พระเจ้าวางชีวิตไว้ที่… ฮาร์วาร์ด
ชีวิตเด็กผู้หญิง คนหนึ่ง ที่ใฝ่ฝันอยากจะไปเรียนต่อในต่างประเทศ เธอ…มุ่งมั่น ตั้งใจ ทำทุกวิถีทางเพื่อจะไปตามความฝันนั้น และด้วยความเก่งบวกกับความตั้งใจเต็มร้อยของเธอ ทำให้เธอมาถึงวิถีทางแห่งชีวิตที่ต้องตัดสินใจ ระหว่างเรียนแพทย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือทุน ก.พ.
ไป เรียนต่อถึงระดับปริญญาเอกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นการตัดสินใจที่ไม่ยากนักสำหรับเธอและเธอก็ได้เลือกที่จะไปตามความฝันของ เธอคือเรียนต่อในต่างประเทศ…เมื่อเธอเริ่มต้นการใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา โดยลำพังด้วยอายุที่ยังน้อย ต้องเผชิญกับปัญหาและต้องแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง เธอได้รับการหนุนใจและคำอธิษฐานเผื่อจากคุณแม่ซึ่งเป็นคริสเตียนแล้วของ เธอ(ดร.ปิยรัตน์) เรื่อยมาจนเธอได้เชื่อพระเจ้าในที่สุด วันนี้พระเจ้าได้ทรงนำเธอมาเรียนในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก ที่ที่เป็นความฝันของใครหลายๆ คนที่อยากจะเข้าเรียน ขอแนะนำให้รู้จักกับ น้องแก้ว นางสาวสายฤดี จาตุรันตบุตร บุตรสาวคุณถนอม และ ดร.ปิยรัตน์ จาตุรันตบุตร
เชื่อพระเจ้าเป็นคนสุดท้ายในบ้าน
ครอบครัวแก้วเดิมเป็นพุทธมาก่อนคุณแม่เป็นคนแรกที่เชื่อพระเจ้า แก้วเป็นคนสุดท้ายที่เชื่อพระเจ้า คือตอนแก้วยังเด็กตอนจบมัธยมปลายก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย แม่ไปวัดแก้วก็ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรมกับแม่ พอดีแก้วสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศได้ ซึ่งแก้วก็ใฝ่ฝันว่าเราอยากจะไปเรียนต่างประเทศมานานแล้ว ครอบครัวก็เลยตัดสินใจให้ไป ก่อนหน้าที่จะไปเรียนต่อคุณแม่ก็เชื่อพระเยซูคริสต์เจ้าแล้ว ตอนนั้นแก้วยังเป็นพุทธอยู่ เมื่อไปเรียนปีแรกซึ่งเป็นการปรับตัวที่ยิ่งใหญ่มากเพราะเป็นการออกจากบ้าน ที่แก้วจะไม่ได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แก้วต้องใช้ชีวิตคนเดียว ต้องช่วยเหลือตัวเองโรงเรียนที่แก้วไปอยู่เป็นโรงเรียนแบบกินนอน
เมื่อไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาก็เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้น คือเด็กที่อยู่ต่างประเทศเขาก็จะโตเร็วกว่าปกติมีความเอาตัวรอด เพราะเค้าต้องรับผิดชอบตัวเองแก้วไปถึงที่นั่นด้วยความที่เป็นคนมีความจริง ใจกับทุกคน อยากทำอะไรต่ออะไรให้พวกเขาด้วยความจริงใจ แต่…แก้วเริ่มสัมผัสได้ว่าบางคนมาคบกับแก้วเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง ทำให้รู้สึกผิดหวังเหมือนกับว่าเราคบใครเราก็ไว้ใจเขาไม่ได้และรู้สึกเหมือน ไม่ได้รับความจริงใจตอบ ตอนนั้นเจอปัญหาหลายเรื่อง ทั้งเรื่องภาษา เรื่องการเรียนที่เรียนหนักอยู่แล้วต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก ซึ่งแก้วเป็นคนที่อ่อนไหวกับเรื่องนี้มาก เพราะเป็นคนที่รักเพื่อนมาก ทำให้เริ่มไม่ค่อยไว้ใจใครเมื่อมีปัญหาก็จะโทรไปคุยกับคุณแม่บ่อยๆ ตอนนั้นคุณแม่ก็รับเชื่อพระเจ้าแล้วท่านก็หนุนใจ ปลอบใจหลายอย่าง คุณแม่บอกว่า….