เปลี่ยนแปลงเพราะเปลี่ยนใจ

เปลี่ยนแปลงเพราะเปลี่ยนใจ

ชื่อ เสรี คำเปลี่ยน (ลีโอ) อายุ 26 ปี สถานภาพ โสด ภูมิลำเนา จ.เชียงใหม่ จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาสารสนเทศศึกษา จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ย้ายเข้ามาทำงานที่ กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2552 ด้านการออกแบบกราฟิกและสินค้า ปัจจุบันทำงานที่บริษัท ไอเท็ม เซฟตี้ โซลูชั่น จำกัด เป็นสัตบุรุษอาสนวิหารพระหฤทัยเชียงใหม่ โบสถ์ที่ไปเข้าร่วมนมัสการประจำคือโบสถ์เซนต์หลุยส์ สาธร

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สนใจเรื่องของพระเจ้า เคยได้ยินเรื่องของพระเยซูมาบ้างไหมก่อนตัดสินใจรับเชื่อ? 
เริ่มรู้จักพระเจ้าตั้งแต่เรียนอนุบาล ครั้งเป็นเด็กได้เรียนที่โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงเรียนคริสเตียน ในโรงเรียนคุณครูจะเล่าเรื่องจากพระคัมภีร์ สอนร้องเพลงนมัสการแบบเด็กๆ สอนการอธิษฐาน อยู่เป็นประจำ ตอนนั้นเราเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ ด้วยเติบโตในครอบครัวที่มีวิถีชีวิตแบบชาวไทยพุทธ บทบาทของพระเยซูจึงเป็นเหมือนคนดีคนหนึ่งที่เรามักจะคิดถึงเฉพาะวัน คริสต์มาสตามประสาเด็กๆ และสิ่งที่ทำให้เราสนใจเกี่ยวกับพระองค์คือ ความสงสัยว่าทำไมคนมากมายจึงเชื่อและศรัทธาต่อพระเยซู จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เริ่มศึกษาพระคัมภีร์ทางไปรษณีย์และหาอ่านบทความต่างๆ เมื่อศึกษาและปฏิบัติตามแล้ว พบได้ถึงความสุขและความอบอุ่นท่ามกลางความวุ่นวายจากสิ่งรอบตัว ตลอดจนคำพยานจากเพื่อนเรื่องอัศจรรย์ต่างๆ จนเราพร้อมก็รับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด??

หลังจากต้อนรับพระเยซูแล้ว มีอะไรในชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปบ้าง? 
เมื่อเราต้อนรับพระองค์ ชีวิตเปลี่ยนไปในทางดีขึ้น เพราะแต่ก่อน ผมเป็นคนที่ค่อนข้างถือตัวในระดับหนึ่ง ไม่ชอบให้ใครมาข่ม ถึงแม้จะไม่ใช่คนชอบทะเลาะเบาะแว้ง แต่มักจะเก็บเอามาคิดจุกจิกตลอดเวลา หากเราเถียงไม่ชนะ โดนข่มทับ หรือโดนแอบนินทา พอเราได้เรียนรู้จากพระเยซูจึงรู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันไร้สาระมากๆ หากเราได้ดูการปฏิบัติของพระเยซูต่อปัญหาต่างๆ ช่างล้ำลึกกว่าสิ่งที่มนุษย์ทำ และหลายๆ อย่างที่เราได้พบจากการศึกษาพระคัมภีร์ ทำให้จิตใจอ่อนโยนลงเยอะ รู้จักให้อภัย และการมองโลกเชิงบวก??

ครอบครัวเห็นด้วยไหม เพราะนี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลายคนเลิกเชื่อพระเจ้า? 
แรกๆ ที่บ้านไม่ค่อยสนับสนุน เขาก็จะมีแนวความคิดที่ว่าเป็นครอบครัวไทยพุทธมาแต่ไหนแต่ไรแล้วก็ต้องถือ ตามกัน ต้องทำบุญให้กับญาติที่เสียไปแล้วทุกวันพระใหญ่ แต่ไม่ได้ห้ามเราขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเปิดทาง เราก็ใช้ตัวเราเองนี่แหละพิชิตใจพ่อแม่ ทำให้รู้ว่าเราเอาจริงกับความเชื่อนะ เราขยันไปเรียนคำสอน ไปเข้าโบสถ์ ทำตัวน่ารัก ช่วยเหลือคนอื่น และแบ่งปันเรื่องพระเจ้ากับคนในบ้านบ้าง ซึ่งช่วงนึงเคยมีครอบครัวเกาหลีมาเคาะประตูขอคุยกับแม่เรื่องพระเยซูบ่อยๆ แต่แม่ก็ยังยึดมั่นในความเชื่อของแม่ คือรับฟังแต่ไม่ต่อต้าน??

