รักดั้งเดิมเติมเต็มชีวิต
จากชีวิตที่สิ้นหวัง ไร้วี่แววแห่งอนาคต แต่เมื่อหวนคิดถึงความรักของพระเจ้า การเปลี่ยนแปลงอย่างอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ขอเชิญท่านติดตามได้จากเรื่องราวชีวิตผู้รับใช้พระเจ้าอาจารย์คทาวุธ อดุลย์ถิระเขตต์ศิษยาภิบาลคริสตจักรรักดั้งเดิม(FIRST LOVE CHURCH)ท่านจบการศึกษาระดับปริญญาตรีศาสนศาสตร์โรงเรียนคริสตศาสนศาสตร์แบ๊บติสต์ ปัจจุบันอายุ 37 ปี สมรสกับอาจารย์ทิวรรก์ อดุลย์ถิระเขตต์ มีบุตรสาว 2 คนคือ นางสาวดาริสสา วัฒน์จิรานนท์ และเด็กหญิงดานา อดุลย์ถิระเขตต์
รู้สึกแรกกับพระเจ้า
ผมขอบคุณพระเจ้าที่ได้มีโอกาสแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตของผมที่ได้มีโอกาสได้รู้จักความรักของพระเจ้า ผมเกิดในครอบครัวที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนและเป็นเหมือนครอบครัวทุกครอบครัวที่ปรารถนาจะมีชีวิตที่มีความสงบสุข แต่ความเป็นจริงมันอาจไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวังไว้ ครอบครัวของผมในเวลานั้นมีฐานะค่อนข้างดีทีเดียวแต่กลับไม่มีความสุขเลยจริงๆ คุณพ่อและคุณแม่ผมทะเลาะกันตลอดมีเสียงต่อว่าดังๆ ตบตีกัน ในเวลานั้นผมยังเด็กอยู่ทำอะไรไม่ได้เลยครับ ทำได้แค่นั่งร้องไห้ เจ็บปวดเสียใจ และบอกกับตัวเองว่าทำไมครอบครัวเราไม่มีความสุขแบบครอบครัวคนอื่นเขาเลย หลังจากนั้นไม่นานคุณพ่อของผมก็มีภรรยาใหม่และก็เคยนำภรรยาใหม่มาอยู่บ้านเดียวกับเรามันเป็นความเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกเลยจริงๆ และแล้วครอบครัวผมแตกแยก ในเวลานั้นคุณแม่ให้ผมไปโรงเรียนประจำที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และที่นั่นผมมีโอกาสได้สัมผัสกับความรักของพระเจ้าเป็นครั้งแรก ด้วยวัยเพียง 6 ขวบผมไม่เข้าใจอะไรเลย ผมคิดว่าทุกคนไม่รักผม คุณพ่อไม่รักผม คุณแม่เอาผมมาอยู่รางเรียนประจำท่านก็คงไม่รักผม เป็นความรู้สึกของเด็กที่ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย และผมรู้สึกอย่างนั้นตลอดเวลา และในคืนหนึ่งที่โรงเรียนกรุงเทพ คริสเตียนวิทยาลัย ผมเข้าประชุมนมัสการที่โรงเรียนจัดขึ้น พี่ๆ นำผมร้องเพลงที่มีเนื้อเพลง เกี่ยวกับพระเจ้ารักทุกคนไม่ว่าคนนั้นจะมีรูปร่าง หน้าตาอย่างไร สูงเตี้ย ผิวขาวหรือดำ ผมร้องไห้ อย่างไม่รู้ตัวและรู้สึกได้จริงๆ ว่าพระเจ้าทรงรักผมจริงๆ นั่นเป็นความรู้สึกแรกที่ผมรับรู้ความรักของพระเจ้าในวัยเด็กของผม
เมื่อรักเริ่มจืดจาง
