ตอนบัลลังก์ชีวิต
สวัสดีครับ คุณผู้อ่านทุกๆ ท่าน ในช่วงเทศกาลคริสตมาสนี้คุณมีแผนจะไปเที่ยวที่ไหนหรือทำอะไรกันบ้างครับ ตัวผมเองไม่สามารถคิดไกลไปถึงวันหยุดแค่คิดว่าจะผ่านแต่ละอาทิตย์ไปได้อย่างไร ก็หนักหนาเอาการอยู่แล้วครับ ยิ่งใกล้วันคริสตมาสผมก็ยิ่งเหนื่อย เพราะรับเชิญไปร่วมงานคริสตมาสเพื่อแบ่งปันและร้องเพลงหลายแห่งมาก แต่ก็ดีนะครับ ผมจะได้เข้าใจถึงความรู้สึกของมารีย์และโยเซฟว่าทั้งสองต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงใด เมื่อต้องเดินทางไปในทะเลทรายเพื่อไปจดทะเบียนสำมะโนครัว
เอาละครับผมว่าเข้าเรื่องเลยดีกว่า… ไม่นานมานี้ผมพากลุ่มอนุชนไปเข้าค่ายที่ชะอำ เรามีเกมหนึ่งที่สามารถเล่นได้ไม่ยากนักในเวลาที่จำกัด ผมประกาศว่า “ใครสามารถสร้างปราสาททรายใหญ่และแข็งแรงที่สุด จะชนะและได้แต้ม” น้องๆ ทั้ง 5 กลุ่มต่างช่วยกันสร้างปราสาท โดยไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วพี่ไล้ฟ์ต้องการเวลาพักบ้าง ขณะนั่งดูน้องๆ ผมสังเกตปฏิกิริยาของแต่ละกลุ่ม บางกลุ่มเน้นที่ความใหญ่จึงวิ่งตีเส้นขอบปราสาททรายจากหัวหาดถึงท้ายหาด บางกลุ่มเน้นความสูง บางกลุ่มเน้นความสวยงาม (มีสระว่ายน้ำด้วย) ผมสังเกตว่าเมื่อกลุ่มอื่นเดินผ่านหรือแวะมาดูอีกกลุ่มหนึ่ง เจ้าของกลุ่มจะปกป้องไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้เขตของตน “นี่กลุ่มของฉัน” “เธอไม่เกี่ยว” “ไปไกลๆ เลย” ผมเห็นแล้วก็แอบยิ้ม พร้อมทั้งดื่มน้ำเย็นๆ ใต้ร่มไม้รอน้องๆ ทำให้เสร็จ น่าประหลาดใจว่าช่วงเวลาเช่นนี้ผมได้พบความจริงบางประการที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน และเพิ่งมาตระหนักว่าเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณที่เราหลายคนมองไม่เห็น เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ และอยู่ในตัวเรานี่เอง
เมื่อ 2000 กว่าปีมาแล้ว กษัตริย์เฮโรดได้สร้างอาณาจักรของตน ท่านได้รับตำแหน่งกษัตริย์ มีความยิ่งใหญ่ พลัง อำนาจ ทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศนั้นเป็นของท่าน เรียกได้ว่าตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ เนื่องจากผมสอนวิชาประวัติศาสตร์ที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง ทำให้ผมได้รู้ว่าฟาโรห์คนแรกของอียิปต์คือ Menes (มี-นิส) และทุกคนในอียิปต์ (ทุกคนจริงๆ ครับ) อยู่ใต้บังคับบัญชาของฟาโรห์คนนี้คนเดียว Menes ถือว่าเป็น Ra (พระเจ้า) ผมจึงเข้าใจความรู้สึกของกษัตริย์เฮโรดเมื่อนักปราชญ์หรือโหราจารย์มาเข้าเฝ้าและถามท่านว่า “พระกุมารผู้ที่ทรงบังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน?” หากจะพูดเป็นภาษาง่ายๆ ก็คือ “กษัตริย์ที่แท้จริงที่ได้มาบังเกิดนั้นอยู่ที่ไหน?” คุณคิดว่ากษัตริย์เฮโรดจะรู้สึกอย่างไร เขาคงจะรู้สึกโกรธแค้น เจ็บปวดเหมือนถูกแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ เพราะหากเป็นเช่นที่โหราจารย์พูดจริง ทุกสิ่งที่เป็นของเฮโรดกำลังถูกท้าทายและเปลี่ยนเจ้าของไปเป็นของกษัตริย์องค์ใหม่ ทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยความหวงแหน ทะนุถนอม มีชื่อมีลายมือของเขาอยู่ กำลังจะเปลี่ยนไปโดยกษัตริย์องค์ใหม่ ตราประจำราชสำนักเฮโรดจะต้องเปลี่ยนไป ระบบการปกครองที่อุตส่าห์วางแผนจัดตั้งขึ้นมาต้องยกเลิก จะมีคนอื่นมานั่งบนบัลลังก์ที่ตัวเฮโรดเคยนั่ง จะรับได้อย่างไร! ยอมไม่ได้! ด้วยเหตุนี้เฮโรดจึงเลือกที่จะสู้กับกษัตริย์องค์ใหม่โดยสั่งให้ฆ่าเด็กชายที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมา เพื่อตัดตอนพงศ์พันธุ์ที่อาจจะกลายเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ในอนาคต
