พระเจ้ายิ่งใหญ่ ไร้ขีดจำากัด
ถ้าลูกจะต้องเจอ บทเรียนที่ยังไม่เข้าใจพระองค์ทรงรู้ดีว่าแค่ไหนที่ลูกทนไหวแม้ลูกต้องเผชิญกับความยากเย็นสักเท่าไหร่ถ้าพระองค์เห็นสมควร ลูกก็อยากจะเข้าใจเพราะลูกนั้นรู้ว่าพระองค์ทรงมีแผนการที่ดีเท่าไหร่จะมีแค่เพียงสิ่งเดียว ที่ลูกนั้นอยากจะขอลูกขอพระองค์ประทานความเชื่อให้เต็มดวงใจและขอให้ลูกนั้นอดทนได้ไม่ว่าจะพบอะไรลูกขอพระองค์ประทานจิตใจ ที่มั่นคงไม่หวั่นไหว ให้สมกับที่ลูกได้เป็นผู้รับใช้
บทเพลง“ผู้รับใช้” เป็นเหมือนเพลงที่ถ่ายทอดคำอธิษฐาน ในยามยากลำบากด้วยเนื้อเพลงที่กินใจ และร้องออกมาจากส่วนลึกของหัวใจด้วยน้ำเสียงอันไพเราะนี้ ทำให้บทเพลงนี้ยังคงดังก้องอยู่ในความทรงจำของหลายๆ คน เพลงนี้ขับร้องโดยทายาทของคริสเตียนรุ่นเก่า ในวงการคริสเตียนคงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่รู้จักนามสกุล“วงศ์สรรเสริญ” ที่ดำเนินชีวิตบนเส้นทางการรับใช้พระเจ้ามาตลอด และเขา…เป็นทายาทที่เติบโตมากับชีวิตบนเส้นทางดนตรี เพลงที่เขาร้องจึงได้รับความนิยม และใช้ร้องกันอย่างกว้างขวางในคริสตจักรทั่วไป สำหรับเขาดนตรีแห่งการนมัสการพระเจ้าคือชีวิตของเขา พระเจ้าได้อวยพรให้เขาได้มีโอกาสร้องเพลงให้คนทั้งประเทศฟัง และยังมีส่วนร่วมในวงการดนตรีของประเทศไทย ทั้งในฐานะศิลปินและผู้กำกับดนตรีของรายการ ชื่อดังขอแนะนำให้รู้จักกับ คุณวุฒิ วงศ์สรรเสริญ อายุ 35 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันเป็นศิลปินในสังกัด Love is ของคุณบอยโกสิยพงษ์ กับวงดนตรีชื่อ The Begins และเป็นผู้กำกับดนตรีรายการ The Voice และ The Winneris เป็นผู้ช่วยศิษยาภิบาลคริสตจักรเขาหินซ้อนแบ๊บติสต์ เป็นผู้ก่อตั้งวงดนตรีคริสเตียนชื่อวง “เยเรมีย์”
ผลงานเพลงอัลบั้ม Not by Chance อัลบั้ม Independent 1 และ 2 อัลบั้ม Jeremiah WorshipSong ในนามวงเยเรมีย์ สมรสกับ คุณนิชปภา วงศ์สรรเสริญ
ครอบครัวคริสเตียน
ผมเกิดในครอบครัวที่เป็นคริสเตียน คุณพ่อผมเป็นศิษยาภิบาล ผมรู้เรื่องของพระเจ้าตั้งแต่เกิดมาเลย ผมอยู่ในโบสถ์เป็นผู้นำเล่นดนตรีในคริสตจักรตั้งแต่อยู่ ม.1 แต่ก็แค่รู้เรื่องพระเจ้า ไม่ได้เชื่อ พระเจ้าหรือสัมผัสกับ พระเจ้า จริงๆ เมื่อผมค่อยๆโตขึ้นผมเห็นภาพการรับใช้พระเจ้าของพ่อแม่มาตลอด และได้เห็นการรับใช้ของบางคนที่รับใช้พระเจ้าด้วยกระเพาะ ไม่ได้รับใช้พระเจ้าด้วยใจ ตอนนั้นรู้สึกว่าการเป็นผู้รับใช้มันกดดันมาก ทำให้ตั้งใจว่าจะไม่รับใช้พระเจ้า เพราะรู้สึกว่าการรับใช้มันดูแย่ ผมคิดว่าจะทำงานและถวายเงินให้ ขอเป็นสมาชิกธรรมดาแค่นี้พอแล้ว มีวันหนึ่งผมทะเลาะกับพ่อแม่และก็บอกในสิ่งที่ผมรู้สึกนั่นแหละ เพราะรู้สึกกดดันมาก วันนั้นผมร้องไห้หนักมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมนะ ผมก็กลับไปนั่งอ่านพระคัมภีร์ พูดกับผมเป็นส่วนตัวว่า “กุ๋ย กุ๋ย” พระเจ้าน่ารักมาก เหมือนกำลังล้อผมเล่นว่าร้องไห้ทำไม แล้วเราจะจัดการคนเหล่านั้นเอง พอโตมาผมจำคำนี้ได้ตลอด ผมอธิษฐานเผื่อพวกเขาให้พระเจ้าเมตตาเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาที่จะไม่อยู่กับสังคมที่เชื่อพระเจ้าด้วยกระเพาะ ผมเองตอนช่วงวัยรุ่นก็แสบมาก แสบแบบที่ครอบครัวไม่ค่อยรู้พอเรียนอยู่ ประมาณ ม.5-6 ผมก็มีประสบการณ์กับพระเจ้าผม รับรู้ถึงการปกป้องของพระเจ้า พระเจ้านำผมไปสู่เหตุการณ์ หนึ่งที่ทำให้ ผมกลัวมาก จนรู้สึก ว่าผมใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ผมได้สัมผัสกับพระเจ้า พระองค์ทรงพูดกับผมเป็นส่วนตัว และได้รู้ว่าการอยู่กับพระเจ้าดีที่สุดแล้ว ผมเริ่มเชื่อพระเจ้าอย่างแท้จริง และเอาจริงเอาจังกับพระเจ้ามากขึ้น
