สิ่งที่เป็นไปไม่ได้… พระเจ้าทรงทำให้เป็นไปได้ 4/19

สิ่งที่เป็นไปไม่ได้… พระเจ้าทรงทำให้เป็นไปได้

โศภิดา กาญจนรินทร์ หรือ นิ้ง อายุ 23 ปี เป็นบุตรคนโตของ พ.อ.นพ. ธวัชชัย และรัตน์ประภา กาญจนรินทร์ ซึ่งบิดาเป็นอดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ส่วนมารดาเป็นอดีตพยาบาล นิ้งเคยศึกษาที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น ต่อมาได้สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากทรินิตีคริสเตียนไฮสกูล (Trinity Christian High School) และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน มหาวิทยาลัยเนวาดา รัฐเนวาดา ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 และได้เคยทำงานเป็นผู้จัดการวาณิชย์ธนกิจ ธนาคารทหารไทย (TMB) สมรสกับ คุณไตรนุภาพ จิระไตรธาร เป็นสมาชิกคริสตจักรลีฟวิ่ง-สตรีมส์ (Living Streams)

นิ้งได้เข้าร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2561 โดยได้ครองตำแหน่ง “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2561” ณ รอยัลพารา-กอนฮอลล์ สยามพารากอน นิ้งเป็นตัวแทนประเทศไทยในการประกวด “นางงามจักรวาล 2018” ที่จัดขึ้น ณ อิมแพ็คอารีนา เมืองทองธานี โดยมีนางงามร่วมเข้าแข่งขันทั้งหมด 94 ประเทศ นิ้งผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายในการประกวดนางงามจักรวาล

ไตรนุภาพ จิระไตรธาร หรือเจได จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก The University of Manchester ประเทศอังกฤษ และปริญญาโทจาก National University of Singapore นักธุรกิจหนุ่มเป็นซีอีโอแบรนด์แว่นตานำเข้าสไตล์วินเทจจากญี่ปุ่น Cobalt Bkk ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มคนดัง และนั่งแท่น “รองกรรมการผู้จัดการ” บริษัท ครีเอตุสคอร์โปเรชั่น บริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมและโวลูชันที่ได้รับการยอมรับระดับโลกมาเป็นเวลากว่า 38 ปีมีฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ

รู้จักพระเจ้า

เมื่อตอนที่นิ้งเรียนมัธยม เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน และไปที่ฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา พอไปถึงเขาให้สอบข้อสอบประจำรัฐบาลซึ่งเป็นข้อสอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ ด้วยความที่เรากล้าๆ กลัวๆ สื่อสารไม่ค่อยรู้เรื่อง เขาคิดว่าเราเรียนไม่ได้ เขาก็เลยไม่ให้ผ่าน พอไม่ผ่านโรงเรียนรัฐบาลแล้ว และข้อสอบนั้นถูกเก็บบันทึกไว้ว่าเราไม่สามารถเรียนโรงเรียนรัฐบาลได้ นิ้งถูกส่งกลับมาประเทศไทย พอกลับมานิ้งไม่มีที่เรียน เพราะลาออกจากโรงเรียนวัฒนาแล้ว และโรงเรียนก็เปิดเทอมไปแล้ว พ่อนิ้งจึงให้ไปเรียนต่อที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ตอนแรกไปสมัครเรียนต่อโรงเรียนรัฐบาล ก็โดนปฏิเสธอีก เพราะวีซ่าที่ทำไปไม่ถูกต้อง นิ้งจึงไปเรียนต่อที่โรงเรียนเอกชนชื่อ ทรินิตีคริสเตียนไฮสกูล (Trinity Christian High School) ที่นี่เป็นโรงเรียนคริสเตียน คุณครูทุกคนเป็นคริสเตียนทั้งหมดเลย มีการนมัสการ มีการอธิษฐาน นิ้งได้เห็นความรักจากผู้คนที่นี่ เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมทุกคนจึงมีความรักมากมายจริงๆ เราเข้าไปอยู่ในตรงนั้น ทำให้รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมาจากพระเจ้า มาจากการอธิษฐาน การเรียนที่โรงเรียนทรินิตีฯ นิ้งมีปัญหาคือ นิ้งเรียนไม่เก่ง ตอนนั้นสอบตกตลอด จนเพื่อนบอกให้นิ้งอธิษฐานกับพระเจ้า และนำนิ้งมาให้รู้จักกับพระเยซู เพื่อนแนะนำให้อธิษฐานขอสติปัญญาจากพระเจ้า หลังจากนั้นนิ้งก็อธิษฐานทุกวัน เพื่อนก็จะให้อ่านพระคัมภีร์ ตอนนั้นก็อ่านไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็อธิษฐานขอสติปัญญาจากพระเจ้า พอพระเจ้าประทานสติปัญญาให้แล้ว จากเด็กที่เรียนไม่เก่ง ได้ F เกรดเฉลี่ยไม่ดี ภาษาอังกฤษพูดไม่ได้ สั่งแมคโดนัลด์ไม่เป็น ปรากฏว่าได้เกรด A A… เรื่อยๆ จนเกรดขึ้นมาเป็น 3.91 นิ้งรับเชื่อ รับบัพติศมา ที่โบสถ์เกาหลี เพราะเพื่อนเป็นคนเกาหลี ไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ และอยู่ในกลุ่มคอรัสด้วย