คนก็เหมือนมนุษย์คนหนึ่งซึ่งบางทีก็ดีบางทีก็ไม่ดี มันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ เพราะฉะนั้นถึงเราจะไว้ใจใครก็ไม่เหมือนกับที่เราจะไว้ใจพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงสร้างเรามา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราจะเป็นตามน้ำพระทัยของพระองค์ แล้วก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา ถึงแม้ว่าเราจะเห็นหรือไม่เห็นว่ามันจะดีกับเรายังไงก็ตาม…. คุณแม่ก็พูดไปเรื่อยๆ พูดบ่อยๆ จนกระทั่งตอนเทอมสองประมาณเดือนมกราคม ตอนนั้นแก้วกำลังจะเรียนจบแล้วแก้วก็ตัดสินใจเชื่อพระเจ้า โดยโทรศัพท์คุยกับคุณแม่ แก้วอยู่ต่างประเทศคุณแม่ก็บอกว่าให้พูดตามนะ แก้วก็พูดตาม แก้วบอกว่า….ขอเปิดใจรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต หลังจากนั้นตอนปิดเทอมแก้วกลับมาบ้านที่เมืองไทยก็ได้มารับพิธีบัพติศมาที่ คริสตจักรนิมิตใหม่ กรุงเทพฯ
พระเจ้าทรงเติมเต็มชีวิต
เมื่อเชื่อในพระเจ้าแล้ว สิ่งที่แก้วได้รับมากที่สุดคงจะเป็นความรักจากพระเจ้า เพราะตอนที่เราผิดหวังกับเพื่อนกับคนรอบข้างมากๆ แก้วรู้สึกว่าพอเรามารับเชื่อพระเจ้าแล้ว เหมือนกับเราได้รับการเติมเต็มจากพระเจ้า แก้วรู้สึกเต็มอิ่มเพราะเดิมแก้วเหมือนกับขาดบางสิ่งบางอย่างตอนนี้เรา เหมือนกับว่าไม่ต้องการคนอื่นแล้ว แต่เรายังจะมีเหลือให้คนอื่นอีกด้วย คือหมายถึงเมื่อเราทำอะไรก็ตามให้คนอื่นเราจะไม่หวังผลตอบแทน เราทำไปเพราะเราเห็นว่าเขาเป็นเหมือนเพื่อนบ้านของเรา เป็นความรักที่มาจากพระเจ้าให้เรารักเพื่อนบ้านของเราด้วย
มีอีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตมากคือเราอยากมีชีวิตอยู่อย่างมีจุดมุ่ง หมาย ตามน้ำพระทัยพระเจ้า เมื่อแก้วรับเชื่อรับพิธีบัพติศมาแล้ว แก้วก็กลับไปเรียนต่อและทำเรื่องสมัครเข้ามหาวิทยาลัยคือแก้วจะเป็นคนที่มี ความพยายามสูงมาก(คุณแม่บอก) แล้วก็จะพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ถ้าอยากจะทำอะไรแล้วก็จะต้องทำให้ดีที่สุด แล้วสิ่งที่พยายามก็จะได้รับในรูปแบบที่แปลกๆ อย่างมหัศจรรย์ อย่างตอนสมัครเรียนที่จะเข้ามหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรี ตอนนั้นตั้งใจเลือกมหาวิทยาลัยไว้ 15 อันดับ แต่ผลออกมาก็คืออันล่างๆ ไม่ติดเลย ติดเฉพาะอันดับแรกแรกที่เราอยากได้ คือจริงๆ แล้วถ้าคนที่เก่งก็คือเขาจะติดหมดทุกอันดับ เลือกไม่ถูก แต่แก้วไม่ต้องเลือกเลย ก็เหมือนกับว่าเรามีแค่ไม่กี่ตัวเลือกให้เราเลือกที่เรียน