ปราศจากพระคริสต์แล้ว จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้เลย
เมื่อสามสิบกว่าปีมาแล้ว มีนักร้องและนางแบบสาวคนหนึ่ง เธอเป็นลูกสาวรองอธิบดีกรมตำรวจ เป็นคนสวย หุ่นดี และร้องเพลงเก่ง เธอภูมิใจในตัวเองว่า เธอโชคดีมากที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดี มีชื่อเสียง แถมเธอยังเรียนเก่งอีกด้วย ชีวิตเธอมีครบบริบูรณ์ทุกอย่าง ตอนที่เธออายุประมาณ 38 ปี เธอผู้นี้ก็ต้องพบกับความโชคร้าย จากคนที่ทั้งสวยและเก่ง ต้องกลายเป็นคนที่มีร่างกายเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก พูดไม่เป็นภาษา เธอไม่สามารถยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ถึงกับคิดว่า…ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ในความทุกข์ทางร่างกายที่เกิดขึ้นนั้น เป็นหนทางทำให้เธอได้รู้จักกับพระเยซูคริสต์เจ้า พระองค์ทรงสำแดงความรักกับเธอด้วยการรักษาเธอให้หายจากการเป็นอัมพฤกษ์ มีร่างกายกลับมาใช้งานได้เป็นปกติ กลับมาพูดได้เหมือนปกติ และพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทรงดูแลชีวิตเธอเสมอมา
คุณอรพิมพ์ ผุดผาด ชื่อเล่น คุณกล้วย อายุ 62 ปี จบการศึกษาปริญญาโท ด้านการตลาด ที่สหรัฐอเมริกา สมรสกับ Pastor Rogelio Baldovinos Torres มีบุตรชาย 3 คนคือ คุณปิยพงศ์ คุณปืนปราบ และ คุณก้องรัฐ นมัสการพระเจ้าที่ คริสตจักรอันติโอเกีย ลาดพร้าว
รู้จักพระเจ้า
ตอนดิฉันอายุประมาณ 15 ปี เรียนจบมัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดม ดิฉันก็เดินทางไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา จนจบปริญญาโท ด้านการตลาด ดิฉันได้แต่งงานมีครอบครัว ตั้งรกรากอยู่ที่ Seattle Washington สหรัฐอเมริกาเลย มีลูกชาย 3 คน ทำกิจการร้านอาหารไทยที่สหรัฐอเมริกาทั้งหมด 4 สาขาด้วยกัน
เมื่อประมาณ 23 ปีมาแล้ว ดิฉันอายุประมาณ 38 ปี วันหนึ่งดิฉันรู้สึกปวดที่แก้มขวา ปวดรุนแรงมาก จึงไปพบแพทย์ หมอแจ้งว่าเป็นโรคเส้นประสาทเส้นที่ 5 ได้รับการรบกวนจากเส้นเลือดฝอย ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน ดิฉันมาผ่าตัดที่ประเทศไทย การผ่าตัดไม่ประสบผลสำเร็จเหมือนครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน หลังการผ่าตัดครั้งนี้ดิฉันไม่ฟื้น หมดสติไปเกิน 24 ชั่วโมง ดิฉันฟื้นขึ้นมาพบว่าร่างกายเป็นอัมพฤกษ์ไปครึ่งซีก มีเพื่อนคนหนึ่งเขาสงสารดิฉันมาก เขาได้พาฉันไปหานายแพทย์วรุณ เลาหประสิทธิ์ ที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง เพื่อให้ท่านรักษา แต่หมอวรุณไม่ได้พูดเรื่องการรักษาโรคอัมพฤกษ์ของดิฉันเลย