เด็กที่ชื่อ เขาจับส้นเท้า 2/08

เด็กที่ชื่อ เขาจับส้นเท้า

ในชีวิตของผม ผมเคยโดนด่าว่าหลายอย่าง เพราะผมเป็นเด็กขี้เล่น การด่าว่าของแต่ละคนก็ต่างกันไป แต่การที่ด่าแล้วทำให้เจ็บใจจริง ๆ คือ การด่าว่าที่ตัวตน ไม่ใช่การกระทำหรือความคิด การล้อเลียนชื่อเล่นก็อาจดูสนุกในหมู่เพื่อนฝูง แต่ในความเป็นจริงมันก็รู้สึกเจ็บไม่น้อย ทำไมการล้อเลียนชื่อจึงรู้สึกเจ็บและโดนรู้มั้ยครับ เพราะชื่อเราคือตัวเราและสิ่งที่เราเป็น

ตอนเด็ก ๆ ครูเรียกผมว่า วา-เละ (จริง ๆ คือ วาระ) ผมทั้งอาย ทั้งเจ็บใจ เพราะว่าชื่อที่ล้อเลียนนั้นบ่งบอกว่าผมเป็นใคร
ยาโคบตอนเด็ก ๆ ก็คงถูกด่าว่า หรือกระแนะกระแหนบ่อย ๆ เพราะตอนยาโคบคลอด เขาเอามือจับที่ส้นเท้าของพี่ชายฝาแฝดตามออกมา ในชีวิตของยาโคบก็อาจถูกพี่ล้อเลียน รวมถึงพ่อ แม่ ก็คงมีการแซวกันบ้าง แต่ที่สำคัญให้ท่านผู้อ่านลองคิดดูว่า ถ้ายาโคบไปโรงเรียนโดยมีชื่อว่า “เด็กส้นเท้า”  ชีวิตของยาโคบจะรู้สึกแย่มากขนาดไหน
ชีวิตของยาโคบมีแต่การไขว่คว้า ด้วยว่ามือของยาโคบนั้นแข็งแรงและอยู่ไม่สุขเที่ยวคว้าโน่นคว้านี่ เรามาดูกันว่าในชีวิตของยาโคบ เขาคว้าอะไรบ้าง?

ยาโคบ คว้าส้นเท้าของพี่ 
พี่ชายคลอดก่อนแต่ยาโคบคงอยากออกก่อนเลยจับเท้าพี่ตามออกมาเลย ผมเคยอยู่ในห้องคลอดกับภรรยา เมื่อตอน CJ ลูกสาวผมคลอด ผมรับรองได้เลยว่า เด็กที่สามารถใช้กล้ามเนื้อได้ในทันทีเมื่อคลอดนั้นคงหาได้ยากมาก ผมว่าน่าจะต้องอายุราวสัก 6 เดือน นั่นแหละถึงจะสามารถทำได้อย่างที่ยาโคบทำตอนคลอดออกมา แต่ชีวิตของยาโคบเมื่ออยากได้อะไรก็จะทำอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ได้มา มาดูกันต่อว่าเขาคว้าอะไรอีกต่อไป…

คว้าสิทธิบุตรหัวปีของพี่ชาย
ชื่อของยาโคบ แปลได้ 2 ความหมายคือ “เขาจับส้นเท้า” หรือ “เขาหลอก” ชื่อของยาโคบในความหมายที่สองจึงตรงกับชีวิตของเขาอีกคือ เขาหลอกเอาสิทธิบุตรหัวปีจากเอซาวผู้เป็นพี่ชาย ไม่ใช่หลอกแบบมีกลอุบายใด ๆ แต่หลอกดื้อ ๆ ตรง ๆ ชนิดขอกันแบบซื่อ ๆ ไม่อายกันเลย พี่ชายก็ให้สิทธิไปอย่างง่ายดายเช่นกัน นอกจากนี้ยาโคบยังหลอกพ่อผู้ชราตาพร่ามัวเพื่อเอาพรไปอีกด้วย มือที่คว้าส้นเท้าพี่ก็คือมือเดียวกันกับที่ต้มถั่วหลอกเอาสิทธิบุตรหัวปีจากพี่ และคือมือที่เอาเนื้อมาทำอาหารเพื่อขอพรจากบิดา

หลอกพ่อตาเอาแพะแกะ
ยาโคบยังหลอกพ่อตาที่ชื่อลาบันผู้เคยร่ำรวยจนแทบหมดตัว โดยใช้อุบายเอาแพะแกะตัวที่มีลายไปและทิ้งตัวที่ไม่มีลาย (ซึ่งมีไม่กี่ตัว) ให้พ่อตา มิหนำซ้ำยังพาลูกสาวหนีข้ามน้ำข้ามเขาไปอีกทั้ง 2 คน