พระเจ้าทรงจัดเตรียมชีวิต
พอผมเรียนจบ ม.6 ผมเอ็นทรานซ์ติดที่ขอนแก่นแต่ไม่ได้ไปเรียนต่อที่นั่น ครอบครัวอยากให้เรียนที่ ม.หอการค้า ไปสอบติดแต่ก็ไม่ได้เรียนอีกผมตัดสินใจเรียนที่ ม.รามคำแหง เข้าเรียนในคณะมนุษยศาสตร์สื่อสารมวลชนผมเรียนที่นี่ได้อยู่ชมรมคริสเตียนรามคำแหงได้ร่วมรับใช้พระเจ้ากับพี่น้องที่นั่น ผมมีโอกาสได้ทำละครเพลงสำหรับคริสต์มาสเพื่อการประกาศ พระเจ้านำเส้นทางชีวิตผมให้เจอทางที่ตัวเองชอบ และอวยพรผมได้ทำสิ่งที่ชอบนั้นออกมาได้ดี ผมเริ่มชีวิตการทำงานตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ ม.รามคำแหงตอนปี 3 จริงๆ แล้วผมอธิษฐานกับพระเจ้าว่า ตอนนี้ผมยังเรียนไม่จบ แต่ถ้าเรียนจบเพื่อนคุณพ่อชวนผมไปเรียนที่ออสเตรเลียซึ่งผมก็อยากไปมากเพราะตอนนั้น HillSong กำลังดังมาก ผมอยากไปเรียนพระคริสตธรรมที่นั่น แต่ยังไม่ทันเรียนจบ ผมถูกเรียกเข้าไปเป็นครูที่ รร.จิตรลดา ทางโรงเรียนบอกว่าเป็นครูพิเศษสอนกีตาร์ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษา เขาส่งรถมารับผมที่หอเลย ตอนผมสอนอยู่ รร.จิตรลดา ก็รับสอนกีตาร์ตามบ้านและเล่นกีตาร์วันละ 7-8ชั่วโมง ทำให้เป็นช่วงชีวิตที่เล่นกีตาร์ได้เก่งที่สุดผมทำงานที่นั่นได้เกือบสองปี พระเจ้าก็นำผมไปที่ค่ายลูกเสือโลก แล้วไปเจอกับทีมงาน รร.กรุงเทพคริสเตียนฯ เขาก็เลยเชิญผมมาทำงานเป็นศาสนกิจของโรงเรียน ผมบอกเขาว่าผมยังเรียนไม่จบและยังไม่ได้เรียนพระคริสตธรรมเลย เขาให้ผมไปนำฟื้นฟู มีเด็กเป็นพันคน ดูว่าผมทำได้ไหม ผมสามารถควบคุมเอาเด็กอยู่ได้ เค้าก็เรียกตัวผมไปสัมภาษณ์ ผมก็ไปแบบไม่ได้เตรียมตัว คนอื่นที่มาสัมภาษณ์มีทั้งจบปริญญาโท หอบเอาอุปกรณ์การสอนมาด้วย ผมก็เลยคิดว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมเข้าไปสัมภาษณ์มีผู้บริหารนั่งอยู่ 7 คน เขาไม่ได้ถามอะไรมากนักนอกจากถามถึงคุณพ่อ(ศาสนาจารย์วิชัย วงศ์สรรเสริญ) ว่าสบายดีไหมสุดท้ายก็ให้วันจันทร์มาทำงานได้เลย ผมยังต่อรองว่าผมต้องพามิชชันนารีไปเวียดนาม 1 เดือนครึ่งทาง รร.บอกว่าได้กลับมาแล้วก็มาทำเลย…ผมรู้สึกว่าทำไมพระเจ้าต้องทำกับผมแบบนี้ จริงๆ แล้วผมอยากไปออสเตรเลียมากกว่า แต่…ผมรู้ว่าเป็นแผนการของพระเจ้าสำหรับผม ผมทำงานที่รร.กรุงเทพคริสเตียนฯ 4 ปี ที่นี่เป็นที่พระเจ้าฝึกฝนผมและจัดเตรียมอย่างหนักผมทำหน้าที่ของศาสนกิจคือนำนมัสการแบ่งปันและสอนพระวจนะผมเริ่มต้นที่จะต้องเตรียมสอนพระคัมภีร์ ทุกวันต้องตื่นแต่เช้าไปนมัสการรอบแรก ที่รร.กรุงเทพคริสเตียนฯ หกโมงครึ่งไปแบ่งปันให้ครูที่อายุมากๆ แล้วผมกลัวมากทุกวันต้องโทรไปถามคุณพ่อว่าพระคัมภีร์ตอนนี้อยู่ไหนคุณพ่อตอบเร็วกว่าคอมพิวเตอร์อีก พ่อตอบได้ทันที เป็นช่วงเวลาที่พระเจ้าฝึกฝนผมอย่างมาก
วง“เยเรมีย์”
