หญิงสาวคนหนึ่งได้เชิญศิษยาภิบาลของคริสตจักรให้มาอธิษฐานเผื่อคุณพ่อของเธอ เมื่อศิษยาภิบาลมาถึงบ้านก็ได้พบชายสูงอายุนอนอยู่บนเตียงและต้องใช้หมอนหนุน ศีรษะถึง 2 ใบ และสังเกตเห็นว่ามีเก้าอี้ว่างตัวหนึ่งตั้งอยู่ที่ข้างเตียง
ศิษยาภิบาลก็คิดว่า ชายผู้นี้คงทราบล่วงหน้าแล้วว่าตนจะมาเยี่ยม จึงกล่าวทักขึ้นว่า “คุณคงคอยผมอยู่ใช่ไหมครับ?” ชายคนนั้นกลับตอบว่า “เปล่า! คุณเป็นใครน่ะ?” ศิษยาภิบาลจึงแนะนำตนเอง และกล่าวต่อไปว่า “ผมเห็นเก้าอี้ตัวนี้ตั้งอยู่ ผมจึงคิดว่าคุณคงเตรียมไว้ต้อนรับผม” ชายสูงอายุจึงอุทานว่า “โอ ใช่ เก้าอี้ตัวนี้……” และได้ขอให้ศิษยาภิบาลช่วยไปปิดประตูห้องให้ ศิษยาภิบาลรู้สึกงงต่อคำขอร้องนี้แต่ก็ได้ทำตาม แล้วชายสูงอายุก็พูดต่อว่า “ฉันไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครมาก่อน แม้แต่กับลูกสาวของฉันเอง คือตลอดชีวิต ฉันไม่เคยรู้ว่าคนเขาอธิษฐานกันอย่างไร แต่ก็ได้ยินศิษยาภิบาลที่โบสถ์พูดถึงเรื่องการอธิษฐานอยู่เสมอ ซึ่งสำหรับฉันแล้ว ฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเสมอ ฉันจึงไม่เคยมีความพยายามในการอธิษฐาน จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อสี่ปีที่แล้ว เพื่อนรักของฉันพูดกับฉันว่า ‘จอห์นนี่ การอธิษฐานเป็นเรื่องธรรมดามาก มันก็คือการได้คุยกับพระเยซูเท่านั้นเอง ฉันจะบอกให้ว่า นายจะต้องทำอย่างไร นายเพียงแต่นั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง แล้วเอาเก้าอี้อีกตัวหนึ่งมาวางไว้ตรงหน้า และด้วยความเชื่อ จงคิดว่าพระเยซูนั่งอยู่บนเก้าอี้ว่างตัวนั้น ที่ฉันพูดนี่นะ ไม่ใช่เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ แต่เป็นไปตามคำสัญญาของพระองค์ที่ว่าพระองค์ จะอยู่กับนายตลอดเวลา ดังนั้นนายเพียงแต่พูดกับพระเยซูเหมือนกับพูดกับฉันในเวลานี้’” – “ฉันจึงลองทำตามที่เพื่อนบอกและรู้สึกชอบมาก ตั้งแต่นั้นมา ฉันทำเช่นนี้วันละ 2 ชั่วโมง แต่ฉันก็ต้องระวังที่จะไม่ให้ใครเห็น ถ้าลูกสาวมาเห็นว่าฉันกำลังพูดอยู่กับเก้าอี้ เธอคงประสาทกินหรือไม่ก็คงส่งฉันไปอยู่โรงพยาบาลบ้าแน่เลย” ศิษยาภิบาลรู้สึกประทับใจมากที่ได้ยินเรื่องของชายสูงอายุผู้นี้ จึงได้หนุนใจให้เขากระทำอย่างที่เล่าให้ฟังต่อไป แล้วก็ได้อธิษฐานให้ พร้อมกับเจิมน้ำมันหอม แล้วลากลับไป สองคืนต่อมาลูกสาวของชายสูงอายุได้โทรศัพท์มาหาศิษยาภิบาลและเล่าให้ฟังว่า “คุณพ่อได้เสียชีวิตในตอนบ่ายหลังจากอาจารย์กลับไปแล้ว” ศิษยาภิบาลจึงถามว่า “ท่านจากไปอย่างสงบหรือเปล่าครับ?” ลูกสาวตอบว่า “ค่ะ” และอธิบายต่อว่า “ก่อนที่ดิฉันจะออกจากบ้านประมาณบ่ายสองโมง ท่านได้เรียกดิฉันเข้าไปใกล้ๆ แล้วบอกดิฉันว่า ท่านรักดิฉันมากพร้อมทั้งหอมแก้มดิฉัน และเมื่อดิฉันกลับมาจากซื้อของประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ดิฉันก็ได้พบว่าท่านได้ตายจากดิฉันไปแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่แปลกมากคือ ก่อนท่านจะตาย ท่านได้เอนตัวจากเตียงมาที่เก้าอี้ข้างเตียง และวางศีรษะของท่านบนเก้าอี้นั้น ดิฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมท่านต้องทำเช่นนั้น” เมื่อศิษยาภิบาลได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาและพูดขึ้นว่า “ผมหวังว่าเราทุกคนจะได้จากไปในลักษณะนั้นเช่นกัน”
ศาสนาจารย์ ดร.เสรี หล่อกัณภัย