เพื่อคุณโดยเฉพาะ 3/16

เพื่อคุณโดยเฉพาะ

ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่นิยมทําบัตร ATM เว้นแต่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ ทําให้ผมมีโอกาสต้องไปธนาคารอย่างน้อยเดือนละครั้ง ทุกครั้งที่ไปก็สังเกตเห็นว่าแทบไม่มีคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปี มาธนาคารแล้ว นี่เป็นยุคสมัยที่เราไม่จําเป็นต้องเดินทางไปพบปะใคร เราสามารถทําธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย อยากทานอาหารก็โทรสั่งได้ จะซื้อตั๋วหนังตั๋วรถ หรือแม้แต่เครื่องบิน ก็สั่งผ่านระบบออนไลน์ได้ หรือถ้าจําเป็นต้องเดินทางก็ไม่มีใครพูดคุยกัน ต่างคนก็ต่างก้มหน้าอยู่กับเครื่องฆ่าเวลาที่ชื่อสมาร์ทโฟน ไม่มีใครสนใจใครกันแล้ว เว้นแต่คุณจะโพสเรื่องน่าสนใจของตัวเองลงในเฟซบุ๊ค บางทีอาจจะมีคนเข้ามากด LIKE บ้างก็ได้

ผมต้องสารภาพตรงๆ ว่าตั้งแต่มีเฟซบุ๊ค ผมก็ไม่นั่งจําวันเกิดของใครอีก เพราะเฟซบุ๊คจะช่วย เตือนความจําให้แก่เราเอง เว้นเสียแต่ว่าเพื่อนของเราจะไม่มีเฟซบุ๊ค หรือเลือกไม่ตั้งค่าวันเกิดของตนเอง ทุกวันนี้ผมแทบจําเบอร์โทรศัพท์ของใครไม่ได้เลย ถ้ามือถือหาย ก็แค่ไปซื้อเครื่องใหม่ แล้วเรียกลิงก์ ซึ่งตั้งค่าผ่านไลน์ หรือ Gmail ไว้เพียงเท่านี้หมายเลขโทรศัพท์ที่บันทึกไว้ทั้งหมดก็จะกลับมา แต่หากจะย้อนกลับไปสักยี่สิบปีสมัยที่ผมยังเรียนในระดับอุดมศึกษา ผมจําเบอร์โทรและวันเกิดเพื่อนได้แทบทุกคน โดยไม่ต้องรอให้เฟซบุ๊คมาเตือนเลย ทุกวันนี้เราสนใจและใส่ใจกันและกันน้อยลงไปจริงหรือเปล่า นั่นเป็นคําาถามที่ผู้อ่านสามารถตอบกับตัวเองได้ หากเราสัตย์ซื่อกับตัวเองมากพอ

ผมมีเรื่องจริงเรื่องหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ ทําให้เราทราบถึงทัศนคติและวิธีคิดของพระเยซูคริสต์ที่ได้ทรงวางไว้เป็นแบบอย่างแก่เรา ในพระธรรมมาระโก 5:1-20 เป็นเรื่องเกี่ยวกับชายคน  หนึ่งในเมืองเกราซา ที่ไม่มีใครในเมืองสักคนอยากเข้าใกล้หรืออยากสนใจเขา ถ้าเราอ่านพระคัมภีร์ตอนที่ผมยกมาเราจะทราบเหตุผลว่าเพราะอะไรจึงไม่มีใครอยากยุ่งกับชายคนนี้ ประการแรกก็เพราะเขาถูกผีโสโครกเข้าสิง (5:2) และไม่ใช่ผีแค่ตัวเดียว แต่เป็นผีทั้งกองพลที่มีจํานวนราวสองพันตัว (5:9,13) และเพราะมีผีจํานวนมากเข้าสิงนี่เองทําให้เขาไม่ปกติ ถ้าเทียบไปแล้วก็คงคล้ายกับคนจรจัดบางรายที่มีอาการทางจิต แต่งตัวสกปรกชนิดที่ไม่เคยสัมผัสน้ำผมเผ้ายาวรุงรัง หน้าตาท่าทางเหมือนไม่รับรู้โลกความเป็นจริง แต่ชายที่ผีเข้าสิงคนนี้น่ากลัวกว่านั้นมาก เขาทั้งร้องอื้ออึงเสียงดังตลอดกลางวันและกลางคืน (5:5) ซึ่งเราพอเดาได้ว่าทุกคนในเมืองจะทั้งกลัวและรําคาญตัวเขามากขนาดไหน สาเหตุประการต่อมาก็คือ เขามีเรี่ยวแรงผิดมนุษย์จนไม่มีใครขังได้ พระคัมภีร์กล่าวว่ามีคนจํานวนมากพยายามเอาโซ่ตรวนมาล่ามเขา แต่เขาก็หักโซ่ตรวนได้ จนไม่มีใครล่ามเขาได้ (5:3-4) ผู้อ่านพอจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นแล้วใช่ไหมครับว่าสาเหตุที่ไม่มีใครอยากยุ่งกับเขาเลยคืออะไร