แต่เมื่อผมโตขึ้นย่างเข้าสู่วัยรุ่น ผมเริ่มห่างจากความรักของพระเจ้าที่ละน้อยๆ ด้วยตัวของผมเอง ผมยังคงตามหาความรักและการยอมรับอยู่ตลอด และผมก็คิดว่าผมพบแล้ว ความรักกับการยอมรับที่ผมตามหาอยู่มันสามารถหาได้จากเพื่อนๆ ของผม แต่เพื่อนที่ผมคบหาในเวลานั้นต่างก็มีปัญหาด้วยกันทุกคน เราจึงเริ่มหันเข้าหายาเสพติด โดยเริ่มต้นจากบุหรี่ มาเป็นกัญชา ยาบ้าและสุดท้ายคือเฮโรอิน ผมเริ่มเสพติดเฮโรอินตอนอายุ 16 ปี ชีวิตของผมพังทลายลงเพราะมัน ในเวลาเดียวกันนั้นครอบครัวผมล้มละลาย ผมถูกไล่ออกจากโรงเรียนครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่ได้เรียนหนังสืออีกแล้ว กลายมาเป็นขี้ยาข้างถนน ในเวลานั้นผมไม่ได้รับการยอมรับจากใครเลยแม้กระทั่งตัวเองยังยอมรับตัวเองไม่ได้ ผมติดเฮโรอินอย่างหนัก จากสูบเป็นฉีด จากซื้อเป็นขาย ชีวิตดิ่งลงอย่างไม่น่าเชื่อตลอดเวลา 5 ปีที่เสพติด ผมถูกจับนับเป็น 10 ครั้ง เข้าห้องขัง 3 ครั้ง และชีวิตหมดหวัง
ใครล่ะจะช่วยได้
แต่การถูกจับครั้งสุดท้ายเปลี่ยนชีวิตของผมอย่างสิ้นเชิง ผมถูกจับที่ สน.บางโพงพาง ที่นั่นเองที่เปลี่ยนชีวิตของผม ทุกครั้งที่ผมถูกจับคุณแม่จะมาช่วยผม แต่ครั้งนี้เมื่อผมโทรไปหาขอให้มาช่วย คำตอบที่ผมได้คือ “แม่จะไม่ไปช่วยแล้ว เพราะทนเห็นลูกอยู่ในห้องขังไม่ไหวอีกแล้ว” ผมเดินเข้าห้องขังและหมดหวัง ผมนั่งคิดตลอดเวลาว่าจะหาใครมาช่วยผมออกไปได้ แต่ผมคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครช่วยผมได้ ในขณะที่หมดหวังอยู่นั้นเอง ผมกลับคิดถึงพระเจ้าที่ผมเคยรู้จักในวัยเด็กที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ผมจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำในห้องขังแล้วเริ่มต้นอธิษฐานอีกครั้งหลังจากไม่ได้อธิษฐานเป็นเวลานานแสนนาน ผมอธิษฐานว่า “ถ้าพระเจ้ามีอยู่จริง ขอช่วยผมหน่อย ผมไม่อยากเป็นแบบนี้ ผมไม่อยากติดยา ผมอยากมีอนาคต ช่วยผมออกไปและให้อนาคตผมได้มั๊ย” ผมอธิษฐานทั้งคืนจนถึงเช้า และขอบคุณพระเจ้า ตอนเช้าพระเจ้าตอบคำอธิษฐานของผม พี่และแม่ มาช่วยผมออกจากห้องขังนั้น ผมรู้ได้ทันทีว่า พระเจ้ามีจริงและพระองค์น่าจะทำอะไรบางอย่าง กับผม ผมตัดสินใจไปที่คริสตจักรทันทีในวัน อาทิตย์ต่อมา ผมตัดสินใจรับเชื่อพระเจ้าที่คริสตจักรสะพานเหลืองคลองตัน
ชีวิตใหม่
ชีวิตหลังจากเชื่อพระเจ้ากลับเป็นคนละคนกัน พระเจ้าเริ่มทำกิจของพระองค์ ทรงเปลี่ยนแปลงชีวิต ความคิดและความรู้สึกของผม สิ่งที่อัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมก็คือ การที่พระเจ้าทรงช่วยผมออกมาจากการเป็นทาสของยาเสพติด ผมเคยพยายามเลิกมันมาตลอด แต่มันเป็นไปไม่ได้เลย สำหรับผมในเวลานั้น แต่แค่ผมเชื่อในพระองค์ชีวิตผมกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าอัศจรรย์
ขอบคุณพระเจ้า ผมเลิกยาเสพติดได้ ผมไปอยู่ที่บ้านสันติสุข จังหวัดชลบุรี ที่นั่นเราไม่ต้องทานยาใดๆ เราทำแค่อธิษฐาน นมัสการ และเรียนรู้จักพระเจ้า เพียงแค่นี้สิ่งอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอย่างมากคือ เราไม่เพียงแต่เลิกยาเสพติดที่ออกอาการทางกายได้เท่านั้น แต่เรามีชัยชนะเหนือมันในจิตใจ และในจิตวิญญาณได้ ผมสามารถกลับมาเรียนหนังสือได้จนจบ (คุณแม่ผมยังไม่เชื่อเลยว่าคนอย่างผมจะเรียนจบได้) จากคนที่ขาดความรักและการยอมรับกลับได้รับความรักและการยอมรับ ชีวิตของผมกลับมามีความหวังอีกครั้ง