ชีวิตเปลี่ยนแปลง

นิ้งมีน้องสาวที่พิการทางสมอง เนื่อง จากคุณแม่ตอนตั้งครรภ์มีความเครียดมาก น้องพูดไม่ได้ ทำให้ชีวิตนิ้งต้องย้ายโรงเรียนบ่อยๆ ต้องปรับตัวตลอดเวลา นิ้งเรียนไม่เก่งในสายตาของคนครอบครัว มีความกดดันเรื่องการเรียน เพราะในครอบครัวนิ้งเรียนแต่มหาวิทยาลัยดังๆ แต่นิ้งสอบไม่ติด ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนก็โดนส่งกลับ นิ้งถูกมองว่าเป็นลูกที่แย่มาก เมื่อก่อนที่อยู่อเมริกาความรักก็ล้มเหลว เคยมีคนที่คิดว่าจะรักมากและจะแต่งงานด้วย แต่ก็พบกับความเสียใจ

นิ้งเคยถามพระเจ้าว่าทำไมนิ้งจึงเจอเรื่องแย่ๆ ทำไมต้องทนความเจ็บปวดเหลือเกินกับคนที่มาวิพากษ์วิจารณ์แย่ๆ กับเรา โดนคนตำหนิ แต่พระเจ้าทรงบอกกับนิ้งว่า “เราจะเปลี่ยนให้เป็นสิ่งที่ดี” เมื่อได้พบพระเจ้าก็ได้พบกับความสงบสุข ไม่มีความเครียด เมื่อเราเดินในทางโลกเราก็จะมีเป้าหมาย มีความเครียด มีความกังวลใจ เมื่อเรามาเดินในทางพระเจ้า ความเครียด ความกังวลใจเรายกไปไว้กับพระเจ้า และไม่ว่าเราจะทำอะไรเราจะถามพระเจ้าก่อนว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เมื่อเราต้องการกำลังเราจะอ่านพระวจนะของพระเจ้า

