียรติ” นี้เพื่อสื่อให้รู้ว่าพระเยซูทรงทราบล่วงหน้าแล้วว่า พระองค์จะสิ้นพระชนม์อย่างไร และการถูกตรึงบนกางเขนไม่ใช่เหตุบังเอิญหรือไม่ได้เป็นเพียงแผนการของศัตรู แต่เป็นแผนการของพระเจ้าที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว

คำว่า “รับพระเกียรติ” เป็นเหตุการณ์ที่เฉพาะเจาะจงในประวัติศาสตร์ คือการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูบนกางเขน ในบทที่ 7:37-39 ที่พระเยซูได้พูดถึงเรื่องแม่น้ำที่ดำรงชีวิตจะไหลออกมาจากผู้ที่วางใจพระเยซู และผู้เขียนได้สรุปว่าหมายถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อคนที่วางใจในพระเยซูจะได้รับ แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ยังไม่ได้สถิตกับใครเลย ทั้งนี้เป็นเพราะพระเยซูยังไม่ได้รับพระเกียรติ คือพระเยซูยังไม่ได้ถูกตรึงบนกางเขน

คริสเตียนบางคนมักจะตำหนิคนที่เจ็บป่วยว่าเป็นคนที่ขาดความเชื่อหรือไม่ก็เป็นคนที่บาป พระเจ้าจึงลงโทษเขาด้วยความเจ็บป่วย แต่เมื่อพระเยซูพูดถึงการป่วยของลาซารัสในบทที่ 11 พระเยซูกลับบอกว่า “โรคนี้จะไม่ถึงตาย แต่เกิดขึ้นเพื่อเชิดชูพระเกียรติของพระเจ้า เพื่อให้พระบุตรของพระองค์ได้รับเกียรติเพราะโรคนี้” (11:4) ซึ่งเมื่อเราอ่านต่อไปคือ พระเยซูปล่อยให้ลาซารัสตายและถูกฝังอยู่ในอุโมงค์ถึง 4 วัน พระองค์จึงไปเยี่ยมครอบครัวของเขา และในที่สุดพระองค์ก็ทำให้ลาซารัสเป็นขึ้นมาจากความตาย เรื่องราวของลาซารัสก็ได้เลื่องลือออกไป จนคนจำนวนมากได้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองที่บ้านของเขาก่อนปัสกาหกวัน พระองค์ได้รับการชโลมด้วยน้ำมันหอมนารดาจากมารีย์ และพระองค์ได้ประทับบนหลังลูกลาและเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มในวันอาทิตย์ทางตาล และมีผู้คนติดตามและรับเสด็จพระองค์ด้วยใบอินทผาลัม และร้องโฮซันนาเพื่อยกย่องพระเยซูว่าเป็นกษัตริย์ แต่สถานการณ์ที่ยิ่งใหญ่นี้ผู้เขียนพระธรรมยอห์นกลับไม่ได้บอกว่า พระเยซูได้รับพระเกียรติ จนกระทั่งเมื่อพวกกรีกอยากจะเห็นพระเยซู ผู้เขียนจึงบันทึกว่า พระเยซูได้ตรัสตอบพวกเขาว่า “ถึงเวลาแล้วที่บุตรมนุษย์จะได้รับพระเกียรติ เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงดินและตายไป ก็จะคงอยู่เมล็ดเดียว แต่ถ้าตายไปแล้วก็จะงอกขึ้นเกิดผลมาก” (12:23-24) ในตอนนี้เราจะเห็นว่าการตายและการได้รับพระเกียรตินี้เกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจน

นอกจากพระเยซูยังพูดถึงการรับพระเกียรติของพระองค์ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้พระองค์ทุกข์ใจ แต่พระองค์ก็ยังยินดีที่จะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า (12:27) โดยปกติ คนที่จะได้รับพระเกียรติน่าจะดีใจ ไม่ใช่ทุกข์ใจ แสดงว่าการรับพระเกียรติของพระเยซูนี้เกี่ยวข้องกับความตายอย่างแน่นอน เมื่อพระองค์ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว พระองค์ก็ได้อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระบิดา ขอพระองค์ทรงให้พระนามของพระองค์รับพระเกียรติ” และพระเจ้าทรงตอบว่า “เราให้รับเกียรติแล้ว และเราจะให้รับเกียรติอีก” (12:28) แสดงว่า เพียงพระเยซูยอมที่จะสิ้นพระชนม์บนกางเขน พระบิดาก็ได้รับเกียรติแล้ว และเมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์บนกางเขน พระบิดาก็จะได้รับเกียรติอีก นอกจากนี้ยังมีคำศัพท์อีกคำหนึ่งที่พระเยซูทรงใช้ที่หมายถึงการสิ้นพระชนม์คือ การที่พระองค์จะถูกยกขึ้นจากแผ่นดินโลก (12:32) ซึ่งหมายถึงการถูกตรึงกางเขน เพราะคนที่ถูกตรึงกางเขนจะถูกยกขึ้น

