มีพระองค์ที่ใหญ่กว่านี้อีกไหม 1/13

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

มีพระองค์ที่ใหญ่กว่านี้อีกไหม

“มื่อคิดถึงพระเจ้าองค์นี้ที่ตายแทน หนูแล้ว หนูก็มีกำลังมากขึ้น” เป็นคำพูดที่หนุนใจของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเคยเป็นเพียงเด็กเลี้ยงควายที่ต้องต่อสู้ชีวิต จากบ้านเกิดไปหางานทำเพื่อหาเลี้ยงแม่และลูกอีก 4 คน ซ้ำร้าย ต้องติดโรคร้ายจากสามี จนทำให้ชีวิตพลิกผันจมดิ่งลง ความจำเป็นด้านปากท้องทำให้ไม่มีทางเลือกแต่ด้วยใจมุ่งมั่นที่จะหลุดพ้น เธอผ่านมาได้อย่างไร พระเจ้าช่วยกู้ชีวิตของเธออย่างไร จนถึงวันนี้ที่เธอเป็น “ผู้รับใช้ฆราวาส”

(ชื่อเจ้าของคำพยาน เป็นนามสมมติ และภาพถ่ายจะปกปิดใบหน้า หากชื่อที่สมมตินี้ไปตรงกับท่านใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้)
มพร เปิดเผยเรื่องราวของเธอให้กับทางสมาคมพระคริสตธรรมไทยรับฟังด้วยแววตาแห่ง ความสุขและเต็มไปด้วยความหวังว่า คำพยานชีวิตของเธอนี้จะเป็นพระพรต่อคนที่ท้อแท้ สิ้นหวัง จมอยู่กับชีวิตที่แหลกเหลว ไม่มีทางออก ติดเชื้อเอดส์ ให้ลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้งด้วยความรักของพระเยซูผู้เปลี่ยนแปลงชีวิตเช่น เดียวกับเธอ

อดีตที่แก้ไขไม่ได้
หนูชื่อ สมพร บ้านเกิดอยู่ที่อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี ออกจากบ้านเกิดมาทำงานเป็นลูกจ้างร้านเสริมสวยที่พัทยาได้สักระยะหนึ่ง ก็ได้พบกับสามีคนแรก เขาเคยเป็นนักมวย เป็นบอดี้การ์ดของพวกนายหัวภาคใต้ เราได้เสียกัน จนต่อมาหนูตั้งท้อง จึงพากันกลับไปขอขมาพ่อแม่ ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมรับเรา เพราะพ่อหนูกับแม่เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เคยเป็นคู่คดีความกันถึงขั้นถูกตำรวจจับ เขาบาดหมางกันมา พ่อหนูไม่ชอบแม่ของสามี ก็พาลไม่รับคำขอขมาและไม่ยอมให้หนูอยู่กับสามี หนูจึงต้องอุ้มท้องไปอาศัยอยู่กับย่าจนกระทั่งคลอด ฝ่ายแม่สามีก็ไม่ยอมรับหนูเพราะความเข้าใจผิด ก็พัทยาเป็นเมืองแห่งการค้าประเวณีนี่นะ ผู้หญิงคนไหนไปทำงานที่นั่นก็คือค้าประเวณีนั่นแหละ ความเข้าใจผิดนี้เป็นสาเหตุหนึ่งให้หนูกับสามีต้องเลิกกัน

เมื่อลูกคน แรกคลอด ย่าเลี้ยงให้ หนูกับสามีออกไปช่วยกันทำมาหากิน สามีเป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง หนูก็เป็นกรรมกร เราอยู่ไม่เป็นแหล่ง แล้วแต่งาน มีช่วงหนึ่งได้งานที่ จ.กระบี่ หนูก็รับจ้างรูดกาแฟในป่ากาแฟด้วย ช่วงไหนมีงานก่อสร้างก็เป็นกรรมกร ช่วงไหนกาแฟสุกก็ไปรูด ใครจ้าง หนูรับหมด แต่เราเริ่มมีปัญหากันถึงขั้นลงไม้ลงมือ บางครั้งหนูอดไม่ได้ก็เอามีดมาป้องกันตัว คิดว่าตายเป็นตาย บางครั้งลูกก็เข้ามาขวางมาห้าม ในที่สุดเราต้องเลิกกัน โดยที่หนูไม่รู้ตัวว่าตั้งท้องลูกคนที่สอง เมื่อเลิกกัน หนูกลับมาพัทยา มาเป็นลูกจ้างร้านเสริมสวยที่เคยอยู่ ท้องเริ่มโตขึ้นจึงรู้ตัวว่าท้อง เจ้าของร้านเป็นเจ้ามือหวยด้วย แกบอกว่าซื้อหวยเลขวันเกิดลูกหนูแล้วถูก เลยจ่ายค่าโรงพยาบาลให้ตอนคลอด ซื้อของให้ลูก พาไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ

