อย่าอยู่ อย่าง อยาก
เป็นเรื่องจริงที่ว่าร่างกายของมนุษย์จะส่งสัญญาณเตือนเมื่อร่างกายขาดบางสิ่งบางอย่าง เป็นต้นว่า เรารู้สึกกระหายน้ำมากเวลาที่เราเล่นกีฬาและสูญเสียน้ำในร่างกายหรือรู้สึกเหนียวตัวอยากอาบน้ำหลังจากทำงานมาทั้งวัน แต่สัญญานนั้นบางครั้งก็มากเกินพอดี ผมเรียกมันว่า “ความอยาก” ถ้าเราไม่เรียนรู้ในการ “อย่าอยู่อย่างอยาก”เราจะมีชีวิตที่ “อยู่ยากอย่างยิ่ง” ผมจึงหวังว่าเรื่องนี้จะสามารถสะกิดใจให้ทุกท่านทบทวนตัวเองว่า ทุกวันนี้เราอยู่อย่างอยากมากน้อยเพียงใด
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “ความอยาก” ที่เราจะพูดถึงกันต่อไปนี้คือ “ความต้องการที่มากเกินความจำเป็น หรือเกินความพอดีของชีวิต” ความอยากสามารถสร้างปัญหาให้กับชีวิตเราได้แทบทุกด้าน และกับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ตัวผมเอง ผมมีปัญหาอยากกินอยู่เรื่อย แม้บางครั้งทานอิ่มแล้วแต่พอเห็นเค้กช็อกโกแลต หรือไอศกรีมนม กลิ่นหวานหอมของมันทำให้ผมเป็นต้องอดไม่ได้ทุกที ผลก็คือทุกวันนี้ผมอ้วนขึ้นมาก จนคนใกล้ตัวบอกว่าผมไม่มีเส้นขอบหน้า(เพราะอ้วนจนคอกับหน้ารวมเป็นเนื้อเดียวกัน) วัยรุ่นหลายคนเก็บเงินซื้อกีตาร์ไม่ได้ซักทีก็เพราะอดไม่ได้กับการไปดูหนังกับเพื่อนๆแทบทุกวัน ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือพวกอยากรวยแบบผิดๆ แน่นอนครับว่าการมีฐานะดีกว่าคนอื่นไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่คนที่อยากรวยแบบผิดๆไม่ได้ก่อร่างสร้างตัวตามอย่างที่คนประสบความสำเร็จทำกัน แต่คนพวกนี้มักเสี่ยงกับการพนัน แทงบอล เล่นหวย ผมเคยเห็นมานักต่อนักแล้วว่าจุดจบของนักพนันนั้นไม่เป็นอย่างที่พวกเขาคิดฝันในตอนแรก แต่เต็มไปด้วยน้ำตาและคำแช่งด่าจากคนรอบข้าง
ถามว่าทำไมเราจึงต้องฝึกควบคุมความอยากของตนเองด้วย นั่นก็เพราะว่าความอยากจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆตามการตามใจของคนๆนั้น ถ้าเราไม่เรียนรู้ที่จะควบคุมมันในวันนี้ เราจะเป็นเหมือนคนลงแดงจากการติดยาเสพติด และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ง่ายๆ อีกต่อไป ในความเชื่อของคริสเตียนบอกไว้ในพระธรรมกาลาเทีย 5 ข้อ 24 ว่า “ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้เอาเนื้อหนังกับความอยาก และตัณหาของเนื้อหนังตรึงไว้ที่กางเขนแล้ว” หมายความว่าเราต้องเอาชนะความอยากของตนเองให้ได้ แต่การทำเช่นนี้เป็นวินัยในชีวิตที่เราต้องทำอยู่เสมอ เหมือนคนที่ต้องการเอาชนะความโลภก็ต้องฝึกให้ตัวเองซื่อสัตย์ในเงินจำนวนเล็กน้อยเสียก่อน จึงจะสามารถอดใจต่อทรัพย์สินจำนวนมากได้ อย่าไปเชื่อว่าคนรวยจะไม่โกง คนรวยหรือจนก็โกงได้ทั้งนั้นถ้าเขาไม่ฝึกตัวเองให้เอาชนะความอยากได้อยากมี เหมือนกับคนที่มีภรรยาสวยมากแต่ยังสามารถนอกใจภรรยาได้ ก็เพราะเขาไม่ฝึกควบคุมตัวเองให้ดีนั่นเอง