ในช่วงปลายบทที่ 4 ของพระธรรมมาระโก เราทราบว่าพระเยซูคริสต์นั้นกําลังตรัสสอนคําอุปมาอยู่ใกล้ฝั่งทะเลอีกด้านของทะเลกาลิลี แม้ว่ากว่าพระองค์จะสอนเสร็จจะเย็นมากแล้ว (4:35) แต่พระองค์ก็รับสั่งให้สาวกลงเรือข้ามทะเลกาลิลีไปอีกฝั่ง ซึ่งนั่นทําให้พระองค์และสาวกต้องพบกับพายุใหญ่จนเรือแทบล่ม และสุดท้ายพระองค์สงบพายุนั้นลงอย่างราบคาบ ทราบมั้ยครับว่าพระองค์ข้ามไปที่ไหน? ใช่แล้วครับ พระองค์มาที่เกราซา เพื่อมาหาชายคนนี้โดยเฉพาะ ระยะทางถ้าเราประมาณการจากแผนที่ก็จะพบว่าน่าจะกินระยะทางเดินเรือราว 15 กิโลเมตรขึ้นไป พระเยซูคริสต์ทรงมาที่นี่เดินทางผ่านพายุ ในขณะที่พระองค์เหนื่อยล้าจากการสอนมาตลอดทั้งวันจนบรรทมหลับในเรือ ใช้ เวลาหลายชั่วโมงเดินทางกว่า 15 กิโลเมตรด้วยเรือเพื่อมาหาชายคนนี้โดยเฉพาะจริงๆ และที่ผมแน่ใจอย่างนั้นก็เพราะว่า หลังจากที่พระองค์ขับผีจากชายคนนี้จนผีเข้าสิงฝูงสุกรราวสองพันตัว และโดดน้ำตายจากหน้าผา พวกชาวเมืองเกราซาก็แห่กันมาดูชายคนนี้ และแทนที่พวกเขาจะสรรเสริญพระเจ้าที่มีชัยเหนือผีจําานวนมาก จนชายที่ผิดปกติคนนี้กลายมาเป็นคนปกติได้ พวกเขากลับไล่พระองค์ออกจากเมืองไปทันที ดังที่บันทึกไว้ในมาระโก 5:16-17 ว่า “แล้วคนที่เห็น เหตุการณ์ก็เล่าให้พวกเขาฟังถึงเรื่องที่เกิดกับคนที่ถูก ผีสิงและที่เกิดกับฝูงสุกรคนทั้งหลายจึงพากันอ้อนวอนขอให้พระองค์เสด็จไปเสียจากเขตเมืองของพวกเขา” พระองค์ขึ้นฝั่งขายังไม่ทันหายเปียกจากน้ําาเลย พวกเขาก็ไล่พระองค์กลับไปอีกฝั่งแทบจะทันที

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ทรงทราบดีว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น แต่พระองค์ก็ทรงมาเพื่อชายคนนี้โดยเฉพาะ คนที่ไม่มีใครในสังคมสักคนสนใจ คนที่ถูกมองข้าม และถูกมองว่าไร้ประโยชน์ มีกี่ครั้งแล้วที่เรามองข้ามคนบางคนอย่างไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะทักทาย ทําราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุ หรือเป็นท่านเองที่ถูกมองข้ามและไม่ให้ความสนใจ ผมขอบอกความจริงกับท่านว่าพระเยซูคริสต์ทรงเสด็จลงมาบนโลกนี้เพื่อท่านเป็นการเฉพาะด้วยเช่นกัน แม้เราจะรู้สึกว่าพระองค์มาไถ่ชีวิตของคนทุกคนที่เชื่อและไว้วางใจ ซึ่งนั้นก็เป็นความจริงในด้านหนึ่ง แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าพระองค์เป็นผู้ทรงสร้างเรา และถักทอเราด้วยความรัก ดังที่พระธรรมสดุดี 139:13 บันทึกไว้ว่า “เพราะพระองค์ทรงสร้างชิ้นส่วนภายในข้าพระองค์พระองค์ทรงถักทอข้าพระองค์เข้า ด้วยกันในครรภ์มารดา” นั่นหมายความว่าพระองค์ทรงรู้จักเราเป็นการส่วนตัว เราเป็นสิ่งทรงสร้างที่พิเศษของพระองค์ และพระองค์ลงมาเพื่อช่วยเรา เพื่อเราโดยเฉพาะจริงๆ