หนู อยู่ร้านเสริมสวยนี้เข้าปีที่ 5 ก็ได้เจอสามีคนที่สอง เขามีอาชีพตั้งโต๊ะโทรศัพท์มือถือนาทีละ 1 บาทที่ตลาดปอยเปตและพัทยา หนูมาโทรศัพท์กลับบ้านบ่อยๆ เขาสนใจหนู โทรมาคุยด้วยบ่อยๆ ครั้งละนานๆเป็นชั่วโมง แต่หนูไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นคนมอญ (ไทยมอญ) สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ความสัมพันธ์คืบหน้ารวดเร็ว หนูลาออกจากงานร้านเสริมสวยไปอยู่กินกับเขา โดยไม่ได้ป้องกันเพราะความไว้ใจ หนูตั้งท้องที่สาม ไปหาหมอในตัวอำเภอบางละมุง เพื่อฝากท้อง หมอบอกทั้งข่าวดีและร้าย คือหนูได้ลูกแฝดและหมอเจาะเลือดพบเชื้อเอดส์ หนูทำอะไรไม่ถูก หมอจึงให้คำแนะนำกับหนูว่าต้องกินยาป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกตอนอายุ ครรภ์ได้ 7 เดือน แล้วต้องปฎิบัติตัวอย่างไร ต้องป้องกันอย่างไรต่อไป ไม่ควรให้ลูกกินนมแม่ หนูตัดสินใจเก็บลูกไว้ แม้ไม่รู้ว่าลูกจะติดเชื้อหรือไม่ จากนั้นกลับไปคุยกับสามี เขาบอกว่าจะหาหมอรักษาอยู่ที่บางละมุงไปก่อน ถึงกำหนดใกล้คลอด หนูอุ้มท้องกลับไปอยู่ใกล้ๆ แม่ที่บ้านเกิด อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี แต่โรงพยาบาลอำเภอมีอุปกรณ์ทำคลอดไม่พร้อม ลูกแฝดได้คลอดที่โรงพยาบาลในจังหวัด เมื่อคลอด ก็ทราบว่าสามีป่วย อาการกำเริบ กลับมารักษาตัวอยู่กับหนูที่อุดรฯ หมอตรวจพบเชื้อราในปอดและวัณโรค หนูต้องดูแลลูกและต้องกังวลกับสามี เขาบอกว่าตอนรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอบางละมุง อาการดีขึ้นจึงขอ                                               กลับไปรักษาที่นั่นอีกครั้ง หนู สามีและลูกแฝดพากันกลับมาอยู่พัทยาได้ 7 วัน สามีก็เสียชีวิต ในความเสียใจ ก็มีเรื่องดีเกิดขึ้น คือ ลูกไม่ติดเชื้อเอดส์ หนูไปติดต่อ อบต. แจ้งว่าเป็นผู้ติดเชื้อและเพิ่งคลอดลูก หนูได้รับเบี้ยเลี้ยงเดือนละ 500 บาท, ได้รับนมสำหรับลูก 1 ปีฟรี ด้วยความรักลูก อยากให้ลูกพ้นเชื้อเอดส์ ใครมาบอกว่าที่ไหนดี หนูก็ตระเวนไปบนบานศาลกล่าวทุกที่ทั่วเมืองพัทยา