แก้วคิดว่าทุกอย่างที่ได้มาเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า พระเจ้าทรงเลือกให้เรามาแล้วเพราะตอนสอบแก้วอธิษฐานบอกกับพระเจ้าว่า ถ้าไม่ใช่น้ำพระทัยของพระองค์ก็ขอให้ทรงปิดทางนั้นไปเลย แต่ถ้าที่ไหนเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าแก้วก็จะยินดีรับ ตอนนั้นแก้วเลือกเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย คิดว่าที่นี่เป็นน้ำพระทัยพระเจ้าเราก็เดินตามนั้น
กับชีวิตที่มีวินัย แบ่งเวลาอย่างดี
ตอนมัธยมแก้วเรียนอยู่ที่โรงเรียนเตรียมพัฒน์ฯ แก้วจะเป็นคนที่มีวินัยมาก และจะแบ่งเวลาอย่างดี คือเราจะทำตาราง จะบังคับตัวเองเลยว่า จะอ่านอะไร บทไหน อ่านบทนี้ให้จบเมื่อไหร่ การเรียนมัธยมปลายอยู่ที่ว่าเรามีแรงบันดาลใจมากแค่ไหน เค้าว่ากันว่ามัธยมปลายให้เชื่ออาจารย์ มหาวิทยาลัยให้เชื่อหนังสือ เรียนโท-เอกให้เชื่อตัวเอง การแบ่งเวลานี่สำคัญมากๆ ก็คือถ้าเรามีวินัยแบ่งเวลา กินอาหาร นอนให้หลับ ออกกำลังกายบ้าง แก้วคิดว่าทุกคนมีความสามารถระดับสมองสามารถเข้าเรียนได้ เพียงแต่ว่าความมีวินัยตรงนี้ ถ้าใครสามารถทำได้ ก็จะสอบได้
ตอนแก้วเตรียมจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย พอเรียน ม.4 ก็เริ่มแล้ว เริ่มคิดว่าเราอยากเป็นอะไรเราจะเรียนสายวิทย์แน่นอน วางแผนว่าเทอมนี้ต้องอ่านทวนวิชาไหนบ้าง บริหารเป็นเทอมๆ เลยตั้งแต่ ม.4 เราจะเรียนพิเศษวิชาไหนบ้าง พอจบ ม.5 เราควรจะอ่านหนังสือเสร็จหมดแล้ว อย่างน้อยเราต้องครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด คืออ่านคุมเนื้อหาหมดเราอาจจะจำไม่ได้ทั้งหมดก็ไม่เป็นไรแล้วพอช่วงตอน ซัมเมอร์ ม.5 ตอนนั้นเป็นช่วงที่ชีวิตอยู่ในตารางมากๆ ก็จะแบ่งเวลาเลยตั้งแต่ตื่นมากี่โมง 09.00-12.00 อ่านวิชาอะไรแล้วก็มีพัก 2 ชม. แล้วก็มาอ่านต่อ แบ่งเวลาให้ดี คือถ้าเราอ่านหนังสือ 1 ชม. มีสมาธิ กับอ่านไม่มีสมาธิ 5 ชม. อาจจะได้เท่ากัน คืออ่านแล้วตั้งใจจริงมีสมาธิถ้าไม่มีสมาธิไปหาอย่างอื่นทำ หรือพักแล้วก็กลับมาอ่านใหม่ อ่านใหม่ให้ตั้งใจ คืออ่านให้ได้จริงๆ เหมือนบางทีเราอ่านไป เหมือนเราบังคับให้ตัวเราอ่าน เราจะอ่านไม่ได้ เราก็นั่งเพ้อไปเรื่อยๆ นั่งเพ้อมันก็เสียเวลามากกว่า ก็ไม่ได้อะไรเลย คือต้องรู้จักตัวเองดีๆ ว่า ตัวเองเป็นคนยังไง ตัวเองชอบแบบไหน ถ้าตัวเองชอบให้คนมาบังคับให้เราอ่านก็ต้องไปเรียนพิเศษ หรือว่าถ้าเราเกิดชอบอ่านเอง เราก็ตั้งเวลาของเราเอง แล้วเราก็อ่านไปการนั่งติวกับเพื่อนก็ดีอีกแบบหนึ่ง คือแต่ละคนก็อาจจะเก่งคนละวิชา การพูดให้คนอื่นฟังเป็นการเรียนรู้เองได้มากเกือบที่สุด เพราะเหมือนกับว่าเรากลัวว่าเมื่อเราติวให้คนอื่นแล้ว เค้าถามแล้วเราตอบไม่ได้ เราเลยต้องเตรียมไปดีๆ ทำให้เราได้ทบทวนไปด้วย
ต้องเลือกเรียนระหว่างหมอจุฬา กับทุน ก.พ.