เริ่มต้นใหม่กับรักดั้งเดิม
หลังจากเรียนจบผมก็เริ่มรับใช้พระเจ้าโดยช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่เคยมีชีวิตที่ล้มเหลวแบบผมให้กลับมีชีวิตที่สมบูรณ์ได้โดยพระเจ้าผู้ทรงทำกิจการแห่งการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของพวกเขาและพระเจ้าทรงนำผมกับพี่น้องที่ร่วมให้มีนิมิตในการตั้งคริสตจักรที่มีใจร้อนรนในการประกาศและทำพันธกิจ เราเริ่มอธิษฐานกันและได้เริ่มนมัสการครั้งแรกโดยมีคนไม่กี่คน ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรเลย แต่ผมขอบพระคุณพระเจ้าสิ่งที่พระเจ้าทรงนำคือแม้ไม่มีอะไรแต่เรามีคนที่ใจรักพระเจ้าพร้อมอุทิศชีวิตของเขาเพื่องานรับใช้พระเจ้า คริสตจักรก็เริ่มขึ้นและเติบโตขึ้น เราพบว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมทุกอย่างให้กับคนที่แสวงหาแผ่นดินของพระองค์ เราได้เห็นพันธกิจต่างๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
พันธกิจคนเร่ร่อน ช่วยเหลือคนเร่ร่อนที่ท้องสนามหลวงทุกค่ำวันพฤหัสบดีให้กลับสู่ชีวิตที่ดี มีอาหารและของใช้ที่จำเป็น มีงานทำและมีที่พัก และที่ขาดไม่ได้คือได้รับความรักและความรอดขององค์พระเยซูคริสต์
พันธกิจช่วยคนอพยพ ช่วยเหลือคนม้งอพยพที่จังวัดลพบุรี มีการนมัสการภาษาม้ง ทุกวันเสาร์ เวลา 07.00 – 16.00 น. ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 100 คน จัดอบรมสร้างทีมผู้นำด้านต่างๆและช่วยเหลือด้านอาหารและของใช้ที่จำเป็น และอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยเหลือคนเหล่านี้ในการไปประเทศที่สาม
โครงการไทยเข้มแข็ง ช่วยเหลือผู้ต้องขังโดยการจัดอบรมประกาศในเรือนจำต่างๆ และช่วยเหลือหลังพ้นโทษเพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่มั่นคงต่อไป
เราเห็นคนที่เข้ามาและกลับใจใหม่มากมายผ่านพันธกิจเหล่านี้ เราได้เห็นงานประกาศข่าวประเสริฐขยายไปไกลขึ้นๆ ผมขอบคุณพระเจ้าเพราะทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโยการทรงนำของพระองค์จริงๆ
พระเจ้าเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิต
พระเจ้าเข้ามามีส่วนในชีวิตของผมทุกเรื่องครับ เรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว เรื่องการทำงาน เรื่องลูกๆ และผมยินดีจริงๆ ที่พระองค์ทรงทำอย่างนั้น เพราะถ้าปราศจากพระองค์แล้ว ผมคงทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ คงล้มเหลวแบบที่ผ่านมา เพราะในอดีตผมเติบโตขึ้นมาโดยปราศจากพระเจ้าในชีวิต และปัญหามากมายก็ล้อมรอบชีวิตของผมตั้งแต่เด็กจนโต และโดยการไม่มีพระเจ้าของผมในเวลานั้น