เคยคิดฆ่าตัวตายไหม
หนู ไม่เคยคิดฆ่าตัวตายเพราะหนูยังมีลูกรออยู่ เมื่อไปตรวจเลือด ปริมาณของเม็ดเลือดขาว (cd4) อยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งที่ไม่ได้กินยามานานถึง 5-6 ปีแล้ว หนูกลับมาหางานทำที่พัทยาอีกครั้ง ตรงไปที่ร้านเสริมสวยร้านเดิมที่เคยทำตั้ง 5 ปีก่อนออกไปอยู่กินกับสามีคนมอญที่เสียชีวิตเพราะโรคเอดส์ หนูคิดว่าเขาคงรับ แต่กลับโดนปฏิเสธ เจ้าของร้านคงรู้ว่าหนูติดเชื้อเอดส์มา ตอนนั้นท้อใจกับชีวิตมาก ถ้าเลือกได้ ใครจะอยากชั่วบ้างล่ะ? แล้วนึกขึ้นได้ว่า ก่อนสามีเสียชีวิตแนะนำให้รู้จักกับร้านเสริมสวยอีกแห่ง หนูจึงไปหาเขา เขาไม่ปฎิเสธหนู หาที่พักให้ (เดือนละ 3,000 บาท) หางานให้ทำ งานที่ว่าคืองานบาร์ ต้องรับแขก (ขายบริการ) คิดในใจว่าในเมื่อไม่มีทางเลือกแล้ว มีแม่มีลูกต้องเลี้ยงดูรวม 4 คน หนูต้องสู้ต้องดิ้นรน ยังตายไม่ได้! จึงตัดสินใจส่งลูกคนที่สองและลูกแฝดกลับไปอยู่กับแม่ที่อุดรฯ (ลูกคนโต สามีคนแรกรับไปอยู่ด้วย) ชีวิตสาวบาร์เริ่มต้นนับแต่นั้น ทำไปก็คิดไป คิดหลายอย่าง เป็นกังวลว่าแขกที่มาหลับนอนด้วยจะติดโรค ทุกครั้งที่รับแขกจะพยายามป้องกันทั้งเขาและตัวเอง ลูกค้ามักเป็นคนต่างชาติ หนูไม่รู้ภาษาเขา พูดไม่ได้ แต่ด้วยความอยากได้เงิน หนูหาหนังสือที่มีภาพและคำแปลไทย-อังกฤษเล่มหนึ่งไว้ติดตัว เมื่อต้องสื่อสารกับลูกค้าก็จะชี้ภาพในหนังสือนั้นแหละ บางทีก็ถามเพื่อนสาวบาร์รุ่นพี่ว่าลูกค้าพูดอะไร เพื่อนบางคนก็ใจดีช่วยแปล บางคนก็ด่า หนูก็อดทน ยอมโดนด่าเพื่อจะได้ภาษาอังกฤษกับเขาบ้าง ลูกค้ารายแรกเป็นชาวอังกฤษ หนูไม่รู้จะเรียกราคาเท่าไรแล้วแต่เขาจะให้ ได้เงินมา 500 บาท หนูเคยเรียนนวดมา เมื่อรับแขกก็นวดให้แขกด้วย ต่อมาก็เริ่มมีลูกค้าประจำวนไปเวียนมา ทำไปได้ 3 เดือน หนูย้ายไปทำบาร์อื่นหลายแห่ง บางแห่งเสพยาบ้ากัน บังคับให้หนูเสพด้วยแต่หนูไม่เอา หนูอธิษฐานขอเจ้าที่เจ้าทางให้ช่วยพาหนูออกจากที่นี่เถิด มีคนดูลายมือให้ เขาบอกหนูว่าให้อดทนอยู่ที่นี่แหละ จะมีคนให้เงิน แล้วก็ได้เจอลูกค้าชาวฝรั่งเศส เหมือนเขาจะมาหาสาวไทยแต่งงานด้วย พูดกับเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง จะขอเงินจากเขาก็ขอให้คนที่พูดกับเขารู้เรื่องบอกเขาให้ทีว่า หนูขอเงินนะ ขอแสนบาทได้แสนบาท เขาซื้อทอง ซื้อเสื้อผ้าให้ด้วย ตอนนั้นถ้าหนูรู้ภาษา ขอสักล้านบาทเขาก็คงจะให้ แต่ก็ไม่ได้ขอ คบหาอยู่กับชาวฝรั่งเศสคนนี้สักระยะ หนูก็ขอกลับไปอยู่กับแม่กับลูกๆ ที่อุดรฯ เขาไม่ไปด้วยแต่ยังส่งเงินให้ใช้