เป็นการเลือกที่ตัดสินใจไม่ยาก คือแก้วเคยเดินทางไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาแล้วตอนมัธยมปลาย ตอน ม.4 ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกาแล้วก็ไปเจอคนที่เป็น Host Family ที่ดีมากๆ แก้วประทับใจระบบการเรียนการสอน ที่ให้โอกาสการศึกษากว้างกว่า ในเมืองไทยการศึกษายังต้องให้เลือกตั้งแต่แรกๆ เลยว่าจะเรียนอะไร แล้วก็สอบตรงไปตามที่อยากเรียนเลย แต่แก้วคิดว่ายังมีหลายสิ่งอีกเยอะ ที่เรายังไม่เคยเจอ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราชอบอันนี้จริงหรือเปล่า ถึงแม้เรารู้แล้วว่าเราชอบอันนี้ แต่เราอาจจะชอบอย่างอื่นมากกว่า แก้วเลยชอบการศึกษาแบบนี้ ชอบระบบมหาวิทยาลัยที่นี่ เลยอยากจะกลับมาเรียนที่นี่อีกคือถ้าไม่ได้ทุนเรียนหลังจากจบมัธยม ก็คิดว่าจบแล้วเราค่อยกลับมาเรียนต่อ แต่แก้วได้ทุนเรียนต่อเลย เรียนฟรี เพราะทางบ้านคงส่งไม่ไหวแน่เลยปีละสองล้าน ทำให้แก้วได้เรียนต่อไปเลยไม่ต้องกลับมาเมืองไทย เป็นพระคุณพระเจ้าจริงๆ
เรียนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระดับปริญญาโท-เอก
การเข้าเรียนระดับปริญญาโท-เอก ต้องเจอศึกหนักอีกครั้งหนึ่งคือต้องทำเรื่องสมัครเรียนเหมือนกัน และก็ได้เข้ามาเรียนอย่างมหัศจรรย์อีกเหมือนกัน แก้วได้เลือกมหาวิทยาลัยตั้งอันดับไว้ 10 กว่าที่ แก้วได้มาประมาณ 4 ที่ มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดเลือกเป็นอันดับ 1 ได้อันดับหนึ่งเลย อันดับล่างๆ ไม่ติดเช่นเคย แก้วไม่ใช่คนเก่งถ้าเก่งคงติดหมดทุกที่ คือตอนนั้นแก้วรู้ว่าทุกอย่างที่ได้มาเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า คือคิดว่าไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ถ้าเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าเราก็ยินดีเพราะตั้งแต่รับเชื่อจุดมุ่งหมายใน ชีวิตเรา เราเรียนไปเพื่ออะไร เราอยากมีอาชีพไปเพื่ออะไร เราคิดว่าถ้าชีวิตบนโลกเป็นส่วนหนึ่งเหมือนในพระคัมภีร์เพราะการที่เราประสบ ผลสำเร็จตรงนี้แล้วเราจะสามารถประกาศพระกิตติคุณของพระเจ้าได้ เราก็คิดว่าเราก็ยินดีที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ อันเป็นจุดมุ่งหมายของชีวิตที่เราจะเดินตามน้ำพระทัยของพระองค์
การที่แก้วเลือกเรียนที่ฮาร์วาร์ดเพราะระบบการเรียนการสอนดีมาก คืออาจารย์เป็นระดับที่เก่งมาก อันนี้ยอมรับมากเลย เรื่องเนื้อหาความรู้เราไม่มีข้อสงสัย เราจะได้เรียนกับระดับสุดยอด ตอนสมัครเรียนปริญญาตรีไม่ได้สมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ตอนนั้นเรารู้สึกกลัว รู้สึกว่าคงไม่ติดหรอก แต่พอจะเรียนระดับโท-เอก คิดลองดูสักครั้ง ครั้งหนึ่งในชีวิต จริงๆ ทางมหาวิทยาลัยให้สมัครได้ 3 ครั้ง ถ้าสมัคร 3 ครั้งแล้ว ไม่ติดเลยก็จะหมดโอกาสแล้วในชีวิต แก้วสมัครครั้งแรกก็ติดเลย ขอบคุณพระเจ้ามากจริงๆ