ประกวดนางงาม

ตอนเด็กๆ นิ้งฝันอยากจะเป็นนางงาม แต่ก็จะโดนคนรอบข้างว่าเราไม่สวย หูแหว่ง นิ้งอยากพิสูจน์ให้เห็นว่า ความสวยที่คู่กับความรู้และมีความรักเป็นอย่างไร ถ้าเรามีฝันต้องทำมันด้วยหัวใจที่เรารัก แม้คนรอบข้างจะบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ เราก็อยากทำ ให้พ่อแม่รู้ว่าเราทำได้ พอนิ้งเรียนจบที่สหรัฐอเมริกาก็เข้าทำงานเป็นผู้จัดการวาณิชย์ธนกิจ ธนาคารทหารไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับธนาคาร พอทำได้หนึ่งปีก็คิดอยากประกวดนางงาม จะเรียกว่าบ้าก็ได้ เพราะนิ้งยอมทิ้งงานที่ทำ เมื่อได้พูดคุยกับหัวหน้า สุดท้ายก็ไม่ได้ออกจากงาน วันธรรมดาก็ต้องไปทำงาน และหาเวลาเพื่อไปเรียนก่อนเข้าประกวด นิ้งเดินไม่เป็นก็ไปเรียนเดินให้เป็นจังหวะของเขา ไปเรียนเพื่อปรับบุคลิกภาพ ตอนไปประกวดไม่ได้คาดคิดว่าจะได้มงกุฏ นิ้งคิดแต่ว่าจะทำให้ดีที่สุดของนิ้ง พระเจ้าให้มากกว่าที่เราหวังไว้ นิ้งได้ตำแหน่งนางงาม ตอนได้ตำแหน่งรู้สึกงงมาก รู้สึกว่าได้มาได้อย่างไร ทำไมถึงได้ และคิดต่อไปอีกว่า เราจะต้องเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดนางงามจักรวาล นิ้งรู้ดีว่าเมื่อเราได้รับตำแหน่งนางงามเราต้องเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้คน เมื่อพระเจ้าให้สิทธินี้แล้ว เราต้องทำให้ดีที่สุด

ประกวดนางงามจักรวาล

เมืองไทยไม่ได้เป็นเจ้าภาพการประ กวดนางงามจักรวาลมา 30 ปี แต่ปีนี้รับเป็นเจ้าภาพการประกวด นิ้งต้องเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าประกวดด้วย ทำให้ต้องทำงานหนักเป็นสองเท่า ตอนที่ประกวดนิ้งเพิ่งจะกลับใจใหม่อีกครั้ง ก็เจออุปสรรคเยอะมาก เพื่อนนางงามที่พักห้องเดียวกับนิ้งเป็นคริสเตียน เราจะร่วมใจกันอธิษฐานเผื่อเพื่อนนางงามทุกคน อธิษฐานก่อนขึ้นเวที เพราะเราไม่รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นิ้งเคยเดินแล้วล้มบ่อยมาก เราจะต้องอธิษฐานขอพระเจ้าปกป้องไว้ก่อน มีอยู่วันหนึ่งรอบก่อนชิงชนะเลิศนิ้งเจ็บเท้ามากเท้าเลือดออกจนเดินไม่ไหวแล้ว แต่ต้องใส่ส้นสูง 6 นิ้ว พอเราอธิษฐานและในทีมนางงามก็ช่วยกันอธิษฐานหนักมาก นิ้งสัมผัสได้ว่าพระเจ้าบอกว่า “ไม่ต้องกังวล” และพระเจ้าก็ให้นิ้งสามารถเดินได้คล่องตัวมากไม่ติดขัด ความเจ็บปวดหายไปในตอนนั้น รู้สึกเหมือนมีทูตสวรรค์อยู่รอบตัวเรามาคอยประคองเราไว้ และในรอบชิงชนะเลิศ นิ้งก็คุยกับพระเจ้า นิ้งมีความเชื่อว่าจะได้เข้ารอบ 10 คนสุดท้ายเพราะในส่วนของเรา เราพยายามเต็มที่ไปออกกำลังกาย ไปเติมความรู้ จะได้มงกุฏหรือไม่แล้วแต่พระเจ้า พอประกาศชื่อ 5 คนสุดท้าย ไม่มีประเทศไทย นิ้งก็ไม่เสียใจนะ นิ้งยินดีมากคนที่ได้เป็นคริสเตียน ลูกของพระเจ้าทั้งนั้นเลยที่ได้ พวกเขาทำงานเพื่อสังคมจริงๆ และเขาก็ได้ตำแหน่ง