เมื่อกลับมา อยู่อุดรฯ แม่ให้หนูไปปลูกบ้านบนที่ดินของแม่ จะได้แยกออกมาอยู่กับลูกๆ เงินที่ได้จากชาวฝรั่งเศสหมดไปกับการเริ่มถมที่ ก่อสร้างบ้าน ช่วงนั้น หนูยังติดต่อกับชาวฝรั่งเศส แต่ด้วยคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาโทรมาถามว่าหนูมีผู้ชายคนอื่นหรือเปล่า? หนูคงจะพูดผิดพูดถูกทำให้เขาเข้าใจว่าหนูนอกใจเขา เราเลิกรากันโดยปริยาย เขาเลิกติดต่อ เลิกส่งเงินมา  ชีวิตลำบากอีกครั้ง บางวันมีเงินเหลือแค่ร้อยบาท ต้องไปจับแมลงมาคั่วให้ลูกกิน หนูจึงหวนกลับไปทำงานที่พัทยาอีก ด้วยเป็นคนชอบเสียงเพลง หนูไปเต้นอะโกโก้ ปัญหาประดังประเดเข้ามาไม่หยุดหย่อน เจอทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะโดนเพื่อนฝูงโกง อิจฉาริษยา บางวันไม่สบายแต่ต้องฝืนออกไปทำงาน บางวันไม่มีลูกค้า พอเจอแฟนฝรั่ง หวังจะคบกันจริงจังก็มาหลอกใช้แล้วเลิกไป หนูถูกเพื่อนที่ทำงานด้วยกันรุมตีแย่งเอาทองไป ซ้ำร้ายหนูต้องตกงาน ติดคุกฐานเป็นพยานให้การเท็จ จากการที่ให้คนต่างด้าว (อดีตสามีคนมอญ) เข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านแล้วเกิดเสียชีวิต ฯลฯ ชีวิตวนเวียนอยู่แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเวลากว่า 4 ปี ตอนนั้น หนูรู้สึกย่ำแย่ เหนื่อยกับชีวิตถึงที่สุด

