นึกถึงรางหญ้า เวลาต้องอดทน 1/18

นึกถึงรางหญ้า เวลาต้องอดทน

ทุกๆ เช้าผมเฝ้าอธิษฐานว่าจะขอเป็นเกลือเป็นแสงสว่างของพระคริสต์  ผมหวังว่าทุกคนจะได้เห็นพระเยซูคริสต์ในตัวของผม  แต่มันไม่ง่ายเลย  แค่ผมก้าวเข้าไปขับรถออกจากบ้าน  บางทีผมต้องเจอรถใครก็ไม่รู้จอดขวางหน้ารั้วบ้าน กว่าจะตามเจ้าของรถมาได้ผมก็เสียเวลาไปห้านาทีแล้ว บนถนนยิ่งแล้วใหญ่ผมค่อยๆ ขับเข้าถนนด้านในเพื่อขึ้นสะพาน  มันอาจจะไปได้อย่างเชื่องช้าแต่มันก็ค่อยๆ ขยับไปเรื่อย แต่พอถึงเชิงสะพานผมแทบอยากเปิดกระจกออกไปตะโกนดังๆ เพราะรถหลายคันไม่ยอมต่อคิวแต่แอบแซงตรงคอสะพานเพื่อขึ้นไปอย่างเห็นแก่ตัว  กว่าจะถึงที่ทำงานผมก็รู้ทันทีว่าผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของผมไม่ได้มากพอเลย ผมโกรธและผมก็รู้สึกด้วยว่าผมมีเหตุผลมากพอที่จะโกรธ มันกลายเป็นวัฏจักรอันน่าสมเพชฝ่ายจิตวิญญาณที่ผมต้องเรียนรู้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่แน่ใจว่าทุกท่านมีปัญหาแบบเดียวกันนี้บ้างหรือไม่
.
ในเดือนธันวาคมของทุกปีเป็นเรื่องปกติที่ผมจะมีโอกาสเตรียมแบ่งปันพระคำของพระเจ้าค่อนข้างถี่ วันหนึ่งผมเปิดในพระธรรมฟีลิปปี 2:5-7 ซึ่งบันทึกไว้ว่า “จง​มี​จิต​ใจ​เช่น​นี้​ใน​พวก​ท่าน​เหมือน​อย่าง​ที่​มี​ใน​พระ​เยซู​คริสต์ ผู้​ทรง​สภาพ​เป็น​พระ​เจ้า ไม่​ทรง​ถือ​ว่า​ความ​ทัด​เทียม​กับ​พระ​เจ้า​เป็น​สิ่ง​ที่​จะ​ต้อง​ยึด​ไว้ แต่​ทรง​สละ​พระ​องค์​เอง​และ​ทรง​รับ​สภาพ​ทาส ทรง​ถือ​กำ​เนิด​เป็น​มนุษย์ และ​ทรง​ปรา​กฏ​อยู่​ใน​สภาพ​มนุษย์” ความรู้สึกแรกก็คือเหมือนผมได้ยินเสียงพระคัมภีร์พูดใส่หน้าผม เพราะนี่คือสิ่งที่ติดอยู่ในใจของผมนานมาแล้ว นี่เป็นประโยคคำสั่งที่พระเจ้าทรงดลใจให้อาจารย์เปาโลบันทึกไว้ว่า “จงมีจิตใจเช่นนี้ในพวกท่าน” จิตใจที่มีคนทำเป็นแบบอย่างไว้ให้กับเราแล้วคือพระเยซูคริสต์ ถ้าเปรียบพระคัมภีร์ดั่งพระแสงตอนนี้ผมก็กำลังถูกบาด และเฉือนใจ แต่ผมรู้สึกดีขึ้นจริงๆจากความอึดอัดภายใน และนี่คือบทเรียนที่ผมได้รับ
.
บทเรียนแรก
“ไม่หวงสิทธิของตนเอง” แน่นอนว่าในสังคมที่สงบสุขเป็นระเบียบเราต้องเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน เราไม่ชอบการแซงคิว เราไม่ชอบคนที่ไม่รักษาเวลา แต่หลายครั้งทีเดียวที่เราเคารพสิทธิของตัวเองมาก มากจนมองข้ามอะไรทุกอย่าง และมองไม่เห็นความจำเป็นของผู้คน จนใจเราไม่อาจเมตตาได้  ลองคิดดูว่าถ้าพระเยซูคริสต์ทรงรักษาสิทธิของพระองค์ซึ่งทรงสภาพเป็นพระเจ้า  อยู่อย่างนั้นแสนสุขสบาย ไม่ต้องทนรับอะไรทั้งสิ้น วันนี้พวกเราจะมีความหวังอะไร บทเรียนนี้ทำให้ผมหงุดหงิดน้อยลงมากเวลาถูกแซงคิว ถูกเบียดขึ้นสะพาน ไม่ใช่เพราะผมเห็นด้วยกับการกระทำแบบนั้น มันทำให้ผมเริ่มมองลึกลงไปว่า คนที่กำลังทำแบบนั้นมีความจำเป็นอะไรหรือเปล่า? ผมไม่เคยมองแบบนี้เลย แต่เมื่อพระวจนะสอนใจผม ตาและความคิดก็เปลี่ยนไปไม่น้อย  สติกเกอร์ที่ติดหลังรถว่า “มือใหม่หัดขับ” ทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนขับรถใหม่ๆ แซงก็ไม่ค่อยเป็น ไม่รู้จังหวะว่าจะทำเมื่อไหร่ มันทำให้ผมยอมเปิดทางให้แซงได้พร้อมๆ กับมีรอยยิ้ม เหมือนว่าผมได้เปิดทางให้ตัวเองสมัยที่ยังขับรถไม่ค่อยเป็น
.