การทำวงและมีอัลบั้มเป็นของตัวเองเปน็ สิ่งที่ผมอยากทำตั้งแต่ผมอยู่บ้านที่บางคล้าแล้ว พอผมมาอยู่กรุงเทพฯ ผมกับน้องชาย(สุทธิ วงศ์-สรรเสริญ) และเพื่อนๆ ก็เลยรวมตัวกันตั้งวงซ้อมดนตรีพยายามทำกันอยู่ 3 ปี แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งพระเจ้านำมาอยู่ที่ รร.กรงุ เทพคริสเตียนฯ ผมได้มาเจอคุณลุงเปรมศักดิ์ (คุณลุงเคยได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ) คุณลุงต้องการทำอัลบั้มถวายในหลวงครองราชย์ฉลองครบ 50 ปี ท่านมาขอใช้สถานที่ห้องอัดของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ ทางโรงเรียนให้ผมช่วยดูแล ทำให้ผมเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าโรงเรียนมีห้องอัดเสียง คุณลุงรู้ว่าผมร้องเพลงได้ก็เลยให้ผมร้องไกด์ และให้เล่นกีตาร์ในอัลบั้มนี้ พอเล่นเสร็จเขาส่งเดโม่เข้าไปในวัง ในวังบอกว่าหานักร้องดังๆ มาร้อง แต่เอาคนที่ร้องไกด์ร้องเพลงหนึ่งนะ ในอัลบั้มนั้นก็มี คุณเศรษฐา คุณนรีกระจ่าง คุณกบ ทรงสิทธิ์ คุณชรัส คนอื่นๆ อีกและรวมผมด้วย (ซึ่งไม่มีใครรู้จัก)ระหว่างทำอัลบั้มอยู่นั้น ผมก็ได้ทำวงเยเรมีย์ ที่เคยพยายามทำมาหลายปีแต่ไม่สำเร็จ แต่ครั้งนี้ผมทำสองอาทิตย์เสร็จเลยถ้าผมไม่เชื่อฟังพระเจ้าไม่ยอมมาทำงานที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ผมคิดว่า วงเยเรมีย์จะไม่เกิดขึ้น พระเจ้าทรงนำและอวยพรการทำอัลบั้มนี้ พอออกมามีคนชอบมาก ผมทำเพลงร๊อคแบบคริสเตียน ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน ทำให้วัยรุ่นชอบมาก ขอบคุณพระเจ้าที่อัลบั้มนี้ออกมาแล้ว ทำให้ผมได้เจอกับ คุณบอยโกสิยพงษ์ ที่เริ่มจะเปิดค่าย Love is แล้ว คุณบอยกำลังหาศิลปินหน้าใหม่ ก็เลยชวน อ.เมธา พี่โป๋ตัวพี่โป๋เลยเอาเสียงของผมให้พี่บอยฟัง พี่บอยฟังแล้วชอบก็เลยได้เป็นศิลปินหน้าใหม่ใน Love is กับวงที่ชื่อว่า Coupeผมเริ่มมีงานสักพัก คุณบอยก็เรียกผมมาร้องในอัลบั้มใหม่ชื่อว่า Rhythm & Boyd 11th เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ผมพูดเสมอว่าเป็นพระคุณพระเจ้า เมื่อตอนผมเปน็ เดก็ ผมไปขโมยเทปพสี่ าวทอี่ ยธุ ยาซงึ่เป็นเทปของคุณบอย โกสิยพงษ์ มาเพราะอยากรู้จักคุณบอยมานานแล้ว ผมอธิษฐานกับพระเจ้าว่าถ้าผมสามารถจะออกซีดีคริสเตียนได้แล้ว ถ้าพระเจ้าเมตตาให้ผมเป็นศิลปินด้วย ผมอยากอยู่กับคุณบอย โกสิยพงษ์ แล้วอยู่ๆ คุณบอยก็เรียกผมมาร้องเพลงของคุณบอยเองในฐานะศิลปินหน้าใหม่ ในอัลบั้มที่มีชื่อเดียวกับอัลบั้มที่ผมอธิษฐานเลย แต่เป็นภาคต่อ ซึ่งวันที่นัดผมไปร้องคือวันเกิดปีที่ 25 ของผมด้วย นี่เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่พระเจ้าให้ซึ่งเป็นไปตามพระคัมภีร์เลยว่า “จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงให้ (มัทธิว 6:33) ไม่ง่ายเลยที่จะตามใจพระเจ้ามากกว่าตัวเองแต่ผลที่ได้มาคุ้มค่าที่สุด ผมรู้สึกว่าพระเจ้าย้ำเตือนผมว่ายังทรงทำกิจในชีวิตผมและจะนำผมต่อไปผมได้ลาออกจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ และไปเรียนปริญญาโทต่อที่โรงเรียนพระคริสตธรรมกรุงเทพฯ ผมลาออกเพราะคิดว่าพอจะมีเงินเดือนและงานจ้างเลี้ยงตัวเองได้ จึงไปสมัครเรียนที่พระคริสตธรรมฯ แต่เหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ตลอดปีผมไม่มีเงินเดือน ไม่มีงานจ้างเลย ผมต้องย้ายออกจากห้องเช่า ไปขออยู่บ้านของคุณป้า (พญ.สมพร สุมาลย์นพ ศิษยาภิบาลคริสตจักรบ้านปรารถนา) ที่แถวมีนบุรี ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด บางวันไปเรียนพระคริสตธรรมฯ แทบจะไม่มีข้าวกิน ผมไม่เคยบอกใคร บอกแต่กับพระเจ้าเท่านั้น ในตอนนั้นผมกำลังทำวงใหม่ชื่อ TheBegins ช่วงที่ทำวงนี้ก็ไม่ค่อยมีเงิน ไม่มีงานจ้างแต่พระเจ้าก็ให้บทเรียนผมหลายอย่าง ในการที่จะถ่อมใจที่จะเป็นผู้รับจากคนอื่นบ้างในยามยากลำบาก ผมต้องวางใจในการเลี้ยงดูของพระเจ้า พระเจ้าก็ทรงเลี้ยงดูผมและผมก็ผ่านบททดสอบนี้ไปได้