พระ…องค์ที่ใหญ่กว่า
ในช่วงที่ ย่ำแย่นั้น หนูต้องหาที่พึ่งให้จิตใจ เมื่อรู้ว่ามีที่ไหนดีที่ไหนศักดิ์สิทธิ์ ไปมันทุกแห่ง ทั้งกราบไหว้รูปเคารพ ขอพร ปล่อยปลา รักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ ปฏิบัติตัวอยู่ในคำสอนที่ดี ทำทุกอย่างมาหมดแล้วแต่ภายในจิตใจก็ยังวุ่นวาย ไม่มีความสุข หนูถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีพระองค์ไหนที่ใหญ่กว่านี้อีกไหม องค์ที่จริง องค์ที่จะช่วยให้เราหลุดพ้น หนูอยากพบอยากเจอ จำได้ว่าไปนั่งกลุ้มใจร้องไห้อยู่คนเดียวที่ชายหาด มีคนเอาผ้าเช็ดหน้ามาให้แล้วบอกว่า อยากได้อะไรก็ให้ขอเอาในพระนามพระเยซู แล้วเขาก็ไป หนูก็ยังไม่เข้าใจ ใครกันนะพระเยซู? พอดีได้เจอชาวอังกฤษคนหนึ่งที่เคยรู้จักกันมาตั้งแต่เริ่มทำงานพัทยาใหม่ๆ หนูก็อธิษฐานขอพระเยซูที่ยังไม่รู้จักว่า ถ้าฝรั่งคนนี้ใช่ก็ขอให้ได้มาอยู่ด้วยกัน ให้เขาอุปถัมภ์ ถ้าหนูเปิดเผยกับเขาว่าติดเชื้อเอดส์ ก็ขอให้เขารับเราได้ แล้วถ้าพระเยซูช่วยได้ ขอให้หนูหายจากโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ เรื่องคดีความให้เรียบร้อยด้วยดี ที่ตกงานก็ขอให้มีงานกลับคืนมา พระเยซูตอบคำอธิษฐานของหนูก่อนที่หนูจะได้รู้เรื่องราวของพระองค์เสียอีก! ชาวอังกฤษคนนี้รับหนูได้ เราจึงคบเป็นแฟนกัน เขามาอยู่กับหนู ให้การอุปถัมภ์ แล้วหนูก็ได้รู้จักพระเยซูจากหนังที่เขาเปิดให้ดู 2 เรื่อง “ยอห์น ไบเบิลลิขิตโลก” และ “เดอะ แพสชั่น ออฟ เดอะ ไครสท์” เรื่องหลังนี้แตะใจมากจนหนูนั่งดูไปร้องไห้ไป ซึ้งมากตอนที่พระเยซูอยู่บนกางเขนแล้วพูดว่า อภัยให้เขาด้วย เขาไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ ดูหนังจบ หนูรู้สึกอยากรู้จักพระเยซูพระเจ้าองค์นี้ บอกแฟนว่า ทำอย่างไรหนูจะได้รู้จักพระเจ้าบ้าง แฟนหนูจึงพาไปรู้จักกับเพื่อนเขาคนหนึ่ง เพื่อนคนนี้เล่าเรื่องราวของพระเจ้าให้ฟังและชวนหนูไปโบสถ์ (คริสตจักรแบ๊บติสต์ พัทยา จ.ชลบุรี) หนูก็ไปและรับเชื่อทันทีในวันแรกที่ไปโบสถ์ หนูได้เห็นภาพผู้หญิง โบสถ์และผู้ชายอธิษฐานรักษาโรคเหมือนในหนังที่ดู หนูเริ่มอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยหนูให้หายจากโรคเหมือนที่พระองค์รักษาคนเจ็บ ป่วย คนโรคเรื้อน หนูอยากเป็นเหมือนหญิงคนนั้นที่ไปแตะชายฉลองพระองค์แล้วหายโรค แม้จะรับเชื่อแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจ หนูจึงอยากเรียนรู้จักพระองค์มากขึ้น ระหว่างนั้นขี่มอเตอร์ไซด์ไปร่วมพิธีกรรมของศาสนาเดิม ยังไม่ทันถึงงาน เกิดรถล้มไปชนรถเขาที่จอดอยู่เฉยๆ หนูคิดว่าพระเจ้ากำลังตีสอนหนูแน่ๆ หนูเริ่มไปเรียนพระคัมภีร์ เรียนรวี เรียนชีวิตสาวกเพื่อจะรู้ว่าการเป็นคริสเตียน ทำอะไรได้บ้าง หรือทำอะไรไม่ได้บ้าง ช่วงนั้นหนูก็ยังทำงานเต้นอะโกโก้อยู่ แต่เมื่อรู้ว่าคริสเตียนต้องไม่มีรูปเคารพ กลับบ้านมา หนูเก็บรูปเคารพได้ถึง 4-5 ถุงปุ๋ย เอาขึ้นเต็มคันรถสามล้อไปทิ้ง