บทเรียนต่อมา
“เสียสละแปลว่ายอมเหนื่อย” ผมเคยคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนดีระดับนึง เรื่องความเสียสละก็นับว่ามีอยู่ไม่น้อย เคยไปบริจาคเลือด เคยไปเป็นอาสาสมัครงานต่างๆ แต่เอาเข้าจริงๆ เมื่ออ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ผมก็เริ่มมองเห็นด้านที่เห็นแก่ตัวของตัวเองมากขึ้น  ผมมองเห็นตัวเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิ่งแวดล้อมแย่ลง เพราะรับถุงพลาสติกทุกครั้งที่ซื้ออะไรเข้าบ้าน  ผมเคยนึกขำในใจเรื่องที่ภรรยาของผมมักพกถุงพลาสติกเก่าไว้ในกระเป๋าหลายใบ พอซื้ออะไรก็บอกว่าไม่รับถุงเพราะมีถุงมาเอง บางทีก็เอาถุงเก่าให้ผมไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ แต่เวลานี้ผมยกย่องการทำอะไรแบบนี้จริงๆ นึกย้อนไปถึงคุณแม่ก็เริ่มนึกชมท่านที่เอาปิ่นโตไปด้วยเวลาจ่ายตลาด  แม้ว่าการทำสิ่งนี้เราต้องยุ่งยาก พกนั่นพกนี่ แต่ถ้าเราอยากให้บางสิ่งในโลกนี้ดีขึ้น มันทำไม่ได้ด้วยปากอย่างเดียว ต้องยอมเหนื่อยบ้าง เวลาเรามองเห็นขยะตกอยู่บนพื้นแล้วพูดว่าสกปรกจัง มันไม่เคยช่วยให้สะอาดขึ้นเลย  แต่ถ้าเราเดินไปเก็บขยะชิ้นนั้นทิ้งในถังขยะมันก็สะอาดขึ้นแล้ว
.
ในพระธรรมลูกา 2:12-14 กล่าวว่า “นี่​จะ​เป็น​หมาย​สำ​คัญ​สำ​หรับ​พวก​ท่าน คือ​ท่าน​จะ​พบ​พระ​กุมาร​นั้น​พัน​ผ้า​อ้อม​นอน​อยู่​ใน​ราง​หญ้า” รางหญ้าคือที่ใส่อาหารสำหรับสัตว์ที่มาดื่มกิน มันเปรอะเปื้อนไม่สะอาด ไม่นุ่มสบายเหมือนเตียง  มันไม่ดีพอสำหรับผู้ใหญ่สักคนจะใช้เป็นที่นอนด้วยซ้ำ  แต่กลับเป็นสถานที่ที่พระเจ้ายอมเลือกลงมารับสภาพมนุษย์  จากพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่แค่เพียงตรัสสั่ง สรรพสิ่งก็ถูกเนรมิตสร้างขึ้น  พระองค์ต้องลงมารับสภาพมนุษย์ และเป็นมนุษย์ที่ยังเป็นทารกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทั้งหมดนี้ยืนยันกับเราอีกครั้งว่าพระเจ้ารักเรามากแค่ไหน
.
ทุกวันนี้ยังคงมีหลายสถานการณ์ที่พระเจ้าอนุญาตให้ผมต้องเรียนรู้เช่นเดียวกับท่านผู้อ่านเช่นกัน  บางเรื่องเราอาจทำได้ดี แต่บางครั้งเราทำได้ไม่ดีนัก ขอพระเจ้าทรงเมตตา เมื่อเรากำลังจะขาดความอดทน เมื่อเรารู้สึกว่ามองไม่เห็นความต้องการของคนอื่น เมื่อนั้นขอให้เราคิดถึงรางหญ้าที่พระเจ้าผู้สูงสุดยอมลงมารับสภาพอันจำกัดนั้น สิ่งนี้ทำให้ผมนึกถึงคำว่า “จงมีจิตใจเช่นนี้ในพวกท่านเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์..” และหลายครั้งผมทำได้ดีขึ้น เรากำลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่กันแล้ว และสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าปรารถนาให้เรามีเพื่อเป็นสาวกที่ดีขึ้นก็คือความอดทน คือยอมอดในสิทธิที่เราควรได้ และยอมทนเหนื่อยเพื่อให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น ขออพระเจ้าทรงอวยพรผู้อ่านทุกท่านมีชีวิตที่เป็นพระพรมากยิ่งๆขึ้นในปีใหม่นี่ครับ ขอพระเจ้าอวยพร
  • อาจารย์วิทยา วุฒิไกรเกรียง
  • ภาพ Vgstockstudio – Freepik.com