เรื่องน่าชื่นใจของเด็กวัยใส
“ชีวิตที่อยู่เพื่อผู้อื่นเท่านั้นที่ควรคู่ต่อการดำรงอยู่!” (Only a life lived for others is worth living.) -อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์-(1879-1955)-
1
ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งของรัฐอินเดียนา สหรัฐอเมริกา มีเด็กชายอายุ 15 ปีคนหนึ่ง ชื่อไบรอัน ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง! เขาต้องเข้ารับการบำบัดรักษาโดยใช้การฉายรังสีและทำคีโม ผลของกระบวนการบำบัดรักษาทำให้ผมของเด็กชายวัยใสคนนี้ร่วงจนหมดศีรษะของเขา หากใครเป็นเด็กวัยเดียวกันคงจะพอรู้นะว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร? นั่นคือเขาอายแทบตาย! แต่สิ่งที่น่าประทับใจก็คือ เพื่อนๆ ในชั้นเรียนของเขาได้ร่วมกันกระทำสิ่งหนึ่งที่แม้แต่บรรดาพวกผู้ใหญ่ยังรู้สึกตื้นตัน นั่นคือ บรรดาเด็กผู้ชายในชั้นเรียนของไบรอัน ต่างกลับไปถามคุณแม่ของพวกเขาว่า …
“แม่ครับ ผมจะขออนุญาตโกนผมบนศีรษะได้ไหมครับ?”
คุณแม่ถามว่า “ทำไม?”
พวกเด็กชายวัยใสเหล่านี้ตอบคุณแม่ว่า …
“เพื่อว่า ไบรอันจะได้ไม่เป็นเด็กหัวโล้นคนเดียวในโรงเรียนครับ!”
ช่างน่าประทับใจที่ในวันต่อมา หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเมืองนั้น มีภาพบรรดาคุณแม่ทั้งหลายกำลังโกนผมให้กับลูกชายของพวกเธอ โดยมีสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวช่วยกันส่งเสียงเชียร์อย่างเต็มที่!
เด็กวัยใสอย่างนี้ช่างทำให้โลกนี้ดูสดใสขึ้นมาในทันทีเลยใช่ไหมครับ?
2
ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง
มาร์ค กำลังเดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน! ระหว่างทางเขามองเห็นเด็กวัยใสวัยใกล้เคียงกับเขาเดินสะดุด ทำให้หนังสือที่หอบมาด้วยตกลงกับพื้นพร้อมกับเสื้อหนาว 2 ตัว ถุงมือและเครื่องอัดเทปเล็ก ๆ เครื่องหนึ่ง มาร์ค รีบตรงเข้าไปและคุกเข่าลงช่วยเด็กชายคนนั้นเก็บข้าวของที่ตกกระจายเหล่านั้นในทันที! หลังจากที่ได้พูดคุยถามไถ่กันก็พบว่า ทั้ง 2 กำลังจะเดินกลับบ้านไปในทิศทางเดียวกัน มาร์คก็เลยช่วยเขาถือของและเดินไปด้วยกัน
ต่อมามาร์คจึงได้รู้ว่า เด็กคนนั้นมีชื่อว่า บิล และรู้ว่าเขาชอบเล่นเกมอะไร ชอบวิชาอะไร และไม่ชอบวิชาใด และยังรู้อีกว่า บิล กำลังมีปัญหาอย่างมากเกี่ยวกับการเรียนในวิชาที่เขาไม่ชอบ แถมเขายังเพิ่งเลิกกับแฟนมาหยกๆ และหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ทั้งมาร์คและบิล ก็กลายมาเป็นเพื่อนกัน! หลังจากที่ทั้งคู่เรียนจบจากโรงเรียนมัธยมต้น พวกเขาก็ไปเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนมัธยมปลายแห่งเดียวกันอีก แต่ก็ไม่ค่อยได้คลุกคลีติดต่อกันอีกในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านไป จนกระทั่งมาถึงปีสุดท้ายของการเรียนและเหลือเวลาเพียง 3 สัปดาห์ก่อนพิธีจบการศึกษา!
บิล ขอพูดคุยกับมาร์ค เป็นส่วนตัว และพูดขึ้นว่า…
“มาร์ค นายยังจำได้ไหม ถึงวันนั้นที่เราพบกันเป็นครั้งแรก?”
“จำได้สิ! นายถามทำไม?” มาร์ค ถามกลับ
“…มาร์ค นายเคยสงสัยไหมว่า ทำไมวันนั้นฉันจึงถือของเยอะแยะกลับบ้าน?” บิลถามอีก ขณะที่มาร์คยังไม่ทันตอบ บิลก็พูดต่อไปว่า …
“…นายรู้ไหมว่า วันนั้นฉันเก็บข้าวของ แถมยังทำความสะอาดล็อคเกอร์ซะเรียบร้อย เพราะว่าฉันไม่อยากทิ้งของของฉันไว้ให้เป็นภาระของคนอื่น …
วันนั้น ฉันเก็บยานอนหลับของแม่ไว้ และตั้งใจจะกลับไปฆ่าตัวตายที่บ้าน แต่หลังจากที่ฉันได้พบนาย และเราได้พูดคุยกัน และหัวเราะด้วยกัน ฉันก็เลยได้คิดขึ้นมาว่า ถ้าฉันฆ่าตัวตาย ฉันก็คงจะพลาดเวลาที่ดี ๆ อย่างนั้นซึ่งมีอยู่อีกตั้งมากมายไป!
…มาร์ค นายเห็นแล้วใช่ไหมว่า วันนั้นที่นายช่วยฉันเก็บหนังสือและข้าวของ นายไม่ได้แค่หยิบหนังสือของฉันขึ้นมา แต่นายได้หยิบชีวิตของฉันขึ้นมาด้วย!”
เป็นไงครับคุณผู้อ่าน? อ่านแล้ว ฟังแล้วรู้สึกซึ้งบ้างไหมครับ?
ผมชอบทั้ง 2 เรื่องข้างตนนี้มาก เพราะว่ามันช่วยเตือนเราให้สำนึกไว้เสมอว่า เด็กในวัยใสนั้นพวกเขามีความคิดอ่านเป็นของตัวเขาเอง!
หากพวกเขาคิดในทางดี ก็จะเกิดมีพลังขับเคลื่อนที่มีคุณค่ามหาศาล!
พวกเขาจึงควรได้รับการปลูกฝังให้มองโลกในเชิงบวก ไม่ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับความยากลำบากหรือสถานการณ์ที่เลวร้ายสักปานใดก็ตาม!
พวกชาววัยใสทุกคนควรได้รับการกระตุ้นและท้าทายอยู่เสมอว่า …
มีอนาคตอันสดใสรอคอยพวกเขาอยู่เบื้องหน้า บนเส้นทางที่ยังอยู่อีกยาวไกลที่เขาสามารถจะรื่นรมย์กับชีวิตได้นับตั้งแต่ ณ บัดนี้เป็นต้นไป!
ดังนั้น หากว่าคุณเป็นคนในวัยใส จงดูตัวอย่างที่ดีในอุทาหรณ์ข้างต้นนี้ และจงเป็นคนวัยใสที่มีความสุขกับสิ่งที่คุณมีและที่คุณเป็น จากนั้นคุณจงช่วยคนอื่นที่กำลังย่ำแย่กับชีวิตให้พวกเขามีกำลังใจและก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง! จะดีไหมครับ?
- ศาสนาจารย์ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
- ภาพ Freepik.com