ตอนแรกที่เข้ามาที่โบสถ์ คนที่นี่รู้ไหมว่าติดเชื้อ
ยัง ไม่รู้ หนูเพิ่งบอกพวกเขาทีหลัง เมื่อบอกไปแล้ว ทุกคนยอมรับหนูได้ ไม่มีใครรังเกียจ บางคนไม่อยากเชื่อเพราะเห็นหนูเป็นคนสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีอาการใดให้เห็นเลย ทุกคนอธิษฐานเผื่อหนู การที่หนูตัดสินใจบอกความจริงเพราะเมื่อเรียนรวีมากขึ้น รู้ว่าควรเปิดเผยต่อกัน  หนูเปิดเผยกับคนที่บ้าน เปิดเผยกับคนที่โบสถ์ หนูรู้สึกชีวิตเปลี่ยนแปลง จากที่เคยเป็นคนใจร้อน ก็ใจเย็นลง แฟนหนูเป็นผู้ใหญ่กว่า เขาคอยสอน คอยเตือนให้ใจเย็น ให้รอบคอบ ให้ตรงเวลามากขึ้นและสนับสนุนให้หนูไปโบสถ์ เรียนรวีไประยะหนึ่ง หนูก็ตัดสินใจเลิกอาชีพที่ทำอยู่เพื่อถวายเกียรติพระเจ้า พระเจ้าทรงให้งานใหม่เป็นแม่บ้าน แต่ต่อมาก็เกิดอุบัติเหตุมอเตอร์ไซด์ล้มอีก แฟนจึงให้เลิกทำงาน เมื่อมีเวลามากขึ้น หนูเห็นเป็นโอกาสดีที่จะเข้ามีส่วนในงานรับใช้อย่างจริงจัง เมื่อทางโบสถ์แจ้งว่ามีงานประกาศที่ไหน หนูจะไปทันที วันไหนที่โบสถ์ขาดแม่ครัว หนูจะอาสาไปจ่ายตลาดและทำอาหารให้ หนูพยายามมีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกอย่างของทางโบสถ์ เรียนพระคัมภีร์ เข้ากลุ่มเซลล์ตามบ้าน ออกแจกใบปลิวตามที่ต่างๆ รวมทั้งบาร์ที่ตัวเองเคยทำงาน  หนูรู้แล้วว่าพระเจ้าต้องการเรียกผู้คนมาเป็นลูกของพระองค์ คืนดีกับพระองค์เหมือนหนู พระเจ้าทรงเป็นผู้จัดเตรียมจริงๆ 1 ปีที่หนูอธิษฐานขอการทรงนำจากพระเจ้าที่จะไปเรียนพระคัมภีร์ หนูอ่านพระคัมภีร์จบเล่ม พระเจ้าทรงตอบ ศิษยาภิบาลส่งหนูไปเรียนคอร์สอบรมผู้นำฆราวาส (LLT) ที่โรงเรียนคริสตศาสนศาสตร์แบ๊บติสต์ สวนพลู เมื่อเรียนแล้วก็เริ่มงานรับใช้มากขึ้น แฟนเกิดต่อต้านขึ้นมา เวลาแฟนโมโหและด่า หนูรู้สึกเหมือนเขาด่าพระเจ้าของเราด้วย อาจเพราะหนูยังแบ่งเวลาไม่ถูก รับใช้ส่วนรับใช้ ต้องแบ่งเวลาให้กับครอบครัวด้วย หนูรู้ว่าหนูช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็พยายามอธิษฐานให้พระองค์ทรงช่วย แม้จะมีปัญหา หนูก็ยังยืนยันให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิต เพราะเห็นตัวอย่างของเพื่อนคนที่พาหนูมาโบสถ์ เขารักแฟนมาก ให้แฟนมาก่อนพระเจ้า สุดท้ายเพื่อนหนูกับแฟนเขาต้องเลิกกัน หนูไม่อยากเจอเหตุการณ์นั้น ก็ขอเลือกพระเจ้าก่อนแฟน

ความรู้สึกที่ได้รับความรักจากพี่น้อง ในคริสตจักรทั้งที่รู้ว่าเราติดเชื้อ
รู้สึก เลยค่ะว่าคนข้างนอก เขาไม่จริงใจ บางทีก็โกหกเรา ทำดีเพื่อหวังผลประโยชน์จากเรา แต่ที่คริสตจักร หนูสัมผัสถึงความจริงใจที่ไม่หวังผลประโยชน์ มีความเป็นเพื่อนพี่น้องเสมอ มีครั้งหนึ่งหนูอยู่คนเดียวแล้วไม่สบาย พี่น้องที่โบสถ์มารับไปโรงพยาบาล รู้ว่าหนูไม่มีเงินก็จ่ายค่ารักษาให้ คอยให้กำลังใจและหนุนใจเวลามีปัญหา ทำให้หนูมีกำลัง และผ่านเรื่องร้ายๆมาได้