ผู้กำกับดนตรีรายการชื่อดัง
ระหว่างทางที่ทำอัลบั้มอยู่Love is ก็มีความสัมพันธ์กับ True ก็มีคอนเสิร์ตของ True กับ AFเขาก็มาติดต่อให้พี่ต๋อง เป็นมิวสิคไดเรคเตอร์ ของคอนเสิร์ตหลายคอนเสิร์ต พี่ต๋องก็พ่วงผมไปด้วยคือก็เริ่มจากตรงนั้น จนมาเจอโปรเจ็ค ของ TheVoice ผู้ใหญ่ ก็ชวนผมเข้าไปทำการทำงานยากมากนะ เอาตั้งแต่รอบ blind audition เลยนะ เราต้องดูคาแรกเตอร์ ดูว่าเหมาะกับแนวทางรูปแบบไหน จุดที่สวยที่สุดของคุณมันอยู่ตรงไหน เพื่อที่จะหาคีย์ให้ดีที่สุด ไม่ใช่สูงที่สุดหรือต่ำที่สุด แต่เป็นตรงกลาง คือมนุษย์จะมีจุดที่เสียงเพราะที่สุด คือเราต้องบอกผู้เข้าประกวดทุกคนต้องเชื่อใจเราต้องมาช่วยกันหาว่าจุดไหนของคุณสวยที่สุดเพื่อให้โค้ชทุกคนอยากกดปุ่มเลือกคุณผมเป็นผู้กำกับดนตรีให้กับรายการ TheVoice ในรายการจะเห็นผมเล่นกีตาร์บ้าง แต่จริงๆตำแหน่งผมเป็น Music Director คือเป็นผู้กำกับฝ่ายดนตรี มีหน้าที่ในการพิจารณาให้ใครเข้ารายการบ้างมีหน้าที่ ในการที่จะบอกว่าคนนี้ควรร้องเพลงอะไร ควรจะต้องร้องแบบไหน และรายการ The Winner Is (ผู้ชนะได้สิบล้านบาท)เป็นผู้กำกับฝ่ายดนตรี ให้กับรายการ The Winner Is ซึ่งเป็นรายการประกวดร้องเพลง ทำในตำแหน่งเดียวกันเป็นผู้กำกับดนตรี ตอนที่ผมเริ่มรับงาน The Voice ผมบอกกับพระเจ้าว่าทั้งหมด คือผมอยากรับใช้ พระเจ้าถ้างานพวกนี้ส่งมาแล้ว ทำให้ผมรับใช้พระเจ้าไม่ได้ผมก็จะไม่ทำแล้ว Season Iมาถึงพวกเราต้องใช้พลังงานมหาศาลมาก เพราะว่า The Voice เราไม่เคยทำมาก่อน ทุกทีมจับงานใหม่ทั้งหมดกับอะไรทุกๆ อย่าง แล้วก็โบสถ์ล่ะ จะทำยังไงดี พระเจ้าก็ส่งอาจิ๋ว (น้องคนเล็กของพ่อ)ซึ่งอยู่พัทยากลับมาที่โบสถ์ เขากลับมาจากสถานอบรมที่พัทยา แล้วเขากลับมาที่โบสถ์ พอดีในวันที่ผมยุ่งและช่วยผมให้ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ แล้ว Season II มาถึง ผมอธิษฐานกับพระเจ้าบอกว่าผมไม่ทำดีไหม? แต่ทุกคนบอกว่าทำเถอะ เพราะเป็นรายการขึ้นติดเรตสิบไม่มีในประเทศไทยที่ขึ้นได้เร็วขนาดนี้คนก็ให้เกียรติเรามากเพราะว่าสิ่งที่เราทำทุกคนชื่นชอบมากๆ ให้ทำต่อไป ผมอธิษฐานกับพระเจ้าว่าทำอย่างไรดีเพราะว่า เดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม ช่วงที่ผมอยากทำค่ายในเดือนตุลาคม มีคนเชิญทำค่าย พระเจ้าช่วยผมอีก ครั้งครั้งนี้จัดให้เลยว่าถ่ายรายการยาวมาเลยจนถึงเดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม รายการจะเบรค พอเดือนตุลาคมจะหยุดอีกที เป็นแบบนี้มาสามปีแล้ว คือหมายถึงว่าแบ่ง งานแบ่งช่วงเวลากัน ในวันเสาร์อาทิตย์กลับไปโบสถ์ วันพุธไม่รับงานกลับไปโบสถ์ ผมอธิษฐานกับพระเจ้าว่าถ้าพระเจ้าจะให้ผมไปรับใช้อื่นๆ เช่น นำนมัสการหรือเป็นวิทยากรตามค่ายที่ไหนก็ตาม ถ้าว่างผมยินดีไปเลย ถ้าใครติดต่อเชิญผมข้ามปีผมจะบอกว่าใกล้ๆ บอกผมอีกที เพราะผมจะไม่วางแผนอะไรล่วงหน้านานนัก ผมให้พระเจ้าทรงจัดการ ผมมอบทุกอย่างไว้กับพระเจ้า
