คนถูกรักมักจะลืม 1/20

คนถูกรักมักจะลืม

วันแห่งความรักเป็นโอกาสที่ใครหลายคนเฝ้ารอ   เป็นวันแห่งการตัดสินใจที่ผู้ชายบางคนจะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองบอกว่าเธอมีค่ากับเขามากแค่ไหน  เป็นวันที่ผู้หญิงหลายคนรวบรวมความกล้าที่จะมอบช็อกโกแลตที่หอมหวานแทนความในใจของตัวเอง  แต่ถ้าความรักเปรียบดังสมุดบันทึกสักเล่ม มันคงแอบน้อยใจที่มีหน้าถูกบันทึกไว้เพียงวันเดียว และหน้าเดียวเท่านั้น  แต่หน้าที่เหลือกลับว่างเปล่า  บางทีเราอาจจะเข้าใจวันแห่งความรักผิดไป และไม่แน่ว่าถ้าเราดูให้ดี หน้าสมุดบันทึกที่เราคิดว่าว่างเปล่าอาจเต็มไปด้วยถ้อยคำที่ถูกเขียนไว้ด้วยหมึกธรรมดา ไม่มีสีสัน ไม่ฉูดฉาด แต่เมื่อได้อ่านอาจจะเรียกน้ำตาแห่งความซาบซึ้งให้ชุ่มชื่นใจก็เป็นได้  ย้อนกลับไปคิดถึงวาเลนไทน์ในชีวิตของตัวเราเอง บางครั้งเราจดจ่อกับของขวัญมีค่ามากมายในแต่ละปีที่ทั้งได้รับและมอบให้ แต่ไม่ทันได้พิจารณาถึงวันธรรมดาในหน้าความทรงจำอื่นๆ ที่ความรักบอกเล่าเรื่องราวของมันเอาไว้  ผมอยากเชิญชวนให้ผู้อ่านทุกคนได้เปิดสมุดบันทึกความรักในความทรงจำของเราดูทีละหน้าช้าๆ ไปด้วยกัน

พระธรรมสุภาษิตบทที่ 31:27-31 ผมมักมีโอกาสใช้ในการเทศนาทั้งในโอกาสวันแม่  หัวข้อการเลือกคู่ครอง หรือแม้แต่เรื่องระเบียบวินัยฝ่ายวิญญาณ  แต่สำหรับครั้งนี้ผมขอใช้พระธรรมตอนนี้ในฐานะมัคคุเทศก์แห่งความรักที่จะพาเรารำลึกถึงบางอย่างที่เรามองข้ามไปถึงสามประเด็นใหญ่

ประการแรก จงซาบซึ้งในความปกติในพระธรรมสุภาษิต 31:27 ได้บันทึกไว้ว่าเธอดูแลความเป็นอยู่ในครอบครัวอย่างดี  และไม่เคยเกียจคร้าน” ถ้าเราอ่านย้อนขึ้นไปในข้อก่อนหน้านี้  เราจะเห็นถึงกิจวัตรมากมายที่คนเป็นแม่เป็นภรรยาได้จัดเตรียมเพื่อทุกคนในบ้าน  พระธรรมในข้อนี้สรุปความว่า “เธอดูแลความเป็นอยู่ในครอบครัวอย่างดี และไม่เคยเกียจคร้าน”  ซึ่งมีความหมายว่า มีคนผู้หนึ่งได้ทำทุกอย่างด้วยหัวใจ อย่างทุ่มเท  ทำอย่างดีเพื่อทุกคน และทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย  ผมยอมรับว่าหลายครั้งผมตื่นเต้นกับมื้ออาหารพิเศษ  การไปทานอาหารหรูๆในโรงแรม  เนื้อปลาดิบที่เราไม่ค่อยมีโอกาสทาน เนื้อวัวชั้นดีที่นานๆ จะมีโอกาสได้ลิ้มลอง  เรายกย่องอาหารเหล่านี้  ไม่ต่างอะไรกับความตื่นเต้นจากดอกไม้ในวันวาเลนไทน์  ทุกครั้งที่ได้ทานอาหารแสนอร่อยนอกบ้าน  บางครั้งเราชมเชยแล้วชมเชยอีก จนบางทีเรากลับมองข้ามและเพิกเฉยกับอาหารที่คุณแม่จัดเตรียมไว้ให้เราทุกเช้า  อาหารเย็นที่ภรรยาเตรียมให้เรากลับไปทานด้วยกัน  ยิ่งอยู่ด้วยกันนานปีจนมื้ออาหารบนโต๊ะที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติมากเท่าไหร่  เราก็ยิ่งมองข้ามความสำคัญเหล่านี้มากเท่านั้น  บางทีอาจต้องรอให้แม่ครัวในมื้อปกติของเราหายไปนานๆ  เราถึงจะได้ตระหนักและซาบซึ้งมากขึ้นว่า  ความปกติที่เราได้รับทุกๆวันมีค่ามากเพียงไร  เต็มไปด้วยความรักมากขนาดไหน  อบอุ่นแค่ไหนเมื่อได้รับประทาน  ไม่ใช่แค่เรื่องอาหาร  แต่เป็นเรื่องง่ายๆ ที่บางทีเราก็ไม่ได้สังเกต  อย่างเช่น ถุงเท้าที่เล่นฟุตบอลจนสกปรก และเหม็นเหลือทน กลับสะอาดและพร้อมใช้อยู่ในตู้เสื้อผ้า  กล่องนมเปรี้ยวที่คุณแม่แอบยัดลงเป้ก่อนเราไปโรงเรียน  หรือรถของแฟนที่มาจอดรอรับเราเสมอไม่ว่าจะดึกแค่ไหน  เคยรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของความปกติเหล่านี้บ้างไหมครับ  หลับตาลงและนึกย้อนกลับไปสิครับ  แล้วเราจะรู้ว่าเราถูกรักมากแค่ไหน  แต่เราก็ลืมง่ายเหลือเกิน

