ชัยชนะเหนือความมืด

“ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลัก ฆ่า และทำลาย เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบ บริบูรณ์” ยอห์น 10:10

ดช. ศักดิ์สิทธิ์ เทียมอุบล เกิดในครอบครัวชั้นกลาง ค่อนข้างยากจน ด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ก็จำเป็นต้องออกจากบ้านใน จ.นครสวรรค์ มุ่งหน้ามาเสี่ยงโชคที่กรุงเทพฯ โดยอาศัยข้าวก้นบาตรพระที่วัดแถวสะพานควายเลี้ยงชีวิต ระเบียงกุฏิเป็นที่อาศัยนอน ที่นี่เขาได้เรียนจนจบประถมปีที่ 7 แต่แล้วชีวิตก็ต้องหักเห เพราะคบเพื่อนเกเรที่อยู่ข้างวัด เพื่อนได้ชักชวนให้ลองสิ่งแปลกๆ ที่ในชีวิตของเด็กต่างจังหวัดอย่างเขาไม่เคยลอง เริ่มแรกก็บุหรี่ พอรู้ตัวอีกทีก็ทั้งเหล้า กัญชา และเที่ยวกลางคืน ทั้งๆ ที่อยู่กับหลวงลุง หลวงพี่ คุณธรรมความดีที่ท่านอบรมสั่งสอนไม่สามารถที่จะดึงจิตใจของเขาให้เข้มแข็งต่อสิ่งชั่วร้ายที่อยู่รอบตัวได้ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งเสพติดเหล่านั้นมันกลับมีพลังดูดเขาให้ใกล้มันมากขึ้นๆ จนต้องออกจากโรงเรียนระหว่างชั้นมัธยมต้น

ตำรวจและศักดิ์สิทธิ์เป็นคู่รักคู่แค้นที่จะต้องวิ่งไล่จับกันอยู่เสมอ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ศักดิ์สิทธิ์จะเป็นฝ่ายชนะ เพราะคุ้นเคยเส้นทางการหลบซ่อนเป็นอย่างดี ไม่ว่าคูน้ำข้างวัดหรือหลังเมรุเผาศพ ที่ไม่มีใครอยากเข้าไป จนวันหนึ่งที่ชีวิตได้เอื้อสติที่ดีให้ เขาเริ่มคิดถึงอนาคตที่ดูมืดมน เขารู้สึกสับสน ว่างเปล่า เคว้งคว้าง นึกถึงเพื่อนที่เป็นลูกศิษย์วัดด้วยกัน บัดนี้สำเร็จเป็นนักเรียนนายร้อยห้อยกระบี่ อีกคนจบปริญญาตรีเป็นอาจารย์ ขณะที่เขายังคงเป็นอันธพาลคุมซอยข้างวัดอยู่ อายุก็ 20 กว่าแล้ว งานก็ไม่มีทำเป็นหลักแหล่ง พอได้งานทำก็ทำได้ไม่นาน เพราะเสียงเรียกร้องของสิ่งเสพติดซึ่งพิชิตจิตใจเขาได้ 100% ทำให้ถอนตัวไม่ขึ้น เขารู้สึกหมดหวังในชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พบว่าข้างวัดมีโบสถ์คริสต์มาตั้งใหม่ ขึ้นป้ายรับสอนภาษาอังกฤษฟรี ให้กับคนสนใจ เท้าเร็วกว่าความคิด นำเขาเดินเข้าไปในคริสตจักรแห่งนั้น ศักดิ์สิทธิ์คิดว่าถึงจะรู้อะไรไม่มากแต่รู้ภาษาอังกฤษไว้บ้างก็ดี เมื่อเข้ามาในคริสตจักรแห่งนี้เขารู้สึกประหลาดใจ หน้าตาของผู้คนที่นี่ดูมีความสุข ยิ้มแย้มทักทาย ไม่มีใครที่จะแสดงท่าทีรังเกียจ ดูถูกเขาเลยทั้งๆ ที่ทุกคนรู้ดีว่าเขาเป็นนักเลงขี้ยาอยู่แถวนั้น อาจารย์ที่สอนก็ตั้งอกตั้งใจสอนเขาอย่างดี และเชิญเขามาร่วมร้องเพลง ฟังข้อคิดในการดำเนินชีวิตในวันพุธ และวันอาทิตย์ที่คริสตจักร ศักดิ์สิทธิ์ได้เริ่มชักชวนเพื่อนร่วมแก๊งค์เข้ามายังคริสตจักรแห่งนี้ เพื่อเรียนภาษาอังกฤษ และศึกษาพระคัมภีร์ บางทีก็ก่อกวนอาจารย์บ้าง แต่อาจารย์ก็อดทนเป็นเยี่ยม

