ตอนที่ผมยังเป็น เด็กอยู่นั้นเช้าวันอาทิตย์จะเป็นวันที่ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพราะอยากดูการ์ตูนเท่านั้น แต่เพราะต้องรีบตื่นมาดักเอาหนังสือพิมพ์อ่านเป็นคนแรก คอลัมน์ที่ผมชอบอ่านมากก็คือ “ลุงหนวดหาคู่” กับ “มาลัยเสี่ยงรัก” ผมอ่านไปยิ้มไปทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เดียงสากับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ สักนิด คงเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมผมต้องรีบลงมาอ่านเป็นคนแรก เพราะขืนใครรู้เข้าผมต้องโดนล้อแน่ๆ กว่าจะรู้เดียงสาเรื่องความรักผมก็อายุย่าง 18 ปีแล้ว ตอนนั้นผมเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 หากใครไม่มีแฟนหรือคนที่เป็นข่าวด้วย (สมัยนี้คงเรียกว่า กิ๊ก) จะเป็นเรื่องที่เสียฟอร์มเอามากๆ ผู้ชายทุกคนจึงต้องทำให้ตัวเองดูน่าสนใจเผื่อว่าจะมีสาวๆ มาหลงชอบบ้างสักคน วิธีการของผมคือสมัครเป็นตัวแทนแข่งขันทุกประเภทในนามของโรงเรียนแม้กระทั่งสมัครเป็นคนเชิญธงชาติทุกเช้า แย่หน่อยตรงที่วันหนึ่งผมหัวแตกแต่ยังต้องออกไปเชิญธงชาติเลยกลายเป็นที่มาของฉายาว่า “รุ่นพี่หัวปะ” ถึงจะน่าอายแต่อย่างน้อยการเป็นจุดสนใจ ก็ทำให้ผมเชื่อเอาเองว่าจะมีคนมาแอบปลื้มแอบชอบ และทำให้ผมไม่ต้องเสียฟอร์มว่าเป็นคนไม่มีแฟน?? หลายปีผ่านไปการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนต่างเพศ โดยการเข้าไปทำความรู้จักแนะนำตัวเอง หรือการใช้ความสัมพันธ์แบบรุ่นพี่กับรุ่นน้องอย่างที่ผมคุ้นเคยเริ่มกลายเป็นเรื่องล้าสมัยเสียแล้ว ทุกวันนี้เราคงเคยได้ยินว่ามีคู่แต่งงานหลายคู่ที่รู้จักกันผ่านอินเทอร์เน็ต ยิ่งเดี๋ยวนี้มี Facebook ด้วยแล้วก็ยิ่งกลายเป็นเรื่องง่าย หนุ่มสาวสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและรูปถ่ายได้ในเวลาอันรวดเร็ว ดูๆ ไปก็สะดวก และเหมาะสำหรับโลกในยุคปัจจุบันดี จะติดก็ตรงที่เราไม่แน่ใจว่าข้อมูลที่เราได้มานั้นมันจะเป็น Facebook หรือ Fakebook กันแน่ ดังนั้นข่าวอาชญากรทางอินเตอร์เน็ตที่เหยื่อถูกหลอกไปทำอนาจารจึงมีให้เราเห็นมากไม่แพ้กัน ส่วนใหญ่ก็เพราะหลงในรูปหล่อๆ สวยๆ และเชื่อในข้อมูลที่แปะไว้ใน Social network นั่นเอง?? ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่เราชอบมองคนที่หน้าตาดี แต่ถ้าเราไม่ระมัดระวังรูปร่างภายนอกก็อาจจะหลอกลวงเราได้ แม้เราจะชอบพูดกันเสียงดังว่าเรารักคนที่นิสัย แต่พอเอาเข้าจริงหลายคนก็แพ้ให้กับเสน่ห์ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นแววตาชวนฝัน หรืออาจเป็นริมฝีปากที่หยาดเยิ้ม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ธุรกิจศัลยกรรมรูปร่างและใบหน้ามีลูกค้าแห่มาใช้บริการไม่ขาดสาย และถ้าไม่ใช่ว่าผมเป็นคริสเตียนและกลัวมีดหมอเอามากๆ ผมอาจกลายเป็น โดมหรือณเดช ไปแล้วก็ได้นะครับ (แต่ความสูงนี่คงเพิ่มกันลำบาก)??