ท่านได้เล่าเรื่องพระเยซูคริสต์เจ้าให้ดิฉันฟัง ดิฉันอธิษฐานขอให้พระเจ้ารักษาโรคอัมพฤกษ์ที่ฉันเป็นอยู่ พระเจ้าทรงเมตตารักษาอาการป่วยของดิฉันอย่างอัศจรรย์ โดยไม่ได้ผ่านทางมือแพทย์คนใดเลย ร่างกายเริ่มใช้งานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ หนังสือเล่มแรกที่ดิฉันเริ่มอ่านได้อีกครั้งคือพระคัมภีร์ ดิฉันได้สัมผัสกับความรักของพระเจ้า และเห็นถึงความบาปของตัวเอง ในปี 1996 ดิฉันได้ตัดสินใจเชื่อพระเจ้าและรับบัพติศมา เดินตามทางของพระองค์
เมื่อเผชิญกับโรคอัมพฤกษ์
เมื่อก่อนดิฉันก็เป็นชาวพุทธตามครอบครัว เหมือนอย่างที่คนไทยหลายๆ คน ตอนนั้นดิฉันเป็นพุทธที่เคร่งมากคนหนึ่ง ดิฉันปฏิบัติธรรมและถือศีลภาวนา เป็นผู้ช่วยหาเงินส่วนหนึ่งเพื่อร่วมสร้างวัดไทยใน Seattle Washington อีกทั้งขอร้องให้คุณพ่อช่วยเป็นประธานในการหล่อพระประธานของวัดวอชิงตันพุทธวนาราม โดยส่งพระประธานจากเมืองไทยไปอเมริกา ดิฉันเคยไปปฏิบัติธรรมกับคุณแม่สิริ กรีนชัยด้วย
วันหนึ่ง ดิฉันมีอาการปวดที่แก้มขวา ปวดอย่างรุนแรง และร้าวไปถึงหู รุนแรงมากยิ่งกว่าปวดฟันสักพันเท่า โรคนี้มีชื่อว่า Trigerminal Neuralgial เป็นภาษาไทยคือ เส้นประสาทเส้นที่ 5 ได้รับการรบกวนจากเส้นเลือดฝอย และดิฉันเคยได้รับการผ่าตัดมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อห้าปีก่อนและหายเป็นปกติ ดิฉันปวดมากจนต้องได้รับการผ่าตัดกะโหลกศีรษะโดยด่วน ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่อันตรายมาก ในการผ่าตัดครั้งนี้ต้องผ่าและเจาะกะโหลกศีรษะเข้าไปทางด้านหลัง ผ่าตัดในท่านอนคว่ำ เวลาทำการผ่าตัดต้องใช้กล้องขยายช่วย ใช้เวลาผ่านานถึง 4 ชั่วโมง เพื่อที่จะแยกเส้นเลือดฝอยและเส้นประสาทที่ติดกันอยู่ให้แยกจากกัน การผ่าตัดครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร หลังจากผ่าตัดปรากฏว่าดิฉันไม่ฟื้น หมดสติไปเกินกว่า 24 ชั่วโมง คุณพ่อและคุณแม่ตกใจมาก เริ่มกังวลใจเพราะเป็นห่วงว่าดิฉันจะกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ต่อมาเมื่อฉันเริ่มรู้สึกตัว ฉันรู้สึกงงๆ ตามองเห็นเป็นภาพซ้อน ลิ้นแข็ง มีความรู้สึกว่าชาไปครึ่งศีรษะ ศีรษะหนักเหมือนกับแตงโมครึ่งซีก พูดไม่เป็นภาษา ปวดหูมากเป็นระยะ ภายในช่องปากไม่มีความรู้สึกเลย ดิฉันตกใจมาก เมื่อฉันพยายามรับประทานอาหารก็จะเคี้ยวลิ้นตัวเองแทบทุกครั้ง ต้องเปลี่ยนวิธีการกินอาหารมาเป็นแบบปั่นละเอียดทุกอย่าง และใช้หลอดดูดแทนการขบเคี้ยวอาหาร มีอาการขากรรไกรเหวี่ยง ทำให้ฟันที่ครอบไว้หลายซี่สบไม่ถูกที่ ฟันซึ่งเคยครอบไว้จึงแตกพังหมด