คนถูกรักมักจะลืม
วันแห่งความรักเป็นโอกาสที่ใครหลายคนเฝ้ารอ เป็นวันแห่งการตัดสินใจที่ผู้ชายบางคนจะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองบอกว่าเธอมีค่ากับเขามากแค่ไหน เป็นวันที่ผู้หญิงหลายคนรวบรวมความกล้าที่จะมอบช็อกโกแลตที่หอมหวานแทนความในใจของตัวเอง แต่ถ้าความรักเปรียบดังสมุดบันทึกสักเล่ม มันคงแอบน้อยใจที่มีหน้าถูกบันทึกไว้เพียงวันเดียว และหน้าเดียวเท่านั้น แต่หน้าที่เหลือกลับว่างเปล่า บางทีเราอาจจะเข้าใจวันแห่งความรักผิดไป และไม่แน่ว่าถ้าเราดูให้ดี หน้าสมุดบันทึกที่เราคิดว่าว่างเปล่าอาจเต็มไปด้วยถ้อยคำที่ถูกเขียนไว้ด้วยหมึกธรรมดา ไม่มีสีสัน ไม่ฉูดฉาด แต่เมื่อได้อ่านอาจจะเรียกน้ำตาแห่งความซาบซึ้งให้ชุ่มชื่นใจก็เป็นได้ ย้อนกลับไปคิดถึงวาเลนไทน์ในชีวิตของตัวเราเอง บางครั้งเราจดจ่อกับของขวัญมีค่ามากมายในแต่ละปีที่ทั้งได้รับและมอบให้ แต่ไม่ทันได้พิจารณาถึงวันธรรมดาในหน้าความทรงจำอื่นๆ ที่ความรักบอกเล่าเรื่องราวของมันเอาไว้ ผมอยากเชิญชวนให้ผู้อ่านทุกคนได้เปิดสมุดบันทึกความรักในความทรงจำของเราดูทีละหน้าช้าๆ ไปด้วยกัน
พระธรรมสุภาษิตบทที่ 31:27-31 ผมมักมีโอกาสใช้ในการเทศนาทั้งในโอกาสวันแม่ หัวข้อการเลือกคู่ครอง หรือแม้แต่เรื่องระเบียบวินัยฝ่ายวิญญาณ แต่สำหรับครั้งนี้ผมขอใช้พระธรรมตอนนี้ในฐานะมัคคุเทศก์แห่งความรักที่จะพาเรารำลึกถึงบางอย่างที่เรามองข้ามไปถึงสามประเด็นใหญ่
ประการแรก “จงซาบซึ้งในความปกติ” ในพระธรรมสุภาษิต 31:27 ได้บันทึกไว้ว่า “เธอดูแลความเป็นอยู่ในครอบครัวอย่างดี และไม่เคยเกียจคร้าน” ถ้าเราอ่านย้อนขึ้นไปในข้อก่อนหน้านี้ เราจะเห็นถึงกิจวัตรมากมายที่คนเป็นแม่เป็นภรรยาได้จัดเตรียมเพื่อทุกคนในบ้าน พระธรรมในข้อนี้สรุปความว่า “เธอดูแลความเป็นอยู่ในครอบครัวอย่างดี และไม่เคยเกียจคร้าน” ซึ่งมีความหมายว่า มีคนผู้หนึ่งได้ทำทุกอย่างด้วยหัวใจ อย่างทุ่มเท ทำอย่างดีเพื่อทุกคน และทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย ผมยอมรับว่าหลายครั้งผมตื่นเต้นกับมื้ออาหารพิเศษ การไปทานอาหารหรูๆในโรงแรม เนื้อปลาดิบที่เราไม่ค่อยมีโอกาสทาน เนื้อวัวชั้นดีที่นานๆ จะมีโอกาสได้ลิ้มลอง เรายกย่องอาหารเหล่านี้ ไม่ต่างอะไรกับความตื่นเต้นจากดอกไม้ในวันวาเลนไทน์ ทุกครั้งที่ได้ทานอาหารแสนอร่อยนอกบ้าน บางครั้งเราชมเชยแล้วชมเชยอีก จนบางทีเรากลับมองข้ามและเพิกเฉยกับอาหารที่คุณแม่จัดเตรียมไว้ให้เราทุกเช้า อาหารเย็นที่ภรรยาเตรียมให้เรากลับไปทานด้วยกัน