เป้าหมายในชีวิต
เมื่อเรียนจบแล้วแก้วต้องกลับมาใช้ทุนคือสอนที่มหาวิทยาลัยศิลปกรในคณะ เภสัชศาสตร์และแก้วก็คิดที่จะทำอย่างอื่นไปด้วย คือจริงๆ อยากทำหลายอย่าง แต่ก็แล้วแต่น้ำพระทัยพระเจ้าอยากให้เราไปทางไหน ในทางวิชาการแก้วก็อยากทำ อย่างเช่นการทำรีเสิร์ตเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ๆ คือการที่เราค้นพบอะไรใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์กับคนทุกคนในโลก แล้วก็อีกอย่างหนึ่งการศึกษาด้านชีวะ เฉพาะด้านชีวะยิ่งเรียนลึกยิ่งเหมือนกับได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างว่า เป็นอะไรที่เหนือมนุษย์ คือสิ่งที่มนุษย์คิดค้นมาได้ไม่ถึงเศษเสี่ยวที่พระองค์ทรงสร้างมากมายหลาย อย่างที่เราไม่สามารถใช้กฎเกณฑ์เข้าไปคิดเหมือนกับสมการคณิตศาสตร์ ว่าแบบอันนี้บวกอันนี้จะเท่ากับอันนั้น แต่ว่าคือทุกอย่างจะไม่มีกฎเกณฑ์ แล้วแต่น้ำพระทัยพระองค์จริงๆ คือยิ่งเรียนเราก็ยิ่งรู้สึกทึ่งแล้วเราก็อยากจะเห็นมากขึ้นว่าพระเจ้าสร้าง มนุษย์ได้ยังไง แล้วถ้าทางด้านวิชาการเราเรียนไปได้ก็คงอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ต่อไป สิ่งที่อยากทำอีกอย่างคือ การเป็นอาสาสมัครเหมือนไปเป็นมิชชั่นนารี ไปช่วยผู้คนที่ด้อยโอกาสด้านต่างๆ ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นสิ่งที่แก้วอยากทำมาก
พระวจนะพระเจ้าที่ใช้ในชีวิต
ในพระธรรม 1 โครินทร์ 2:9 “สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนทั้งหลายที่รักพระองค์” คือบางครั้งชีวิตเราพอเรื่องดีๆ เกิดขึ้น เราก็ขอบคุณพระเจ้า อันนี้ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าพอเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเราก็จะถามพระเจ้าว่าทำไมเราถึงได้รับอย่างนี้ พระเจ้าทดสอบอะไรเรา พระเจ้าทรงสอนอะไรเรา แต่ก็ขอให้มีความเชื่อว่าทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับเราเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า คือเราเป็นมนุษย์เราจะไม่สามารถมองเห็นอนาคตได้ว่าสิ่งที่เกิดตอนนี้มันจะมี ผลอะไรกับเราต่อไป แต่ก็ขอให้เชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นน้ำพระทัยของพระองค์ สิ่งที่มีความสำคัญกับเราไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีนั้นคือน้ำพระทัยพระเจ้า คือบางทีมันก็ไม่ใช่ไม่ดี เช่น บางทีสอบไม่ติดไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งไม่ดีเสมอไป คือบางทีเราอาจจะต้องไปเรียนอีกสายหนึ่งก็ได้ หรือถ้าเราสอบติดแล้ว