นอกจากนั้นลำตัวทางด้านซ้ายจากเอวลงไปถึงปลายเท้าก็ชาไม่มีความรู้สึกเลย และบังคับไม่ได้ แม้ดิฉันเหยียบพื้นและมองเห็นว่าเท้าแตะพื้นแล้วแต่ก็ไม่รู้สึกตัวว่าแตะพื้นเลย ดิฉันไปไหนมาไหนแบบลากเท้าถูไถและใช้ไม้ค้ำ เพราะทรงตัวไม่ได้ ดิฉันหงุดหงิด ฉุนเฉียว โกรธง่าย อารมณ์ร้าย ใครก็เข้าหน้าไม่ติดทั้งนั้น ฉันรู้สึกท้อแท้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเลย เมื่อเห็นบุตรชายคนเล็กที่เพิ่งอายุ 9 ขวบเท่านั้นทำให้ดิฉันยิ่งเศร้าเสียใจมากขึ้น
พระเจ้าทรงรักษาโรคอัมพฤกษ์
หกเดือนหลังจากนั้นก็มีเพื่อนแนะนำให้ไปหานายแพทย์วรุณ เลาหประสิทธิ์ ซึ่งท่านเป็นศิษยาภิบาลของคริสตจักรความหวังที่ Seattle หรือ Hope of Seattle WA, USA (NEW HOPE INTERNATIONAL CHURCH) เพื่อนเขาสงสารดิฉันมาก เพราะเห็นว่าดิฉันมีสภาพแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลยในตอนนั้น ประจวบกับคุณหมอวรุณ ท่านเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านสมอง มีความชำนาญในการผ่าตัดสมอง เผื่อท่านจะให้คำแนะนำดิฉันได้บ้าง ดิฉันจึงไปหาท่าน เมื่อพบกับคุณหมอวรุณ ท่านต้อนรับดิฉันและลูกๆ อย่างดีเป็นกันเอง ดิฉันยังจำบรรยากาศของวันนั้นได้ดีและประทับใจมาก แต่ก็รู้สึกประหลาดใจที่ท่านจะพูดแต่เรื่องของพระเจ้าและพระเยซู ท่านบอกว่าแม้แต่นาฬิกา เกาอี้ ทีวี ยังมีคนสร้าง แล้วมนุษย์เรามีความสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ต้องมีคนสร้างแน่นอน ท่านบอกว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกและสร้างชีวิตเรา พระเจ้ารักเราทุกคน ความรักของพระองค์ยิ่งใหญ่ ดิฉันอยากรู้ว่าพระเจ้าและพระเยซูคือใคร ดิฉันได้ไปที่คริสตจักรทุกวันอาทิตย์ ในคริสต- จักรมีความอบอุ่นมาก คุณหมอวรุณได้จัดให้คุณวรรณฤดี (พี่สาวของคุณหมอซึ่งเป็นผู้นำคนหนึ่งของคริสตจักร) คุณดารารัตน์ (ภรรยาของคุณหมอวรุณ) รวมทั้งสมาชิกของคริสตจักรมาเยี่ยมดิฉันเสมอ คุณวรรณฤดีได้มาที่ร้านอาหารของดิฉันเพื่อสอนพระคัมภีร์ให้ดิฉัน ตั้งแต่ป่วยดิฉันอ่านหนังสือไม่ได้เพราะสมองไม่สามารถสั่งการให้อ่านได้ แต่พระเจ้าเมตตาดิฉัน ดิฉันรู้สึกดีใจและอัศจรรย์ใจที่ดิฉันเริ่มมีอาการดีขึ้น ทั้งตาและลิ้น ทำงานได้ดีขึ้น ฉันเริ่มอ่านหนังสือออกผสมตัวสะกดได้และมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ หนังสือเล่มแรกที่กลับมาอ่านได้อีกครั้งก็คือพระคัมภีร์