กลับมาหาพระเจ้าอีกครั้ง

นิ้งเรียนจบกลับมาเมืองไทย ได้เข้าทำงานที่ธนาคารทหารไทย ทำแต่งาน และไม่ได้ไปโบสถ์อีกเลย ตอนที่นิ้งประกวดนางงาม ความเป็นตัวตนของนิ้งหายไป ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย หลังประกวดก็มี ดราม่ามาเยอะมาก ไปอ่านคอมเมนต์ โดนวิพากษ์วิจารณ์เยอะมาก ขนาดคนที่จิตใจเข้มแข็งอย่างนิ้ง ยังรู้สึกแย่มาก นิ้งได้เจอคุณครูที่สอนนิ้งในเรื่องของการเดินเขาเป็นคริสเตียน เขาแนะนำให้นิ้งรู้จัก อ.ผึ้ง ซึ่งอยู่คริสตจักรลีฟวิ่งสตรีมส์ อ.ผึ้งบอกนิ้งถึงความเป็นตัวตนของเรา ความสวยงามที่แท้จริงมาจากไหน ความรักมาจากไหน ความรักมาจากพระเจ้า อ.ผึ้งได้พานิ้งไปที่ คจ.ลีฟวิ่งสตรีมส์ เพื่อกลับไปหาพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง นิ้งกลับใจใหม่ สารภาพบาปที่เราหายไป นิ้งได้รับความรอดอีกครั้ง นิ้งอ่าน พระคำทุกวัน อธิษฐานทุกวัน เชื่อฟังพระองค์ นิ้งได้พลังบวกกลับมาเยอะมาก ตอนที่นิ้งเป็นนางงามความเป็นตัวตนของนิ้งหายไป พอตอนอำลาตำแหน่งนางงามความเป็นตัวของตัวเองก็กลับมา เพราะนิ้งได้บังเกิดใหม่แล้ว นิ้งยังได้ใช้พระวจนะของพระเจ้าใน 1 โครินธ์ 13:13 ความเชื่อ ความหวัง และความรัก ในวันที่กล่าวอำลาตำแหน่งด้วย

แต่งงานกับเจได

ทางบ้านนิ้งชอบเอานิ้งไปดูดวงและบอกว่านิ้งเป็นคนอาภัพรักไม่มีคู่ครอง มันทิ่มแทงใจนิ้งมากเลย แต่พระเจ้าบอกว่าเราจะมีคู่ครอง แต่อยู่ไกลมาก นิ้งก็ไม่รู้ว่าไกลแค่ไหน แล้วเขาก็เข้ามาในชีวิตนิ้ง นิ้งเจอกับพี่เจไดที่โบสถ์ลีฟวิ่งสตรีมส์ พี่เจไดเล่นกีตาร์อยู่ นิ้งนึกว่าเด็กอายุยี่สิบ พอเห็นเขาก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูมีเสน่ห์มาก นิ้งปิดเรื่องความรักมานานแล้ว เรื่องความรักเป็นพันธ-สัญญา นิ้งบอกกับพระเจ้าว่าไม่เอาแล้ว เราเคยผิดหวัง นอนร้องไห้ จะมีกำแพงเรื่องความรักมาตลอด แต่ปรากฏว่า ตอนที่เจอพี่เจไดพระเจ้าก็บอกให้เรายิ้มให้เขา พอยิ้มให้แล้ว โลกทั้งใบเปลี่ยนไปเลย พี่เจไดก็ไม่กล้าคิดเพราะเราเป็นนางงาม แต่พอนิ้งไปถ่ายแบบและพี่เจไดไปเป็นสปอนเซอร์แว่นตา ทำให้เราได้คุยกัน พี่เจไดอธิษฐานเผื่อนิ้งมาตลอด ในเรื่องคู่ครองนิ้งมีลิทที่ยาวมาก ต้องเป็นคนรักพระเจ้า รักครอบครัว ต้องสูง 180 ซม. เป็นวิศวกร มีความเก่ง ซึ่งเพื่อนนิ้งบอกว่าคนแบบนี้หาไม่ได้หรอก แต่พระเจ้าให้ยิ่งกว่าคิดมาเป็นแพ๊คเกจเลย