จนวันหนึ่ง อาจารย์ได้บอกกับเขาว่า พระเจ้าสามารถช่วยแก้ปัญหาชีวิตเขาได้ ตอนนั้นเขากำลังตกงาน และอยากได้งานทำ ก็เลยอธิษฐานในใจว่า พระเจ้าผมก็ไม่รู้จักพระองค์ แต่ผมได้ยินว่าพระองค์ช่วยผมได้ ผมอยากได้งานทำน่าอัศจรรย์! วันรุ่งขึ้น ธนาคารซิตี้แบงค์ที่สมัครงานไว้นานแล้วได้เรียกเขาไปสัมภาษณ์ และตกลงรับเขาเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานขับรถ ศักดิ์สิทธิ์ดีใจมาก กลับมาเล่าให้อาจารย์ที่โบสถ์ฟัง จิตใจของเขาเริ่มเปิดและศึกษาพระคัมภีร์อย่างจริงจัง แต่ขณะที่ศึกษาอยู่นั้นก็ยังไม่เลิกบุหรี่ เหล้า และกัญชา เขาศึกษาอยู่ถึง 5 เดือน จนวันหนึ่งวันที่เขาไม่เคยลืมเลย ขณะที่ศักดิ์สิทธิ์กำลังศึกษาพระคัมภีร์กับอาจารย์ท่านหนึ่งอยู่ พระเจ้าได้เปิดเผยความจริงอันยิ่งใหญ่ ให้เขาเข้าใจคือ พระเจ้ารักคนบาปอย่างเขา จนยอมสละชีวิตของพระองค์เองตายแทนเขา วันนั้นน้ำตาลูกผู้ชายไหลริน สัมผัสกับความรักของพระเจ้า ในชีวิตที่ไม่เคยมีใครรัก ไม่มีใครสนใจ มีแต่คนรังเกียจ ด่าว่าประณาม แต่พระเจ้ายังรักคนที่ไม่น่ารักอย่างเขาให้ได้ แม้กระทั่งชีวิตที่ดี บริสุทธิ์ ไม่ด่างพร้อยของพระองค์ เพื่อรับโทษบาปแทนเขาศักดิ์สิทธิ์ตัดสินใจมอบชีวิตเขาให้พระเจ้า แม้ว่าศักดิ์สิทธิ์จะมอบชีวิตติดตามพระเจ้าแล้ว สิ่งเสพติดต่างๆ ยังตามรบกวนเขาตลอดเวลา เขาปรารถนาที่จะเลิกเหล้า บุหรี่ กัญชา อย่างเด็ดขาด จึงอธิษฐานอย่างหนักและขอร้องให้พี่น้องในคริสตจักรช่วยอธิษฐานเผื่อด้วย 4 เดือนผ่านไปที่เขาต้องพยายาม เอาชนะสิ่งเสพติดเหล่านี้ จนวันหนึ่งพระเจ้าให้เกิดอาการแพ้บุหรี่ ปวดหัว อาเจียนอย่างรุนแรง ยิ่งเมื่อพยายามจะดื่มเหล้าแล้วเติมกัญชาเพื่อแก้แพ้ อาการอาเจียนยิ่งหนัก จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จากวันนั้นเองทำให้เขาเลิกจากสารเสพติดต่างๆ ได้และไม่หันกลับไปอีกเลย ช่วงที่ผมเลิกยาได้แล้ว แต่อาการอยากยายังคงมีอยู่ ผมจำได้ว่าขณะที่ผมกำลังขับรถให้เจ้านายที่ธนาคารอยู่นั้น ผมเกิดอาการเหงื่อออกหนักทั้งตัว หัวใจผมกำลังจะหยุดเต้น จนเจ้านายผมตกใจมาก ขณะนั้นเกิดการต่อสู้อย่างรุนแรง ผมอธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้าให้ผมผ่านวิกฤตโดยผมไม่ต้องหันไปติดยาอีก ผมขอบคุณพระเจ้าที่ โดยกำลังของพระองค์ พระองค์ช่วยให้ผมผ่านไปได้ 15 ปี แล้วครับที่ผมไม่เคยกลับไปแตะต้องมันอีกเลย

พระเจ้า พระเยซูคริสต์ ที่ศักดิ์สิทธิ์รู้จัก เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นผู้ฉวยชีวิตของเขาจากปากหลุมแห่งความตาย เป็นพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ พระองค์จึงมีอำนาจที่จะเปลี่ยนชีวิต ความคิด มุมมอง และแนวทางในการดำเนินชีวิตของเขาได้ พระองค์ให้โอกาสแก่เขาที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เป็นความหวัง เป็นกำลังใจที่จะให้เขาสร้างฝันในชีวิตให้เป็นจริง ปัจจุบันศักดิ์สิทธิ์จบการศึกษาระดับปริญญาตรี แผนกการตลาด จากสถาบันราชภัฎธนบุรี ชีวิตการงานจากพนักงานขับรถของธนาคารซิตี้แบงค์พัฒนาขึ้นเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการหลักทรัพย์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ขณะนี้ศักดิ์สิทธิ์ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานขายพระคริสตธรรมคัมภีร์ของสมาคมพระคริสตธรรมไทย ด้วยความมานะพยายาม ศักดิ์สิทธิ์ได้มีทาวน์เฮ้าส์เป็นของตนเอง รับพ่อแม่ที่อายุมากมาเลี้ยงดู มีโอกาสมีรถยนต์ส่วนตัว (TAXI) ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือเลี้ยงชีพได้ มีโอกาสนำเพื่อนๆในแก๊งค์ข้างวัดมารู้จักพระเจ้า ส่วนตัวเองพระเจ้าได้ประทานคู่ชีวิตซึ่งเป็นหญิงสาวชาวอเมริกันให้ แม้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมา 43 ปีแล้ว แต่ทุกครั้ง เมื่อเขาย้อนกลับไปวันที่เขาได้รู้จักพระเจ้า เขารู้ว่าพระคุณของพระเจ้ามีเพียงพอสำหรับเขาจริงๆ จากชีวิตที่เปรียบกับก้อนกรวดก้อนดิน ที่มีแต่คนเหยียบย่ำ และดูไร้ค่า แต่พระเจ้าได้นำมาเจียระไนเป็นเพชรพลอยงามมีค่ายิ่ง จากชีวิตที่อยู่ในความมืด บัดนี้ศักดิ์สิทธิ์ได้พบกับความสว่างแห่งชีวิตแล้ว พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดิน ในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” ยอห์น 8:12

คุณศักดิ์สิทธิ์ เทียมอุบล