จากการเป็นอัมพฤกษ์ ร่างกายคนเราจะบิดไปตามที่เราถนัด จึงทำให้ดิฉันรู้สึกปวดแขนมาก เคยคิดว่าคงต้องไปผ่าตัดจึงจะหาย แต่พระเจ้าก็ทรงรักษาผ่านทางศิษยาภิบาลท่านหนึ่งมาจากออสเตรเลีย มาอธิษฐานเพื่อรักษาแขนของดิฉัน แขนของดิฉันก็หายดี รวมเวลาที่พระเจ้ารักษาทางร่างกายให้ดิฉันทั้งหมดประมาณ 8 ปี พระเจ้าไม่ได้รักษาดิฉันทีเดียวหาย แต่ให้ค่อยๆหายดีขึ้น เพื่อดิฉันจะได้ไม่ลืมพระองค์ มีหลายคนที่ดิฉันรู้จักเป็นโรคเดียวกับดิฉันต้องผ่าตัด บางคนก็ยังหน้าเบี้ยว บางคนก็เสียชีวิตไปแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่ให้ดิฉันมีโอกาสได้มีชีวิตอยู่เพื่อช่วยคนอื่น และรับใช้พระองค์ ปัจจุบันพระเจ้ารักษาดิฉันจากการเป็นอัมพฤกษ์หายร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เมื่อครั้งที่ป่วย ดิฉันมีน้ำหนักถึง 110 กิโลกรัม ตอนนี้ลดลงเหลือ 85 กิโลกรัม ตามองเห็นเป็นปกติ เดินได้ พูดได้ชัดเจน ร้องเพลงได้ ใส่รองเท้าส้นสูงได้ การทรงตัวดีขึ้น เต้นรำได้ หมุนตัวได้ รับประทานอาหารได้ ขากรรไกรเป็นปกติ และขับรถได้ ขอบพระคุณพระเจ้าที่ให้โอกาสนี้กับดิฉันอีกครั้ง
ชีวิตเปลี่ยนแปลง
หลังจากที่เชื่อพระเจ้า และเดินตามทางของพระองค์ พระเจ้าทรงดูแลชีวิตฉันเสมอ ทรงช่วยกันคนไม่ดีออกจากชีวิต ชีวิตคนเราต้องพบปะกับผู้คนหลากหลายอาชีพ พระเจ้าทรงช่วยทำให้คนไม่ดีออกจากชีวิตของฉันไปเอง และมีอีกสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าเปลี่ยนแปลงดิฉันคือ ทำให้ฉันเลิกเล่นการพนัน เลิกเล่นไพ่ เลิกดื่มเหล้า เลิกสูบบุหรี่ ขอบคุณพระเจ้ามาก พระเจ้าได้จัดสรรชีวิตของดิฉันเป็นอย่างดี ทั้งการเงิน เพื่อนฝูง และครอบครัว เดี๋ยวนี้ดิฉันสบายใจมาก ดิฉันตั้งใจที่จะเดินในทางของพระองค์ตลอดไป
อธิษฐานโดยความเชื่อ
เมื่อดิฉันอยู่ในทางของพระเจ้า คำวิงวอนของดิฉันได้รับคำตอบเสมอ พระเจ้าทรงดีกับดิฉันเหลือเกิน ซึ่งไม่ใช่ความบังเอิญ ดิฉันจดวันที่ขอและวันที่พระองค์ตอบคำอธิษฐานไว้ด้วย ทำให้มั่นใจว่าพระเจ้ามีจริง แม้ว่าสิ่งที่ดิฉันขอมันเป็นสิ่งที่ยากที่จะเป็นไปได้ก็ตาม
ครั้งหนึ่งที่ประเทศไทยดิฉันนั่งรถแท็กซี่ พอลงจากรถก็ทำกระเป๋าสตางค์หล่นในรถ กลับมาถึงบ้านถึงได้รู้ว่ากระเป๋าหาย จำทะเบียนรถและอะไรที่เกี่ยวกับรถแท็กซี่ไม่ได้เลย ดิฉันนึกถึงพระเจ้าอธิษฐานขอพระองค์ให้ได้กระเป๋าคืนด้วย เพราะนึกถึงว่าตัวเองต้องไปแจ้งความบัตรเครดิตและบัตรอื่นๆ ที่หายไปก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว ขอพระเจ้าช่วยด้วย เช้าวันรุ่งขึ้นมีทาง AIS โทรมาหาว่าคุณอรพิมพ์ใช่ไหมแท็กซี่เก็บกระเป๋าสตางค์คุณได้อยากจะเอามาคืน น่าอัศจรรย์มากที่กระเป๋ายังอยู่ เพราะแท็กซี่เป็นคนขับผลัดเช้า ดิฉันลงจากรถหนึ่งทุ่มได้ ผู้โดยสารอีกเท่าไหร่ที่ขึ้นรถคันนี้ต่ออีก และคนทำความสะอาดรถอีก