เราอาจจะไม่มีความสุขก็ได้ เราอาจจะไปพบกับสิ่งที่เราไม่ชอบหรือเราอาจจะไปเจอคนที่ไม่ดี ขอให้เรามีความสุขอยู่กับสิ่งที่พระเจ้าเตรียมให้ ถ้าเราทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าแล้วก็ขอให้มีความเชื่อมั่น และก็วางใจเสมอ การวางใจเป็นเรื่องยาก แต่เราก็ต้องพยายามทำให้ได้ คือบางสิ่งที่มันเหนือความสามารถของเรา คือนอกจากเราจะเชื่อแล้วเราก็ต้องวางใจพระเจ้าว่าสิ่งที่เหลือขอให้พระเจ้า จัดการให้เรา
คุณแม่พูดเรื่องของกษัตริย์ดาวิด ดาวิดเป็นกษัตริย์ที่พระเจ้าทรงโปรดปรานมาก แม้จะทำความผิดแต่ว่าเป็นกษัตริย์ที่ร้องขออ้อนวอนพระเจ้าก็เลยให้ข้อคิดว่า ยังไงก็ตามถึงแม้ว่าเราจะออกนอกลู่นอกทางออกไปแต่ยังไงก็คือว่าขอให้เรากลับ มาแล้วก็ร้องขอกับพระองค์ อันนี้ก็เป็นข้อคิดที่คุณแม่บอก คือบางทีเราก็มีหลายครั้งที่เราพยายามใช้ความสามารถของตัวเองมากเกินไปแล้ว เราก็ลืมนึกถึงพระเจ้า คุณแม่ก็เตือนแล้วก็พูดถึงพระคัมภีร์เดิมที่อ่านกันหลายรอบก็ตอนที่อียิปต์ หลายครั้งผ่านด่านหลายด่านกว่าจะปล่อยให้ชนชาติอิสราเอลออกมาได้ ในถิ่นทุรกันดารเหมือนกับว่าถ้าเราเป็นคนของพระเจ้าแล้ว ไม่ว่าจะผ่านความยากลำบากยังไง ก็คือขอให้เชื่อมั่นในพระเจ้า อย่าบ่นแบบอิสราเอล ตอนที่แก้วมีปัญหาอะไรคุณแม่ก็จะนึกถึงพระคัมภีร์ก็จะพูดกับเราตอนนั้นว่า อย่าลืมนะในพระคัมภีร์ก็มีอย่างนี้เห็นไหม
พระเจ้ารักเรามากที่สุด
สำหรับตัวแก้วไปโตที่ต่างประเทศแม้จะเป็นคริสเตียนแล้ว คริสเตียนที่ต่างประเทศบางคนก็ไม่ได้เชื่อพระเจ้าจริงๆ คือเป็นตั้งแต่กำเนิดเพราะตามพ่อแม่ บางทีเราก็มีสิ่งล่อลวงหมายถึงว่าสิ่งดึงดูดเราไปในทางไม่ดี บางครั้งเราไปกินเลี้ยงก็มีการกินเหล้ากัน เมื่อเราอยู่ห่างไกลพ่อแม่ เราก็อาจจะหลงไปกับเค้าบ้าง ทำตามพวกเค้าบ้าง บางคนจะเสียความมั่นใจทำตามคนอื่นไปบ้าง ขอให้ใกล้ชิดพระเจ้ามากๆ ขอให้เชื่อมั่นในพระเจ้า และขอให้รู้ว่าคนที่รักเราที่สุดคือพระเจ้าไม่มีใครที่รักเรามากเท่านี้ พระเจ้าทรงเติมเต็มชีวิตเรา ความเต็มตรงนี้คิดว่าทุกคนที่เป็นคริสเตียนที่ได้สัมผัสพระเจ้าจะมีความ รู้สึกนี้ คือบางคนที่เขาไปหาความรัก การยอมรับ และสิ่งอื่นๆ มากมายเพราะเขาขาดอะไรบางอย่าง เมื่อเรามีพระเจ้าแล้วเราได้รับการเติมเต็มแล้ว เราพอแล้ว เราไม่มีความจำเป็นต้องค้นหาอะไรอีก ขอให้ติดสนิทกับพระเจ้าขอให้เชื่อมั่นและวางใจในพระองค์ตลอดเวลา
สมาคมพระคริสตธรรมไทย ขอขอบคุณคุณสายฤดี จาตุรันตบุตร ที่กรุณาถ่ายทอดคำพยานลงในคริสตสายสัมพันธ์ฉบับนี้ ขอพระเจ้าทรงนำชีวิตในการเรียนของน้องแก้วจนถึงระดับปริญญาเอก และขอพระคุณ ความรัก และการอวยพรจากพระเจ้าอยู่เหนือน้องแก้วและครอบครัวเสมอไป
- คุณสายฤดี หล่อกัณภัย (จาตุรันตบุตร)