อ.ผึ้ง บอกนิ้งว่าให้ถามพระเจ้าเพื่อคอนเฟิมว่าเขาเป็นคู่พระพรกับเรา นิ้งก็เริ่มหานิมิตจากพระเจ้า อันที่ 1 ตอนช่วงประกวด วันหนึ่งพี่เจไดหายไป 1 วัน ตอนหลังมารู้ว่าทุกคนไม่อยากให้มีความรักในช่วงประกวด ตอนนั้นทำให้นิ้งร้องไห้เสียใจ นอนไม่หลับ บอกกับพระเจ้าว่าถ้าเขาไม่ใช่คนที่ใช่ก็ให้เขาหายไปจากชีวิตนิ้งเลย ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ส่งข้อความมา ขอให้ลูกลืมเขาไปเลย ปรากฏว่าวันต่อมาเขาส่งข้อความมาว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพี่พร้อมจะซัพพอร์ตเสมอ” อันที่ 2 นิ้งไปงานแต่งงานเพื่อน บอกกับพระเจ้าว่าถ้านิ้งได้ดอกไม้ที่เจ้าสาวโยนให้ก็ใช่แล้วล่ะ ปรากฏว่าดอกไม้แบ่งออกมาเป็นสองส่วน นิ้งได้ และอีกคนหนึ่งได้ อันที่ 3 อธิษฐานขอนิมิต เห็นนิมิตที่ระเบียงบ้านที่พาโน่ ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นบ้านของแม่พี่เจได เห็นมีพี่เจไดและลูก ทั้ง 3 นิมิตนี้ทำให้รู้สึกว่าพอแล้ว เขาคือคู่พระพรสำหรับเราแน่นอน วันที่เขาขอแต่งงานนิ้งไม่ปฏิเสธเลย พี่เจไดมีความรักที่ยิ่งใหญ่มากจิตใจเขาใหญ่มาก เขารักคนอื่นมากๆ นิ้งวางใจในตัวเขามาก เขาผ่านอะไรมาเยอะแต่เขาก็มีความเชื่อและมีความวางใจในพระเจ้ามาตลอด ทำให้นิ้งรู้ว่าเขาจะเป็นพ่อที่ดีเป็นสามีที่ดี เพราะเขารักพระเจ้ามาก และเขาได้รับความรักจากพระเจ้า

(เจได) “ผมรักในความเป็นนักสู้ของนิ้ง ผมมั่นใจว่าคนที่มีทัศนคติในการเป็นคนไม่ยอมแพ้ เป็นจุดเริ่มต้นของการที่จะให้ทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ครอบครัว จะอะไรก็ตามก็จะผ่านไปได้ ในยุคนี้จะหาผู้หญิงที่สู้แล้วสู้จริง ไม่หยุด ไม่ยอมแพ้ หาได้ยาก เราอยู่ในโลกฝึกเราให้คุ้นเคยกับการได้อะไรมาง่ายๆ ในยุคนี้ที่มีเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม สื่อต่างๆ เหล่านี้สอนสมองเราว่าถ้ามีการกดไลน์ยิ่งเยอะ คุณถูกสังคมบอกว่าได้รับการยอมรับแล้ว สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือการพัฒนาตัวเองเพื่อสังคมในด้านอื่นๆ เราต้องใส่ใจในพัฒนาตัวเราเอง นิ้งเป็นแบบอย่างให้เห็น เขาไม่หยุดที่เสาะหาวิธีที่จะเพิ่มพูนศักยภาพของตัวเองในทุกๆ ด้าน เมื่อขาดสิ่งใดก็จะทำในทุกทางให้เพิ่มพูนขึ้นมาให้ได้ เรารักการอ่านด้วยกันทั้งคู่ และพระคำของพระเจ้าที่เรามีพื้นฐานเหมือนกัน พระคำของพระเจ้าคือความจริงที่เราพึ่งพาได้ เวลามีปัญหา พระเจ้าน่ารักมาก พระองค์จะพูดกับเราผ่านทางพระวจนะของพระองค์”