กว่าคนขับผลัดเช้าจะมาขับรถอีกทีกระเป๋าน่าจะหายไปแล้ว คนขับเขาก็ฉลาดมากด้วย เพราะฉันไม่ได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าสตางค์ แต่คนขับแท็กซี่ที่เก็บได้เขาเปิดกระเป๋าดูเจอบัตร Serenade ของ AIS ทำให้เขาโทรไปที่นั่นและทาง AIS ก็แจ้งกลับมาหาดิฉัน อีก 2 ชั่วโมงคนขับแท็กซี่ขับรถเอากระเป๋าสตางค์มาคืน เขาซื่อสัตย์มาก ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงตอบคำอธิษฐาน
มีคำอธิษฐานหนึ่งที่พระเจ้าทรงตอบอย่างอัศจรรย์มาก ดิฉันอธิษฐานขอให้ทางเจ้าของที่ดินที่ฉันเช่าอยู่ไม่ขึ้นค่าเช่า ในอเมริกาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าของที่จะไม่ขึ้นค่าเช่า ซึ่งโดยปกติทางเจ้าของที่จะขึ้นค่าเช่าทุกปี ปีละ 10% แต่พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของฉันให้เขาไม่ขึ้นค่าเช่า ขอบคุณพระเจ้ามากจริงๆ
งานรับใช้พระเจ้า
เมื่อตอนที่ดิฉันอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีศิษยาภิบาลจากแมกซิโกมา และถามว่าใครอยากเป็นมิชชั่นนารีที่แมกซิโกบ้าง ดิฉันและสามีได้ตัดสินใจไปรับใช้พระเจ้าเป็นมิชชั่นนารีที่ประเทศแมกซิโก 1 ปี ก่อนไปแมกซิโกดิฉันมีโอกาสได้เข้าเรียนโรง-เรียนพระคริสตธรรม ได้ศึกษาพระวจนะของพระองค์มากขึ้น ในคริสตจักรได้มีโอกาสสอนผู้เชื่อใหม่ ได้เทศนา และยังได้ทำพันธกิจอีกอย่างคือ ไปอ่านพระคัมภีร์ให้ผู้ที่ใกล้จะเสียชีวิตฟัง เมื่อคนที่ใกล้จะเสียชีวิตรับเชื่อ แม้เขาจะต้องตายจากไป เขาก็ไม่ได้เศร้าเสียใจเลย เพราะเขาเข้าใจชีวิตว่าจะได้ไปอยู่กับพระเจ้า เขาจะไปมีชีวิตใหม่ และได้พบกับพระเจ้า
ที่ร้านอาหารไทยของดิฉัน ดิฉันก็มีโอกาสเป็นพยานกับคนที่มารับประทานอาหารที่ร้าน ในกลุ่มของเราจะมีคุณวรรณฤดีเป็นแม่แกะ มีลูกแกะประมาณ 20 คน ในกลุ่มจะมีหลายชนชาติ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ไต้หวัน เราจะไปเข้าค่าย อธิษฐานบนภูเขา และจะจัดกิจกรรมร่วมกันในกลุ่มจะไปศึกษาพระวจนะของพระเจ้าด้วยกัน
ขอบคุณพระเจ้าที่ขณะนี้ดิฉันและสามีกลับมาอยู่เมืองไทย ทำหน้าที่ดูแลคุณพ่อคุณแม่ของดิฉันในวัยชรา ท่านทั้งสองอายุ 89 และ 90 ปี เมื่อก่อนคุณแม่ท่านไปเยี่ยมดิฉันที่อเมริกา ดิฉันจะพาท่านไปที่โบสถ์คุณหมอวรุณ คุณแม่ได้รับเชื่อในพระเจ้า ตอนนี้สามีและดิฉันขณะนี้ร่วมรับใช้อยู่ที่คริสตจักรอันติโอเกียลาดพร้าวแบ๊บติสต์ ซึ่งมี ศาสนาจารย์โกสุม ลักขณานุกุล เป็นศิษยาภิบาล ทุกวันศุกร์เราจะมีอธิษฐาน 24/7 ชั่วโมง มี คริสตจักรลูกอธิษฐาน 12 ชั่วโมง คริสตจักรแม่จะอธิษฐานต่อกันอีก 12 ชั่วโมง เป้าหมายของคริสต-จักรอยากเห็นคริสตชนไทยร่วมใจกันอธิษฐานให้ครบ 24 ชั่วโมง 7 วัน เพราะการอธิษฐานสำคัญมาก เราสามารถอธิษฐานได้ทุกที่ ที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ ด้วยภาษาง่ายๆ เหมือนพูดกับพ่อของเรา อธิษฐานเผื่อประเทศไทยของเรา ให้มีคริสตชนมากขึ้นในประเทศไทย