ประการต่อมา “คุณค่าคำขอบคุณของคนที่ถูกรัก” พระธรรมสุภาษิต 31:28,29 ได้กล่าวไว้ว่า “ลูกๆ ของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ  สามีของเธอก็สรรเสริญเธอว่า  สตรีมากมายทำได้ดีเลิศ  แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด”  เราอาจซื้ออะไรหลายอย่างได้ด้วยเงิน  แม้แต่อาหารที่เลิศหรูจากเชฟระดับมิชลิน  แต่เราไม่สามารถซื้อแรงจูงใจในการทำอาหารให้เต็มล้นมาจากความรักความห่วงใยได้เลย  คนที่ตื่นนอนมาตั้งแต่ตีสี่เพื่อพาเราไปโรงเรียนทุกวัน  คนที่ยอมนั่งเย็บเสื้อโหลเป็นชั่วโมงๆ เพื่อค่าเรียนพิเศษของเรา  คุณคิดว่าเขาอยากได้อะไรตอบแทนหรือครับ  เงินหลายแสนที่คุณจะหามาให้หลังจากที่ชีวิตประสบความสำเร็จแล้วอย่างนั้นหรือ  หรือจะรอเขียนความดีของเขาในหนังสืองานไว้อาลัย  พระคำของพระเจ้าสองข้อนี้ให้ความจริงกับเราว่า คุณค่าของคำชมของคนที่ถูกรักมีค่ามากสำหรับคนที่สำแดงความรัก  น่าแปลกใจที่เราบ่นแม่ของเราที่ปิ้งขนมปังไหม้ตอนเช้าไปสองแผ่น  แต่เรากลับไม่เคยขอบคุณขนมปังหลายร้อยแผ่นที่เราทานอย่างเอร็ดอร่อยทุกๆเช้า  น่าแปลกใจที่เราโวยวายเสียงดังเวลาพี่สาวรีดเสื้อตัวโปรดของเราไหม้  แต่กลับไม่เคยขอบคุณเสื้อผ้ามากมายที่เรียบสวยพร้อมไปเรียนหรือทำงานในตู้เสื้อผ้าของเราเลย  เราอาจจะสายตาสั้นเกินไปจนมองไม่เห็นอะไรๆ ที่อบอวลไปด้วยความรักที่เราได้รับมาเสมอๆ  ถ้าสิ่งที่เราได้รับมีคุณค่า ถ้าสิ่งนั้นเป็นความธรรมดาที่ยิ่งใหญ่  เพราะอะไรเราถึงไม่ขอบคุณบ้าง  ผู้หญิงที่เราแอบรักได้เพียงไม่กี่เดือนกลับได้ดอกไม้ในวันแห่งความรักจากเรา  แต่เราลืมคนที่รักเรามากที่สุดไปบ้างไหม  จะมีวาเลนไทน์สักปีหรือไม่ที่เขาจะได้รับดอกไม้แห่งความรักจากเราบ้าง  แล้วคุณจะรู้ครับว่าคำชื่นชมจากใจของเรามีคุณค่ามากมายแค่ไหนสำหรับคนที่รักเรา