ในความคิดเห็นส่วนตัวแล้วผมไม่ได้รู้สึกต่อต้านการดูแลความสวยงามให้กับตัวเองเพราะผมยังชอบพาแฟนไปร้านทำผม หรือชอบให้เธอแต่งหน้าเวลาออกงานด้วยกัน แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือการให้คุณค่าและความสำคัญกับเรื่องความสวยงามมากจนลืมสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ในพระธรรม 1 ซามูเอล บทที่ 16 ได้สะท้อนให้เราเห็นว่าแม้แต่ผู้เผยพระวจนะอย่างซามูเอลก็ยังเผลอใช้คุณลักษณะภายนอกในการตัดสินคนที่จะมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล จนพระเจ้าได้ตรัสกับท่านว่า “อย่ามองดูที่รูปร่างภายนอกหรือที่ความสูงแห่งร่างกายของเขา เพราะเราไม่ยอมรับเขา เพราะพระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงทอดพระเนตรเหมือนที่มนุษย์ดู เพราะมนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอกแต่พระยาห์เวห์ทอดพระเนตรจิตใจ” (1 ซามูเอล 16:7) พระเจ้าทรงสอนให้เรามองคนคนหนึ่งให้ลึกลงไปกว่าสิ่งที่เราเห็นจากภายนอก และเพื่อให้มันเกิดขึ้นจริงในชีวิตของตัวเอง ผมจึงมักท่องพระคัมภีร์ข้อหนึ่งให้ขึ้นใจอยู่เสมอว่า “เสน่ห์เป็นของหลอกลวง และความงามก็ไม่จีรัง แต่สตรีที่ยำเกรงพระยาห์เวห์สมควรได้รับคำสรรเสริญ” (สุภาษิต 31:30) ซึ่งผมอยากแบ่งปันสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากพระคัมภีร์ตอนนี้ว่าเราจะสามารถให้ความสำคัญกับภายในมากกว่ารูปกาย
ภายนอกได้อย่างไร??
ประการแรก “เสน่ห์หลอกเราได้” ถ้ามีใครเคยใช้สุ่มจับปลาจะรู้ว่า การหักเหของแสงจะทำให้เรามองเห็นปลาจากผิวน้ำอยู่ใกล้กว่าความเป็นจริง และทำให้เราจับปลาไม่ได้ถ้าไม่รู้ความจริงข้อนี้ เสน่ห์ก็เหมือนกับผิวน้ำที่หักเหแสงจนทำให้เราไม่สามารถมองเห็นปลาอย่างที่มันเป็นจริงๆ ได้ การรักษาระยะห่างที่เหมาะสมจะทำให้เราสามารถชื่นชมเสน่ห์ แต่ไม่หลงเสน่ห์จนถูกหลอกได้ ดังนั้นถ้าเราต้องการรู้จักใครสักคนหนึ่งเราจำเป็นต้องเข้าใกล้เขาให้มากพอที่จะรู้จักกัน อาจจะเรียกว่ากระชับวงล้อมก็คงพอได้กระมัง แต่ก็ต้องรักษาระยะห่างจนไม่กลายเป็นคนตาบอดเพราะความรักความหลง ลองคิดดูเล่นๆ นะครับถ้ามีชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาถูกใจเรามานั่งติดกับเราสัก 5 นาที (ลองสมมติเป็นคนที่คุณแอบชอบอยู่ก็ได้) รับรองได้เลยว่าเราคงแทบนั่งไม่ติดเลยล่ะครับ เอาแค่ควบคุมให้หัวใจเต้นไม่เกิน 90 ครั้ง/นาทีได้ก็เก่งมากแล้ว แต่ถ้าเราถอยห่างออกมาอีกสักนิดให้พอเหมาะ บางทีนอกจากเราจะได้ปลื้มกับใบหน้าหล่อๆ สวยๆ แล้ว เราจะได้เห็นด้วยว่าหัวใจของเธอหรือเขามันสวยหล่อเหมือนที่ปรากฏภายนอกหรือไม่??
ประการต่อมา “ความงามมีวันหมดอายุ” ตอนที่ผมอายุ 18 ปี ผมมักใช้เวลาเป็นชั่วโมงในแต่ละวันกับการยืนมองตัวเองหน้ากระจก เพราะตอนนั้นผมเริ่มเล่นเพาะกายอะไรๆ มันก็ดูหล่อ ดูดีและดูตึงไปหมด แต่มาตอนนี้กล้ามท้อง 6 ลูกมันเริ่มจะมารวมกันเป็นลูกเดียวแล้ว และแผงกล้ามอกที่เคยตึงมันก็ชักจะหย่อนคล้อยลงไปบ้างแล้ว เหลือก็แต่หูนี่ล่ะครับที่นับวันจะตึงมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าเรารักชอบใครสักคนเพราะความงามภายนอกของเขาเพียงอย่างเดียว ผมบอกได้เลยว่าความรักที่คุณมีให้เขามันจะลดน้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวันหมดอายุในที่สุดและนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่เราควรใช้เวลาศึกษาความงามภายในให้มากขึ้นเพราะสิ่งเหล่านั้นไม่มีวันที่จะหมดอายุ??