พระธรรมที่ประทับใจ
- ยอห์น 3:16 “พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” เมื่อดิฉันมารู้จักพระเจ้า พระคัมภีร์ตอนนี้เป็นตอนแรกที่ดิฉันได้รู้จัก และจดจำได้เสมอ
- ปฐมกาล 1:27 “พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นและทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง”
- เอเฟซัส 2:4 “พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา พระองค์ทรงรักเราโดยความรักอันใหญ่หลวงของพระองค์”
ขอบคุณพระเจ้ามากจริงๆที่ทรงเลือกฉันให้ได้รู้จักกับพระองค์ ทั้งๆ ที่ดิฉันเองเป็นคนบาป ดิฉันเคยทำบาป ทำสิ่งที่ไร้สาระมามากมาย แต่พระองค์ก็ยังเลือกคนบาปอย่างดิฉัน ให้มารู้จักกับพระองค์ พระองค์ทรงสร้างดิฉัน และทรงรักดิฉันอย่างมากมาย
ท้ายที่สุด
ดิฉันปรารถนาให้คนไทยทุกคนเลือกชีวิตที่เป็นคริสเตียน ขอให้ตัดสินใจเชื่อพระเจ้า เพราะความรอดเป็นความเมตตาจากพระเจ้าให้กับมนุษย์ทุกคน อยากให้คนที่ฟังเรื่องราวของดิฉันได้รับชีวิตใหม่จากพระเจ้า ชีวิตใหม่นี้ไม่มีใครทำให้เกิดขึ้นได้ มีแต่พระเจ้าเท่านั้น ผู้มีฤทธิ์อำนาจเปลี่ยนแปลงสถานะอันต่ำต้อยและเจ็บปวดของเรา ปราศจากพระองค์แล้ว การใช้ชีวิตในโลกนี้ก็เหลือกำลังจะทนทานได้ ใครจะรู้บ้างว่า ชีวิตที่เคยประสบความสำเร็จ ได้เป็นนักเรียนในสหรัฐอเมริกา เป็นลูกสาวรองอธิบดีกรมตำรวจผู้มีชื่อเสียง เป็นนางแบบที่คนยอมรับ มีกิจการค้าในอเมริกาที่รุ่งเรือง จะกลับกลายมาเจ็บป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บทางสมองแบบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้ในโลกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน โลกกับสรรพสิ่งของโลกกำลังล่วงเลยไป แต่ผู้ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์เท่านั้นจะมีชีวิตดำรงอยู่เป็นนิตย์ เพราะพระองค์เสด็จมาเพื่อช่วยเรา อภัยความผิดบาป และเยียวยาความเจ็บไข้ของเรา โรคภัยไข้เจ็บใดๆก็ตามก็ไม่เท่าโรคบาปที่เราเป็น ซึ่งนำเราไปสู่ความพินาศในบึงไฟนรก วิญญาณของเราจะมอดไหม้และสิ้นสูญที่นั่นอย่างทรมาน ยิ่งกว่าการทรมานครั้งใดๆ ในโลกนี้ ถ้าเรามีสิทธิ์เลือกได้ ขอให้ท่านเลือกที่จะมีชีวิตเถิด อย่าเลือกความตายอีกเลย “พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา” (ยอห์น 14:6)
- คุณอรพิมพ์ ผุดผาด