มาถึงตรงนี้คงจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจหลายๆ คนว่าแล้วเราจะสามารถฝึกฝนควบคุมความอยากของเราได้อย่างไร ถ้าเป็นคำตอบที่มาจากตัวผมเองก็คงไม่น่าเชื่อถือ เพราะผมเองก็ยังคงเป็นนักเรียนที่ยังต้องฝึกฝนตัวเองอยู่ทุกวัน แต่คำตอบที่เราจะมาร่วมกันค้นหามาจากพระคำของพระเจ้าเกี่ยวกับการฝึกฝนตนเองมีใจความว่า “จงทนการยากลำบากด้วยกันกับทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์ ไม่มีทหารคนใดที่เข้าประจำการแล้วจะยุ่งอยู่กับงานฝ่ายพลเรือน ด้วยว่าเขามุ่งที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ นักกีฬาจะมิได้สวมพวงมาลัยถ้าเขาไม่แข่งขันตามกติกา กสิกรผู้ตรากตรำทำงานก็ควรเป็นคนแรกที่ได้รับผล จงใคร่ครวญถึง สิ่งที่ข้าพเจ้าได้พูดเถิด ด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงประทานความเข้าใจให้แก่ท่านในทุกสิ่ง” พระธรรม 2 ทิโมธี 2 ข้อ 3-7 พระธรรมตอนนี้ได้ให้หลักการฝึกฝนตนเองโดยเปรียบเทียบกับอาชีพต่างๆ ดังนี้
ประการแรก “ทหารชนะความอยากด้วยการอดทน” ถ้าผู้อ่านเคยเรียนรักษาดินแดนแบบที่ผมเคยผ่านมาก็คงพอนึกภาพออกว่า คนเป็นทหารต้องอดทนหลายเรื่อง เช่น ต้องอดทนวิ่งทั้งเช้าและเย็นเพื่อร่างกายที่แข็งแรง และเอาชนะความอยากนอนตื่นสายของตัวเองให้ได้ นอกจากนี้ทหารยังต้องอดทนในการเก็บรักษาอาวุธประจำกาย ซึ่งโดยมากในประเทศไทยจะเป็นปืน“เฮคเลอร์แอนด์คอช เอชเค 33” หรือเรียกว่า ปลย.11 หนักประมาณ 3.5 กิโลกรัม ฟังดูเหมือนเบานะครับแต่ถ้าต้องแบกนานๆ ก็เล่นเอาเมื่อยเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ฝึกแบกอาวุธไว้ทหารก็จะไม่ชินในเวลาศึกสงคราม
ประการที่สอง “ทหารชนะความอยากด้วยการจดจ่อในภารกิจ” ความอยากเติบโตได้ดีถ้าเราวอกแวกง่าย เรียกว่าแกว่งตาไปหาตัณหา พระเยซูยังทรงเตือนไม่ให้เรามองหญิงด้วยใจกำหนัด ถ้าเราไม่อยากเป็นคนเจ้าชู้ก็ไม่ควรใช้เวลามองผู้หญิงอื่นมากไปกว่าการสนใจภรรยาของตนเอง เพราะถ้ามองก็จะเกิดการเปรียบเทียบและเหมือนสุภาษิตฝรั่งที่ว่า “สนามหญ้าข้างบ้านมักเขียวกว่าบ้านเราเสมอ”
ประการต่อมา “นักกีฬาชนะความอยากด้วยการเคารพกติกา” ไม่แปลกอะไรที่เราอยากเป็นที่หนึ่ง แต่ถ้าเราไม่ควบคุมความอยากเอาชนะ เราก็จะละเมิดต่อกติกาหรือศีลธรรมที่ดี คนบางคนคิดแต่ว่าไม่มีใครจำที่สองได้หรอก จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เป็นที่หนึ่งโดยไม่สนกติกา การกระทำเช่นนั้นจะบ่มเพาะนิสัยขี้โกงให้หนักข้อยิ่งขึ้นทุกวัน และเมื่อวันที่ความจริงเปิดเผยเหรียญรางวัลที่เขาได้ก็จะถูกริบไป เหลือเพียงความเสียใจและคำเย้ยหยันจากคนรอบข้าง
ประการสุดท้าย “กสิกรชนะความอยากเพราะเขาเกี่ยวเก็บสิ่งที่เขาลงแรง” ชัยชนะเป็นเรื่องน่ายินดี โดยเฉพาะเมื่อชัยชนะนั้นเกิดขึ้นจากความมานะบากบั่นของตนเอง ผมเคยได้ยินคำพูดจากผู้เฒ่าผู้แก่ว่า “ข้าวที่เราปลูกเองอร่อยที่สุด” ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากความอร่อยจากข้าวแล้วเรายังได้รับรู้รสอร่อยจากความภูมิใจของตนเองด้วย ถ้าท่านได้รับความสำเร็จจากการเอาชนะต่อความอยากของท่านได้สักเรื่อง เชื่อเถอะครับว่าท่านจะรู้สึกยินดี และนี่จะเป็นเชื้อไฟให้ท่านสามารถทำในสิ่งที่ยากขึ้นไปได้อีก
สุดท้ายผมอยากฝากให้เราพิจารณาในพระธรรมตอนนี้ข้อสุดท้ายว่า เราต้องใคร่ครวญคือประเมินตนเอง เอาจริงเอาจัง และทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อเราจะไม่ต้องเป็นคนที่ “อยู่อย่างอยาก”อีกต่อไป ขอพระเจ้าอวยพรครับ
- อ.วิทยา วุฒิไกรเกรียง
- ภาพ Drobotdean – Freepik.com