ประการสุดท้าย และเป็นประการที่สำคัญมากที่สุดก็คือ “เลือกคนที่รักพระเจ้า” ในทางจิตวิทยานั้นอธิบายว่ามนุษย์ทุกคนจะได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เขาอยู่ใกล้และใช้เวลาด้วย ดังนั้นเราจึงมีนิสัยบางอย่างคล้ายพ่อแม่ หรือคนที่เลี้ยงดูเรามา แม้ว่านิสัยนั้นจะเป็นสิ่งที่เราไม่ปรารถนาก็ตาม และเป็นเหตุผลเดียวกับที่นักจิตวิทยาพัฒนาการพยายามเตือนพ่อแม่ไม่ให้ปล่อยให้ลูกเล็กๆ อยู่กับวีดีโอเกมที่ใช้ความรุนแรงมากเกินไป เวลาที่ผมถามคนทั่วไปว่าชอบคู่ครองหรือคนรักแบบไหน คำตอบที่ได้ยินบ่อยที่สุดก็คือ “ชอบคนดี” แต่น่าแปลกที่คนเหล่านั้นกลับไปมองหาคนดีในสถานที่เที่ยวกลางคืน อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าคนเที่ยวกลางคืนเป็นคนไม่ดีทุกคนนะครับ แต่โอกาสที่เราจะได้เจอคนดีในสถานที่ที่ดีย่อมมีมากกว่าไม่ใช่หรือครับ พูดง่ายๆ ก็คือสถานที่ และบุคคลที่เราไปและใช้เวลาด้วยจะมีผลกับวิธีคิดและการใช้ชีวิตของเรานั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนั้นคนที่ใช้เวลากับพระเจ้าผู้ประเสริฐก็น่าจะเป็นคนที่น่าปรารถนามากที่สุดไม่ใช่หรือครับ เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก ทรงอดทนนาน ทรงพร้อมให้อภัยอยู่เสมอ ในยามที่เรา ต้องการคนรับฟังพระองค์ทรงเป็นที่ปรึกษามหัศจรรย์ ฯลฯ หนุ่มสาวที่รักทุกท่านครับพระลักษณะของพระเจ้าเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณกำลังตามหาในตัวของคู่ชีวิตในอนาคตของคุณหรอกหรือครับ
??ผมเคยถามผู้หญิงคริสเตียนหน้าตาดีคนหนึ่งว่า “เพราะอะไรถึงยังไม่มีแฟน” เธอตอบว่า “พี่รู้มั้ยผู้ชายดีๆ มันหายาก ยิ่งผู้ชายคริสเตียนดีๆ ยิ่งยากเข้าไปใหญ่” ปรากฏว่าคนที่ฟังอยู่ด้วยกันสิบกว่าคนหัวเราะกันครืน แต่ผมฟังแล้วตลกไม่ออก เชื่อผมเถอะครับว่าถ้าเราเป็นคริสเตียนที่ใช้เวลากับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ เราจะกลายเป็นชาย และหญิงที่ดีขึ้นในทุกๆ วันอย่างแน่นอน ดังนั้นชายและหญิงคริสเตียนดีๆ หาไม่ยากแน่นอนครับแต่เราไม่ได้ออกไปหามากกว่า เราคงไม่ได้คิดว่าพอตื่นเช้าขึ้นมาจะมีนกกระจาบตัวใหญ่คาบเอาห่อผ้ามาทิ้งหน้าบ้าน แล้วข้างในนั้นจะมีชายหรือหญิงในฝัน แล้วก็จูงมือกันเข้าประตูวิวาห์หรอกนะครับ อย่างที่ผมกล่าวไว้ตั้งแต่ต้นว่าถ้าเราไม่เข้าใกล้คนที่เราสนใจเราก็ไม่สามารถรู้จักเขาหรือเธอได้ แต่ถ้าคุณอยู่ใกล้เกินไปที่คุณรักก็อาจไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของคนคนนั้น ดังนั้นผมอยากให้ทุกคนเตือนใจตัวเองอยู่เสมอที่จะมองหาความงามภายในที่จะสามารถรักเขาไปตลอดชีวิตของคุณ เมื่อนั้นล่ะคุณจะพบคู่แท้ คู่พระพร ขอพระเจ้าอวยพรครับ