คุยกับพี่ไลฟ์

ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เอาเป็นว่าพี่ขอน้องผู้อ่านว่า  ถ้าอยากให้พี่เขียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร  ก็เขียน e – mail มาบอกกันได้เลย พี่ให้  e – mail ส่วนตัวคือ gift_life@yahoo.com

เขียนมาเลย มีเรื่องอะไรก็  chat กันได้ครับ พี่ไลฟ์ จัดให้… เดือนที่ผ่านมาเราผ่านเดือนแห่งความรักมาแล้ว คงมีบางคนดีใจ บางคนเสียใจ หลายคน หวังใจ… เอาเป็นว่าในคอลัมน์วันนี้ พี่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องความรัก น้ำพระทัยพระเจ้า และการแสวงหา
เท่าที่พี่ไปค่ายอนุชนมาทั่วประเทศและต่างประเทศ พี่ได้ตอบคำถามมามากมาย (เหมือนอวดใช่มะ) แต่มีคำถามนึงที่มีทุกค่ายเลย คือ อะไรคือน้ำพระทัยพระเจ้า จะรู้ได้งัย? แฟนคนนี้ใช่  “The one” ฤาเปล่า? จะไปโรงเรียน/มหาวิทยาลัยไหน อะไรคือน้ำพระทัยพระเจ้า….เป็นคำถามที่ง่าย แต่ตอบยาก เอาเป็นว่าพี่จะค่อย ๆ ตอบให้ชัดเจนที่สุด
คำถามคือ  “เราจะรู้น้ำพระทัยได้ยังไง?  คำตอบคือ ถามพระองค์เองเด่ะ!  จบแล้ว กลับบ้านได้ อ้าวทำไมงี้ละ..!? จริง ๆ แล้ว คำตอบก็ง่ายจริงๆ พี่ตรัสรู้ไม่ได้หรอก ทำได้อย่างเก่งคือแนะนำ  น้ำพระทัยของพระเจ้า เป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง และส่วนบุคคลเป็นอย่างมาก อย่าทำเป็นเล่นไป เพราะหากพลาดจากทางของพระองค์ทุกอย่างก็อันตรายไปหมดเอาคำแนะนำพี่ไปลองใช้ดูนะ เผื่อจะดี

พร้อมแล้วเหรอ…
หลายคนพยายามหาน้ำพระทัยพระเจ้า แต่ไม่พร้อมจะรับน้ำพระทัยนั้น ๆ เหมือนเมล็ดพืชใน มัทธิว 13:22 ที่เมื่อพระคำตกลงในดินก็ โดนความกังวลในชีวิต ความรวยบีบรัด บางคนอธิษฐานเป็นวรรคเป็นเวรเรื่องแฟน แต่ไม่พร้อมจะฟัง  หากพระเจ้าเปิดเผยว่าชีวิตต้องอยู่โสดเพื่อการประกาศและรับใช้  อันนี้คงจะมีหลายคนรับไม่ได้ ความเชื่อแบบนี้ เรียกว่า Selective faith หรือความเชื่อแบบเฉพาะ คือเชื่อเฉพาะที่อยากจะเชื่อ เชื่อในพระคำบางตอนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ตัวเองแสวงหา ไม่อยากได้ยินอย่างอื่น ได้ยินเท่าที่อยากได้ยิน… เมื่อไม่พร้อม พระเจ้าก็คงจะรอจนกว่าเราจะอธิษฐานแสวงหาน้ำพระทัยพระองค์จริง ๆ เพราะฉะนั้นเมื่ออธิษฐานหาน้ำพระทัยให้ถามตัวเองว่า เรากำลังหาคำตอบที่เราอยากได้ยิน หรือหาน้ำพระทัยจริงๆ … ลองถามดูว่าคุณพร้อมหรือยัง

ได้ยินมั๊ย?
หลายครั้งพระเจ้าอาจพยายามกำลังเปิดเผยน้ำพระทัยพระองค์อยู่ แต่ด้วยความที่เราอาจไม่คุ้นกับเสียงของพระองค์ วิธีพูด สำเนียง หรือ sings (สัญญลักษณ์) ต่าง ๆ เราอาจพลาดจากน้ำพระทัยพระองค์ไปก็ได้..ตอนที่พี่เรียนอยู่ USA  เมื่อคนเรียกชื่อพี่ พี่ไม่เคยหันหรือขานรับเลย คนทั่วไปเรียกพี่ว่า life ออกเสียงว่า ไล-ฟ์  แต่ที่พี่ไปเรียนจะเรียกว่าบ้านนอก มากกว่า เมืองนอก คือสำเนียง cowboy สุดๆ เรียก L I R F หรือออกเสียง ลาา ยร์ฟ ..ฟังไม่ออก นึกว่าเค้าพูดถึง หัวเราะ (Laugh) ออกเสียงไม่ถูกก็ไม่หัน..ในพระคัมภีร์พูดถึงแกะของพระเจ้า John 1:27 แกะของเราฟังเสียงของเรา เรารู้จักพระองค์เพราะเสียงของพระองค์ เราเดินตามพระองค์ เพราะเสียงของพระองค์ ทำไมคนในกรุงไม่ค่อยได้ยินเสียงนก แต่พอเศษเหรียญตกลงพื้นทุกคนหันหากันใหญ่ ก็เพราะเรามักจะได้ยินในสิ่งที่เราตั้งใจ ใจจดใจจ่อรอที่จะฟัง คริสเตียนบางคนไม่ได้หูอื้อหรือหูหนวกนะ แต่หูตายด้าน เพราะขนาดลาซารัสที่ตายอยู่ ฝังอยู่ในอุโมค์ยังได้ยินเสียงพระเยซู แต่บางครั้งเราเองกลับ (ทำเป็น) ไม่ได้ยิน ทั้งๆที่พระเจ้าอยากเปิดเผยน้ำพระทัยพระองค์