ยิ่งอยู่ด้วยกันนานปีจนมื้ออาหารบนโต๊ะที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมองข้ามความสำคัญเหล่านี้มากเท่านั้น บางทีอาจต้องรอให้แม่ครัวในมื้อปกติของเราหายไปนานๆ เราถึงจะได้ตระหนักและซาบซึ้งมากขึ้นว่า ความปกติที่เราได้รับทุกๆวันมีค่ามากเพียงไร เต็มไปด้วยความรักมากขนาดไหน อบอุ่นแค่ไหนเมื่อได้รับประทาน ไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร แต่เป็นเรื่องง่ายๆ ที่บางทีเราก็ไม่ได้สังเกต อย่างเช่น ถุงเท้าที่เล่นฟุตบอลจนสกปรก และเหม็นเหลือทน กลับสะอาดและพร้อมใช้อยู่ในตู้เสื้อผ้า กล่องนมเปรี้ยวที่คุณแม่แอบยัดลงเป้ก่อนเราไปโรงเรียน หรือรถของแฟนที่มาจอดรอรับเราเสมอไม่ว่าจะดึกแค่ไหน เคยรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของความปกติเหล่านี้บ้างไหมครับ หลับตาลงและนึกย้อนกลับไปสิครับ แล้วเราจะรู้ว่าเราถูกรักมากแค่ไหน แต่เราก็ลืมง่ายเหลือเกิน
ประการต่อมา “คุณค่าคำขอบคุณของคนที่ถูกรัก” พระธรรมสุภาษิต 31:28,29 ได้กล่าวไว้ว่า “ลูกๆ ของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ สามีของเธอก็สรรเสริญเธอว่า สตรีมากมายทำได้ดีเลิศ แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด” เราอาจซื้ออะไรหลายอย่างได้ด้วยเงิน แม้แต่อาหารที่เลิศหรูจากเชฟระดับมิชลิน แต่เราไม่สามารถซื้อแรงจูงใจในการทำอาหารให้เต็มล้นมาจากความรักความห่วงใยได้เลย คนที่ตื่นนอนมาตั้งแต่ตีสี่เพื่อพาเราไปโรงเรียนทุกวัน คนที่ยอมนั่งเย็บเสื้อโหลเป็นชั่วโมงๆ เพื่อค่าเรียนพิเศษของเรา คุณคิดว่าเขาอยากได้อะไรตอบแทนหรือครับ เงินหลายแสนที่คุณจะหามาให้หลังจากที่ชีวิตประสบความสำเร็จแล้วอย่างนั้นหรือ หรือจะรอเขียนความดีของเขาในหนังสืองานไว้อาลัย พระคำของพระเจ้าสองข้อนี้ให้ความจริงกับเราว่า คุณค่าของคำชมของคนที่ถูกรักมีค่ามากสำหรับคนที่สำแดงความรัก น่าแปลกใจที่เราบ่นแม่ของเราที่ปิ้งขนมปังไหม้ตอนเช้าไปสองแผ่น แต่เรากลับไม่เคยขอบคุณขนมปังหลายร้อยแผ่นที่เราทานอย่างเอร็ดอร่อยทุกๆเช้า น่าแปลกใจที่เราโวยวายเสียงดังเวลาพี่สาวรีดเสื้อตัวโปรดของเราไหม้ แต่กลับไม่เคยขอบคุณเสื้อผ้ามากมายที่เรียบสวยพร้อมไปเรียนหรือทำงานในตู้เสื้อผ้าของเราเลย เราอาจจะสายตาสั้นเกินไปจนมองไม่เห็นอะไรๆ ที่อบอวลไปด้วยความรักที่เราได้รับมาเสมอๆ ถ้าสิ่งที่เราได้รับมีคุณค่า ถ้าสิ่งนั้นเป็นความธรรมดาที่ยิ่งใหญ่ เพราะอะไรเราถึงไม่ขอบคุณบ้าง ผู้หญิงที่เราแอบรักได้เพียงไม่กี่เดือนกลับได้ดอกไม้ในวันแห่งความรักจากเรา แต่เราลืมคนที่รักเรามากที่สุดไปบ้างไหม จะมีวาเลนไทน์สักปีหรือไม่ที่เขาจะได้รับดอกไม้แห่งความรักจากเราบ้าง แล้วคุณจะรู้ครับว่าคำชื่นชมจากใจของเรามีคุณค่ามากมายแค่ไหนสำหรับคนที่รักเรา