แล้วมันคุ้มค่าหรือ? ที่พระองค์ทรงทําาเช่นนั้น ไม่ใช่แค่ 15 กิโลเมตรในการลงเรือเพื่อมาถึงเกราซาแต่ยังหมายถึงอีก 15 กิโลเมตรในการเดินทางกลับทันทีเมื่อชาวเมืองไม่ต้อนรับพระองค์ สาวกจํานวนมากและพระองค์รอนแรมมาเป็นระยะทางไกลเพื่อช่วยเหลือชายเพียงคนเดียว มันคุ้มแล้วหรือ? คําตอบก็คือ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เพราะในขณะที่พระองค์ถูกขับไล่อยู่นั้น ชายที่เคยถูกผีเข้าสิงร้องว่าจะขอติดตามพระองค์ไปด้วยทุกแห่ง แต่พระเยซูคริสต์ทรงยับยั้งไว้ และพระองค์ทรงมอบหมายภารกิจเฉพาะแก่ชายคนนี้ ในพระธรรมมาระโก 5:19-20 บันทึกไว้ว่า “แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญาตพระองค์ตรัสกับเขาว่า“จงไปหาพวกพ้องของท่านที่บ้านแล้วบอกพวกเขาถึงสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทําแก่ท่านว่ามากเพียงไรและเล่าถึงพระเมตตาที่พระองค์ทรงสําแดงแก่ท่าน” คนนั้นจึงทูลลาแล้วเริ่มประกาศในแคว้นทศบุรีถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงทําเพื่อเขาและคนทั้งหลายก็ประหลาด ใจ” เขาประกาศเรื่องราวที่ได้รับการช่วยเหลือจากองค์พระเยซูคริสต์ในแคว้นทศบุรี ซึ่งหมายถึงแคว้นที่มีเมืองสิบเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ําาจอร์แดน ข่าวประเสริฐและการกลับใจใหม่เริ่มต้นในแคว้นทศบุรีแล้ว นับตั้งแต่วันที่ชายคนนั้นรับเอาภารกิจจากพระเยซูคริสต์ จะมีคนจําานวนสักเท่าไรกันที่กลับใจใหม่ และสรรเสริญพระเจ้าผ่านชายคนนี้

พี่น้องที่รัก แม้ว่าในสายตาของเราอาจพิจารณาว่าการพัฒนาสําหรับบางคนเป็นไปได้ยากเหลือเกิน หรือเราคิดไม่ออกจริงๆว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างไร แต่เพราะทุกคนคือฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า ทุกคนจึงมีหวังอยู่เสมอ ท่านก็ได้ทราบเรื่องราวของชายที่เคยถูกผีสิงชาวเกราซาแล้ว เขาไม่ใช่แค่คนโอกาสน้อย หรือด้อยโอกาส แต่ดูแล้วเป็นไปไม่ได้เลยในสายตามนุษย์ที่เขาจะเปลี่ยนแปลงได้ เราจึงได้แต่สรรเสริญพระเจ้า เพราะในพระองค์ทุกสิ่งก็เป็นไปได้

ไม่ว่าคนไร้ค่าในความคิดของผู้อ่านจะกําลังนึกถึงใครอยู่ก็ตาม อาจเป็นนักเรียนเกเรคนหนึ่ง นักโทษอุกฉกรรจ์ต้องโทษร้ายแรง คนล้มละลาย หรือแม้แต่กําาลังนึกถึงตัวเอง ผมขอบอกความจริงแก่ท่านว่า ไม่มีสักคนเดียวที่เล็กน้อยจนพระเจ้าไม่สังเกตเห็น ในสายพระเนตรของพระองค์เรามีค่าอยู่เสมอ และพระองค์มีความหวังใจในเราเสมอ และพระองค์จะทรงเยี่ยมเยียนคุณเป็นการเฉพาะ ขอเพียงในส่วนลึกของหัวใจของท่านร้องเรียกหาพระองค์ ขอให้เรามั่นใจเถิดว่าทุกคนที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และเปลี่ยนแปลงได้อย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ขอพระเจ้าอวยพรครับ

  • อาจารย์วิทยา วุฒิไกรเกรียง
  • ภาพ Sitthiphong – Freepik.com