ปัญหาต่างๆที่เข้ามามันมีผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตของผม เมื่อผมรู้จักกับพระเจ้าผมได้เรียนรู้ว่า เราไม่สามารถเอาปัญหาออกไปจากชีวิตของเราได้ ปัญหาจะคงมีเข้ามาเรื่อยๆ แต่ถ้าเรามีพระองค์อยู่กับเรา ให้พระองค์เป็นที่หนึ่ง เราจะสามารถผ่านได้โดยการพึงพากำลังที่มาจากพระเจ้า ผมมาจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อผมมีพระเจ้าในครอบครัว ทำให้ชีวิตครอบครัวของผมสามารถสมบูรณ์และมีความสุขได้ เป็นความสุขที่ไม่ได้มาจากการมีเงินทอง แต่เป็นความสุขที่มาจากความรักและความเข้าใจที่พระเจ้าทรงทำกิจการตลอดเวลาในครอบครัวของเรา ภรรยาและลูกของผมเรารับใช้พระเจ้าด้วยกันไปทุกที่ด้วยกันและร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่น ผมเลี้ยงดูลูกของผมให้เขามีพระเจ้าเป็นเกราะกำบังในชีวิตของเขา เราสอนเรื่องราวง่ายๆ จากพระคัมภีร์ให้ลูกของเรา และเราพบว่าลูกสาวของเรามีชีวิตที่ปลอดภัย มีจิตใจดี มีความเข้าใจเรื่องราวต่างๆ แยกแยะทั้งสิ่งดีและไม่ดีได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีได้โดยการขอพระองค์เข้ามามีส่วนในชีวิตของเรา เราดูแลกันและกันด้วยความรักครับ
เป้าหมายสูงสุดในชีวิต
เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของผมคือ นำความรักของพระเจ้ามาถึงผู้คนให้มากที่สุด เพื่อเขาจะพบกับความเปลี่ยนแปลงเหมือนที่พระเจ้าทรงเปลี่ยนผม การนำความรักของพระเจ้าไปถึงผู้คนทำได้ง่ายๆ ครับ โดยการเป็นพยานเรื่องราวต่างๆที่พระเจ้าทรงทำในชีวิต กับคนที่เราได้พบเจอ หรือได้เข้าไปมีโอกาสพูดคุยกับเขา ผมทำหน้าที่ที่พระเจ้ามอบหมายให้คือออกไปเป็นพยานฝ่ายพระองค์ ส่วนคนจะกลับใจหรือไม่นั่นเป็นหน้าที่ของพระเจ้าที่จะเป็นผู้ทรงกระทำ
ข้อพระคัมภีร์ที่ชอบเป็นพิเศษ
ข้อพระคัมภีร์ประจำชีวิตของผมคือ “เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้” ลูกา 1:37 เป็นความจริงที่ผมเรียนรู้มาตลอดชีวิตการเป็นคริสเตียนของผม และถ้าเรารู้ความจริงนี้อย่างตั้งใจ จะมีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่งจริงๆ และอีกข้อที่ผมใช้เป็นหลักการในการรับใช้พระเจ้าของผมคือ “และท่านทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงนั้นจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท” ยอห์น 8:32
ถ้าเรานำชีวิตของเราและชีวิตของผู้อื่นมาถึงความจริงในชีวิตได้ แล้วเรายอมรับความจริงนั้นว่าเขาอ่อนแอ ตกอยู่ในความบาป โอกาสของการเป็นไท เป็นอิสระจากพันธนาการต่างๆ ก็เปิดออก และถ้าเขาต้อนรับพระเจ้าแห่งความจริงแล้ว เขาก็ได้รับการยกโทษปลดปล่อย
ข้อคิดเตือนใจ