จากเรื่องราวชีวิตของยาโคบและความเป็นไปในชีวิตของเขานั้น เราจะเห็นได้ว่าล้วนเกี่ยวข้องและตั้งอยู่บนรากฐานของชื่อและความหมายของชื่อ…ชีวิตของคุณและผมอยู่บนรากฐานของอะไรครับ?…บางคนอาจอยู่บนชื่อ บางคนอยู่บนยี่ห้อ บางคนอยู่ที่ตัวเลขในบัญชี ฯลฯ ชีวิตของเรา ความเป็นไปในชีวิตของเรา จะอยู่ที่ไหนบนรากฐานของอะไรก็ตาม ก็คงไม่มั่นคงเท่ากับการมีชีวิตอยู่บนทางพระเจ้า ยาโคบเองก็เรียนรู้ความจริงข้อนี้ผ่านเหตุการณ์ในปฐมกาล 32:22-32 ในขณะที่ยาโคบกำลังเตรียมตัวกลับไปพบพี่ชายที่ถูกเขาโกงสิทธิไปนั้น ยาโคบได้ส่งอาหาร สัตว์ คนใช้ และครอบครัวล่วงหน้าไปหาพี่ชายก่อน และในช่วงที่เขาอยู่คนเดียวนั้น ก็มีชายคนหนึ่งมาปล้ำสู้กับยาโคบผู้ที่ต้องบอกว่ามีแรงมาตั้งแต่เด็ก บวกกับการทำงานหนักมากว่า 20 ปี ซึ่งก็คงทำให้เขาแข็งแรงมากจึงจับชายคนนั้นเสียอยู่หมัด เมื่อชายผู้นั้นเห็นว่าจะเอาชนะยาโคบไม่ได้ ก็จึงแตะไปที่สะโพกของยาโคบทำให้สะโพกเคล็ดและบอกให้ยาโคบปล่อยเขา แต่ยาโคบก็ไม่ยอมปล่อยชายคนนั้นไปจนกว่าเขาจะให้พรกับยาโคบ ผมคิดว่ายาโคบคงจะเป็นคนที่ชอบพระพรหรือการอวยพร อย่างไรก็ตามผมเห็นว่ามีสิ่งหนึ่งที่น่าจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเราก็คือ ความเชื่อของยาโคบ เขาเชื่อว่าพระพรของพระเจ้ามีจริง และส่งผลมาถึงชีวิตได้จริง ๆ ชายคนนั้นได้อวยพรและเปลี่ยนชื่อยาโคบ ที่แปลว่า “เด็กจับส้นเท้า”  มาเป็น อิสราเอล ซึ่งแปลว่า “เขาผู้ปล้ำสู้กับพระเจ้า” แล้วในวินาทีนั้นเองชีวิตของยาโคบก็เปลี่ยนไป สิ่งที่เราสามารถเรียนรู้จากชีวิตของยาโคบได้เป็นอย่างดีก็คือ สิ่งที่เป็นจุดอ่อนและปมด้อยของเรา ถ้าเรานำมาให้พระเจ้า พระองค์สามารถใช้ให้เกิดพรได้ มือที่เคยทำสิ่งแย่ ๆ ก็คือมือเดียวกับที่ปล้ำชนะพระเจ้าและได้รับพระพร คริสเตียนที่รู้ตัวว่ามีนิสัยบางอย่างในตัวที่เปลี่ยนไม่ได้และเป็นมาทั้งชีวิต ท่านอย่ายอมแพ้นะครับ เพราะเมื่อใดที่คุณคว้าพระเจ้าไว้แล้วบอกพระองค์ว่า ฉันจะไม่ยอมปล่อยพระองค์จนกว่าพระองค์จะเปลี่ยนแปลงฉัน เมื่อนั้นคุณจะได้เห็นการอัศจรรย์
พระเยซูเห็นปมด้อยของเราและอยากเปลี่ยนเราจากตัวจริงและธาตุแท้ของเราที่เป็นอยู่ เมื่อพระเจ้ามาหายาโคบพระเจ้าเปลี่ยนยาโคบที่ต้นเหตุของปัญหาในชีวิตของเขา พระองค์ได้เปลี่ยนชื่อเขา เมื่อพระเยซูมาถึงซีโมน ที่แปลว่า ไม้อ้อ ไม้อ้อนั้นก็เอนไปเอนมาตามชาวบ้าน พระองค์จึงเปลี่ยนจากซีโมนเป็น เปโตร ซึ่งแปลว่า ศิลา อันหนักแน่น มั่นคง และเราก็เห็นได้จริง ๆ ว่า เปโตร เปลี่ยนไปใน 2 โครินธ์ 5:17 “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่า ๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”

เมื่อพระเจ้าเปลี่ยนแปลงเรา พระองค์จะเปลี่ยนที่จุดบกพร่อง จุดอ่อน และต้นเหตุของปัญหา พระองค์จะไม่เปลี่ยนแค่บางจุด แต่จะสร้างเราขึ้นมาใหม่ แต่ก่อนที่พระองค์จะสร้างเราใหม่ได้ เราต้องถูกทำลายตัวเก่าก่อน เราต้องแตกหักและสลายต่อพระองค์ เมื่อเรากองอยู่หน้าพระองค์ให้เราคว้าพระองค์ไว้เหมือนที่เปโตรคว้าพระเยซูเมื่อจะจมน้ำ เหมือนยาโคบคว้าพระเจ้าไว้เมื่อสะโพกและร่างกายใช้การไม่ได้และบอกพระองค์ว่าจะไม่ปล่อยพระองค์เลยจนกว่าจะได้รับการอวยพร
ผมขอให้ชีวิตของยาโคบเป็นตัวอย่างที่ดีของเราแต่ละคน เพื่อให้เราได้รับพระพรที่แท้จริงของพระองค์ แล้วเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่อัศจรรย์เกิดขึ้นในชีวิตอย่างแท้จริง

  • อ.วาระ มีชูธน