ประการสุดท้าย “ในโลกนี้มีคนที่ไม่มีวันหมดรักคุณ” พระธรรมสุภาษิต 31:30-31 ได้กล่าวไว้ว่า “เสน่ห์เป็นของหลอกลวง และความงามก็ไม่จีรัง  แต่สตรีที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ สมควรได้รับคำสรรเสริญ  จงให้เธอรับผลแห่งน้ำมือของเธอ  และให้การงานของเธอสรรเสริญเธอที่ประตูเมือง”  พระธรรมตอนนี้ชี้ให้เราเห็นว่าความรักที่เกิดจากสายตามันมีวันหมดเวลาเสมอ ในชีวิตนี้จะมีใครที่สร้างความประทับใจให้คุณได้หลายต่อหลายครั้ง  แต่วันหนึ่งความประทับใจนั้นก็อาจเจือจางลง  ก็ไม่ต่างกับตัวเราเองเช่นกัน ถ้ามีใครที่รักเราเพราะรูปร่างหน้าตา  ก็จงมองกระจกไว้ให้ดี  เพราะมันคือเวลานับถอยหลังสู่การหมดอายุความรัก  ถ้ามีใครชื่นชอบเราจากความสำเร็จ ความสามารถ ก็จงมองข้างหลังตัวเองไว้ให้ดี  เพราะจะมีคลื่นลูกใหม่มาเสมอ  พระวจนะพระเจ้าเตือนให้เรารู้ว่าสิ่งที่ตามองเห็นไม่มีสักอย่างที่จีรัง  แต่ความรักที่ไม่มีวันหมดอายุก็มีอยู่ในคนที่เราอาจมองข้ามไป นั่นคือครอบครัวของเรา  ลองจินตนาการดูสิครับว่าถ้าวันหนึ่งเรากลายเป็นคนง่อยเปลี้ยเสียขา  จะมีใครที่คอยพยุงเคียงข้าง และดูแลเราอย่างแท้จริง  รู้ไหมครับว่าในชีวิตของเราไม่ได้มีคนแบบนี้มากนักหรอก  โปรดรักษาเขาไว้ให้ดี  และอย่าลืมที่จะให้คุณค่าและชมเชยให้สมกับความดีและความรักที่เราได้รับ

วันแห่งความรักอาจมีดอกกุหลาบสีสันฉูดฉาดที่ถูกมอบให้แก่กัน  แต่ดอกไม้เหล่านั้นอยู่ได้เพียงไม่นานก็คงจะเหี่ยวเฉาและแห้งตายไป  แต่ความรักไม่ใช่ดอกกุหลาบ  แต่พระเจ้าทรงเป็นความรัก  พระองค์ทรงสร้างทุกวันไว้และทรงเห็นว่าดี  วันทุกวันจึงถูกสร้างมาเพื่อเป็นวันแห่งความรัก  วันที่เราถูกรัก และได้รัก  ถ้าเราเคยสายตาสั้นและมองไม่เห็นความจริงเหล่านี้มาก่อน  พระคำของพระเจ้าก็พร้อมเป็นแว่นสายตาที่จะทำให้เราทราบความจริงว่า ความปกตินั้นน่าซาบซึ้งเพียงไร  คำขอบคุณจากคนถูกรักมีคุณค่ามากขนาดไหน  และจงอย่าปล่อยให้คนที่ไม่มีวันหมดรักคุณต้องสะเทือนใจเพราะหัวใจที่เย็นชา  นี่คือเวลา และนี่คือโอกาสที่เราในฐานะคนที่ถูกรักจะไม่ลืมอะไรง่ายๆ  และไม่ลืมว่าความรักที่ได้รับมีคุณค่ามากขนาดไหน  สมุดบันทึกแห่งความรักแม้เขียนด้วยหมึกธรรมดาก็มีคุณค่าหัวใจถ้าทุกคำนั้นเขียนมาจากใจ  ขอพระเจ้าอวยพรครับ

  • อาจารย์วิทยา วุฒิไกรเกรียง