สุด..สุด..หรือเปล่า ?
เมื่อเราเข้ามาแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า เราเข้ามาหาสิ่งที่เป็นสัจจะ เป็นความจริง เพราะฉะนั้นถ้าเราแสวงหาความจริงแบบไม่จริง ก็คงจะไม่เจอ การแสวงหาความจริงต้องทำแบบจริงๆ  พ่อของพี่เคยเป็นพระสงฆ์มาก่อน พระสงฆ์จะถูกสอนให้หาสิ่งที่เป็นความจริง เดินบิณฑบาตรตอนตี 5 ระยะทาง 10 กิโลเมตร ให้จ้องไปข้างหน้าได้ไม่เกิน 5 เมตร  อาหารได้มายังไง ก็ต้องกิน เผ็ดไม่เผ็ด แห้ง ซุป หวาน ปนกันก็ต้องกิน เวลาธุดงค์ก็อยู่ในห้อง 3 x 5 ฟุต เป็นเวลา 3 เดือน กลางป่า เมื่อพ่อพี่ได้เจอกับสัจจธรรมของพระเยซู พ่อพี่อ่านพระคำวันละ 10 ชั่งโมง 5 เดือนรวด อ่านจบอ่านใหม่ เขียนจดหมายโต้เถียงกันกับแม่พี่ 7 เดือน เขียนไป 800 ฉบับ ฉบับละ 2-3 หน้า (ถ้าคิดเลขกันเก่ง) ลองคิดดูว่าวันละประมาณเท่าไหร่? นั่นคือแสวงหาจริงๆ แสวงหาแบบไม่เจอไม่ได้ ยอมตายดีกว่า ดูหนังจีนกันบ่อยมั้ยครับ  ถ้าเป็นหนังจีนก็คงต้องคุกเข่ารอคำตอบจากท่านผู้เฒ่าจนกว่าท่านจะรับเป็นศิษย์ ถ้าไม่รับก็ไม่ลุก บางทีการค้นหาน้ำพระทัยก็ต้องมีลูกอึดลูกทนมาก
ในเยเรมีย์ บทที่ 29 : 11-13 …เจ้าจะเจอเราถ้าเจ้าแสวงหาเราด้วยสุดใจของเจ้า… “IF” ถ้า..เป็นข้อแม้ที่ถ้าทำก็จะเจอ ถ้าไม่ทำก็ไม่เจอ การแสวงหาพระเจ้าต้องทำด้วยสุดใจ จริงๆ สุดกาย สุดกำลัง สุดความคิด สุดเวลา  สุดสตางค์  สุดตัว  อย่าหยุดถ้าไม่เจอ อย่าท้อ แสวงหาจนกว่าพระเจ้าเห็นความตั้งใจ  มีคริสเตียนใหม่คนหนึ่งอยากรับบัพติสมา มาขอศิษยาภิบาลให้ช่วยให้ศิลให้หน่อย ศิษยาภิบาลบอกได้ แล้วก็พาออกไปตรงบึงใกล้ๆ โบสถ์ เมื่ออธิษฐานเสร็จก็จุ่มหัวลงไปในน้ำแต่ไม่ยอมให้ขึ้น กดอยู่อย่างนั้นจนคริสเตียนคนนั้นจวนจะขาดอากาศจมน้ำตายอยู่ร่ำไร ศิษยาภิบาลก็ดึงขึ้นมาเฮือกสุดท้าย  เมื่อขึ้นมาก็โวยวายว่าทำไมทำอย่างนี้จะฆ่ากันหรือไง ศิษยาภิบาลตอบว่า ถ้าคุณไม่ต้องการพระเจ้าเหมือนคุณต้องการอากาศจะหายใจ คุณก็ไม่ควรจะกลับมาหาผม
นี่เป็นตัวอย่างที่สอนเราว่า  เราต้องการพระองค์มากแค่ไหน เราต้องอธิษฐานแสวงหาพระองค์ มากแค่ไหน ไม่ใช่ว่าอยากรู้น้ำพระทัยแต่ใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที  ใคร่ครวญพระคำและอธิษฐาน…ขอให้เราถามตัวเองว่า เราสุด ๆ ในการแสวงหาหรือยัง เราเอาจริงกับพระเจ้าและน้ำพระทัยหรือเปล่า?
คำถาม 3 คำถามข้างต้นนี้ น่าจะช่วยน้อง ๆ ในการแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าในเรื่องต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น และนอกเหนือจาก 3 ทัศนะในการแสวงหาแล้ว ยังมีเรื่องเวลาของพระองค์ เวลาของเราอีกที่สำคัญ แล้วก็มีเรื่องพระเจ้าเห็น และเป็นอยู่ในอนาคต ที่ทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้า Perfect  บางคนไม่รอน้ำพระทัย ตัดสินใจมีแฟน แต่งไปก่อน เมื่อแต่งไปแล้วมาเจอคนที่ใช่เลย คงจะลำบาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระเจ้าจะแสดงให้แน่ชัดอย่างแจ่มแจ้งว่า นี้คือน้ำพระทัย หรือนี่ไม่ใช่แน่นอน แต่ที่สำคัญคือ ขอให้เราฟัง

อ.วาระ มีชูธน