ทายาทผู้รับใช้
ผมกับคุณพ่อเรามีชีวิตในการรับใช้พระเจ้าที่แตกต่างกันเยอะมาก เรื่องดนตรี การนำรายการการแบ่งปันพระวจนะ ผมชอบรับใช้ แต่อย่างที่ผมเคยบอกว่าการเป็นศิษยาภิบาลมันถูกกดดันจากผู้คน ที่ไม่เข้าใจ จนตอนวัยรุ่นช่วงหนึ่งผมรู้สึก ว่าผมไม่อยากเป็นศิษยาภิบาล แต่ตอนนี้ผมก็เป็น ศิษยาภิบาลแล้ว ภรรยาผมเองบอกว่าไม่อยากเป็นภรรยาศิษยาภิบาล ตอนนี้เขาก็เป็นแล้ว พระเจ้าเรียกให้ผมเป็นผู้รับใช้ พระองค์ค่อยๆ เตรียมชีวิตผมไปเรื่อยๆ พระเจ้าพูดกับผมไปเรื่อยๆ จนวันนี้มันคือหัวใจของผมแล้ว ผมจะทำอะไรผมก็จะเป็นห่วงสมาชิก มันเป็นความรัก รักเขาแบบเกินความเข้าใจ ตั้งแต่แม่มีผม พอผมอายุหนึ่งเดือนแม่บอกว่าเอาผมติดตามคุณพ่อ ไปเทศน์ที่โน่นที่นี่ด้วยแล้วไปไหนด้วยกันตลอดเวลา สิ่งหนึ่งที่ผมภูมิใจมากคือพ่อทำวงThank you Lord ผมเห็นรูปแล้วประทับใจมาก และยังมีวง ABC Band ของอาวีระชัย จัง เป็นวงที่หลายคนอาจจะไม่รู้จักหรือลืมไปแล้วแต่ว่า มันอยุ่ในใจผม ในยุคนั้นตอนผมเด็กๆABC Band เป็นเพลงที่เยี่ยมยอดมาก สำหรับยุคนั้น ผมคิดว่าทำไมไม่มีใครทำเพลงแบบนี้ ผมเลยทำวงเยเรมีย์ เกิดจากแรงบันดาลใจหลายๆ อย่างพ่อเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมทำทั้งเล่นกีต้าร์และเทศนาด้วย พ่อไม่ใช่เป็นแค่แบบอย่างทางดนตรีแต่พ่อเป็นแบบอย่างที่พ่อถ่อม ถ่อมแบบที่สุดในโลก แม้ว่าพ่อถูกหยามเหยียด พ่อเกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะ แต่มาทำงานรับใช้ที่ถ่อมใจมาก แล้วพ่อทำให้ผมชอบต่างจังหวัด ผมรักคนต่างจังหวัด ทำไมทุกวันนี้ผมหายไปจากวงการ บางคนคิดว่าผมเลิกรับใช้ไปเป็นดารา แต่จริงๆ ผมยังรับใช้แบบสุดใจ ผมขับรถจากกรุงเทพฯไปสองร้อยกิโล เพื่อไปอธิษฐาน วันพุธกับพี่น้องที่โบสถ์และขับกลับอีกสองร้อยกิโลเพื่อกลับมาทำงานต่อ เพราะว่าหัวใจที่เป็นแบบพ่อ พ่อเป็นสุดยอดครับ
งานรับใช้อีกด้าน
“วัยมันส์กรุ๊ป” เป็นกลุ่มที่ทำงานกับวัยรุ่นอนุชน ชื่อทีมวัยมันส์กรุ๊ป จะเป็นลักษณะคนเชิญเราไปทำค่ายอบรมต่างๆ อบรมการนมัสการ การจัดค่ายบางทีเขาจะให้เราจัดรายการทั้งค่ายเลยตั้งแต่นำนมัสการ นำเกม เทศนา และสอน จัดตารางให้เขาทั้งหมดเลย แต่เขาจะให้ข้อมูลว่าอยากได้หัวข้ออะไร มีปัญหาอะไรในโบสถ์ มีปัญหาอะไรในกลุ่มอนุชน เขาจะบอกเราแล้วเราจะจัดตามหัวข้อที่ได้มา มีทีมงานเกือบสิบคน ช่วงหลังนี้อบรมนมัสการจะมีงานเยอะที่สุดสำหรับทีมวันมันส์ อย่างล่าสุดเราไปเยี่ยมเยียนพี่น้องที่หมู่บ้านประก่ำ ที่ถูกต่อต้านไล่ออกจากหมู่บ้านถ้าเป็นคริสเตียนอยู่ที่จังหวัดน่าน เราก็ไปนอนที่สุสานในป่าช้าไม่มีไฟฟ้าไม่มีน้ำประปา เราไปให้กำลังใจพวกเขา เราไปลุยแบบนี้กันเลย W501 เป็นงานที่ทำกับพวกพี่เหวิน (เรืองกิจ ยงปิยะกุล) ซึ่งเป็นหนึ่งในนักร้องนักแต่งเพลง แล้วมี soulfoodministry.tv เป็นเว็บไซด์วิทยุเพื่อการประกาศ พี่บอย โกสิยพงษ์กับผมทำด้วยกัน เป็นวิทยุออนไลน์ เน้นคริสเตียนที่ไม่มาโบสถ์และเน้นการประกาศ คนที่อยู่รอบตัวเราเช่น คนที่เป็นแฟนคลับพี่บอยอย่างเดียวมีใน facebook เป็นแสนคน พวกเขาต่อต้านคริสเตียนเพราะคริสเตียนบอกว่าทุกคนต้องเป็นคริสเตียนนะถ้าไม่เป็นคริสเตียนตกนรก จะพูดกับเขาแบบนี้ เขาเลยรู้สึกว่าเราใจแคบ และคริสเตียนมีภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่อง เราปรับรายการวิทยุให้คนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนฟังรู้เรื่องขึ้นและความใจแคบเราพยายามปรับเรื่องนี้และให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับเขา เขาฟังแล้วรับเชื่อหมด การทำแบบนี้มีคนส่งมาบอกว่ารับเชื่อ รับเชื่อ รับเชื่อตลอด จากนนั้ เราก็งส่งคนที่เชื่อไปตามโบสถ์ ที่เขาอยุ่ใกล้ คนที่ไม่เชื่อเราอยากให้เขาอ่านพระคัมภีร์เราก็จะส่งพระคัมภีร์ไปให้เขา
คริสตจักรเขาหินซ้อน
ผมอยู่คริสตจักรเขาหินซ้อนนี้มาห้าปี คริสตจักรนี้อยุ่ห่างจากบ้านผมที่บางคล้า ประมาณสี่สิบกิโลเมตร ถ้านับจากกรุงเทพฯ เดินทางไปก็ประมาณสองร้อยกิโล ไปกลับก็สี่ร้อยกิโล นมัสการทุกวันพุธ สมาชิกมีอยู่ประมาณ60-70 คน มีทีมรับใช้ที่ไม่ได้รับเงินเดือนอยู่สามสี่ครอบครัว ผมไปรับใช้ที่นี่ เพราะไปสอบเทศน์ที่นี่ เป็นสิ่งที่ผมสัมผัสได้ว่าพระเจ้าทรงนำผมไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ ตอนที่ผมมาที่นี่ใหม่ๆ ผมให้เค้าหยุดนำนมัสการ ผมนำเองให้เค้าดูเป็นแบบอย่างและทำตาม พวกเค้าก็ทำตามและทำออกมาได้ดีมาก ผมทำหน้าที่ศิษยาภิบาล แต่ใช้ตำแหน่งว่าผู้ช่วยศิษยาภิบาล ตำแหน่งศิษยาภิบาลยกให้คุณพ่อ แต่คุณพ่อจะเข้ามาเทศนาที่โบสถ์เดือนละครั้งเท่านั้น แต่ทุกวันพุธในการอธิษฐานท่านอยู่ตลอดนะครับ เพราะท่านเป็นประธานสหคริสตจักรแบ๊บติสต์ภาคตะวันออกจะต้องดูแลคริสตจักรที่อื่นๆ ด้วย ผมผูกพันกับคนที่นี่ สมาชิกคือครอบครัวของผม เรารักพวกเขาอย่างจริงใจ ผมเลยอย่มู ายาวนานเลย เม่อื เราลุยกับพระเจ้าแบบนี้ พระเจ้าก็อวยพรผมให้มีงานที่ดีที่จะดูแลครอบครัว ดูแลคริสตจักรได้
เป้าหมายในชีวิต
วันนี้ผมพร้อมตายแล้วครับ ถ้าพระเจ้าจะรับไปก็ยินดี ทุกอย่างที่ผมทำผมว่าสุดยอดหมดแล้วทั้งทางโลกและทางพระเจ้า ทางโลกนี่เป็นผู้กำกับรายการThe Voice ผมว่ามีคนมากมายอยากจะเตะขาผมล้ม แล้วขึ้นมาแทนผมมหาศาล คือที่สุดแล้วผมคิดว่ามันไม่น่าจะสูงมากไปกว่านี้แล้วชีวิตในการรับใช้ของผม ก็จะรับใช้พระเจ้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าพระเจ้าจะให้ทำอะไรต่อไป เพราะผมเชื่อว่าผมไม่ต้องคิดวางแผนอะไรมากมายพระเจ้าจะนำผมไปเจอบางอย่างที่ต้องทำ ผมก็ทำตามพระเจ้าแค่นั้นเองผมรู้ว่าสิ่งแรกที่จะทำก่อนสิ่งอื่นใดคือคริสตจักรที่ผม ต้องดูแล งานอย่างอื่นจริงๆ มันเป็นงานรองลงมาทั้งนั้น แต่ผมก็จะช่วยงานรับใช้อื่นๆทุกอย่างให้ดำเนินไปได้ด้วยดี ถ้าผมพร้อมและมีเวลาพอ มาถึงวันนี้ไม่รู้ว่าพระเจ้าจะทำอะไรกับประเทศไทย แต่สิ่งที่ผมอยากทำต่อไปคือการที่ทำให้วัยรุ่นรักพระเจ้า อยากทำให้วัยรุ่นลุกขึ้นมารับใช้พระเจ้า ใช้ชีวิตการเป็นคริสเตียนที่เหมาะสม เพราะว่าทุกวันนี้เด็กวัยรุ่นเมืองไทย ผมไม่เข้าใจวิธีคิดของพวกเขา ผมเคยคิดจะทำค่ายใหญ่ๆ เองในวัยมันส์กรุ๊ป ให้เขาเปลี่ยนวิธีคิด ไม่มีเด็กวัยรุ่นที่เป็นเหมือนผม ที่จะจริงจังกับสิ่งที่ทำร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาจริงจังแต่งานที่เท่ห์ แต่เขาไม่จริงจังกับงานที่ลำบากนี่เป็นปัญหาใหญ่ว่าอีกห้าปีข้างหน้าหรือสิบปีข้างหน้าใครจะรับใช้พระเจ้า ถ้ามีแต่คนที่อยากจะเท่ห์อย่างเดียว จะได้แต่คนที่เท่ห์แล้วก็ไม่พร้อมจะไปลำบากไม่พร้อมจะไปลุย