มนุษย์เราอ่อนแอมากจริงๆ ครับ มีการล่อลวงมากมายในสังคมยุคนี้ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะเข้ามาและทำให้เราเสพติดมัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด สื่อลามก เพศ ฯลฯ เมื่อเราได้หลงผิดเข้าไปมีส่วนกับยาเสพติด ในตอนเริ่มต้นเราจะไม่รู้เลยว่าเราติดมัน แต่เราจะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เราติดมันเข้าแล้ว และการเลิกออกมาก็เป็นเรื่องยากจริงๆ
มีคนถามว่าทำไมคนจึงติดยา เราต้องเริ่มดูเหตุของมันก่อนครับ โดยส่วนใหญ่คนเสพติดนั้นมักจะมาจากผู้ที่มีปัญหาด้านครอบครัวครับ และมาจากสิ่งแวดล้อมและสังคมที่อยู่หรือกลุ่มคนที่เขาคบหาด้วย จากประสบการณ์ของผมพบว่าการเสพยานั้นทำให้ผู้เสพมีความสุขกับฤทธิ์ของยานั้นๆ มีความสุขจากการได้รับการยอมรับจากลุ่มเพื่อน มีความสุขขึ้นที่ได้ลืมปัญหาที่เขาเผชิญอยู่ แม้จะช่วงเวลาสั้นๆ
แต่พอเริ่มเสพติดแล้ว ยาเสพติดจะกลายเป็นวิถีชีวิตของเขา กลายเป็นส่วนหนึ่งที่เคยชินเหมือนกับการกินข้าว ถ้าไม่ได้กินก็จะหิว มันจะกินเข้าไปในร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ จนทำให้เราถูกกระตุ้นให้คิดถึงยาตลอดเวลา คิดถึงบรรยากาศของมัน คิดถึงๆ ตลอด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้คนเสพติดหลุดออกมาได้ยากมากๆ มันจะกลายเป็นจุดอ่อนจุดใหญ่ในชีวิต และแน่นอนครับ มารซาตานมันก็รู้จุดอ่อนเช่นกัน มันก็แค่ช่วยคนเหล่านั้นให้พบกับสถานการณ์บางอย่าง เช่นทำให้คนที่ออกมาจากเรือนจำ เลิกยาได้แล้ว แต่บังเอิญเจอเพื่อนเก่า และถูกชักชวน พวกเขาก็ง่ายจริงๆที่จะพ่ายแพ้
แต่การต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต เราจะถูกปกป้องโดยพระองค์ ภายในจะได้รับกำลังในการสู้กับจุดอ่อน เราจะได้สังคมใหม่ คือคริสตจักร สิ่งเหล่านี้ที่พระเจ้าทำช่วยเราให้หลุดจากอำนาจการเสพติดได้จริงๆ ครับ ไม่ใช่ว่าคนติดยาไม่อยากเลิกนะครับ แต่เขาแค่ไม่มีกำลังเพียงพอ เขาต้องการกำลังนั้นมาช่วยเขา ผมพบว่าวิธีการที่ง่ายและได้ผลที่สุดในการเลิกยาเสพติดก็คือการแค่คุณเชื่อในพระเจ้า…แค่นั้นจริงๆ พระองค์จะให้กำลังประหลาด ที่คุณจะสามารถหลุดพ้นมันได้อย่างหน้าอัศจรรย์
สุดท้าย ผมอยากบอกว่า ในชีวิตของเราทุกคนเกิดการเปลี่ยนแปลงเสมอ บางครั้งก็นำความสุขมาบ้าง บางครั้งก็นำความทุกข์มาบ้าง บางที่ก็มีเพื่อนมาก บางครั้งก็ไม่มีเลย บางที่ก็รู้สึกเต็มไปด้วยความรักและการยอมรับ บางที่ก็รู้สึกเหงาว้าเหว่ บางที่ก็รับได้ บางที่ก็สูญเสีย เราไม่รู้เลยจริงๆ ว่าอะไรรอเราอยู่ข้างหน้าและเราจะรับมือกับสิ่งเหล่านั้นได้ตลอดจริงๆ หรือ พี่น้องที่รัก เราสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้ครับ เพียงแค่เราพึงพาในพระเจ้าผู้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป ความรักของพระองค์ก็ไม่เปลี่ยน พระองค์ยังคงเติมเต็มเราได้แม้เมื่อเราขาด และพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเราเลยจริงๆ กลับมาหาพระเจ้าที่รักเราดีกว่าครับ มั่นคงปลอดภัย
- อาจารย์คทาวุธ อดุลย์ถิระเขตต์