เป้าหมายสูงสุดในชีวิต

การเป็นคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คน ได้มารู้จักพระเยซู ให้พวกเขาได้รับความรอด พระเจ้าให้เราผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มา เพื่อเราจะมีคำพยานไปบอกคนอื่น พี่เจไดเขามีพรสวรรค์ในการพูดและการเล่นดนตรี เรามีเป้าหมายที่จะทำเพื่อคน อื่น อย่างนิ้งพระเจ้าให้เรามากขนาดนี้ มีงาน มีสามีที่ดี เราต้องใช้เหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นคำพยานเพื่อช่วยคนอื่นๆ ให้ได้ความรับความรอดด้วย ที่ผ่านมามีน้องคนหนึ่งเขาได้รู้เรื่องราวชีวิตของนิ้ง เขาบอกนิ้งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเข้าร่วมประกวดนางงาม และมีน้องอีกคนหนึ่งเขาบอกว่านิ้งเป็นแรงบันดาลใจให้เขามาเชื่อพระเจ้าเพราะเขาเห็นชีวิตที่เปลี่ยนแปลงของนิ้ง เลยอยากรู้จักพระเจ้า อยากเชื่อพระเจ้า

ข้อพระคัมภีร์ข้อใดบ้างที่ชอบเป็นพิเศษ

ข้อพระคัมภีร์ที่ชอบ 1 โครินธ์ 13 : 4 “ความรักนั้นก็อดทนนานและมีใจปรานี ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด” พระเจ้าเป็นความรัก นิ้งไม่สามารถมีความรักได้ถ้านิ้งไม่ได้รับความรักจากพระเจ้าก่อน ความรักมาจากพระเจ้าจริงๆ การที่นิ้งจะยกโทษให้ใครได้ มีความอดทนได้ เพราะเราเป็นลูกของพระเจ้าอย่างแท้จริง

1 โครินธ์ 13:13 “และบัดนี้ ทั้งสามสิ่งนี้ยังดำรงอยู่ คือความเชื่อ ความหวัง และความรัก แต่ความรักนั้นใหญ่ที่สุดในสาม สิ่งนี้” เมื่ออ่านข้อนี้แล้วเข้าไปในหัวใจ สามสิ่งที่เราต้องมีคือ ความเชื่อ ความหวัง และความรัก นิ้งได้ทำในสิ่งที่ตัวเองนั้นเคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ประสบการณ์ทำให้ได้เรียนรู้ว่า 3 สิ่งที่สำคัญที่ขับเคลื่อนให้ความฝันเป็นจริงได้นั้น คือ ความหวัง ความเชื่อ และ ความรัก นิ้งได้รับประสบการณ์มากมาย ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย สัมผัสถึงความสุขที่เหนือกว่าการทำเพื่อตัวเองคือความสุขที่ได้ทำเพื่อ ผู้อื่น ท้ายที่สุด ถ้าชีวิตคุณบางครั้งรู้สึกหาอะไรไม่เจอ มีปัญหาหนักมาก ให้รู้ว่าพระเจ้ามีแผนการที่ดีสำหรับชีวิตของแต่ละคน ให้รู้ว่าพระเจ้ากำลังทำงานอยู่ข้างบน เราต้องวางใจ เชื่อฟัง และต้องสื่อสารกับพระองค์เสมอ นิ้งจะเข้าเฝ้าพระเจ้าทั้งเช้าและเย็น ขอให้อธิษฐาน ศึกษาพระคัมภีร์ และสามสิ่งที่อยากฝากไว้ใน 1 คร.13:13 คือ ความเชื่อ ความหวัง และความรัก คือคีย์ของนิ้งในการใช้ชีวิต พ่อแม่นิ้งบอกว่าเราทำไม่ได้ แต่พระเจ้าบอกว่าเราจะอยู่กับเจ้าเรา เราจะเปลี่ยนให้เป็นสิ่งที่ดี นี่คือความเชื่อ ความหวัง…คือหวังที่ว่าความฝันจะทำให้เรามีวันนี้ ความรัก…ที่เราได้เพื่อจะประสบผลสำเร็จต่างๆ มากมาย เพราะความรักสำคัญที่สุด

  • คุณโศภิดา กาญจนรินทร์
  • ภาพ www.workpointtoday.com