เป็นเรื่องที่ต้องอธิษฐานหนักอยุ่ว่าเราจะทำอย่างไรที่จะทำให้มีคนแบบนี้ ผมอาจจะจัดค่ายเล็กๆ ทุกปีสัก 20-30คนไปอยู่กับผมแล้วมาลุยกัน ตอนนี้ก็มีหลายความคิดที่เกิดขึ้น ผมไปไหนตอนนี้เริ่มมีคนบอกว่าฝากลูกไปอยู่ด้วยได้ไหม ศิษยาภิบาลหลายท่านอยากให้ดูพี่วุฒิเป็นตัวอย่าง พี่วุฒิทำยังไง ผมเลยคิดว่าหรือว่าเราจะจัดค่ายลูกผู้รับใช้ช่วงปิดเทอม ผมว่าทุกช่วงอายุเขาก็ลุยกับผมสนุกกับผมได้เป็นสิ่งที่ผมอยากทำและกำลังอธิษฐานอยู่
พระธรรมนำชีวิต
โรม5:3-4 “ยิ่งกว่านั้น เราก็ชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทนและความทรหดอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และการที่เป็นเช่นนั้นทำให้มีความหวัง จงชื่นชมยินดีในในความทุกข์ยากลำบากเพราะความทุกข์ยากลำบาก ทำให้เราเกิดความอดทน” ผมชอบคำว่าทรหด ถ้าเราเป็นคนทรหดแล้วพระเจ้าจะเห็นว่าเราใช้ได้ เพราะที่ว่าเราใช้ได้คือเรามีประโยชน์ พระคำพระเจ้าช่วยผมเสมอในยามผมทุกข์ยากลำบาก ผมเชื่อว่าสิ่งที่พระเจ้าให้เราเจอพระเจ้ารู้อยู่แล้วว่าเราต้องเจอ แล้วเราจะผ่านมันไปได้ เพราะว่ามันคือการฝึกฝน ถ้าเราอยากรับใช้พระเจ้าพระองค์จะฝึกฝนเรา การรับใช้ก็ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ จิตใจต้องแข็งแกร่งมากจริงๆ มีครั้งหนึ่งคือผมไปเจอน้องคนหนึ่ง คนนี้ก็แสบมากจน แม่เขาบอกว่าพ่อเลี้ยงจะเอาเข้าคุก ผมเลยขอไว้ว่าอย่าเลยแม่เอาไปไว้กับผมก็ได้ เอามาเป็นน้องเลี้ยง น้องคนนั้นเอาของในบ้านผมไปขาย และที่แสบสุดคือตอนที่ผมลำบากอยู่บ้านป้าหมอ ที่มีนบุรี ผมต้องเข้าเมืองไปเรียน ให้เร็ว ที่สุดผมจะเรียนแค่วันอังคารกับวันพฤหัส วันพุธกลับโบสถ์ วันอังคารผมต้องออกจากบ้านตีสี่ตีห้า เพื่อจะถึงโรงเรียนเร็วแล้วผมนอนต่อในรถ ผมเรียนแปดโมงเช้าถึงเที่ยง กินข้าวเที่ยง บ่ายโมงถึงสี่โมงเรียนต่อภาคบ่ายแล้วก็เบรค 1 ชั่วโมง ไปกินข้าวไปสอนปริญญาตรีตอนสี่โมงถึงหกโมง หกโมงเสร้จก็ไปเรียนปริญญาโทเริ่มหกโมงครึ่งถึงสองสามทุ่มคืออัดวันหนึ่งสามวิชาเลย เสร็จจากนั้นผมต้องเข้าห้องอัดทำ The Begins ตั้งแต่สี่ทุ่มไปจนถึงตีสองประมาณนี้ครับแล้วขับรถกลับบ้าน มีวันหนึ่งชีวิตหนักแบบนี้ ไปถึงบ้านแล้วเปิดประตูบ้าน น้องล็อคบ้านผมก็พยายาม โทรศัพท์ไปหาน้องที่อยู่ในบ้านไม่มีใครมาเปิด สักพักโทรกลับมาว่า… ผมไม่ได้อยู่ในบ้านพี่ ผมกลับมาบ้านผม กุญแจบ้านพี่อยู่กับผมเดี๋ยวผมเอามาให้… ซึ่งบ้านผมกับบ้านเขาห่างกันประมาณสามสิบกิโล ร่างกายที่ผมออกจากบ้านตีห้า ตอนนี้มันตีสามแล้ว ผมจะล้มแล้ว ผมก็ไม่โวยวายเขานะ ผมก็วางหูน้ำตาผมไหลร้องไห้คำถามแรก ที่ถามพระเจ้า คือทำไมพระเจ้า ทำกับผมแบบนี้ ให้มาเจอคนแบบนี้ ซึ่งเขาไม่ใช่น้องผมทำไมผมต้องมาดูแลเขา แล้วเขามาทำกับผมอย่างนี้ ผมถามพระเจ้าว่าทำไม ทำไม? ผมร้องไห้อยู่พักนึง แล้วก็มีเสียงมาว่าจะร้องไห้ทำไมทำการบ้านซิ ผมคิดว่าทำการบ้านคืออะไร แต่ก็เชื่อฟัง ผมก็ไม่รู้ทำไมผมเชื่อฟังนะผมก็หยิบการบ้านที่ผมเรียนออกมานั่งทำ ในรถเพราะในรถมีไฟ พระคัมภีร์ตอนนี้ขึ้นมาเลย “จงชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากลำบาก…” มันอยู่ในใจผมตลอดเวลา ทุกวันนี้ถ้าผมลำบาก ผมจะบอกว่าขอบคุณพระเจ้าโรม 12:1-2 “ดังนั้น