ความรู้สึกต่อพระเจ้าสำหรับทุกๆ อย่างในวันนี้
หนู คิดถึงพระคัมภีร์ข้อนี้ สดุดี 91:14-16 พระ?เจ้า?ตรัส?ว่า  “เพราะ?เขา?รัก?เรา เรา?จะ?ช่วย?เขา?ให้?พ้น?ภัย เรา?จะ?พิทักษ์?รักษา?เขา?ไว้ เพราะ?เขา?รู้จัก?นาม?ของ?เรา เขา?จะ?ร้อง?ทูล?เรา แล้ว?เรา?จะ?ตอบ?เขา เรา?จะ?อยู่?กับ?เขา?ใน?ยาม?ลำ?บาก เรา?จะ?ช่วย?กู้?เขา?และ?ให้?เกียรติ?เขา  เรา?จะ?ให้?เขา?อิ่ม?ใจ?ด้วย?ชีวิต?ยืน?ยาวและ?ให้?เขา?เห็น?การ?ช่วย? กู้?ของ?เรา”

พระองค์ฉุดเราขึ้นมาจากโคลนตม แล้วมาวางไว้บนศิลา ขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่ง เมื่อก่อนเคยคิดว่าจะมีใครบ้างไหมที่รักหนูจริง บางครั้งทำงานเหนื่อย ไม่สบาย ทางบ้านก็ไม่เข้าใจจะเอาเงินอย่างเดียว หนูจึงหาแต่เงิน จนถึงวันนี้ที่พระเจ้าเปิดตาเราว่ามันไม่ใช่ พระองค์เป็นแสงสว่างให้เรา ให้เราอดทน หนูรู้แล้วว่าพระเจ้าเท่านั้นที่มีรักแท้จริงให้กับหนู หนูรอดแล้ว แต่ในเมื่อมีคนอีกมากมายที่ไม่รู้ว่าตัวเองตกอยู่ในความบาป ทุกวันนี้ หนูจึงออกไปประกาศเพราะอยากให้เขารอดเหมือนหนู

พูดถึงผู้ติดเชื้อที่ไม่กล้ามาโบสถ์
อยาก ให้รู้ว่าพระเจ้ามีแผนการสำหรับเราทุกคน ขอให้เรามั่นใจ บางครั้งเราก็อย่าไปแคร์หรือสนใจมนุษย์มาก ให้สนใจพระเจ้า ให้กลัวพระองค์ที่ฆ่าจิตใจและจิตวิญญาณเราได้ดีกว่า เพราะมนุษย์อาจฆ่าจิตใจเราได้แต่ฆ่าจิตวิญญาณเราไม่ได้ พระเจ้าเฝ้ามองเราอยู่ ต่อให้คนทั้งโลกไม่รักเรา แต่พระเจ้ารัก แล้วคุณจะมีกำลังมากขึ้น

สุดท้ายนี้ ขอฝากข้อพระคัมภีร์ ฟีลิปปี 4:13 “ข้าพ?เจ้า?เผชิญได้?ทุก?อย่าง?โดย?พระ?องค์?ผู้?ทรง?เสริม?กำ?ลัง?ข้า พ?เจ้า” ขอให้เราอดทนในความทุกข์ยากลำบาก แล้วพระเจ้าจะทรงเสริมกำลังเรา ให้วางภาระไว้กับพระองค์ทุกอย่าง จงเชื่อมั่นเสมอว่า พระองค์เป็นพระเจ้าที่จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้เราแล้ว ไม่ว่าชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร ขอให้เราสู้นะคะ สู้จนวันสุดท้ายค่ะ

สมาคมพระคริสตธรรมไทย ขอขอบคุณ คุณสมพร (นามสมมติ) สำหรับคำพยานที่ได้แบ่งปันในครั้งนี้ เราเชื่อแน่ว่าจะเป็นพระพรและหนุนใจหลายคนที่กำลังเผชิญความทุกข์ ท้อใจหรือหมดหวังในชีวิต ร้องเรียกหาพระนามของพระเยซูคริสต์ผู้เป็นพระเจ้าที่พร้อมยื่นพระหัตถ์ที่ เมตตา อบอุ่นและทรงฤทธิ์ของพระองค์ ช่วยทุกคนที่ร้องขอการช่วยเหลือจากพระองค์

  • คุณสมพร (นามสมมติ)