ประสบการณ์ในที่ทำงาน พระเจ้าทรงช่วยเหลืออย่างไรบ้าง? 
ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่เคยทอดทิ้งโดยเฉพาะเรื่องงาน พระองค์ทรงดูแลเป็นอย่างดี ช่วงที่ไม่มีงานพระเจ้ามักจะประทานโอกาสให้ได้ทำงานอิสระเล็กๆ น้อยๆ เรียกได้ว่าไม่ค่อยลำบากเรื่องการเงินถึงมีบ้างแต่ก็ไม่นาน เพราะมักจะมีเรื่องให้ประหลาดใจเสมอ จนพระเจ้าทรงจัดสรรนายจ้างที่น่ารักและทุ่มเทดูแลเราเหมือนเป็นครอบครัว ทุกวันนี้ผมเองก็ยังทำงานให้กับเขา

ชีวิตที่ดำเนินกับพระเจ้าวันต่อวัน พระองค์สอนอะไรบ้าง? 
พระองค์มีโจทย์ให้ผมอยู่บ่อยๆ มีเหตุการณ์มาให้ผมได้เผชิญและแก้ปัญหา บางครั้งก็ไม่ใช่ปัญหาของเรา แต่ต้องเข้าไปช่วยแก้ช่วยไกล่เกลี่ยให้ในฐานะคนกลาง บางครั้งก็ต้องเป็นคนให้กำลังใจเพื่อน โดยเราเองก็ยึดเอาสิ่งที่เราได้รับจากพระวาจาของพระเจ้ามาประยุกต์กับ ประสบการณ์ต่างๆ ที่พบเจอ หลายครั้งเราเองก็ไม่เข้าใจ แต่พระองค์ก็ทรงเฉลยผ่านข้อพระคัมภีร์ จากคำเทศนาของคุณพ่อ จากสื่อคลิปวิดีโอ คริสเตียนหลายคนน่าจะเคยเช่นกัน

จากประสบการณ์ที่ผ่านมามีเป้าหมายสูงสุดในการดำเนินชีวิตกับพระเจ้าอย่างไร? 
ณ ตอนนี้ เป้าหมายสูงสุดในชีวิตไม่ใช่ความโด่งดังหรือความร่ำรวย เพราะเมื่อเราจากโลกก็เอาติดตัวไปไม่ได้ แต่เราตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังที่สุด ทำอย่างไรไม่ให้เป็นเหมือนอุทธาหรณ์ที่เคยพบ อยากจะมีชีวิตที่น่าภาคภูมิใจทำคุณความดีให้คนอื่นชื่นชม พูดได้เต็มปากว่าเรานี่แหละคือลูกพระเจ้า??
พระเจ้าทรงมอบโอกาสในการร่วมรับใช้ ด้วยวิธีต่างๆ อยู่หลายครั้ง พระองค์ทรงนำให้ผมได้รู้จักกับพี่น้องคริสตชนหลายต่อหลายคนอย่างไม่คาดคิด เพราะส่วนมากคนใกล้ตัวผมเป็นคริสตชนน้อยมาก คิดว่าพระองค์คงต้องการให้เราได้เติบโตขึ้นในความเชื่อแบบคริสตชน และได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบคริสตชนจริงๆ นอกเหนือจากการไปเข้าโบสถ์วันอาทิตย์??

ในฐานะคาทอลิก มีอะไรฝากถึงคริสตชนและคนทั่วไป 
ขอฝากไปยังพี่น้องคริสตชนทุกคณะนิกายเนื่องจากเราเป็นหนึ่งในพระกายเดียวกัน ความรักและความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นสิ่งสำคัญ เราต้องไม่ใช้บรรทัดฐานที่เราสร้างขึ้นมาเป็นกำแพงในการแบ่งแยกกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นคริสตชนด้วยกันเอง หรือพี่น้องศาสนิกอื่นๆ พระเยซูไม่เคยสอนให้เราตัดสินความเชื่อของใคร ดังนั้นให้เราอธิษฐานให้แก่กันและกัน เสียสละและให้อภัยกันให้มากที่สุด เพื่อให้สังคมมีความสงบสุข

  • คุณเสรี คำเปลี่ยน
  • ภาพ M.a.u – Freepik.com