เมื่อพระเยซูทรงรับประทานอาหารกับเหล่าสาวกบนห้องชั้นบน พระองค์ทรงล้างเท้าให้สาวกทุกคน รวมทั้งยูดาสอิสคาริโอทผู้ทรยศพระเยซูด้วย ยูดาสไม่เพียงแต่ได้รับการล้างเท้าเท่านั้น แต่ยูดาสยังได้นั่งใกล้กับพระเยซูด้วย คนที่ได้นั่งใกล้กับพระเยซูเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ การที่เรารู้ว่ายูดาสได้นั่งใกล้พระเยซู เพราะพระองค์ได้จิ้มขนมปังและส่งให้ และคนที่รู้เรื่องมีเพียงยอห์นที่นั่งข้างพระเยซูอีกคนหนึ่งเท่านั้น ที่รู้ว่ายูดาสคือผู้ที่จะทรยศ (13:26-30)

เมื่อยูดาสออกไปเพื่อที่จะขายพระเยซูให้กับพวกปุโรหิตแล้ว พระเยซูก็ได้พูดกับสาวกที่เหลืออยู่ว่า “เดี๋ยวนี้บุตรมนุษย์ได้รับเกียรติแล้ว และพระเจ้าทรงได้รับพระเกียรติเพราะบุตรมนุษย์ ถ้าพระเจ้าทรงได้รับพระเกียรติเพราะบุตรมนุษย์ พระเจ้าก็จะทรงให้บุตรมนุษย์มีเกียรติในตัวเองและจะทรงให้มีเกียรติเดี๋ยวนี้” (13:31-32) แสดงว่าเมื่อยูดาสตัดสินใจที่จะทรยศพระเยซู พระเยซูก็ได้รับเกียรติ นั่นคือเส้นทางการไปสู่กางเขนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

แต่ความหมายของคำว่า “เกียรติ” ไม่ได้มีความหมายเดียวเท่านั้น แต่มีความหมายกว้างไปกว่านั้นอีก เพราะคนที่วางใจในพระเยซูคริสต์ เมื่อเขาอธิษฐานในนามของพระเยซูจะทำให้พระเจ้าได้รับเกียรติ (14:13) เพราะฉะนั้นมนุษย์ธรรมดาที่มีข้อจำกัดสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการอธิษฐานขอพระบิดาในพระนามของพระเยซูคริสต์ นอกจากการอธิษฐานแล้ว เรายังสามารถถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการเกิดผลมากและเป็นสาวกของพระเยซู (15:8) การที่เราจะเกิดผลได้นั้น เราต้องติดสนิทกับพระเยซูคริสต์และทำตามสิ่งพระองค์ทรงสอน และผู้ที่จะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่พระองค์ทรงสอนคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงทำให้พระเยซูได้รับเกียรติ เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงเอาสิ่งที่เป็นของพระเยซูมาแจ้งให้กับสาวกของพระเยซู (16:14)

ก่อนที่พระเยซูจะถูกจับ พระองค์ได้อธิษฐานเผื่อพวกสาวก และรวมถึงพวกเราที่วางใจในพระเยซูซึ่งเป็นสาวกที่มาทีหลัง พระเยซูได้ทูลพระบิดาว่า “ข้าพระองค์ได้รับเกียรติในตัวพวกเขา” แสดงว่าสาวกที่เป็นมนุษย์นี้สามารถทำให้พระเยซูได้รับเกียรติได้ ไม่ว่าเราจะมีฐานะอย่างไร อยู่ในสภาพเช่นไร หรือมีความรู้น้อยแค่ไหน ชีวิตของเราสามารถทำให้พระเจ้าได้รับเกียรติได้ ถ้าเรายอมทำตามพระองค์ แม้แต่การเจ็บป่วยของเรา การตายของเราก็ทำให้พระเจ้าได้รับเกียรติได้ พระเยซูทรงทราบล่วงหน้าว่าเปโตรจะตายอย่างไร  พระองค์ก็ได้ตรัสถึงอนาคตของเปโตรว่า “แต่เมื่อแก่แล้ว ท่านจะเหยียดมือออก และจะมีคนมาคาดเอวของท่าน และพาท่านไปที่ที่ท่านไม่ปรารถนาจะไป” (ที่พระองค์ตรัสแบบนี้ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่าเปโตรจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการตายแบบใด) [21:18-19]

เกียรติที่พระเยซูกล่าวถึงนี้ไม่ใช่ชื่อเสียง เงินทอง ฐานะ ตำแหน่ง ความมั่งคั่ง หรือสิ่งของที่คนในโลกนี้แสวงหา แต่คือสิ่งที่มนุษย์ยอมทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ว่าจะต้องทนทุกข์มากน้อยเพียงใดก็ตาม

  • ศาสนาจารย์ ดร.เสรี หล่อกัณภัย
  • ภาพจากThe Passion Of The Christ