ในวันนี้เราอาจจะขำเฮโรดที่ไม่รู้ว่ากษัตริย์องค์ใหม่ที่มาบังเกิดนั้นคือพระเจ้า พระองค์ไม่ได้มาแย่งบัลลังก์ของใครเลย แต่มาเพื่อตั้งอาณาจักรใหม่ในจิตใจของมนุษย์ เราอาจจะดูถูกเฮโรดหรือสมน้ำหน้าเขา แต่ในส่วนตัวของผม ผมกลับเข้าใจเฮโรด ทำไมหรือครับ? เพราะหลายครั้งผมคือเฮโรด ผมมีอาณาจักรในตัวของผม คือวิถีของผม (My Way) ซึ่งไม่ต้องการให้ใครมาแตะต้องหรือล้ำเขตแดนเข้ามา ผมมีความหยิ่ง มีความทะเยอทะยาน แม้แต่อนาคตผมก็วางแผน (My Plan) ไว้อย่างสวยหรู ผมมีของของผม (My Things) และอย่าได้มีใครมาท้าทายหรือก้าวก่ายเข้ามาในตัวตน (Ego) ของผม หลายครั้งที่ “เฮโรด วาระ มีชูธน” ได้พยายามต่อต้านไม่ให้กษัตริย์ที่แท้จริงมาสร้างอาณาจักร เพราะผมต้องเสียเอกราช เสียสิทธิ และความเป็นเจ้าของตัวเราเอง และผมได้ต่อสู้กับกษัตริย์องค์ใหม่ (พระเจ้า) เพื่อครอบครองบัลลังก์ตัวเองไว้ให้นานที่สุด
ในช่วงคริสตมาสนี้ พระเยซูคริสต์ไม่ได้เสด็จมาเพื่อแย่งชิงบัลลังก์จากเรา หรือเพื่อแย่งชิงอนาคต แผนงานต่างๆ ของเรา พระองค์มาบังเกิดเพื่อเราจะได้เห็นและอยากได้ชีวิตที่ดีกว่า เต็มกว่า สมบูรณ์และเป็นนิรันดร์ พระเยซูมาบังเกิดไม่ใช่เพื่อเราจะหมดสิทธิ แต่จะได้สิทธิ ไม่ใช่เพื่อเราจะหมดสิ้นแต่เพื่อจะได้ทั้งหมด ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่า “…เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์”(ยอห์น 10:10)
ในไม่กี่ชั่วโมงปราสาททรายที่น้องๆ อนุชนช่วยกันสร้างขึ้นมาก็จะถูกน้ำซัดหายไป ไม่กี่วันกำแพงเมืองที่แข็งแรงก็ถูกทลายให้พังลงมาได้ และเพียงไม่กี่ปีอาณาจักรที่คุณสร้างมาตลอดชีวิตก็จะสูญสลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับชีวิตที่ดับสิ้นของเรา แต่ผมมั่นใจว่าถ้าผมลงจากบัลลังก์ชีวิต ผมอาจจะสูญเสียอาณาจักรฝ่ายร่างกาย แต่ผมได้อาณาจักรและบัลลังก์ถาวรซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ามาก มีคนเคยกล่าวว่า
“He is no fool to give what he cannot keep to gain what he cannot loose.”
“คนฉลาดคือผู้ที่ยอมให้ในสิ่งที่เขาเก็บไว้ไม่ได้ เพื่อจะได้ในสิ่งที่เขาไม่มีทางจะสูญเสียไป”
ในวันคริสตมาสที่กำลังจะมาถึง ให้เราตั้งเป้าในชีวิตของเราว่าเราจะยอมเสียทุกอย่างเพื่อจะได้พระเจ้าในทุกเรื่อง เราจะยอมให้พระเจ้าครอบครองและควบคุมและนำเราไป เลิกวิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เลิกเป็นเจ้านายใหญ่นั่งบนบัลลังก์ชีวิตของเรา และเลิกทำตามวิถีของเรา แต่ยอมมอบอาณาจักรทั้งหมดของเราให้เป็นของกษัตริย์ที่แท้จริง…คือองค์พระเยซูคริสต์เจ้า
สุขสันต์วันคริสตมาสครับ
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
- อ.วาระ มีชูธน
- ภาพ Escapejaja – Freepik.com