ประการสุดท้าย “ในโลกนี้มีคนที่ไม่มีวันหมดรักคุณ” พระธรรมสุภาษิต 31:30-31 ได้กล่าวไว้ว่า “เสน่ห์เป็นของหลอกลวง และความงามก็ไม่จีรัง แต่สตรีที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ สมควรได้รับคำสรรเสริญ จงให้เธอรับผลแห่งน้ำมือของเธอ และให้การงานของเธอสรรเสริญเธอที่ประตูเมือง” พระธรรมตอนนี้ชี้ให้เราเห็นว่าความรักที่เกิดจากสายตามันมีวันหมดเวลาเสมอ ในชีวิตนี้จะมีใครที่สร้างความประทับใจให้คุณได้หลายต่อหลายครั้ง แต่วันหนึ่งความประทับใจนั้นก็อาจเจือจางลง ก็ไม่ต่างกับตัวเราเองเช่นกัน ถ้ามีใครที่รักเราเพราะรูปร่างหน้าตา ก็จงมองกระจกไว้ให้ดี เพราะมันคือเวลานับถอยหลังสู่การหมดอายุความรัก ถ้ามีใครชื่นชอบเราจากความสำเร็จ ความสามารถ ก็จงมองข้างหลังตัวเองไว้ให้ดี เพราะจะมีคลื่นลูกใหม่มาเสมอ พระวจนะพระเจ้าเตือนให้เรารู้ว่าสิ่งที่ตามองเห็นไม่มีสักอย่างที่จีรัง แต่ความรักที่ไม่มีวันหมดอายุก็มีอยู่ในคนที่เราอาจมองข้ามไป นั่นคือครอบครัวของเรา ลองจินตนาการดูสิครับว่าถ้าวันหนึ่งเรากลายเป็นคนง่อยเปลี้ยเสียขา จะมีใครที่คอยพยุงเคียงข้าง และดูแลเราอย่างแท้จริง รู้ไหมครับว่าในชีวิตของเราไม่ได้มีคนแบบนี้มากนักหรอก โปรดรักษาเขาไว้ให้ดี และอย่าลืมที่จะให้คุณค่าและชมเชยให้สมกับความดีและความรักที่เราได้รับ
วันแห่งความรักอาจมีดอกกุหลาบสีสันฉูดฉาดที่ถูกมอบให้แก่กัน แต่ดอกไม้เหล่านั้นอยู่ได้เพียงไม่นานก็คงจะเหี่ยวเฉาและแห้งตายไป แต่ความรักไม่ใช่ดอกกุหลาบ แต่พระเจ้าทรงเป็นความรัก พระองค์ทรงสร้างทุกวันไว้และทรงเห็นว่าดี วันทุกวันจึงถูกสร้างมาเพื่อเป็นวันแห่งความรัก วันที่เราถูกรัก และได้รัก ถ้าเราเคยสายตาสั้นและมองไม่เห็นความจริงเหล่านี้มาก่อน พระคำของพระเจ้าก็พร้อมเป็นแว่นสายตาที่จะทำให้เราทราบความจริงว่า ความปกตินั้นน่าซาบซึ้งเพียงไร คำขอบคุณจากคนถูกรักมีคุณค่ามากขนาดไหน และจงอย่าปล่อยให้คนที่ไม่มีวันหมดรักคุณต้องสะเทือนใจเพราะหัวใจที่เย็นชา นี่คือเวลา และนี่คือโอกาสที่เราในฐานะคนที่ถูกรักจะไม่ลืมอะไรง่ายๆ และไม่ลืมว่าความรักที่ได้รับมีคุณค่ามากขนาดไหน สมุดบันทึกแห่งความรักแม้เขียนด้วยหมึกธรรมดาก็มีคุณค่าหัวใจถ้าทุกคำนั้นเขียนมาจากใจ ขอพระเจ้าอวยพรครับ
- อาจารย์วิทยา วุฒิไกรเกรียง