พี่น้องทั้งหลายโดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน” ผมชอบข้อนี้มากแล้วพูดกับทุกคนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ในการนมัสการไม่ใช่แค่ร้องเพลง แต่คือการถวายตัว คำนี้ในโรมหมายถึงคือถวายร่างกาย (ที่หยิกเจ็บได้) ให้บริสุทธิ์ แค่คุณรักษาตัวให้บริสุทธิ์ เป็นการนมัสการที่พระเจ้าทรงพอพระทัย ร่างกายที่บริสุทธิ์คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการที่สุดมากกว่าการร้องเพลงเก่ง การเล่นดนตรีเก่งๆ แต่พระเจ้าต้องการให้เรามีร่างกายที่บริสุทธิ์ สำหรับผมถ้าผมอยุ่ที่ไหนที่ทำให้ร่างกายผม ไม่บริสุทธิ์ ผมก็จะไม่ทำเหมือนที่ผมพูดว่าถ้าวันนี้ ผมรับใช้พระเจ้าไม่ได้ผมจะเลิกทำรายการ The Voice ผมอธิษฐานกับพระเจ้าว่าถ้าพระเจ้าให้ผมทำต่อ ทุกอย่างจะต้องถูกจัดการ ถูกจัดเตรียมไว้อย่างที่ผมจะทำได้ ผมเชื่อว่าไม่มีเงินก็สามารถอยู่ได้เพราะพระเจ้าจะทรงเลี้ยงดูผม
จากใจ
ชีวิตของเราถ้าเรามองที่พระเจ้า ผมอยากให้เราคิดถึงว่า เราจับจ้องมองที่พระเจ้า ถ้าเราแหงนมองที่พระเจ้าตลอดเราจะไม่เห็นปัญหาเลย เพราะปัญหาที่อยู่รอบตัวเราพระเจ้าเป็นผู้ควบคุมและดูแลทุกอย่าง หลายครั้งเราตีโพยตีพายนั่นเป็นเพราะว่าเราใช้ตัวเองเป็นตัวตั้งผมชอบพูดกับสมาชิกเสมอว่าอัตโนมัติหมายความว่าคิดถึงพระเจ้าเป็นอันดับแรก อัตโนมัติเมื่อมีปัญหาอธิษฐานก่อน เมื่อมีปัญหาขอบคุณพระเจ้าก่อนแล้วปัญหานั้นจะผ่านได้โดยง่าย แต่ถ้าเราคิดว่าจะทำยังไง เราค่อยอธิษฐานคุณก็จะอยู่กับความเครียด ความเครียดทำให้ร่างกายเราเป็นมะเร็งเป็นทุกอย่าง เพราะว่าเราไม่ได้ให้พระเจ้าก่อน แต่ถ้าคุณให้พระเจ้าก่อนคุณจะได้รับสิ่ง ทั้งปวง ในมัทธิว6:33 บอกว่า “จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อนแล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้” ผมเทศนาเรื่องนี้บ่อยนะ ผมเริ่มจากสิ่งเล็กๆ คือเล่นดนตรี พระเจ้าบอกว่าให้ผมเลิกเล่นดนตรีกลางคืนที่แปดริ้ว ผมถามพระเจ้าว่าพระเจ้าครับแล้วผมจะเอาเงินที่ไหนไปเที่ยว เล่นตอนนั้นผมชอบดูหนังพาเพื่อนที่เป็นลูกผู้รับใช้คนหนึ่งไปดูหนังไปกินไก่ทอดผมเลี้ยงเพื่อนตลอด เพราะผมได้เงินพิเศษจากการเล่นดนตรี ผมถามพระเจ้าว่า ผมจะเอาเงินจากไหน? พระเจ้าไม่ตอบ! พระเจ้ารอดูว่าผมจะเลิกไหม พอผมเลิก ผมได้งานในการสอนกีตาร์ตามบ้านคริเตียน ได้ชั่วโมงละห้าร้อย จากที่สี่ชั่วโมงสี่ร้อยได้เป็นชั่วโมงละพัน แล้วพระเจ้าก็นำให้ผมเข้าไปสอนที่ รร.จิตรลดา ได้เงินเยอะกว่าเดิมอีกพระเจ้าให้ผมอยู่กับคุณบอย โกสิยพงษ์ ครั้งแรกที่ผมขึ้นคอนเสิร์ตผมร้องแค่ครึ่งเพลงผมได้เงินมากกว่าที่เล่นดนตรีอีกร้อยเท่า เมื่อให้พระเจ้าก่อน พระเจ้าจะให้เราทั้งหมด การให้พระเจ้าก่อนมันวัดที่อะไร? วัดที่ดูว่าปัญหามา อัตโนมัติอยู่ที่ไหน ถ้าให้พระเจ้าแล้วขอบคุณพระเจ้าสำหรับปัญหานี้จะทำให้รู้ว่าพระเจ้าก่อนจริงไหม เมื่อถูกทดสอบนั้น ขอให้ทุกคนผ่านการทดสอบด้วยกันจะได้รู้ว่าพระเจ้าของเรายิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัดถ้าเราเป็นคนที่กลัวไม่ต้องกลัวมอบสิ่งที่กลัวนั้นกับพระเจ้ามอบความวางใจไว้กับพระเจ้าและขอบคุณพระเจ้าแล้วคุณจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเราจะไร้ขีดจำกัดเหมือนพระเจ้าเพราะว่าพระเจ้าของเราไร้ขีดจำกัดจริงๆ ครับ
- คุณวุฒิ วงศ์สรรเสริญ